Hands On Education Consultants

เช็กข่าวอัปเดต 3 วีซ่านักเรียนออสเตรเลีย ฉบับกันยายน 2023 บริการแพลนเรียนต่อ พร้อมปรึกษาทุกเรื่องวีซ่า เพื่อนักเรียน Hands On เท่านั้น

ในปัจจุบัน สถานการณ์การเรียนต่อที่ประเทศออสเตรเลียได้รับความสนใจจากนักเรียนต่างชาติจากทั่วโลกเป็นอย่างมาก ซึ่งแน่นอนว่ารวมถึงน้อง ๆ นักเรียนไทยด้วย ในปีล่าสุดมีเด็กนักเรียนไทยจำนวนมากตัดสินใจเดินทางไปเรียนต่อ หรือเรียนคอร์สภาษาอังกฤษที่ออสเตรเลีย แต่ด้วยความที่มวลประชากรของนักเรียนไทยในออสเตรเลียเพิ่มขึ้นสูงมาก และมีนักเรียนหลายคนที่เมื่อไปถึงแล้วไม่ได้ปฏิบัติตามกฎเกณฑ์การไปเรียนตามที่ระบุในวีซ่านักเรียน คราวนี้ทางรัฐบาลและหน่วยงานภาครัฐของประเทศออสเตรเลียจึงออกมาตรการตรวจวัดที่เข้มข้นขึ้นสำหรับนักเรียนไทยโดยเฉพาะ

มาเช็กกันให้ครบทุกข้อว่า เงื่อนไขที่เปลี่ยนไปของวีซ่านักเรียนออสเตรเลีย  เป็นอย่างไร? มีเอกสารหรือ ขั้นตอนการเตรียมตัวใด ๆ ที่เพิ่มขึ้นมาบ้าง

อัปเดตเงื่อนไขการขอและต่อวีซ่าที่เข้มงวดขึ้น ต้องเตรียมตัวให้ดียิ่งขึ้น

อัปเดต Post Study Visa ทำงานต่อได้จาก 2 ปี เหลือ 1.5 ปี หลังเรียนจบ

อัปเดตเอกสารการใช้ยื่นขอวีซ่าในปี 2024 เตรียมสอบ GST แทนการส่ง GTE

 

1. อัปเดตเงื่อนไขการขอวีซ่านักเรียนที่มีการคัดกรองอย่างเข้มงวด การเตรียมตัวให้ดีจึงยิ่งสำคัญ

สองเรื่องหลัก ๆ ที่เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญสำหรับผู้ที่ต้องการไปเรียนต่อที่ประเทศออสเตรเลีย ไม่ว่าจะเป็นหลักสูตรใด ๆ ก็ตาม และโดยเฉพาะหลักสูตรภาษาอังกฤษจะมีการตรวจที่เข้มงวดยิ่งขึ้น

  • ต้องแสดงหลักฐานการเงินที่จะไปเรียนต่อปี ในงบค่าใช้จ่ายยอดใหม่ที่สูงขึ้น

ทางสถานทูตออกมาตรการจัดการนักเรียนที่กำลังเตรียมขอวีซ่าด้วยการเพิ่มงบค่าใช้จ่าย ที่ต้องใช้เป็นหลักฐานในการยื่นขอพิจารณาวีซ่า มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 1 ตุลาคมเป็นต้นไป ดังนั้น อัตราค่าใช้จ่ายที่ผู้สมัครเรียนวีซ่าต้องมีคือ 24,505 ดอลลาร์ออสเตรเลีย ต่อปี หรือเป็นมูลค่า 563,615 บาทต่อปี (คำนวณจากอัตราแลกเปลี่ยน 1 AUD = 23 บาท) ซึ่งงบใหม่นี้เป็นการเพิ่มงบจากเดิมถึง 17% เลยทีเดียว จัดว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่ตั้งใจคัดกรองนักศึกษาทั้งด้านการเงินและความพร้อมของผู้ที่ต้องการไปเรียนจริง ๆ

โดยงบค่าใช้จ่ายในเงื่อนไขตรงนี้ก็จะขึ้นอยู่กับระยะเวลาที่ผู้เรียนไปเรียน อย่างเช่น ถ้าต้องการไปเรียนต่อปริญญาตรี 3 ปี นักเรียนจะต้องมีงบค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันติดบัญชีไว้ประมาณ 565,000 บาท x 3 ปี รวมเป็นกว่า 1,695,000 บาท หรือถ้าใครเรียนปริญญาตรี 4 ปี ก็ต้องบวกเพิ่มเข้าไปอีก โดยงบส่วนนี้ยังไม่รวมค่าเทอมการศึกษาค่าเรียน ใครที่สนใจสอบถามขอข้อมูลเพิ่มเติมเรื่องงบที่ต้องมีในบัญชีเป็นหลักฐานการขอวีซ่านักเรียน เรียนต่อปริญญาตรี โท เอก คอร์ส Diploma คอร์ส Certificate หรือคอร์สเรียนภาษาอังกฤษ ปรึกษา Hands On ได้เลย รวมทั้งเรื่องค่าใช้จ่ายของแต่ละที่เรียน ได้ข้อมูลครบได้ทุกเรื่องในที่เดียว

  • ยกเลิก Concurrent enrollment ที่ผู้เรียนจะได้ใบตอบรับเข้าเรียนกับหลายสถาบันพร้อมกัน

นอกจากนั้น ทางสถานทูตยังเตรียมมาตรการจัดการขั้นเด็ดขาดเรื่องระบบ Concurrent enrollment (CoE) จะถูกยกเลิกโดยมีผลทันที กรณีนี้เป็นการออกมาตรการสำหรับป้องกันผู้ที่สมัครไปเรียนกับสถาบันหนึ่งแล้วจะเปลี่ยนที่เรียนไปยังอีกสถาบันหนึ่ง กล่าวคือ ก่อนหน้านี้นักเรียนที่เดินทางไปเรียนภาษาที่ออสเตรเลีย สามารถรับใบ enrollment ได้พร้อมกัน 2 ใบ ทำให้นักเรียนมีตัวเลือกในการไปเรียนได้ แต่ในทางกลับกันบางสถาบันกลับกำหนดเวลาเรียนน้อย ๆ เพื่อให้นักเรียนได้ใช้เวลาไปทำงานมากกว่าเรียน ทำให้มีเคสนักเรียนสมัครไปเรียนกับสถาบันที่ 1 ที่เน้นเรื่องการเรียนการสอน แต่พอไปเรียนได้ไม่นาน ก็จะเปลี่ยนไปเรียนกับสถาบันที่ 2 ที่ไม่เน้นเรื่องการเรียน และไปตั้งใจทำงานพิเศษแทน โดยทางการได้พบเจอกับเคส Concurrent enrollment มากกว่า 17,000 เคส ในปี 2023 นี้ ซึ่งเป็นเคสร้ายแรงที่ส่งผลให้นักศึกษาบางคนถูกส่งตัวกลับประเทศทันที หากถูกพบว่าทำงานพิเศษเกินจากเวลาที่วีซ่านักเรียนกำหนด

หลังจากยกเลิกระบบ Concurrent enrollment แล้ว หมายความว่าผู้เรียนจะไม่สามารถรับใบตอบรับสองใบพร้อมกัน จากสถาบันเรียนหลายแห่งได้แล้ว ถ้านักเรียนตอบรับเข้าเรียนกับสถาบันเรียนที่ 1 แล้ว จะไม่สามารถเปลี่ยนสถาบันเรียนได้ง่าย ๆ แล้ว ต้องมีการอนุมัติยกเลิกการเรียนจากสถาบันแห่งแรกก่อนเท่านั้น เพื่อที่ทางสถานทูตจะสามารถตามตรวจสอบต่อได้ ว่านักเรียนจะไปสมัครเรียนต่อที่สถาบันไหน เป็นสถาบันที่ได้การรับรองเรื่องการศึกษาหรือไม่ ตามเงื่อนไขวีซ่านักเรียนนั้น ๆ และนอกจากการจัดการยกเลิกระบบ CoE นี้แล้ว ทางรัฐบาลออสเตรเลียยังเร่งพิจารณาและตรวจสอบคุณภาพของโรงเรียนที่เปิดขึ้นมาแต่มีอัตราการถูกปฏิเสธวีซ่าเป็นจำนวนมาก ว่ามีหลักสูตรการเรียนที่ครบตามกำหนดหรือไม่ และหากตรวจพบว่าสถาบันเรียนมีคุณภาพต่ำกว่ามาตรฐาน สถาบันเหล่านั้นก็จะได้รับ suspension certificate ซึ่งหมายถึงว่าตัวสถาบันจะไม่สามารถรับสมัครนักเรียนต่างชาติได้

 

2. อัปเดตเงื่อนไข Temporary Graduate visa (subclass 485) สำหรับผู้เรียนคอร์ส Diploma/Certificate

ต้องขออธิบายเพิ่มเติมว่าโอกาสที่นักศึกษาออสเตรเลีย จะได้ยื่นต่อวีซ่าหลังเรียนจบ หรือ Temporary Graduate visa (subclass 485) มีวีซ่าที่สามารถยื่นได้แบ่งเป็น 3 ประเภทด้วยกัน คือ

  • Graduate Work stream
  • Post-Study Work stream
  • Second Post-Study Work stream

โดยเงื่อนไขของตัววีซ่าที่เปลี่ยนไปนี้จะเป็น Graduate Work stream ของผู้ที่เรียนจบในหลักสูตรเฉพาะทาง ซึ่งเป็นหลักสูตรอนุปริญญา หรือเรียกว่า หลักสูตรประกาศนียบัตร หรือ หลักสูตรระยะสั้น (Diploma/Certificate) ซึ่งวีซ่าทำงานต่อหลังเรียนจบตัวนี้จะเปิดโอกาสสำหรับคนที่เรียนจบในสาขาเรียนที่กำลังเป็นที่ต้องการ หรือขาดแคลนในประเทศออสเตรเลียนั่นเอง

วีซ่า Graduate Work stream มีเงื่อนไขให้ผู้สมัครวีซ่าที่เรียนจบตรงสาขา skilled occupation list ที่สถานทูตกำหนด ได้เรียนต่อ ทำงาน หรือท่องเที่ยวในออสเตรเลียได้ 18 เดือน ซึ่งปรับลดจากเดิมที่ให้ระยะเวลาถึง 2 ปี

โดยผู้สมัครต้องมีคุณสมบัติ ดังนี้

  • ผู้สมัครจะต้องมีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป และมีอายุไม่ถึง 50 ปี
  • ต้องถือวีซ่านักเรียนตลอด 6 เดือนที่ผ่านมา และเป็นวีซ่าที่ยังไม่หมดอายุ
  • เรียนจบคอร์ส Diploma, Certificate หรือ Graduate Diploma มากกว่า 92 สัปดาห์ (ไม่ต่ำกว่า 2 ปี)
  • หลักสูตรระยะสั้นที่เรียนจบตรงกับสายงานใน skilled occupation list ตามที่กำหนด
  • ผ่านการวัดผล skills assessment ของงานในสาย skilled occupation list เป็นที่เรียบร้อย
  • มีผลทดสอบภาษาอังกฤษถึงเกณฑ์ หรือมี IELTS ถึง 0 ทุกพาร์ทต้องได้คะแนนไม่ต่ำกว่า Band 5.0

ส่วนนักเรียนที่จบการศึกษาจากหลักสูตรปริญญาตรี โท หรือเอก ก็ยังสามารถสมัครขอวีซ่า Post-Study Work stream และ Second Post-Study Work stream ได้ดังเดิม

โดยต้องจบหลักสูตร ดังนี้

  • Bachelor degree
  • Bachelor (honours) degree
  • Masters by coursework degree
  • Masters (extended) degree
  • Masters by research degree
  • Doctoral degree

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ บทความนี้ www.hands-on.co.th/2023/03/australia-extended-post-study-work-visa-2-years-in-july-2023/

 

3. เปลี่ยนเอกสารการยื่นขอวีซ่า GTE จะถูกแทนที่ด้วย GST (Genuine Student Test) ในปี 2024

สำหรับน้อง ๆ ที่กำลังวางแผนไปเรียนต่อที่ประเทศออสเตรเลีย และแพลนเรื่องการสมัครเรียนอยู่ เริ่มเตรียมตัวสอบ GST หรือ Genuine Student Test ที่กำลังจะปรับใช้แทนการยื่นจดหมาย GTE หรือ Genuine Temporary Entrant กันได้เลย เพราะในปี 2024 นี้ทางรัฐบาลกำลังพิจารณาปรับใช้การสอบวัดผล แทนการยื่นเอกสาร GTE ซึ่งกระบวนการนี้ คือการพิจารณาจุดประสงค์ของการไปเรียนต่อของผู้สมัครขอวีซ่าทุกคน

บทความนี้พี่ Hands On จะพาให้น้อง ๆ มาทำความรู้จักกับ การสอบ Genuine Student Test กันคร่าว ๆ ค่ะ

Genuine Student Test (GST) คือ การวัดผลสำหรับการยื่นขอวีซ่านักเรียนของประเทศออสเตรเลีย ที่ต้องการวัดความตั้งใจไปเรียน และเจตนารมณ์ในการเข้าประเทศออสเตรเลียเพื่อการเรียนเพียงชั่วคราว และมีแผนในการกลับประเทศที่แน่นอน ซึ่งกระบวนการนี้จะใช้รูปแบบของการสัมภาษณ์ตัวต่อตัวของผู้สมัครกับเจ้าหน้าที่ของสถานทูตออสเตรเลีย โดยปัจจัยการวัดผลในการสัมภาษณ์ขอวีซ่า คือ

  1. English proficiency ทักษะและระดับในการใช้ภาษาอังกฤษ
  2. Academic qualifications ผลการเรียนเฉลี่ยของผู้สมัคร และวุฒิการศึกษาที่จบมา
  3. Financial resources ประวัติหลักฐานทางการเงิน หรือข้อมูลผู้สนับสนุนทางการเงิน
  4. Purpose of study จุดประสงค์ในการไปเรียนต่อ และแพลนอนาคตหลังจากนั้น
  5. Links to Australia หากเคยไปเที่ยว หรือ มีครอบครัว หรือคนรู้จักอยู่ในออสเตรเลีย

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ระบบการสัมภาษณ์ขอวีซ่านักเรียนออสเตรเลียจะมีผลบังคับใช้ในปี 2024 ซึ่งเรายังต้องรอประกาศใช้อย่างเป็นทางการอีกครั้ง

 

สำหรับน้อง ๆ ที่ต้องการความมั่นใจในการเตรียมตัวไปเรียนต่อที่ออสเตรเลียทุกกระบวนการ รวมไปถึงการสมัครขอวีซ่านักเรียน เข้ามาพูดคุยและปรึกษาทุกเรื่องเรียนต่อออสเตรเลียแบบครบจบทุกขั้นตอนได้เลยกับพี่ Hands On Education Consultants บริการปรึกษาฟรีเพื่อน้อง ๆ ที่สมัครเรียนกับ Hands On เท่านั้น