Hands On Education Consultants

เผย 10 เมืองที่ได้รับการโหวตว่าเมืองน่าเรียนที่สุดใน USA

วันนี้เราจะพาทุกคนไปดูเมืองที่ได้รับการโหวตว่าน่าเรียนที่สุดใน USA กันนะคะ ซึ่งผลโหวตนี้อ้างอิงจาก QS Best Student Cities ปี 2017 ก็อย่างที่รู้กันเนอะว่าประเทศอเมริกาเป็นหนึ่งในประเทศอันดับต้นๆ ที่นักเรียนไทยรวมถึงนักเรียนจากนานาประเทศเลือกไปเรียนมากที่สุดในโลก เรามาดูกันเลยดีกว่าว่าเมืองไหนบ้างที่นักเรียนโหวตว่าน่าเรียนที่สุด

1. Boston, Massachusetts

เมืองที่ขึ้นแท่นอันดับ 1 ก็คือ บอสตัน เมืองหลวงของรัฐแมสซาชูเซตส์ (Massachusetts) ค่ะ เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในเขตนิวอิงแลนด์ ซึ่งบอสตันเป็นหนึ่งในเมืองเก่าแก่และมั่งคั่งที่สุดในประเทศอเมริกา เมืองนี้ได้ชื่อว่าเป็นศูนย์กลางศึกษาที่สำคัญแห่งหนึ่งในอเมริกา เชื่อมั้ยว่าบอสตันมีนักเรียนที่เก่งที่สุดและนักวิชาการที่ดีที่สุดในโลก เพราะเมืองนี้เป็นที่ตั้งมหาวิทยาลัยอันโด่งดังอย่าง  Massachusetts Institute of Technology (MIT) และ Harvard University นั่นเอง นอกจากจะเด่นในด้านมหาวิทยาลัยแล้ว บอสตันเองยังเป็นเมืองแห่งศิลปะและวัฒนธรรม โดยเฉพาะดนตรีร่วมสมัย (contemporary classical music) ด้วยค่ะ

มหาวิทยาลัยที่ Hands On เป็นตัวแทนใน Boston ได้แก่ Northeastern University และ University of Massachusetts Boston


2. New York

New York City ได้ชื่อว่าเป็น “The City That Never Sleeps” หรือเมืองที่ไม่เคยหลับไหล หรือในบางครั้งเค้าเรียกกันว่า “Capital of the World” หรือเมืองหลวงของโลก เพราะเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในประเทศอเมริกา มองไปทางไหนก็เห็นตึกสูงระฟ้ามากมายจนกลายเอกลักษณ์ของเมืองนี้ นิวยอร์คซิตี้เป็นศูนย์กลางของธุรกิจสำคัญด้านการเงิน การธนาคาร และการสื่อสาร รวมไปถึงตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ค ซึ่งตั้งอยู่บน Wall Street ส่วน landmark ของเมืองนี้ที่ใครเห็นก็ต้องร้องอ๋อ คือ ‘เทพีเสรีภาพ’ หนึ่งในมรดกโลกที่ตั้งเด่นอยู่ที่เกาะลิเบอร์ตี้ อ่าวนิวยอร์ค จุดเด่นอื่นๆ ของเมืองนี้ก็ยังมี  Times Square, Central Park, น้ำตก Niagara และ Grand Central Terminal ค่ะ มาถึงเรื่องมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงของนิวยอร์คกันบ้าง ที่ New York มีวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยมากกว่า 200 แห่ง

มหาวิทยาลัยที่ Hands On เป็นตัวแทนใน New York ได้แก่ Pace University และ The City College of New York


3. San Francisco, California

“ซานฟรานซิสโก” หนึ่งในเมืองสัญลักษณ์ของอเมริกาและเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงก้องโลกอย่าง Stanford University และ The University of California, Berkeley เมืองซานฟรานซิสโกเป็นหนึ่งในศูนย์กลางการเงินชั้นนำของโลกกว่า 10 แห่ง โดยเฉพาะที่ San Francisco Bay ที่เป็นแหล่งรวมบริษัทชั้นนำทางด้านนวัตนกรรมและเทคโนโลยีนับ 100 แห่ง ส่วน landmark ที่สำคัญของเมืองนี้ คือ สะพานโกลเดนเกต (Golden Gate Bridge) สะพานแขวนสีแดงแจ๊ด หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกคต้องมาเยือน และเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์สำคัญของอเมริกาไปโดยปริยาย

 

4.Chicago, Illinois

“ชิคาโก” เมืองที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของอเมริกา และเป็นเมืองที่ได้รับสมญานาม “The Windy City” หรือเมืองแห่งลม หลายคนอาจจะงงว่าชื่อนี้ได้มายังไง หรือเป็นเพราะมีลมพัดแรงที่สุดเหรอ ไม่ใช่ค่ะ ที่จริงแล้วชื่อนี้มันมาจากนักข่าวที่เขียนล้อเลียนนักการเมืองของชิคาโกในปี 1856  ซึ่งพูดจากลับกลอกไปมาเหมือนลมนั่นเองค่ะ แต่ใครจะรู้ว่า Chicago เนี่ยพัฒนาจากเมืองทุ่งนาจนกลายมาเป็นหนึ่งในเมืองศูนย์กลางความเจริญทางด้านการเงิน การคมนาคม และวัฒนธรรมของโลกอย่างที่เห็นกันในปัจจุบัน เมืองชิคาโกมีมหาวิทยาลัยดังในด้านการวิจัย ได้แก่  Northwestern University, University of Chicago และ The University of Illinois at Chicago ส่วน landmark ที่สำคัญของเมืองชิคาโก อาทิ  Millennium Park, Navy Pier, The Magnificent Mile, Art Institute of Chicago, Museum Campus, The Willis (Sears) Tower, Museum of Science and Industry และ Lincoln Park Zoo นอกจากนี้ เมือง Chicago ยังเป็นเมืองแห่งทัศน์ศิลป์ นวนิยาย ภาพยนตร์ และดนตรี Jazz, Blue และ Hip Hop อีกด้วยค่ะ

มหาวิทยาลัยที่ Hands On เป็นตัวแทนใน Chicago ได้แก่ DeVry University, Roosevelt University และ University of Illinois at Chicago

 

5. Los Angeles, California

Los Angeles หรือเรียกกันสั้นๆ ว่า L.A. เมืองนี้มีความหมายว่า “เมืองแห่งฑูตสวรรค์ (City of Angels)” ที่มาจากภาษาสเปนค่ะ ลอสแอนเจลลิสเป็นเมืองที่มีประชากรมากที่สุดเป็นอันดับ 2 รองจาก New York City และเป็นเมืองศูนย์กลางทางด้านเศรษฐกิจ วัฒนธรรม และการบันเทิง เรียกว่าครบครันในทุกเรื่อง ถ้าไปเมืองนี้ทุกคนจะเห็นป้ายอันโตๆ เขียนว่า Hollywood ใช่แล้วค่ะ เมืองนี้เป็นที่ตั้งของฮอลลีวูด และเป็นปลายทางของถนนสายประวัติศาสตร์ Route 66 นอกจากนี้ Los Angeles ยังเคยเป็นเจ้าภาพจัดงานโอลิมปิกมาถึง 2 ครั้ง ในปี 1932, 1984 และจะจัดอีกครั้งในปี 2024 ด้วยค่ะ

มหาวิทยาลัยที่ Hands On เป็นตัวแทนใน Los Angeles ได้แก่ University of Southern California

 

6. Washington D.C.

‘วอชิงตัน ดีซี’ เมืองหลวงของสหรัฐอเมริกา และเป็นเมืองใจกลางสำคัญทางด้านประวัติศาสตร์และการเมืองของอเมริกา เพราะเป็นที่ตั้งของทำเนียบขาว (White House), Supreme Court และอนุสรณ์สถานแห่งชาติต่างๆ สำหรับมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงของเมืองนี้ อาทิ  American University, The Catholic University of America Georgetown University, George และ Washington University เป็นต้น นอกจากนี้ Washington D.C. ยังมีชื่อเสียงทางด้านการวิจัยทางการแพทย์ โดยมีสถาบันวิจัย เช่น Washington Hospital Center, The Children’s National Medical Center, National Institutes of Health in Bethesda, Maryland และมีมหาวิทยาลัยแพทย์ถึง 3 แห่งที่ George Washington, Georgetown และ Howard University

มหาวิทยาลัยที่ Hands On เป็นตัวแทนใน Washington D.C. ได้แก่ American University

 

7. Philadelphia

‘ฟิลาเดลเฟีย’ หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า Philly ซึ่งในภาษากรีกแปลว่าเมืองแห่งความรัก เมืองนี้เคยเป็นเมืองหลวงแห่งแรกของอเมริกา และยังเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในรัฐเพนซิลเวเนียด้วย เมือง Philadelphia มีมหาวิทยาลัยและวิทยาลัยมากมายทำให้เมืองนี้เป็นเมืองแห่งการศึกษาอันดับต้นๆ สำหรับนักเรียนต่างชาติ ส่วนมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงของเมืองนี้ ได้แก่ University of Pennsylvania  และ Drexel University เมืองฟิลาเดลเฟียเป็นเมืองต้นกำเนิดนาวิกโยธินของสหรัฐอเมริกา (United States Marine Corps) และ ยังเป็นเมืองต้นกำเนิดของสิ่งสำคัญหลายอย่างของอเมริกา ไม่ว่าจะเป็นห้องสมุดแห่งแรกในปี 1731, โรงพยาบาลแห่งแรกในปี 1751, มหาวิทยาลัยแพทย์แห่งแรกในปี 1765 และเป็นเมืองหลวงแห่งแรกในปี 1777 เป็นต้น  ที่สำคัญฟิลาเดลเฟียนั้นเป็นเมืองมรดกโลกแห่งเดียวเท่านั้นของสหรัฐอเมริกาค่ะ

 

8. Pittsburgh

‘พิตต์สเบิร์ก’ เมืองที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของรัฐเพนซิลเวเนีย เมืองนี้เคยเป็นเมืองสำคัญในการผลิตเหล็กกล้า แต่ในปัจจุบันเมืองนี้ได้มีความก้าวหน้าในด้านการศึกษา สุขภาพ เทคโนโลยี และหุ่นยนต์ และเป็นศูนย์กลางเขตในด้าน Leadership in Energy and Environmental Design ด้วย เมือง Pittsburgh มีวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยมากกว่า 68 แห่ง มหาวิทยาลัยที่สำคัญได้แก่  Carnegie Mellon University, The University of Pittsburgh และ Duquesne University นอกจากนี้ พิตต์สเบิร์กยังติดอันดับต้นๆ ของ “Eleven most livable cities in the world” โดย The Economist’s Global Livability Ranking ด้วย

 

9. Atlanta, Georgia


“แอตแลนต้า” เมืองหลวงและเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของรัฐจอร์เจีย และมีชื่อเล่นว่า “City in a Forest” เพราะเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยต้นไม้เขียวขจีครอบคลุมพื้นที่ถึง 36% ซึ่งเป็นจำนวนที่มากที่สุดเมื่อเทียบกับเมืองสำคัญๆ ในอเมริกา และได้ชื่อว่าเป็น “Place of a Lifetime” โดย  National Geographic เรียกได้ว่าเป็นเมืองที่น่าอยู่และใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขแน่นอน เมือง Atlanta เป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่ทางธุรกิจสำคัญระดับสากลหลายแห่ง อาทิ Coca-Cola, Delta Airlines, UPS และ AT&T Mobility เป็นต้น ส่วนมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงในเมืองนี้ ได้แก่ The Georgia Institute of Technology หรือ Georgia Tech, Georgia State University, University of Georgia และ  Emory University นอกจากนี้ แอตแลนตาเคยเป็นสถานที่จัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก 1996 ด้วย

 

10. Baltimore

“บอลทิมอร์” เป็นเมืองอิสระและเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในรัฐแมริแลนด์ ตั้งอยู่ในอ่าว Chesapeake ใกล้มหาสมุทรแอตแลนติก  เมือง Baltimore เคยเป็นเมืองท่าและเมืองอุตสาหกรรมที่สำคัญของอเมริกา แต่ในปัจจุบันกลายเป็นเมืองศูนย์กลางการผลิตและการค้าที่ใหญ่แห่งหนึ่งในรัฐแมริแลนด์ ส่วนท่าเรือที่สำคัญอย่าง ท่าเรืออินเนอร์ฮาร์เบอร์ ก็ได้กลายเป็นศูนย์รวมศิลปะและวัฒนธรรม รวมถึงยังมีวิวและบรรยากาศที่คนนิยมมาถ่ายรูปกันมากที่สุดของเมือง ส่วนตัวเมืองเองก็ได้ฉายาว่าเป็น “Charm City” เมืองแสนน่ารักและมีเสน่ห์ ที่ได้ชื่อนี้ก็เพราะว่าชาวบ้านที่นี่ใจดีและมีความเป็นกันเองมาก และรู้มั้ยว่าเมืองบอลทิมอร์เนี่ยแหละที่เป็นเมืองต้นกำเนิดของเพลงชาติสหรัฐอเมริกา (The Star-Spangled Banner) เลยนะ สำหรับมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงในเมืองนี้ คือ Johns Hopkins University (JHU) ซึ่งมีชื่อเสียงทางด้านการแพทย์ การพยาบาล และสาธารณสุข รวมถึงยังเป็น 1 ในมหาวิทยาลัยแพทย์ที่ดีที่สุดของโลก

 

น้องๆ คนไหนสนใจเรียนต่ออเมริกาหรือเรียนภาษาอังกฤษที่ประเทศอเมริกา สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้กับ “พี่ออฟ” เจ้าหน้าที่ของ Hands On ได้ตามรายละเอียดด้านล่าง หรือ กรอกแบบฟอร์มออนไลน์เพื่อให้เจ้าหน้าที่ติดต่อกลับได้เลยค่ะ ทางเราให้คำปรึกษาฟรีค่ะ

 


 

ติดต่อเจ้าหน้าที่ของเรา

พี่ออฟ 

พี่ออฟเป็นเจ้าหน้าที่แนะแนวศึกษาต่อต่างประเทศโดยเน้นหลักทางสหรัฐอเมริกาและอังกฤษ เป็นระยะเวลา 7 ปี  โดยมีความเชี่ยวชาญเรื่องวีซ่า F1 ปัจจุบัน พี่ออฟเป็น Senior Counselor ด้านการศึกษาต่อสหรัฐอเมริกา ประจำที่ Hands On สาขาสีลม ยินดีให้บริการด้วยความจริงใจ

อีเมล์: khanittha@hands-on.co.th
โทรศัพท์: 02-635-5230 Ext.127
Line ID: handson-aof