Newcastle University Business School มหาวิทยาลัยที่ใช่กับคอร์สเรียนที่ชอบ

  • Share this:

สวัสดีค่ะพี่ๆน้องๆทุกคน พี่ชื่อ จิ๊บ นะคะ ตอนนี้พี่เรียนอยู่ที่ ‘Newcastle University Business School’ ที่เมือง Newcastle Upon Tyne ประเทศอังกฤษคะ (เมืองนี้คือภาคอีสานของประเทศนะคะ อยู่ใกล้ๆ กับ Scotland คะ) พี่เรียนอยู่คณะ MSc International Marketing ค่ะ วันนี้พี่จิ๊บจะพาน้องๆ มาสำรวจ King’s Gate ของมหาวิทยาลัย Newcaslte กันนะคะ

ส่วนภาพด้านล่างนี้คือ มุมยอดฮิตของเด็กนักเรียนที่มาเรียนที่ มหาวิทยาลัย Newcastle เป็นเสมือนจุดเช็คอินก็ว่าได้ มันคือ Newcastle University’s Arches

ตามหามหาวิทยาลัย

ก่อนที่จะเริ่มแชร์ประสบการณ์เกี่ยวกับเรื่องเรียน ขอแชร์เรื่องตัวเองนิดนึงเนอะ พี่จบ International Business จาก Mahidol University International College (MUIC) แล้วก็เข้าทำงานที่ Thai Samsung Electronic ในตำแหน่ง Trade marketing ของแผนกโทรศัพท์มือถือและแท๊ปเลต ทำงานมา 4 ปีก็เริ่มรู้สึกว่าแก่แล้ว น่าจะต้องเรียนปริญญาโทได้แล้ว พี่ก็เริ่มหาข้อมูลมหาวิทยาลัยในประเทศไทย ว่ามีคณะอะไรบ้าง เราเองสนใจสาขาไหนบ้าง แล้วก็เริ่มสอบวัดผลต่างๆ ที่แต่ละมหาวิทยาลัยระบุไว้เพื่อใช้ในการสมัครสอบ แต่ทำไปทำมาผลสอบที่ได้มากลับไม่ได้ใช้เลย เพราะพี่เปลี่ยนใจมาเรียนที่ประเทศอังกฤษแทน

พี่ขอเริ่มแชร์ประสบการณ์ต่างๆ เกี่ยวกับ การตัดสินใจมาเรียนที่ประเทศอังกฤษเลยเนอะ แรกเริ่มเดิมทีเลย พี่ไม่ได้มีความตั้งใจจะมาเรียนที่เมืองนอกเลย เพราะพี่ไม่อยากอยู่ไกลพ่อแม่ พี่กับครอบครัวตัวติดกันตลอด ไม่เคยคิดเลยว่าวันนึงจะต้องอยู่ไกลกันเป็นปีๆ อย่างที่บอกไปตอนต้นว่า พี่สอบวัดผลของมหาวิทยาลัยต่างๆ ของที่ไทยไปเกือบหมด แต่ว่าวันนี้ก็มาถึง วันที่ชีวิตเรามีโอกาสได้มาใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศคนเดียว จุดเริ่มต้นของการเดินทางครั้งนี้คือ พี่ได้มีโอกาสเข้าร่วมงานที่ British Council จัดขึ้น ครั้งนั้นจัดขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ 2559 ที่ Siam Paragon ใน Paragon Hall ก้าวแรกที่พี่ก้าวเข้าไปในงาน ก็พบกับชาวต่างชาติมากหน้าหลายตา จากหลากหลายมหาวิทยาลัย

Newcastleพี่ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่า อะไรดลใจให้พี่เดินเข้าไปคุยกับ Newcastle University เป็นที่แรก Staff ของที่นี่ อธิบายพี่เรื่องการเรียนการสอน ชีวิตความเป็นอยู่ รวมไปถึงค่าใช้จ่ายโดยคร่าวๆ ทั้งหมดที่ต้องใช้ในการมาเรียน ณ ประเทศอังกฤษ หลังจากที่คุยกันสักพัก พี่ก็เริ่มมีความสนใจที่จะมาเรียนที่ประเทศนี้ จากมหาวิทยาลัยนี้ พี่ก็เดินไปสอบถามข้อมูลมหาวิทยาลัยอื่นๆ เช่น Leeds University และ Sheffield University  

หลังจากที่สอบถามข้อมูลเรียบร้อย ทางมหาลัยก็ได้ให้ของที่ระลึกมาด้วย

นอกจากการให้ข้อมูลโดย staff ของแต่มหาวิทยาลัยแล้ว ภายในงานยังมีการจัดสอบสัมภาษณ์การสอบ IELTS ฟรีอีกด้วย ซึ่งเรื่องของฟรี พี่ไม่มีพลาดอยู่แล้วอย่างแน่นอน สิ่งที่ต้องทำก่อนการได้ทดสอบก็คือ ลงทะเบียนกับ staff ที่หน้าบู้ท แล้วก็มาตามเวลาที่นัดหมาย พอถึงเวลา อาจารย์จะเริ่มสัมภาษณ์เราแบบที่จะเกิดขึ้นกับทุกคนที่ไปสอบ IELTS จากนั้นอาจารย์ก็จะ Feedback เราคร่าวๆ ว่าสิ่งที่เราควรแก้ไขคืออะไร หรือ อะไรที่เราทำดีอยู่แล้ว และควรทำต่อไป แต่อาจารย์เค้าจะไม่มีสิทธิ์ให้คะแนนเราจริงๆ  หลังจากเหตุการณ์วันนั้น พี่ก็เริ่มฮึกเหิมที่จะไปเรียนต่างประเทศ พี่เริ่มทำการหาข้อมูลว่าสรุปตัวเองอยากเรียนประเทศอะไร อยากเรียนคณะไหน แต่ละคณะแต่ละมหาวิทยาลัยต้องการอะไรในการสมัครบ้าง ที่ไหนมีทุนบ้าง ที่ไหนค่าเทอมเท่าไหร่ เมืองไหนเป็นเมืองที่น่าอยู่สำหรับคนที่ไม่เคยอยู่เมืองนอกคนเดียว โอ้โห ข้อมูลมหาศาลขนาดนี้จะเอาเวลาที่ไหนหาได้ทั้งหมด ไหนจะทำงาน ไหนจะรีบสอบ IELTS เพื่อรีบยื่นอีก พี่ก็เปลี่ยนจากการหาข้อมูลมหาวิทยาลัยเป็นการหาข้อมูลตัวแทนที่ช่วยเหลือเรื่องร้อยแปดที่กล่าวไปเมื่อกี้ วิธีการที่พี่หาตัวแทนคือ พี่เข้าไปอ่านตามพันทิพ ที่น้องๆ แต่ละคนมาแชร์ มาคอมเม้นกัน

 

อ่านไปเรื่อยๆ ก็เจอ Hands on นี่แหละ พี่ตัดสินใจเลือกที่นี่เพราะพี่ๆ เค้าดูมีประสบการณ์ในการส่งเด็กนักเรียนไปต่างประเทศ แถมมีสาขาใกล้บ้านพี่ด้วย คือ สาขาพระราม 2 อยู่ติดกับ รพ.นครธนเลย สะดวกสุดๆ มากไปกว่านั้น บริการฟรีด้วย ถูกใจจริงๆ หลังจากที่เลือกตัวแทนเรียบร้อย พี่ก็โทรไปนัดวันที่จะเข้าไปปรึกษาเรื่องเรียนต่อ

3

พี่คนที่ดูแลพี่ชื่อ พี่อ๊อตโต้ พี่เค้าใจดีมาก ตอบคำถามพี่ทุกคำถามเลย นอกจากจะตอบคำถามแล้วพี่เค้ายังเสนอสิ่งต่างๆ ให้เราอีกด้วย เราเริ่มต้นร่วมกันหาทางให้พี่ได้มาเรียนที่นี่ด้วยการ เลือกมหาวิทยาลัยและคณะให้ตรงตามที่ต้องการ พี่เค้าก็จะถามเราว่าสนใจคณะอะไร หรือ มหาวิทยาลัยไหนเป็นพิเศษมั้ย จากนั้นพี่เค้าก็จะส่งรายชื่อมาให้เรา พร้อมกับบอกเราด้วยว่า มหาวิทยาลัย ไหนมีคณะที่สอนวิชาที่เราต้องการ ซึ่งสิ่งนี้ช่วยชีวิตพี่มากๆ เลย พี่ไม่ต้องนั่งงม Google ทีละมหาวิทยาลัย หลังจากที่เราเลือกมหาวิทยาลัย ได้แล้ว พี่เค้าก็จะแนะนำความแตกต่างระหว่างแต่ละเมือง ค่าครองชีพและนิสัยคนท้องถิ่น หรือ การกินอยู่ในแต่ละเมือง เพื่อเป็นตัวช่วยในการตัดสินใจขั้นต่อไป สิ่งที่พี่อยากแนะนำน้องๆ คือ เราควรมีสาขาวิชาในใจก่อนว่าอยากเรียนต่อเรื่องอะไร หรือ บางคน อาจจะมีเมืองในใจว่าอยากอยู่เมืองอะไรในประเทศอังกฤษ เพื่อที่จะให้พี่ๆ ที่ Hands on จะได้ทำการบ้านมาให้พวกเราได้ถูกใจมากขึ้น หลังจากที่ตกลงกันเรียบร้อยว่าจะสมัครที่ไหน พี่เค้าก็จะส่งข้อมูลว่าต้องการเอกสารหลักฐานอะไรบ้างในการสมัคร โดยส่วนใหญ่มหาวิทยาลัยในประเทศอังกฤษตอนนี้ต้องการ IELTS UKVI มากกว่า IELTS ปกติ ซึ่งความต่างของ 2 ตัวนี้ เรื่องแรกคือเรื่องราคา ราคาของ IELTS UKVI แพงกว่า IELTS ปกติ ถึงเกือบเท่าตัว

 

4เรื่องถัดมาคือเรื่องข้อดีของ IELTS UKVI ถ้าน้องๆสอบแล้วมี part นึงไม่ผ่านเกณฑ์ที่ทางมหาวิทยาลัยต้องการ น้องๆ ยังมีสิทธิ์ได้เข้าเรียน โดยที่เราต้องเรียน course ปรับพื้นฐานภาษาก่อน โดยมีแบบ 6 สัปดาห์ ถึง 10 สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับคะแนนในแต่ละ Part ที่เราทำได้ แต่ถ้าน้องๆ สอบแบบ IETLS ปกติ แล้วคะแนนไม่ถึงเกณฑ์ น้องๆ จะไม่มีสิทธิ์ใช้คะแนนนั้นในการยื่นสมัครเรียนเลย กลับมาเรื่องการสมัครเรียนกันต่อดีกว่า นอกจาก IELTS ที่ทางมหาวิทยาลัยต้องการแล้ว ก็มี Statement of Purpose (SoP) มันคือ Essay ที่เป็นตัวบอกกับทางการมหาวิทยาลัยว่าทำไมเราถึงต้องการจะเรียนมหาวิทยาลัยนี้ และ คณะนี้ ตอนนั้นพี่งงหนักมากว่าควรเขียนยังไงให้เค้ารับเราเข้าเรียนดี โชคดีมากที่ Hands on มีบริการเรื่องนี้ด้วย พี่เค้าแนะนำวิธีการเขียนว่า pattern ควรเป็นอย่างไร การแนะนำตัวเอง และการเล่าประสบการณ์การทำงาน ต้องลำดับอย่างไร มากไปกว่านั้นคือมีการบริการตรวจเช็คฟรี! จากเจ้าของภาษาทั้งเรื่อง เนื้อหาและ Grammar อีกด้วย หลังจากที่พี่ได้คะแนนสอบ IELTS UKVI และ SoP ที่สวยหรูมาแล้ว พี่เค้าก็เริ่มดำเนินการกรอกใบสมัครออนไลน์ให้ สบายสุดๆไปเลย J หลังจากที่ได้รับการตอบรับจากมหาวิทยาลัย พี่เค้าก็ยื่นโอกาสอันดีงามมาให้นั่นก็คือ ทุนการศึกษาจากมหาวิทยาลัยที่พี่สมัคร พี่โชคดีมากที่พี่เค้าแนะนำให้ เพราะมันทำให้พี่ประหยัดค่าเทอมไปได้ถึง 30% หลายๆ มหาวิทยาลัยที่ประเทศนี้เค้ามีทุนให้นะ ซึ่งการชิงทุนเค้าปิดรับเร็วมาก ถ้าเราพลาดคือหมดโอกาสเลย นี่คืออีกหนึ่งข้อที่พี่คิดว่าตัดสินใจไม่ผิดที่เลือก Hands on ไม่งั้นพี่ก็คงไม่ได้ทุน เพราะสมัครไม่ทัน หลังจากจบเรื่องการสมัครเรียน ก็มาถึงเรื่องสมัครขอวีซ่า แม่เจ้า เอกสารจะเยอะไปไหน ถ้าต้องเตรียมเอง กรอกใบสมัครเอง แย่แน่ๆ Hands on ทำให้หมดทุกอย่างเลยจ้า สบายแถมหายห่วงด้วย เพราะพี่เค้าส่งนักเรียนไปตั้งหลายคน เพราะฉะนั้นยังไงเราก็ผ่านชัวร์ๆ 555+ อ้อ! ลืมบอกไป วันแรกที่เจอพี่อ๊อตโต้ นอกจากพี่เค้าจะแนะนำเรื่องมหาวิทยาลัยแล้ว ก็มีเรื่องการขอวีซ่าด้วย พี่เค้าบอกให้เราเอาเงินเข้าบัญชีตัวเองให้ครอบคลุมกับค่าเทอม ค่าที่พัก และ ค่ากินอยู่ ไว้แต่เนิ่นๆ เพื่อที่ตอนขอวีซ่าจะได้มีเงินในบัญชีเพียงพอ

5

ภาพตึก Trendy Plaza ซึ่งคือตึกที่น้องๆต้องไปทำการยื่นขอ และ รับ Visa Tier 4 สำหรับเพื่อมาเรียนที่ประเทศอังกฤษคะ *ไม่ต้องห่วงนะคะ พี่ๆ Hands on จะช่วยทั้งเตรียมเอกสาร นัดวันยื่นเอกสาร พร้อมทั้งมีแผนที่ไปตึกให้เราด้วย

นอกเหนือจากการช่วยเรื่องหาที่เรียน เรื่องขอวีซ่า ก็ยังช่วยเรื่องหารที่พักให้ด้วย พี่เค้าส่งรายชื่อทั้งหอใน และ หอนอกมาให้เราเลือกสรรอย่างสบายใจ  พร้อมคำแนะนำว่าแต่ละหอเป็นยังไงด้วย หลังจากที่กระบวนการต่างๆ เสร็จสิ้น ได้ทั้งที่เรียน หอ และ ที่พัก ก่อนเดินทางประมาณ 1 เดือน Hands on ก็จัดสัมมนาเล็กๆ เรื่อง Pre Departure มีประโยชน์สุดๆ ไปเลย มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับการเตรียมตัว เตรียมข้าวของก่อนที่จะเดินทางมาท่องโลก เรื่องที่พี่เค้าแนะนำก็จะมี สิ่งของที่ควรเตรียมมาหรือไม่ควรนำมา เงินที่ควรพกไม่ควรเกิน GBP8000 เพราะจะได้ไม่ต้อง Declare ต่อเจ้าหน้าที่ เอกสารที่ควรนำขึ้นเครื่องติดตัวไปด้วย รวมถึงมี TIPS เล็กๆ ที่เรามองข้ามมาแชร์ให้ฟังจากประสบการณ์ตรงของพี่ๆ เช่น การเตรียมเสื้อผ้า การขึ้นรถบัส การซื้ออาหาร รวมไปถึง การเดินทางต่างเมือง เป็นต้น

หวังว่าบล๊อคนี้คงช่วยเป็นไอเดียเล็กๆ สำหรับน้องๆ ที่สนใจไปเรียนต่ออังกฤษ โดยเฉพาะเรื่องการเตรียมตัวเนอะ หรือง่ายกว่านั้นแบบที่พี่ทำ คือเดินเข้ามาหา Hands On ค่ะ

 

 

Hands On Education Consultants  ขอแนะนำกิจกรรมดีๆ เพื่อการเรียนต่อ UK เช่น การเขียน SoP, ทดลองสอบ IELTS หรือการสัมภาษณ์โดยตรงกับตัวแทนมหาวิทยาลัย ซึ่งสามารถดูกิจกรรมของเราเพิ่มเติมได้ที่ upcoming events หรือหากมีคำถามเรื่องการเรียนต่อ UK ติดต่อ Hands On ได้ทุกสาขา ทางทีมงานยินดีให้คำปรึกษาโดยไม่มีค่าใช้จ่ายค่ะ 

Hands On Education Consultants ตัวแทนมหาวิทยาลัยชั้นนำจาก UK อย่างเป็นทางการมากกว่า 100 สถาบัน มีประสบการณ์การทำงานมากกว่า 10 ปี  ให้คำปรึกษาเรื่องการเรียนต่อ UK โดยมีนักเรียนให้ความไว้วางใจใช้บริการมากเป็นอันดับ 1 ความคิดเห็นจากนักเรียนที่เคยใช้บริการ Hands On

Enquiry Form

Please provide the following information and we will aim to respond within 48 hours:

Your details
Please enter your first name.
Please enter your last name.
Please enter a valid email address.
Please enter your phone number.
Please select a country you want to study.
Please select a year you want to study.
Please select your preferred branch.

* All fields required (in English)

  • Share this: