ในตัวเมือง city centre เองเลย จะจัด York Christmas Festival ที่จะจัดในช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน ถึงปลายธันวาคมเลย งานนี้นอกจากจะให้ฟีล local market หรืองานที่ขายของท้องถิ่นแล้ว ยังมีบรรยากาศที่เป็นเอกลักษณ์ เป็นจุดขาย ทำให้คนจากหลายท้องที่หลั่งไหลกันเข้ามาเที่ยวงานนี้กันอย่างล้นหลาม ล้นขนาดที่วันเสาร์ อาทิตย์กลายเป็นวันที่เรากับเมทเลือกจะไม่ออกไปไหนเท่าไรเลย จะพยายามซื้ออาหารสดมาตุนไว้สำหรับทำอาหารกินกันเองยาว ๆ มากกว่า ที่ได้มาเดินกันแบบดื่มด่ำจริง ๆ คือช่วงเย็น ๆ หลังพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปแล้ว เพราะเป็นช่วงที่ผู้คนที่เดินทางมาเที่ยวแบบเช้าไป เย็นกลับเริ่มสร่างซา
การจัดร้านรวงต่าง ๆ ใน York Christmas Festival นี้ พิเศษกว่างานไหน ๆ มาก เพราะถนนทั้งสาย รวมตรอกซอกซอยต่าง ๆ ที่เขามาจัดร้านน่ะ มีเป็นลักษณะกระท่อมไม้เล็ก ๆ อยู่ติด ๆ กันเลย ไม่ได้แค่เต้นท์หรือซุ้ม แถมยังตั้งร้านอาหารสองชั้นขึ้นมาใจกลางถนนตรง city centre ด้วย แต่เราไม่ได้เข้าไปนะ ได้แค่เดินผ่าน ซึ่งแค่นั้นก็รับรู้ได้ถึงความอบอุ่น และกลิ่นหอมของอาหารที่เพิ่งปรุงสดใหม่ลอยโชยออกมาเลย เหมาะสำหรับคนหิว ที่อยากเดินเข้าไปหลบหนาวสุด ๆ
ส่วนข้างนอก อาหารสดที่คนเข้าคิดซื้อกันตลอด ก็หนีไม่พ้นฮอตดอก ที่ให้เนื้อล้น ๆ ขนาดที่ล้นเลยขนมปังออกมา มีให้เลือกหลายรสชาติด้วย ที่เราถูกใจที่สุดคือ ชิ้นที่มีเครื่องเทศและพริก กับ Honey hotdog หอมหวานไม่ไหว เลือกได้ด้วยว่าจะใส่หอมใหญ่ผัดและผักหรือเปล่า ส่วนซอสก็มีเตรียมไว้ให้ลูกค้าใส่กันเองแบบจัดเต็ม ไม่มีหวงเลย
นอกจากอาหารแล้ว ร้านเครื่องดื่มร้อน พร้อมควันหอมฉุยก็มาจัดบูธกันเยอะมาก เพราะอากาศที่หนาวขึ้นเรื่อย ๆ ในช่วงคริสต์มาส ความโดดเด่นของเทศกาลนี้ คือ ร้านขายเครื่องดื่มแทบทุกร้านมีช็อคโกแล็ตร้อนขาย ทั้งนี้ทั้งนั้นแต่ละร้านก็จะมีจุดเด่นแตกต่างกันออกไปนะ บางร้านเน้นมาร์ชเมลโล่ชิ้นโต บางร้านมีตัวเลือกวิปครีมมูชช็อคโกแลต บางร้านมีตัวเลือกให้ใส่แอลกอฮอล์ประเภทต่าง ๆ ทั้งรัม วิสกี้ หรือ เบลีย์ (Bailey) เหล้าครีมที่มีต้นกำเนิดมาจากไอร์แลนด์ แต่ที่เราได้ลองคือ แบบที่ใส่ กาลิเอโน (Galliano) เหล้าสมุนไพรรสวนิลาจากอิตาลี เราแอบรู้สึกว่ารสคล้าย ๆ ยาแก้ไอกลิ่นเชอร์รีเชื่อมเลย อร่อยรสเข้มข้น จนพอมาลองชิมช็อคโกแล็ตธรรมดาแล้ว แอบจืดไปเลย
ขนม อาหารแห้ง เครื่องดื่มแบบที่ให้สอยกลับบ้าน หรือซื้อกลับไปเป็นของฝากก็มีมาไม่น้อยนะ สินค้าจะโดดเด่นกว่างานอื่น ๆ คือ สะท้อนความเป็นหน้าหนาว และเทศกาลคริสต์มาสด้วย อย่างร้านดังในเมืองมาขายฟัดจ์บราวนี่ชิ้นโต บางร้านขายตุ๊กตาไม้แกะเป็นรูปต้นคริสต์มาสหลายขนาด บางร้านมีถ้วยชามรามไหลวดลายหิมะ บางร้านขายถุงมือและผ้าพันคอถักที่ให้บรรยากาศวันหยุดปลายปี บางร้านเน้นขายอาหารที่มีใส่ส่วนผสมเครื่องเทศสำหรับฤดูกาลนี้โดยเฉพาะ (ขายกลิ่นและความรู้สึกอบอุ่นนี่แหละ) ที่งานใหญ่ทำให้เราตื่นตาตื่นใจมากที่สุดก็คงเป็นร้านที่ก็ขายพรมขนกวางเรนเดียด้วย แอบไปลูบพบว่า ขนน้องนุ่มฟูไม่ไหว
เดินดื่ม ชิม ชมบรรยากาศ ถ่ายรูปต้นคริสมาร์ส และไฟประดับประดายาวตลอดทาง ไปจนถึงโบสถ์ ให้ความรู้สึกแปลกใหม่ และสนุกมาก ดีใจที่ได้มีโอกาสอยู่ในเมืองนี้ ในช่วงเวลาที่อบอุ่น แม้ในอากาศหนาวแบบนี้
นอกจากงานนี้ที่เดินแวบเข้าไปเป็นว่าเล่นในช่วงที่คนบางตา เรากับเมทวางแผนกันไปเที่ยวลานสเกตน้ำแข็งด้วย เขามาจัดที่ Yorl’s Designer Outlet ในชื่อ Yorkshire’s Winter Wonderland ในส่วนของลานน้ำแข็งที่มาจัดนี้ เขาจัดอันดับว่าเป็นลานที่ใหญ่ที่สุดของอิงแลนด์เหนือ (TheNorth of England) เลยด้วยนะ หนึ่งรอบราคา 13.75 ปอนด์ หรือราว ๆ 550 บาท ถือว่าไม่แพงเลยนะ สำหรับรองเท้าที่มีตัวล็อกดี ๆ และน้ำแข็งที่ทางงานดูแลจัดการให้เรียบลื่นเหมือนใหม่ทุกรอบ 1 ชั่วโมง หลังผู้เล่นทุกคนออกไปจากลาน เรื่องน่าเศร้าก็ คือ แพนกวิ้นช่วยเดินน่ะ เขาอนุญาตให้เด็กที่มีส่วนสูงไม่เกินใช้เท่านั้น คนที่เล่นไม่แข็งและกลัวล้มส่วนใหญ่เลยเน้นเกาะราวกั้นที่เขาจัดไว้ให้รอบลาน แล้วไถตัวไปตามกรอบลานแทน
ทั้งนี้ทั้งนั้น ถึงเขาจะมีตู้ขายตั๋วไว้หน้างาน แต่เราแนะนำให้จองไปก่อนนะ เพราะบางรอบคนก็เยอะมากจริง ๆ เราไปรอบช่วงก่อนพระอาทิตย์ตก คนน้อยกว่ารอบค่ำที่เป็นรอบถัดไปมาก แถวยังได้สองฟีล ทั้งตอนที่ฟ้าใสยังมีแสง และตอนที่แสงจากต้นคริสต์มาสประดับไฟกลางลานสาดส่อง อย่างไรก็ตาม ถึงเขาจะแจ้งว่าถ้าสภาพอากาศเลวร้ายเกินจะเล่น เขาก็จะมีมาตรการยกเลิกให้ แต่ถ้ายังคงกลัวว่าถ้าจองไปก่อนแล้วอากาศไม่ดี ไม่ถึงกับเลวร้าย แต่หนาวเกินไปสำหรับเรา ก็รอไปจองข้างหน้าได้แหละ หลังจองแล้วก็ไปเดินช้อปปิงใน outlet เพลิน ๆ (ซึ่งเราเช็คกันแล้วว่าราคาถูกกว่ากันเยอะมากจริง ๆ อย่างช็อคโกแล็ตผงของ whittard ก็ลดมาจากกระปุกละ 9-10 ปอนด์ เหลือ 5 ปอนด์ ถ้าสอยหลาย ๆ ชิ้น ใครอยากมาแบกของฝากเยอะ ๆ มาลองดูที่นี่ก็ดีไม่น้อยเลย)
ในส่วนของกระเป๋า และถุงชอปปิง ที่ลานน้ำแข็งจะไม่อนุญาตให้นำเข้าไปเลย ยกเน้นว่าจะอยู่แนวตัวจริง ๆ เพื่อป้องกันกระเป๋าเหวี่ยงไปโดนกัน แล้วเกิดอุบัติเหตุ เราก็ฝากไว้ ราคาเพียง 2 ปอนด์เอง เราหารแล้วใส่ของรวมกันกับเมท คุ้มนะ เล่น(และล้ม)ได้อย่างสบายใจ ไม่หนัก
นอกจากนั้น ในงานนนี้ยังมีให้จองไปนั่งขอพร (ถ่ายรูป) กับซานตาคลอสด้วย ที่โซน Santa’s Glotto ด้วย ได้อารมณ์เหมือนในหนังเลย แต่วันที่เราไปเขายังไม่เปิด นอกจากนั้นยังมี Funfair หรือสวนสนุกเล็ก ๆ มาจัดด้วย ที่เราเห็นมีทั้งม้าหมุน รถบั๊ม ตกเป็ด ส่วนใหญ่จะดูเป็นไซส์สำหรับเด็กหน่อย แต่เห็นวัยรุ่นและผู้ใหญ่หลาย ๆ คนก็ไปร่วมสนุกกันอยู่ไม่น้อยนะ แต่เรากับเมทเล่นสเก็ตจนเมื่อยแล้ว เลยขอบาย และสุดท้าย ในงานนี้ยังมีมี The Chalet Cafe ที่ขายทั้งโกโก้ร้อน อร่อย ไปจนถึงอาหารคาวอุ่น ๆ ให้สำหรับคนที่เล่นจนต้องเติมแรง
ใครมายอร์กในช่วงนี้ ไม่ผิดหวังแน่นอน เพราะถึงจะเป็นเมืองเล็ก แต่การเฉลิมฉลองอบอุ่น สนุกสนานไม่เล็กเลย 🙂