สวัสดีครับเพื่อนๆ กลับมาพบกันอีกครั้งบนบทความนี้เหมือนเช่นเคยนะครับกับฉบับแรกของเดือน มีนาคม รู้สึกเหมือนกับว่าเวลาผ่านไปเร็วมาก เผลอแวบเดียวเวลาผ่านไปอีกเดือนนึงแล้ว อาจเป็นเพราะเดือนที่ผ่านมาเป็นเดือนที่สั้นที่สุดของปีด้วยก็เลยรู้สึกเร็ว เป็นพิเศษ พอเข้าสู่ช่วงเดือนมีนาคมแบบนี้ก็เหมือนกับเป็นสัญญาณบอกว่าเรากำลังจะเข้า สู่หน้าร้อนกันแบบเต็มตัวแล้ว ที่เมืองไทยก็คงจะร้อนน่าดู ส่วนที่นี่ก็ต้องบอกว่าอากาศกำลังจะดีขึ้น เพราะอากาศก็จะเริ่มอุ่นขึ้น แล้วก็จะเริ่มมืดช้าลงจากที่ปกติ 4 โมงก็มืดหมดแล้วตอนนี้ก็เริ่มเหมือนชาวบ้านชาวช่องเค้าคือ 6 โมงมืด แต่เดี๋ยวพอเข้าช่วงหน้าร้อนของที่นี่ซักประมาณเดือนพฤษภาคมก็นู่นละครับ กว่าจะมืดก็สามทุ่มได้ เรียกได้ว่าช่วงนี้ก็พอดีที่สุดแล้ว
เกริ่นเรื่องดินฟ้าอากาศไปซะยืดยาว กลับมาเข้าเรื่องของวันนี้ดีกว่าครับ ก็ฉบับนี้เราจะยังอยู่กันที่ Scotland กันต่ออีกฉบับนึงกับอีกเมืองที่หากใครมีโอกาสมาสหราชอาณาจักรก็ควรจะแวะมา เที่ยวซักหน่อยนั่นก็คือ Edinburgh (ถ้าอ่านออกเสียงแบบ Scottish ก็จะอ่านว่า เอดินบะระ ครับ) เมืองหลวงของ Scotland นั่นเองครับ หากจะเปรียบเทียบ Edinburgh กับ Glasgow ในความเห็นส่วนตัวผมก็คงต้องบอกว่าเมือง Edinburgh เนี่ยมีความโดดเด่นทางด้านศิลปะ สถาปัตยกรรมมากกว่า มีกลิ่นอายของความปราณีต ความสุนทรีย์มากกว่า (ทำไมคำศัพท์วันนี้มันดูอลังการแปลกๆ ฮาฮา) ส่วนเมือง Glasgow ก็มีลักษณะของเมืองใหญ่ เมืองอุตสาหกรรมที่มีคนทำงานอยู่เยอะ ให้อารมณ์ของศิลปะ วัฒนธรรมอยู่บ้างแต่ไม่ได้จ๋าถึงขนาด Edinburgh เอาเป็นว่ามันต่างกันมากจริงๆ ครับ
การ เดินทางมาที่เมือง Edinburgh เนี่ยผมเดินทางด้วยรถไฟต่อมาจากเมือง Glasgow ซึ่งอย่างที่บอกไปในตอนที่แล้วว่าทั้งสองเมืองนี้ตั้งอยู่บนระนาบเดียวกัน การเดินทางก็เลยใช้เวลาราวๆ ชั่วโมงนึง ส่วนค่าตั๋วก็ถูกแสนถูกอยู่ที่ 5.4 ปอนด์เท่านั้น ก็พูดได้ว่าการเดินทางด้วยรถไฟจาก Glasgow มา Edinburgh เนี่ยเป็นอะไรที่ถูกและสะดวกมากเพราะมีรถออกแทบจะทุกชั่วโมงด้วยความที่เป็น เส้นทางหลักส่วนตั๋วต่อให้ไม่ได้จองล่วงหน้าไปก็แพงกว่านี้ไม่มาก (แต่ยังไงก็แนะนำให้จองล่วงหน้าไปอยู่ดีนะครับ)
มีรถออกแทบจะทุกชั่วโมงด้วยความที่เป็นเส้นทางหลักส่วนตั๋วต่อให้ไม่ได้จอง ล่วงหน้าไปก็แพงกว่านี้ไม่มาก (แต่ยังไงก็แนะนำให้จองล่วงหน้าไปอยู่ดีนะครับ) พูดถึงเมือง Edinburgh เนี่ยคือจริงๆ แค่เดินดูรอบๆ เมืองแค่นี้ก็เพลินได้แล้ว แต่ช่วงที่ผมไปเนี่ยเค้ามีเทศกาล International Festival พอดีอีก เทศกาลเนี้ยเป็นเทศกาลที่จะจัดขึ้นปีละครั้งโดยเมือง Edinburgh ทั้งเมืองจะถูกเปลี่ยนเป็นเวทีการแสดงขนาดใหญ่ ถนนเส้นที่จะขึ้นสู่ปราสาทจะถูกแปลงสภาพเป็นถนนคนเดิน ตลอดรายทางก็จะมีการแสดงต่างๆมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการแสดงความสามารถต่างๆ การแสดงผาดโผน ศิลปะ ดนตรี เรียกได้ว่าละลานตาไปหมด นอกจากนี้ก็จะมีการแสดงบนเวทีหลายๆ แห่งที่จะต้องเสียเงินเข้าไปชม ซึ่งผมก็เสียดายที่ไม่ได้ดูเพราะตอนที่ไปถึงเป็นวันสุดท้ายแล้วตั๋วก็ขาย ไปล่วงหน้าหมดแล้ว สำหรับใครที่สนใจ เทศกาลนี้จะจัดขึ้นประมาณ 3 อาทิตย์ตอนราวๆ เดือนสิงหาคม (เท่าที่เช็คดูเหมือนปีนี้จะจัดช่วง 7-31 สิงหาคม) ก็แนะนำให้เตรียมตัวตั้งแต่เนิ่นๆ ทั้งเรื่องที่พัก การเดินทาง ตั๋วเข้าชมการแสดงต่างๆ เพราะพอถึงช่วงงาน คนจะมากันเยอะมากถ้ารอใกล้ๆ แล้วค่อยจองทุกอย่างก็จะแพงขึ้น ดีไม่ดีอาจจะไม่มีให้จองด้วยซ้ำนะครับ
สำหรับ สถานที่ท่องเที่ยวในเมือง Edinburgh เนี่ยก็มีหลายที่มากนะครับ เอาเป็นว่าผมจะขอพูดเฉพาะที่ๆผมไปมาเท่านั้นเพราะจะได้เล่าจากประสบการณ์ตรง ที่แรกเลยก็คือ Edinburgh Castle ที่เหมือนเป็น Landmark ของเมืองก็ว่าได้เพราะว่านอกจากตัวประสาทจะดูยิ่งใหญ่แล้วมันยังตั้งอยู่บน เขา พอมองจากด้านล่างขึ้นไปยิ่งดูอลังการเข้าไปใหญ่เลยครับ การเข้าชมก็จะต้องเสียค่าผ่านประตูซึ่งถ้าจองออนไลน์ไปล่วงหน้าก็จะอยู่ที่ ราวๆ 16 ปอนด์แล้วแต่แต่ละช่วงของปีซึ่งก็ถูกกว่าการไปซื้อบัตรเอาหน้าปราสาท ซึ่งผมจำไม่ได้ว่าจ่ายไปเท่าไหร่แต่น่าจะราวๆ 30 ปอนด์ ซึ่งมารู้ทีหลังว่าจองออนไลน์ไปได้ ก็ได้จ่ายแพงกว่าชาวบ้านเค้ามาเอาเป็นประสบการณ์เอาไว้มาเตือนเพื่อนๆ ไม่ให้ซ้ำรอยอีก ฮาฮา พูดถึงตัวปราสาทเนี่ยก็พอขึ้นไปแล้วมันก็ไม่ได้ใหญ่มากเหมือนที่เราคิด ข้างในก็จะมี Museum ย่อยๆ อยู่หลายที่ซึ่งส่วนใหญ่จะเกี่ยวกับการทหาร ข้อดีอีกอย่างของการขึ้นไปนอกจากการได้ชมความสวยงามของตัวปราสาทแล้ว เพื่อนๆ ก็จะได้มองเมือง Edinburgh จากจุดที่สูงที่สุดของเมือง กับการเดินออกกำลังกายที่เหนื่อยใช่เล่น มาเป็นของแถม เรียกว่าซื้อหนึ่งได้ถึงสามเลยทีเดียว ส่วนตัวแล้วคือตัวปราสาทน่ะมันก็สวยอยู่หรอกครับ แต่ถ้าให้จ่าย 30 กว่าปอนด์เนี่ยผมว่าแพงไปนิด ถ้าราคาจองออนไลน์ล่วงหน้าเนี่ยโอเคเลย ยังไงก็อย่าลืมจองออนไลน์กันนะครับ ขอย้ำ!!
สถาน ที่ต่อมาที่ผมอยากจะแนะนำก็คือ Calton Hill ครับซึ่งเป็นอีกหนึ่งจุดชมวิวของเมือง Edinburgh ที่นี่เราต้องเดินขึ้นเนินไปครับ ซึ่งก็เหนื่อยเล็กน้อย พอเข้าไปถึงด้านบนเนี่ยก็จะมีสิ่งก่อสร้างแบบกรีกตั้งอยู่ (ผมถามคนท้องถิ่นว่าข้างบนนี้ใช้มั๊ยที่มีเสาโรมันตั้งอยู่ แกสวนกลับมาว่ากรีกต่างหาก มิใช่โรมัน ฮาฮา คือเอาจริงๆ ผมก็แยกไม่ออกหรอกว่าไอโรมันกับกรีกเนี่ยมันต่างกันยังไง ความรู้สึกคือมันก็เหมือนกันกันนั้นแหละ) ตือสิ่งก่อสร้างแบบกรีกที่ผมพูดถึงเนี่ยส่วนใหญ่ก็จะเป็นซากปรักหักพังไป เรียบร้อยแล้ว แต่ก็ยังเหลือร่องรอยไว้ให้เราถ่ายรูปได้ซึงก็สวยงามไปอีกแบบ อีกจุดประสงค์นึงของการขึ้นมาก็คือเพื่อชมวิวครับเพราะที่นี่เป็นอีกจุดที่ สามารถมองเห็นตัวเมือง Edinburgh ได้รอบๆ เลยครับ แต่จะต่างกับที่ปราสาทตรงที่อันนี้จะดูเป็นธรรมชาติกว่า ได้สูดอากาศบริสุทธิ์ในบรรยากาศสบายๆ ผู้คนก็ไม่เยอะเท่าที่ปราสาทครับ นอกจากนี้ด้านบนยังมีร้านเครื่องดื่มไว้ค่อยบริการ สำหรับใครที่อยากได้บรรยากาศจิบกาแฟบนยอดดอยกับอากาศชิวๆ (ถ้าไปตอนหน้าร้อน) ก็ลองดูได้เลยครับ
นี่ ก็คือทั้งหมดที่ผมได้ไปมาที่เมือง Edinburgh ครับ อาจจะดูว่าไปแค่ไม่กี่ที่แต่อย่างที่บอกครับ เมือง Edinburgh เนี่ยแค่เดินเล่นอยู่ในเมืองก็เพลินๆละครับ คือมันดูสวยดูน่าสนใจไปหมด แถมยังไปช่วงเทศกาล International Festival อีกเรียกได้ว่า 2 วันนี่ไม่พอจริงๆ ครับ สำหรับคราวหน้าเราคงกลับอังกฤษกันแล้วครับ แต่ว่าจะไปเมืองอะไรกันต่อเอาไว้ติดตามในฉบับหน้านะครับ ฉบับนี้ผมก็ขอจบลงที่ตรงนี้ ขอบคุณเพื่อนๆ หลายๆ คนที่ติดตามอ่านนะครับ การที่รู้ว่ามีคนอ่านอยู่ก็ทำให้รู้สึกอยากจะเขียน ขอบคุณจริงๆ ครับ จนกว่าจะได้พบกันใหม่ บ๊ายบายครับ