หลักสูตร STEM เรียนและทำงานต่อได้ถึง 3 ปี
หลักสูตร STEM นี้เป็นอีกหนึ่งสายวิชาและสายงานที่กำลังเป็นที่นิยมสำหรับคนรุ่นใหม่และชาวต่างชาติ เนื่องจากความพิเศษของหลักสูตร STEM ที่มีรายละเอียดของการถ่ายทอดศาสตร์วิชาที่ซับซ้อนหลายๆ สาขาพร้อมๆ กันให้นักศึกษาเรียนรู้และเข้าใจได้
จากการร่วมมือของหลายสถาบันการศึกษาระดับสูง หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาคุณภาพการศึกษาและอุตสาหกรรมการทำงาน ส่งผลต่อการวิจัยค้นคว้าเพื่อสร้างหลักสูตรการศึกษา โดยการบูรณาการศาสตร์ทั้ง 4 เข้าไว้ด้วยกัน Science (วิทยาศาสตร์), Technology (เทคโนโลยี), Engineering (วิศวกรรม) และ Mathematics (คณิตศาสตร์) รวมเป็น หลักสูตร STEM ที่น้องๆ อาจได้เห็นผ่านตาจากหลายคอร์สเรียนของอเมริกา เพราะจุดตั้งต้นนี้ เริ่มมาจากสหรัฐอเมริกาหนึ่งในผู้นำด้านการศึกษาของโลก
ในยุคปัจจุบันเทคโนโลยีและนวัตกรรมในสังคมเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว มีการคิดสร้างสิ่งใหม่ขึ้นมาทุกวัน ทำให้อุตสาหกรรมต่างๆ และธุรกิจหลากหลายชนิดเกิดการพัฒนาและปรับระบบการทำงาน ความต้องการในบุคลากรใหม่ๆ ที่จะเข้ามาร่วมงานจึงมากขึ้นทุกวัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสายงาน STEM ที่ต้องการจำนวนผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ที่มีทักษะทางด้านการคิดวิเคราะห์ทางหลักวิทยาศาสตร์ เข้าใจและปรับตัวทันเทคโนโลยีสมัยใหม่ได้โดยง่าย มีความรู้ความสามารถในโครงสร้างกลไกของวิศวะ อีกทั้งสามารถทำงานกับตัวเลข คิดคำนวณ สรุปวิเคราะห์ในเชิงคณิตศาสตร์ได้เป็นอย่างแม่นยำ ซึ่งเป็น 4 ศาสตร์สำคัญที่ต้องใช้ในการทำงาน การพัฒนาการเรียนของหลักสูตร STEM ที่สหรัฐอเมริกาจึงมีบทบาทสำคัญที่สร้างแรงขับเคลื่อน ผลิตบัณฑิตให้กับแวดวงของ STEM ได้พัฒนาได้ก้าวไกล
หลักสูตรที่ออกแบบขึ้นมาเพื่อให้การศึกษา STEM (Science, Technology, Engineering and Mathematics Education) เป็นสัดส่วนสำคัญที่ปรับเปลี่ยนระบบการศึกษาของโลก สหรัฐอเมริกามีมาตรการส่งงบประมาณจำนวนมากสนับสนุนโครงการวิจัยพัฒนานี้ จนกระทั่งสาขาวิชานี้ได้สร้างบุคลากรออกสู่ตลาดการทำงานที่สำคัญมากมาย ลองดูคอร์สที่ถูกบูรณาการด้วยศาสตร์ของ STEM แล้วตามลิสต์ดังนี้
- Aerospace engineering
- Astronomy
- Biochemistry
- Biology
- Chemical engineering
- Chemistry
- Civil engineering
- Computer science
- Electrical engineering
- Mathematics
- Mechanical engineering
- Physics
- Psychology
- Statistics
นอกจากนั้นความดีงามของหลักสูตร STEM ในมหาวิทยาลัยที่สหรัฐฯ อีกอย่างนั้นคือ โอกาสในการทำงานหลังจากจบการศึกษาจากคอร์สเรียน นักศึกษาสามารถทำงานต่อเกี่ยวกับสายงาน STEM ได้ที่สหรัฐอเมริกาถึง 3 ปี แบบได้เงินเดือนแน่นอน โดยที่เราก็ต้องตรวจสอบเองให้แน่ใจด้วยว่าคณะที่กำลังจะไปเรียนต่อระบุว่าจัดอยู่ในโปรแกรม OPT หรือ Optional Practical Training และมีการยื่นเรื่อง STEM OPT เพื่อยื่นสมัครขอทำงานต่อได้กับสถานฑูตของสหรัฐฯ ด้วย
อีกทั้งโอกาสระหว่างการทำงานใน 3 ปีนี้ ที่น้องๆ ผู้เรียนในหลักสูตร STEM จะได้ผลประโยชน์กันไปเต็มๆ ในเรื่องประสบการณ์ความรู้จากการทำงานร่วมกับผู้มากความรู้และมากความสามารถในสายงานนี้โดยตรง พร้อมทั้งได้เห็นรูปแบบการทำงานของศาสตร์ใหม่ที่มีการพัฒนาอยู่สม่ำเสมออย่างใกล้ชิด เพราะฉะนั้นผู้เรียนจะได้พัฒนาทักษะของตนทั้งการทำงานและการปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมของงานที่อาจเกิดการเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว และยังได้ซึมซับวัฒนธรรมการทำงานแบบสากลติดตัวกลับมาด้วย เป็นอีกข้อได้เปรียบในการทำงานสมัยนี้เป็นอย่างมาก
เพราะฉะนั้น เตรียมตัวให้รู้ครบทุกเรื่องและเข้าใจทันการณ์ก่อนไปเรียนต่อ เป็นการเตรียมพร้อมที่ดีที่สุด แต่ถ้ามีอีกช่องทางที่ช่วยให้การไปเรียนต่อสหรัฐอเมริกานั้นสะดวกขึ้น ครบถ้วนทุกขั้นตอน เข้าใจทุกกระบวนการการเรียนต่อ ก็ติดต่อพี่ๆ Hands On Education Consultants ผู้เชี่ยวชาญด้านการเรียนต่อสหรัฐอเมริกา พี่ๆ พร้อมให้บริการทุกขั้นตอนฟรี