สวัสดีค่ะ ฉบับที่สองแล้วนะคะ มาอยู่ที่นี่ก็ เดือนกว่าๆ แล้ว ภาษายังไม่ค่อยพัฒนาเท่าไหร่เลย แต่ที่แน่ๆ ที่ได้เลยคือสามารถฟังออกมากขึ้นจากวันแรกที่มาถึง ถึงจะยังโต้ตอบไม่ค่อยรู้เรื่องก็เถอะ ตอนนี้เริ่มปรับตัวได้ดีมากขึ้นแล้วค่ะ ไม่กลัวฝรั่งแล้ว ถึงจะฟังไม่ออกก็งูๆ ปลาๆไป คนที่นี่ใจดีมาก เขาพยายามเข้าใจในสิ่งที่เราพูด แต่ถ้าคุยไม่รู้เรื่องจริงก็หยิบโทรศัพท์ มีสิ่งที่เรียกว่า Translate อยู่คะ ถ้ามี Wi-Fi หรือ Internet ถึงจะใช้ได้ค่ะ แต่ไม่แนะนำให้ใช้บ่อยนะคะ ต้องรอเวลามึนจริงๆ เพราะมันไม่ได้ดีเสมอไปบางครั้งมันก็แปลออะไรไม่รู้ เหมือนเราเวลาจะคุยกับใครต้องมานั่งเปิดบ่อยมันไม่ต่อเนื่องคะ ทางที่ดีคือพยายามฟังไปเรื่อยๆ ไม่จำเป็นต้องฟังออกทั้งประโยค ฟังออกบางครั้งก็สามารถเดาได้แล้วว่าเค้าสื่ออะไรถ้ามันไม่ยากเกินไป
ส่วนเรื่องเรียนที่โรงเรียนไม่ต้องห่วงค่ะ ทุกคนจะเข้าใจเรา ครูที่สอนจะบอกเสมอว่า ไม่ต้องกังวล เดี๋ยวเราจะค่อยๆ พัฒนาไปเองนี่เพิ่งเดือนแรก เป็นอะไรที่รู้สึกดีมากเลยค่ะเวลาได้ยินแบบนี้ แล้วเพื่อนในห้องไม่เคยมีใครที่กดดันเราเลยสักคน เวลาตอบอะไรไม่ได้เพื่อนจะช่วยกันแปลอังกฤษเป็นอังกฤษให้อีกรอบค่ะ เลยทำให้ความกดดันเราลดน้อยลง
มาอยู่นี่ก็หนึ่งเดือนกว่าๆ แล้วก็ยังไม่เคยไปเที่ยวไหนเลยค่ะ เดือนนี้เพื่อนๆ เลยจัดทริปไปดู 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกซะหน่อย ที่อังกฤษมีอยู่สิ่งหนึ่งคือ Stonehenge เชื่อว่าทุกคนต้องเคยได้ยินหรือผ่านหูผ่านตากันมาบ้าง เราวางแผนจะไปกันในวันอาทิตย์ ไปเช้ากลับเย็น ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง เรานั่งรถสาย X3 กันนะคะ ส่วนค่าใช้จ่ายทั้งหมดราวๆ 38.5 ปอนด์ ต่อคน รวมไปและกลับและค่าเข้าชมสถานที่ต่างๆ ในวันนี้เราก็ออกมารอรถกันแถว Kaplan เวลารถที่นี่ก็มีแจ้งไว้ตั้งแต่เราได้ออกตั๋วออนไลน์แล้วค่ะ และค่อนข้างตรงเวลา เราใช้เวลานั่งประมาณ 2 ชั่วโมง ดูเหมือนไกลแต่ไม่ค่อยไกลเท่าไหร่เพราะเรานั่งเม้าส์กันตลอดทางเลย พอไปถึงเมือง Salisbury ก็จะไปเปลี่ยนรถสาย U เพื่อไป Stonehenge ระหว่างทางมีวิวที่สวยมากๆ ดอกไม้เต็มข้างทางเลย สีเหลืองสวยมากๆ บางช่วงก็จะเห็นเป็นทุ่งหญ้าสีเขียวที่ดูสบายตามากค่ะ แล้วก็บ้านที่นี่ดูเป็นระเบียบน่ารัก เรียกว่าตื่นตาตื่นใจตั้งแต่ทางไปจนลืมเวลาว่าผ่านไปกี่นาทีแล้ว
แล้วเราก็มาถึง Stonehenge ชอบมากๆ เลยธรรมชาติที่นี่ อากาศดีกว่า Bournemouth อีกคะ ค่อนข้างเย็นกว่า ช่วงนี้อากาศที่ Bournemouth ค่อนข้างร้อนคะ แต่ก็ไม่ได้ร้อนระอุแบบประเทศไทยบ้านเรานะคะ ช่วงนี้ก็ประมาณราวๆ 10 – 15 องศา คงชินมั้งคะอยู่ไปนานๆ มาแรกๆ อย่าหวังว่าจะเห็นเหงื่อเลยค่ะ แต่ตอนนี้เหงื่อออกแทบทุกวัน กลับไปที่ Stonehenge นะคะ มาถึงก็เดินผ่านร้านขายของฝากก่อนเลยเพราะอยู่ตรงทางเข้าและออกและใกล้ห้อง น้ำ
สิ่งแรกที่สะดุดตาเลยแบบเดี๋ยวก่อนกลับจะกลับมาซื้อ คือ เสื้อผ้า หมวก และตุ๊กตา แล้วเราก็ต้องนั่งรถของเขาอีกคันต่อเข้าไปข้างใน เพื่อไปดู Stonehenge พอไปถึงอึ้งแปปค่ะ มันไกลจัง เห็นเพื่อนเล่าให้ฟังว่าเขาเพิ่งกั้นให้ไกลขึ้น ก่อนหน้านี่สามารถเข้าใกล้ได้มากกว่านี้คะ แล้วรอบๆ ก็มีที่กั้นอีก เขาเลี้ยงแกะเต็มเลยคะ เลี้ยงแบบปล่อยให้วิ่งเล่นตามทุ่งหญ้า แกะอยากเดินไปทางไหนไปได้หมดตามทางที่เจ้าหน้าที่กั้นเอาไว้ บรรยากาศที่นี่ดีแบบสุดๆ ส่วนใหญ่จะเห็นมากันเป็นครอบครัวมีเด็กเล็กมาด้วย ฝรั่งเลี้ยงลูกแบบปล่อย อยากทำอะไรให้ลอง หลังจากนั้นที่พวกเราแชะภาพรัวๆ ที่หินพระเอกในวันนี้ของเรากันเสร็จเรียบร้อยแล้ว อารมณ์แบบ 100รูปเลือก 1 รูป หรือมีรูปลงได้ยันเดือนหน้า พวกเราก็นั่ง Picnic กันค่ะ เพื่อนๆ ทำอาหารใส่กล่องมานั่งกินกันที่สนามหญ้า บรรยากาศดีมาก เป็นการ Picnic ที่อากาศเย็นสบายสุดๆ หลังจากนั้นพวกเราก็เดินเล่นดูบรรยากาศกันรอบๆ ก็หมดเวลาแล้ว
ถึงเวลาต้องนั่งรถกลับเพื่อไปเที่ยวโบสถ์อีกที่ในเมือง Salisbury ค่ะ Salisbury Cathedral เป็นโบสถ์ที่สวยมากๆ พวกเราก็ไม่ลืมที่จะแชะภาพมาฝากถึงความงามของที่นี่คะ เผื่อใครมาเที่ยวเมืองนี้จะได้ไม่พลาดที่จะเข้าไปชมความสวยงามกัน ข้างในสวยงามมากๆ ค่ะ
วิธีการเข้าไปข้างในโบสถ์เพื่อชมความสวยงาม คือ อย่างแรกเลยเราต้องไปติดต่อซื้อบัตรเพื่อเข้าไปข้างในค่ะ แต่เจินได้ซื้อบัตรมาแล้วผ่านทางออนไลน์ ก็โชว์ให้เจ้าหน้าที่ดูค่ะ ว่าเราได้ซื้อแล้ว เมื่อเดินเข้าไปข้างในค่อนข้างเงียบสงบ พวกเราก็เดินดูความสวยงามกันจนครบและออกไปที่ร้านของฝาก ที่นี่มีของจุ๊กจิ๊กขายเยอะมาก ถ้าใครชอบของพวกนี้ ได้ซื้อกลับไปเยอะแน่ๆ เลยค่ะ หลังจากนั้นพวกเราก็ไปหาข้าวกินกัน เดินมาทั้งวันเลยหิวบ่อย พวกเราแวะไปกิน เบอร์เกอร์คิง กันค่ะ ตอนนั้นก็ 16:00 น. กว่ารถจะมาก็ 18:00 น. เราก็นั่งชิวกินกันสบายเลยคะ จนสุดท้ายนั่งเม้าส์กันเพลินต้องรีบวิ่งไปที่รถกลัวไม่ทันละตกรถค่ะ ได้ออกกำลังกายหลังกินเสร็จดีมากเลย พอกลับมาถึงเมือง Bournemouth บ๊ายบายกันเสร็จแยกย้ายกันกลับบ้านนอนเพราะวันนี้เหนื่อยกันสุดๆ เจอกันฉบับหน้านะคะ
เขียนโดย น้องเจิน, British Study Centres
ติดตามเรื่องราวของน้องเจินได้ในตอนต่อไป