รีวิว MSc Marketing ที่ The University of Manchester โดย Bee

  • Share this:

แนะนำตัวให้เรารู้จักหน่อยค่ะ

Bee: สวัสดีค่ะ ชื่อบี นะคะ เรียน MSc Marketing อยู่ที่ The University of Manchester ค่ะ

ทำไมถึงเลือกเรียนคอร์สนี้คะ?

Bee: อันนี้พีคมากจริง ๆ ตอนแรกไม่ได้เลือกเรียน Marketing ด้วยค่ะ ตอนแรกเลือกเรียน Business Analytics แต่ว่าพอลองเข้าไปนั่งเรียน Business Analytics แล้วแบบเห้ย.. มันไม่ค่อยใช่รึป่าว มันไม่โดน และคอร์สเรียนก็ค่อนข้างยากเลย คือจริง ๆ ตอนที่รู้สึกว่า business analytics ยากก็แอบ fail นิดนึงเหมือนกัน ว่า เห้ย เราจะไม่ไหวรึป่าว

เราก็เลยกลับมาคุยกับตัวเองเลยว่า เรามาที่นี่ เรามาเรียนเราอยากพัฒนา skill ในส่วนไหน กลับมานั่งดู course description ใหม่ ว่าโอเคถ้าแบบนั้นเราย้ายคอร์สเรียนไหม เราเปลี่ยนไปเรียนคอร์สอื่น ๆ ที่เรายังสามารถพัฒนาทักษะอื่น ๆ ของเราได้ อะไรแบบนี้ค่ะ ก็เลยลงตัวที่ marketing ที่สุด ก็ย้ายมาเรียน MSc Marketing ค่ะ

อะไรที่ทำให้เรารู้สึกว่าคอร์ส Marketing ลงตัวที่สุดคะ? ก่อนหน้านี้เราเรียน Marketing มาไหม?

Bee: ก่อนหน้านี้ไม่ได้เรียน marketing มาเลย ก่อนหน้านี้บีเรียน Food Science and Technology มา ก็คือเป็นสายวิทยาศาสตร์มาเลยค่ะ แต่ว่าทีนี้มาทำงานแล้วเรารู้สึกว่าเราอยากจะเสริม skill ในส่วนของ business แหละ

ที่ตอนแรกเลือกเรียน business analytics เพราะคิดว่า เห้ยเราจะสามารถ forecasting ได้นะ เราดูเรื่องของ data ได้นะ อะไรแบบนี้ค่ะ แต่ว่ามันค่อนข้างยากอะ ก็เลยมาดูในส่วนที่ยังเป็นหมวดของธุรกิจดู ก็จะเห็นได้ว่ามันมีอีกหลายส่วนมากนอกจากการเรียนรู้ด้าน forecasting หรือ data ก็เลยมาดู เราก็คิดว่าคอร์ส marketing ของที่นี่คอร์สเค้าค่อนข้างดี ก็เลยเลือก marketing ละกัน

สนุกนะคะ สนุกจริง ย้ายมาแล้วบีรู้สึกว่าเราเลือกถูกอะ อันนี้เป็นการตัดสินใจที่ดีที่เลือกที่จะย้ายมา (ยิ้ม)

แล้วก่อนหน้านี้ทำไมถึงเลือกที่ The University of Manchester ? เพราะจริง ๆ ก็ยังมีอีกหลายมหาวิทยาลัยที่เปิดสอนคอร์ส Business Analytics

Bee: selection criteria ที่เลือกจริง ๆ แล้วแอบดูเรื่องของอันดับมหาวิทยาลัย เราดูของ QS World Ranking* เราก็ใฝ่ฝันนะว่าเราก็อยากมาเรียนมหาวิทยาลัยอันดับดี ๆ แล้วก็บีมีโจทย์ว่าบีไม่ค่อยอยากอยู่ลอนดอน เพราะเรารู้สึกว่าค่าครองชีพที่ลอนดอนมันสูงนะ มันอาจจะไม่เหมาะกับเราเท่าไหร่ เราก็เลยเลือกเอาเมืองที่รองลงมา ก็เลยเลือกที่ The University of Manchester คือโลเคชั่นก็เป็นเหตุผลรองลงมาเลย คิดว่าลอนดอนค่อนข้างแพงก็เลยเลือกอยู่ที่นี่ดีกว่า

*The University of Manchester – Top 30 มหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในโลก จาก QS World University Ranking ประจำปี 2022

สนใจเรียนต่อ The University of Manchester ปรึกษาพี่ ๆ Hands On ฟรี คลิก

การเตรียมตัวเรียนต่อ

การเตรียมตัวเรียนต่อ พี่ Hands On ช่วยอะไรเราบ้างคะ?

Bee: ทุกอย่าง! (หัวเราะ) ทุกอย่างเลยค่ะ อันนี้เป็นทุกอย่างแบบไม่อวยเลย ตั้งแต่บีสมัครพี่ที่ดูแลบีชื่อพี่ตู่ ก็คือตั้งแต่เลือกคอร์สเรียนเลย บีก็บอกว่าบีอยากเรียนอะไร อยากเสริมอะไรบ้าง พี่ Hands On ก็มีคอร์สลิสต์มาให้เลยค่ะ ว่ามีคอร์สไหนที่เราจะเรียนได้บ้าง มีมหาวิทยาลัยไหนที่เราเรียนได้บ้าง แล้วพอถึงเวลาสมัครพี่ตู่ก็จะสมัครให้ ดูเอกสาร ว่าเราต้องเขียน SoP นู่นนี่นั่น พี่เค้าก็จะตรวจให้ด้วย ว่าเขียนแบบนี้ดีกว่านะ มี guideline มาให้เราดูอะไรแบบนี้ค่ะ แล้วก็แม้กระทั่งจองตั๋วเครื่องบิน จองที่พัก จองตรวจโควิดด้วย (หัวเราะ) ก็คือทุกอย่างแล้วอะ ครบหมดทุกอย่าง พี่ตู่ก็คือเป็นทุกอย่างให้แล้วจริง ๆ ค่ะ

มีได้เข้าร่วมกิจกรรมอะไรที่พี่ Hands On จัดไหม?

Bee: กิจกรรมช่วงนั้นไม่ได้เข้าร่วมอะไรเลยค่ะ เพราะกลัวโควิด แล้วช่วงนั้นทุกอย่างเป็นออนไลน์ก็เลยแบบไม่ได้เข้าร่วมอะไรเลยค่ะ จริง ๆ มันมีกิจกรรมเยอะนะ แต่เราไม่ได้เข้าค่ะ ช่วงนั้นก็กังวลกับเรื่องตาม CAS กับเรื่องวีซ่า กังวลกับพวกกฎระเบียบต่าง ๆ ที่มันเปลี่ยนแปลงตลอด อย่างตอนแรกที่เราเป็น yellow list ใช่ไหมละ แล้วก็อยู่ดี ๆ เปลี่ยนมาเป็น red list ก็เลยเป็นช่วงที่เราไม่ค่อยได้ทำกิจกรรมอะไรเลย ก็เอาข้อมูลจากพี่ตู่อย่างเดียวก็ครบค่ะ

พอมา Manchester แล้วเป็นยังไงบ้างคะ?

Bee: ช่วงแรก ๆ ที่มาก็จะยุ่งกับเรื่องการปรับตัว ซื้อของเข้าห้องแล้วเดินไปเดินมา แต่ตอนนี้เราเริ่มอยู่ลงตัวแล้ว ชอบมากเลยค่ะ เพราะว่ามันสะดวก แล้วก็อย่างตัวหอพักที่ให้พี่ Hands On ช่วยดูอะค่ะ คือเราได้โลเคชั่นที่ดีจริง ๆ คือเราเป็นโลเคชั่นที่ใกล้มหาวิทยาลัยมาก แล้วก็เดินประมาณ 15 นาทีถึง city centre แล้ว เหมือนเราอยู่ตรงกลาง ก็เลยสบายมาก แล้วก็เป็นที่ที่คนพลุกพล่าน แต่คือไม่ได้หนวกหูนะ คือคุณไม่ต้องกลัวเวลาที่คุณจะต้องเดินออกจากห้องเวลาที่ฟ้ามันมืดแล้ว ปลอดภัย สะดวก สบาย

รีวิวคอร์ส MSc Marketing

Bee: ที่นี่เรียน 8 ตัวค่ะ 4 ตัวแรกคือ compulsory คือเราเลือกไม่ได้ คุณก็ต้องเรียน ก็จะเป็น Fundamentals of Marketing Management, Marketing Implementation and Strategy, Quantitative Marketing Research in the Digital Age และ Professional Qualitative Marketing Research Skills ก็จะเป็น 4 ตัวแรกที่ทุกคนต้องเรียนรวมกันหมด เลือกไม่ได้

ที่นี่ก็คือไม่จำเป็นที่จะต้องมีพื้น business มา ก็สามารถเรียนได้ ก็คือคุณจบอะไรมาก็ได้แหละ สามารถสมัครเรียนคอร์สนี้ได้ เรียนได้ เพราะว่า 4 ตัวนี้ก็คือเป็น compulsory เป็นพื้นฐานปูให้คุณแล้ว เนื้อหาอะไรก็เข้าใจได้นะ คือเราก็เปลี่ยนสายมา แต่เรียนแล้วก็เข้าใจนะคะ โอเคมันอาจจะมีบางอันที่แบบ ฮะอะไรนะ นิดนึง เพราะว่าจริง ๆ แล้ว marketing ส่วนหนึ่งคือคุณก็ต้องเข้าใจพฤติกรรมมนุษย์ด้วย สำหรับเราบางอย่างมันก็ดู abstract แต่ว่าโอเคเราก็นั่งทำความเข้าใจแปปนึงก็เข้าใจได้ คือมันไม่ได้ยากขนาดนั้น โอเคมันไม่ได้ง่าย ถ้าง่ายไปมันก็อาจจะไม่เหมาะเนอะ มันก็ต้องมี challenge นิดนึง

สนใจเรียนต่อ The University of Manchester ปรึกษาพี่ ๆ Hands On ฟรี คลิก

วิชาเลือกละคะ มีอะไรน่าสนใจบ้าง?

Bee: อย่างเทอมที่สองก็จะเป็นวิชาที่คุณสามารถเลือกได้ อย่าง Marketing Analytics อันนี้ก็จะ data ละ เรียนพวก programming ต่าง ๆ ซึ่งอันนี้เราก็ไม่ได้เลือก เพราะเราก็รู้สึกว่าอื๊มม อยากไปหน่อย เราหนี data มาแล้ว อย่าคิดว่าเราจะกลับไปนะคะ ไม่เอาแล้วค่ะ บ๊ายบาย ชั้นไม่อยากใช้ R พอเถอะ ชั้นใช้ SPSS ก็ได้ ใช้ Google Analytics ก็ได้ (หัวเราะ) เพราะเราได้ทำความเข้าใจกับตัวเองแล้วว่าไม่ใช่

มี International Marketing อันนี้ก็ไม่ได้เลือกนะคะ แต่ในเนื้อหาก็จะประมาณว่าคุณจะได้ analyze ดูว่า corporate ใหญ่ ๆ เวลาเค้าทำ marketing ที่มันต้องเป็น internationally จะต้องทำอะไรบ้าง

ส่วนอันที่บีเลือกก็จะเป็น B2B ก็คือ Business-to-Business Marketing – B2B คุณก็จะได้เรียนรู้ว่าเวลาคุณจะสร้างความสัมพันธ์ระหว่างธุรกิจหนึ่งกับอีกธุรกิจหนึ่งคุณจะทำยังไงให้มันเป็น win-win relationship ทั้งคู่ อะไรแบบนี้ค่ะ ซึ่งอันนี้บีคิดว่าดีมากเลย สำคัญมาก ก็เลยเลือกเรียนอันนี้ เป็นคอร์สที่ค่อนข้างท้าทายมากนะสำหรับเรา เพราะว่าคุณต้องคิดว่าตัวเองเป็น business หนึ่ง และอีกคนนึงเค้าก็คือเป็นอีก business หนึ่ง คุณก็ต้องเข้าใจในความต้องการของตัวเองและคุณก็ต้องเข้าใจในความต้องการของเค้าด้วย แล้วรูปแบบความสัมพันธ์ระหว่างธุรกิจหนึ่งกับอีกธุรกิจหนึ่งมันก็ไม่ใช่แค่ supplier and buyer นะ จริง ๆ แล้วมันอาจจะมีอีกหลายอย่าง เป็น joint venture หรือเป็นอะไรอย่างอื่น ก็คือชอบวิชานี้มากค่ะ แล้วก็ดูค่อนข้างยากด้วย เพราะคะแนนสอบก็คือ 70% ของเกรด เราก็ต้องสู้ เราสายมู background มือถือต้องมา เคสต้องมา ไปให้แน่น (หัวเราะ)

วิชาอื่น ๆ ก็จะมีอย่าง Consumer Behaviour หรือ Retail Marketing

ส่วนที่ทุกคนน่าจะสนใจคงเป็นวิชา Digital Business วิชานี้ถือเป็นวิชาเลือกที่คนที่เรียน business อื่น ๆ ก็สามารถเลือกเรียนได้เช่นกัน คือเป็น digital business นะคะ ไม่ใช่ digital marketing

อันนี้มันจะเป็นวิชาที่เราจะต้องเอาความรู้มาประยุกต์ใช้ คือเอาสิ่งที่เราเรียนจากเทอมแรกมาปรับใช้ course work ของวิชานี้คือการ develop startup company ขึ้นมา อย่างปีของบีคือมีโจทย์ว่าคุณจะต้องมี 2 ใน 4 เทคโนโลยี เข้ามาใช้ เช่น AI, Blockchain, Metaverse แล้วก็ Platform Economy คุณต้องเลือก 2 ใน 4 อันนี้เอามาสร้างธุรกิจขึ้นมาอันนึง ต้องเขียน business model ขึ้นมาส่งอาจารย์ ซึ่งอันนี้ก็เป็นของเด็ก business เลยเนอะ แต่คุณไม่ต้องกังวลว่าไม่มีพื้นฐาน business มาเลยแล้วจะทำยังไง ทำได้นะคะ ก็เป็น course work ที่บีคิดว่าดีมาก แต่ท้าทายมาก มากจริง ๆ นั่งทำจนถึงตี 1 แก้แล้วแก้อีก แล้วมันจะเป็นงานกลุ่ม ในกลุ่มจะมีเพื่อน ๆ 7 – 8 คน ที่ทางอาจารย์เค้าจะแบ่งกลุ่มไว้ให้ ดีตรงที่เค้าจับกลุ่มให้ เพราะมันจะไม่ใช่ว่าใน 7 คนนี้เป็นเด็ก marketing ทั้งหมดเลย  เพราะถ้าเป็นเด็ก marketing หมดเลยชีวิตคุณจะเริ่มยากแล้วนะ เวลาที่คุณต้องเขียน cost structure คุณจะเขียนยังไง ในวิชานี้เราจะเจอเพื่อน ๆ ที่มาจากหลายคณะหลายคอร์สไปหมดเลย คุณจะเจอเพื่อนที่มาจาก business analytics ก็จะช่วยเหลือกันได้ ก็เป็นอะไรที่ดีอะ ได้เขียน business model โอเคมาก ๆ เลยค่ะ

มีตัวเลือกในการทำ dissertation ด้วย เล่าให้ฟังหน่อยได้ไหมคะ?

Bee: อย่าง dissertation จริง ๆ เด็ก marketing สามารถเลือกได้ว่าคุณจะทำ dissertation หรือคุณจะทำ group business project

Dissertation ก็คือทำคนเดียวนะคะ อันนี้ก็คือทุกคนน่าจะเข้าใจกันอยู่แล้วเนอะ คือ dissertation ปกติแหละ จะมีหัวข้อให้คุณเลือก คุณก็เลือกหัวข้อที่คุณสนใจ แล้วเดี๋ยวเค้าจะตอบกลับมาว่าคุณได้หัวข้อไหน คือที่นี่มันจะไม่ใช่การเลือกหัวข้อนั้นหัวข้อเดียวแล้วได้เลยนะ คุณต้องเลือกสักสามอันส่งให้อาจารย์ดูและเลือกให้

ส่วนอีกอันก็คือ group business project อันนี้เค้ามีมาให้สำหรับใครที่ไม่ชอบทำ dissertation ลองไปทำอะไรที่มัน practical จริง ๆ นิดนึง อย่างของ marketing ก็จะให้เราไป research หาข้อมูลว่ามี brand ไหนหรือ product ไหนที่มันขายไม่ได้ ที่มัน fail ไปหามา แล้วคุณก็ต้องมาอธิบายว่าแล้วคุณมี strategy อะไรที่คุณจะชุบชีวิต brand นี้ขึ้นมาใหม่ ซึ่งพวกเรารู้สึกว่าอันนี้มันน่าสนใจ ท้าทายมาก ก็ทำกัน 4-5 คน กลุ่มประมาณไม่เกินนี้ค่ะ แล้วก็เขียนมาทั้งหมดเลยว่าคุณจะต้องทำอะไรบ้าง บีรู้สึกว่าอันนี้น่าสนใจ แล้วก็รู้สึกว่าเวลาไปทำงานจริงในสายของ marketing, branding หรือว่าการตลาดต่าง ๆ อันนี้คือของจริงที่คุณจะได้เจอ เราก็เลยเลือกอันนี้ ก็ทำด้วยกันกับเพื่อนค่ะ

บรรยากาศให้ห้องเรียนเป็นอย่างไรบ้างคะ? เห็นบอกว่ามีเรียนทั้งแบบ offline / online ผสมกัน

Bee: บรรยากาศในการเรียนบีคิดว่าดีนะ ก็คือเวลาที่เราไปนั่งเรียน offline เราก็จะไม่ได้มี interaction กับเพื่อน ๆ ที่เรียน online อยู่แล้วเนอะ คนที่เรียนออนไลน์เค้าก็จะอยู่ใน Zoom นั่งเรียนจากที่ประเทศเค้าเอง เค้าก็จะมี interaction กันเอง เค้าก็จะมีแบบ breakout room ใน Zoom เวลาที่ต้อง discuss กัน ส่วนเราที่เป็น offline เราก็จะนั่งในห้อง theater ไป ซึ่งบรรยากาศการเรียนก็ดีค่ะ เพราะว่าทุกคนมาก็คือช่วยกันตอบคำถาม ถามคำถาม ก็เหมือนได้เรียนรู้ซึ่งกันและกัน

อาจารย์ละคะ เป็นอย่างไรบ้าง

Bee: อาจารย์ก็ไม่ได้โหดนะ อาจารย์ทุกคนค่อนข้างให้ความช่วยเหลือดีมากเวลาที่เรามีคำถามอะไรเค้าก็จะอยู่กับเราอะ เช่นมีเป็น Zoom Call ได้นะ ให้เวลาคุยกันว่าเรามีคำถามอะไรเกี่ยวกับเรื่องเนื้อหาการเรียนของเรา

มีอาจารย์ที่เราชอบมาก ๆ เลยก็คืออาจารย์ที่สอนวิชา qualitative อาจาร์ Gisele ก็คือบีรู้สึกว่าเค้าช่วยเหลือดีมาก สอนดีมาก เราชอบวิธีการสอนของเค้าเพราะว่าเป็นอาจารย์คนเดียวที่ตั้งแต่เราเรียน ป.ตรี หรือ ป.โท มาแล้วอาจารย์เป๊ะมากกับ slide คือ slide ของอาจารย์ดีมาก บีคิดว่า slide ของเค้าคือดีที่สุดแล้ว คือมีช่วงเว้นจังหวะให้นักเรียนได้คิด เช่น มีเวลาให้ 1 นาที ให้ทุกคนในห้อง discuss เลย พอเสร็จแล้วก็มาคุยกันว่าเป็นยังไง แล้วอาจารย์เป็นคนเดียวที่สอนหมดทุก slide ในคาบเรียน และตรงเวลาทุกครั้ง เป๊ะมาก เป็นคนที่เราชอบวิธีการสอนมาก

Assignment ต่าง ๆ เป็นอย่างไรบ้าง

Bee: assignment ก็จะมีทั้งงานกลุ่ม แล้วก็งานเดี่ยว ส่วน research อันนี้ต้องทำอยู่แล้ว เพราะอย่างที่บีบอกไปว่าเรามีทั้ง qualitative / quantitative research เนอะ คือ research ที่นี่เยอะอยู่แล้วค่ะ อย่าง qualitative เราก็จะได้ทำ interview ก็จะเป็นในรูปแบบนั้น ส่วน quantitative ก็จะเป็นในรูปแบบ data ทำ SPSS

presentation ก็มีบ้าง ก็จะมีทั้งแบบ live เลย ก็คือต่อหน้า กับแบบ record จะมีสองแบบ (record คือยังไงคะ?) ก็คืออย่าง quantitative research นะคะ พอเรา analyze data เสร็จแล้ว เค้าก็จะให้คุณไปอัดวิดีโอการอธิบายข้อมูลมาว่ามันมีอะไรบ้าง เราวิเคราะห์ข้อมูลออกมาได้อย่างไร และเรามีข้อเสนอแนะอะไรบ้างจากการวิเคราะห์ข้อมูลนี้ แล้วคุณก็อัดวิดีโอการอธิบายอันนี้ส่งไปให้อาจารย์ อาจารย์ก็จะนั่งดูวิดีโอนั้นแล้วก็จะเกรดเรา อย่างปกติเราจะ present ไปเลยในห้องใช่ไหมคะ แบบนั้นจะมีแค่วิชาเดียว ส่วนใหญ่จะเป็น record ค่ะ บีคิดว่าส่วนหนึ่งเป็นเพราะโควิดด้วย ช่วงนี้มันก็ยังมีอยู่ ทางมหาวิทยาลัยก็ให้เราลดการเจอกันนิดนึง (สัมภาษณ์ช่วงเดือนเมษายน 2565) แล้วก็เนื่องด้วยเรามีเพื่อน ๆ ที่เรียนออนไลน์ด้วย มันก็เป็นไปได้ยากที่จะให้ทุกคนมาเจอกันในห้องเรียน

อย่างบางวิชาเค้าจะมีจับกลุ่มให้ผสมทั้งคนที่มาเรียน offline และคนที่เรียน online เหตุผลของเค้าก็คือในอนาคตถ้าคุณไปทำงาน ตอนนี้โลกมันเป็นแบบนี้ คุณก็ต้องหาวิธีการทำงานให้มันเสร็จให้ได้กับเพื่อนร่วมงานของคุณที่อยู่ในอีก time zone หนึ่ง แต่ไม่ได้มีทุกคลาสนะคะ บางคลาสเค้าก็จะให้ชีวิตเธอง่ายหน่อยละกันให้คนที่นั่งเรียน offline ทำงานด้วยกัน คนที่เรียน online ก็จับกลุ่ม online กันไป

สนใจเรียนต่อ The University of Manchester ปรึกษาพี่ ๆ Hands On ฟรี คลิก

The University of Manchester

Bee: ใหญ่โต* ยังเดินรู้สึกว่าหลง ใช่ค่ะ คือต้องใช้ Google Map เดิน วันก่อนเพื่อนนัดไปทำงานที่ห้องสมุด บีคือห้องสมุดอยู่ไหน เดินไปไม่เจอ เพราะมันมีหลายตึก บีก็บอกเพื่อนนี่ไงชั้นอยู่ตึกนี้ เพื่อนก็ไม่ ๆ เธอต้องเดินไปอีกตึกหนึ่ง เราก็ยังงงสรุปแล้วมันอยู่ตรงไหน สรุปเพื่อนต้องเดินออกมารับ (หัวเราะ) เราก็จะช่างหลงนิดนึงค่ะ

*The University of Manchester หนึ่งในมหาวิทยาลัยขนาดใหญ่ในสหราชอาณาจักร

มหาวิทยาลัยมี support อะไรให้เราบ้าง เพราะมหาวิทยาลัยก็ใหญ่และมีนักศึกษาเยอะมาก ๆ

Bee: facilities ต่าง ๆ ในมหาวิทยาลัยเค้าก็มีให้ครบนะคะ แต่เราอาจจะไม่ได้ใช้ขนาดนั้น เค้ามีพวก helpline เวลาที่คุณเครียดเรื่องอะไรก็สามารถโทรไปคุยได้ แต่ที่เราชอบก็จะเป็นเรื่องสอบ เพราะว่าทางมหาวิทยาลัยเค้าจะ encourage เราตลอดเวลาว่า ถ้าคุณรู้สึกเครียด มีปัญหาเรื่องจิตใจหรืออะไร สามารถมาแจ้งได้ ให้มาคุยกันก่อน ไม่ใช่ว่าไปรอหลังสอบเสร็จแล้วแล้วค่อยมาคุย เผื่อบางทีทางมหาวิทยาลัยจะสามารถช่วยเหลืออะไรเราได้ เช่นเราต้องเลื่อนเวลาสอบไหม หรือเราต้องการเวลาสอบมากกว่าคนอื่น อันนี้ก็จะเป็นไปตามความเหมาะสมค่ะ

ในแง่ของการจัดการละคะ เพราะที่ Manchester ก็เป็นหนึ่งในไม่กี่มหาวิทยาลัยที่ยัง mix เปิดโอกาสให้นักศึกษาได้เรียนทั้งแบบ online และ offline

Bee: ส่วนนี้จะเป็นแค่เทอมแรกนะคะ เทอมแรกเค้าจะให้เราเลือกได้ว่าเราจะเรียน online หรือ offline ใครที่เลือกเรียน online ก็คือจะเป็น live Zoom ไปเลย จริง ๆ แล้วมันก็คือเรียนไปพร้อม ๆ กัน

พอเป็นเทอมที่สองจริง ๆ เค้าก็ยังให้เลือกอยู่นะคะ ว่าคุณจะเลือกเรียน online ไหม หรือว่าคุณจะ offline เพราะว่าช่วงที่ให้เลือกเทอมที่สองเป็นช่วง Christmas  ช่วงนั้นที่อังกฤษก็ยังสถานการณ์ไม่ค่อยดี ทางมหาวิทยาลัยเค้าก็เลยยังให้นักศึกษาเลือกอยู่ว่าจะเรียนแบบไหน คือทางมหาวิทยาลัยก็พยายามที่จะปรับตัวตามสถานการณ์ตลอดเวลา ให้นักศึกษาสะดวกที่สุด

เมือง Manchester ประเทศอังกฤษ

การใช้ชีวิตที่เมือง Manchester

Bee: ดี!! ดี คือมันสะดวก แล้วก็ด้วยโลเคชั่นที่เราอยู่ด้วย เรารู้สึกว่าเราอยู่สบาย ปลอดภัย เราเดินนิดนึงก็ถึง Selfridges เราก็มีที่ช้อปที่อะไรของเรา (พี่ ๆ Hands On แอบแซวว่า ตอนเล่าเรื่องเรียน marketing คือจริงจังมาก พอเล่าเรื่อง Selfridges คือยิ้มสดใสมาก) คือเรามีที่เดินเล่น เดินเที่ยว มีร้านอาหาร มี China Town ก็อาหารอร่อย สบาย โอเคมาก ๆ เลยค่ะ

ไปเที่ยวที่ไหนมาบ้างคะ?

Bee: ไป Scotland มาค่ะ แล้วก็ Wales หนาวมากกก รีวิวคือหนาวมาก! Scotland คือหนาวไม่ไหว เพราะ Scotland เราไปช่วง Christmas เออเราก็ไม่อยู่หรอกเนอะ Manchester เราจะอยู่ทำไมหยุดนานขนาดนี้ เราก็ไป Scotland ละกัน คือหนาวมาก!! ไป Christmas Market ที่ Edinburgh มาค่ะ มันสวย แต่มันหนาวมาก เราก็ได้เดินเล่น กินเที่ยวอะไรแบบนี้ แต่หนาวมากค่ะ (หัวเราะ)

ได้ทำงานพิเศษบ้างไหม?

Bee: ไม่ได้ทำเลยค่ะ ด้วยความเป็นคนขี้เกียจ เลยไม่มีอะไรจะเล่า (หัวเราะ) เราใช้เวลาเรียนเต็มที่เลยค่ะ มันคือความจริง แต่ว่าสนุกค่ะ คือมาเรียนที่นี่เราได้เพื่อน ได้ connection อย่างเพื่อนที่บีสนิทคือจะเป็นคนจีน คนไต้หวัน กับคนฮ่องกง เราก็ได้อยู่กับเพื่อนต่างชาติ ได้ฝึกภาษา ได้เรียนรู้ซึ่งกันและกัน ทั้งวัฒนธรรม อย่างที่จีนเป็นแบบนี้นะ ที่บ้านเราเป็นแบบนี้นะ หรือแม้กระทั่งเราที่เราก็รู้สึกว่าเราเป็นลูกผสมนะเป็นคนไทยเชื้อสายจีน พอเราคุยเรื่องที่เราคิดว่าอันนี้แหละจีนแน่ ๆ เพื่อนคนจีนคืองง อะไรอะ ไม่มีนะ เราก็อ่าว ไม่เหมือนกันหรอ ก็ได้เรียนรู้กันและกันค่ะ

เพื่อนนักเรียนไทยที่นี่เป็นอย่างไรบ้าง?

Bee: สมาคมนักเรียนไทยที่นี่ก็มีนะคะ มีจัดกิจกรรมเหมือนกัน แต่ด้วยความที่มันโควิดเราก็เลยไม่ค่อยได้ไปร่วมกับเค้า คือเราก็อยู่ในกรุ๊ปไลน์นะ มีอะไรเค้าก็จะคอยอัพเดทกันตลอดค่ะ

มีอะไรอยากบอกน้อง ๆ ที่อยากมาเรียนต่อที่อังกฤษ

Bee: ไม่ต้องเอาเสื้อผ้ามาเยอะค่ะ เรามี Selfridges ค่ะทุกคน แล้วเราก็มี ASOS ซึ่งเรามี student discount ได้ (ยิ้ม) ซื้อของออนไลน์ที่นี่สะดวก แล้วก็บัตรนักศึกษาที่นี่ก็มีส่วนลดให้ แล้วก็พวก Apple อย่าง iPad, notebook ใครที่ใช้ก็ไม่ต้องแบกมาก็ได้นะคะ มาซื้อที่นี่ก็จะได้ส่วนลด ถ้าไม่ได้ส่วนลดก็มีโปรโมชั่นอย่างอื่นให้ อย่างบีซื้อ iPad แล้วได้หูฟังแถมมา ก็ถือว่าคุ้มมาก

ฝากถึงน้อง ๆ ที่สนใจเรียนต่อ The University of Manchester

Bee: ก็มาค่ะ จริง ๆ มาแล้วมันจะได้รู้ มันเป็นประสบการณ์ที่แตกต่างกับที่ไทย คุณจะได้เจอวัฒนธรรมใหม่ ๆ  เจอผู้คนใหม่ ๆ ได้เรียนรู้ ได้เปิดโลก มาเถอะ แล้วมันก็ไม่ได้ยากขนาดนั้นทุกคน แต่ตอนเล่าเรื่องคอร์สอาจจะเครียด (หัวเราะ) จริง ๆ ถ้าเป็นช่วงปรับตัวแล้วทุกคนรู้สึกว่ามันยาก อันนั้นมันเป็นเรื่องปกตินะคะ ไม่ต้องซีเรียสไม่เกิน 1 เดือนคุณก็จะเริ่มปรับตัวกับวิธีการเรียนการสอนของที่นี่ได้ รวมถึงวิธีการให้เกรดของที่นี่ด้วย คือมันไม่เหมือนกันเลย คือคุณไม่ต้องยึดติดกับเกรดที่เราเคยได้มาว่าจะต้องเท่านั้นเท่านี้แล้วมันถึงจะดี เพราะอย่างบ้านเราต้อง 80 ขึ้นไปถึงจะดี มหาวิทยาลัยบีต้อง 90 ด้วยซ้ำถึงจะ A แต่สำหรับที่นี่ถ้าคุณได้ 60 ก็คือดีแล้วนะ 60 ไม่ใช่แย่นะ เอาจริง

และทุก ๆ วิชาอาจารย์เค้าจะให้รายละเอียดมาว่านี่คือวิธีการที่เค้าจะเกรดเรา 1 2 3 4 5 นะ ถ้าคุณทำความเข้าใจตรงนี้ก็จะรู้ว่าอาจารย์จะให้เกรดเรายังไง

 

สนใจเรียนต่อ The University of Manchester ปรึกษาพี่ ๆ Hands On ตัวแทนมหาวิทยาลัยอย่างเป็นทางการประจำประเทศไทยฟรี เพียงกรอกแบบฟอร์มด้านล่าง

Enquiry Form

Please provide the following information and we will aim to respond within 48 hours:

Your details
Please enter your first name.
Please enter your last name.
Please enter a valid email address.
Please enter your phone number.
Please select a country you want to study.
Please select a year you want to study.
Please select your preferred branch.

* All fields required (in English)

  • Share this: