สวัสดีครับ ขอแนะนำตัวก่อนนะครับ ชื่อบอมบ์ครับ อายุ 25 สาขาที่ผมเลือกเรียนคือ MSc Entrepreneurship and Management ที่ University of Reading ครับ ตอนแรกผมก็ไม่ได้อยากมาเรียนต่างประเทศหรอกครับ แต่หลังจากที่พ่อเรียกไปคุย เขาบอกว่าไม่มีสมบัติจะให้ ให้ได้แต่โอกาสและความรู้ที่ผมจะเอาไปใช้ได้ในอนาคตครับ ผมเลยไม่ปฏิเสธที่จะรับโอกาสนั้นไว้ โดยตั้งเป้าไว้ว่าจะต้องมาที่อังกฤษให้ได้ เพราะการได้มาอังกฤษก็เป็นความฝันของผมอย่างหนึ่งครับ ในตอนนั้นที่ผมกำลังหาข้อมูลเกี่ยวกับการเรียนต่อที่ประเทศอังกฤษ แล้วผมก็ได้เจอกับ Hands On ครับ Hands On เป็นตัวแทนอย่างเป็นทางการของมหาวิทยาลัยหลายๆ ที่ รวมถึง มหาวิทยาลัย Reading ด้วย ผมจึงไม่ลังเลที่จะลองไปดูครับ ตอนนั้นยอมรับว่ายังไม่รู้จัก Hands On ดีเท่าไหร่ ก็ยังกลัวๆ นิดๆ ครับ แต่หลังจากนั้นที่ได้รู้จัก Hands On มากขึ้น ผมรู้สึกว่าพี่ๆ Counsellors ดูแลดีมากๆ ครับ เอาใจใส่ คอยให้การปรึกษาเป็นอย่างดี จนผมคิดว่า ถ้าไม่รู้จัก Hands On ตอนนี้ผมคงอาจยังนั่งหน้าจอคอมทำงานอยู่ในไทย
เวลาที่ต้องเดินทางใกล้เข้ามาถึงเรื่อยๆ ผมตัดสินใจที่จะลาออกจากงานมาใช้ชีวิตในไทยให้คุ้มค่าสักหนึ่งเดือนก่อนออกเดินทางครับ แต่ยอมรับว่าใช้เวลากับการเตรียมตัวค่อนข้างน้อยในการมาเรียน ผมหาข้อมูลพอสังเขปเกี่ยวกับการใช้ชีวิตที่ประเทศอังกฤษครับ หลายรีวิวบอกว่าของทุกอย่างในอังกฤษแพงหมด ต้องเอานู่นนี่นั่นไป ส่วนผมเองก็กังวลครับว่าจะต้องเอาอะไรไปบ้าง แค่ไหนถึงจะดี โดยเฉพาะเมื่อน้ำหนักกระเป๋าเดินทางของผมถูกจำกัดอยู่ที่ 30 กิโลกรัม มันเป็นสิ่งที่ challenging มากครับ สุดท้าย การจัดกระเป๋าของผมก็เสร็จสิ้นด้วยการยัดของใช้ต่างๆ ที่เตรียมไว้ด้วยความช่วยเหลือของแม่ครับ ของที่ผมเตรียมมาส่วนใหญ่เป็นของที่ต้องใช้ประจำครับ เช่น แชมพู (ผมแพ้ง่ายครับ ใช้ได้อยู่ยี่ห้อเดียว ซึ่งอังกฤษไม่มีขายเลยจำต้องแบกมา) ครีมบำรุง (ของที่ผมใช้ไม่มีขายตามท้องตลาดเช่นกันครับ) ยารักษาโรคทั่วไป รองเท้า 4 คู่รวมรองเท้าแตะคู่ใจ แต่ผมไม่ได้เอาเสื้อผ้ามาเยอะครับ เอามาแค่พอใส่ได้ 1 อาทิตย์ และชุดที่เป็นทางการไว้เผื่อใช้ ไม่ได้เอามาแม้กระทั่งเสื้อกันหนาวครับ (รีวิวบอกว่ามาหาเอาดาบหน้า ผมก็ว่าตาม) ติดมาแค่เสื้อ Jacket ธรรมดาที่ใช้ในเมืองไทย เพราะตอนที่มาจะเป็นช่วงกรกฏา ซึ่งเป็นหน้าร้อนของที่อังกฤษครับ ซึ่งจริงๆ มหาวิทยาลัยเปิดเทอมเดือนกันยายนนะครับ แต่ผมต้องเรียน Pre-sessional 6 weeks เลยต้องมาก่อน
เมื่อมาถึงประเทศอังกฤษ สิ่งที่ตกใจเป็นอย่างแรกคือค่าเดินทางครับ จากสนามบิน Heathrow มาที่ Reading Station ผมเลือกนั่งรถ Coach ครับ ถึงจะเป็นแค่รถธรรมดาแต่ราคาปาเข้าไป GBP 20.00 ครับ ทั้งๆ ที่ใช้เวลาอยู่บนรถคันนั้นเพียงราวๆ 30 นาที พอถึง Reading Station ก็มีรุ่นพี่คนไทยมารับไปมหาวิทยาลัยครับ อันนี้ผมติดต่อเขาไว้ล่วงหน้าจากกลุ่ม Facebook ของนักเรียนไทยใน University of Reading ครับ ถ้าใครสนใจไปเรียนที่ไหน แนะนำให้ลองหา Facebook ของนักเรียนไทยที่นั่นดูนะครับ มีอะไรจะได้ช่วยเหลือกันได้ ดีไม่ดีอาจมีของมือ 2 ราคาถูก ลดแลกแจกแถม หรืออาจจะฟรี มาให้ใช้จากรุ่นพี่ที่กำลังจะกลับไทยด้วยครับ ส่วนเรื่องเครือข่ายโทรศัพท์ อันนี้ก็ค่อนข้างสำคัญนะครับ คนไทยกับคนจีนส่วนใหญ่ที่นี่ (Reading นะครับ ที่อื่นไม่ทราบ) จะใช้ Giffgaff ครับ แต่ตัวผมใช้ Lebara ซึ่งเป็น sim cardที่ทาง Hands On แจกให้ก่อนที่จะเดินทาง (พี่เขาดูแลดีจริงครับ) ราคาก็ไม่ได้แพงเท่าที่คิดไว้ตอนแรกครับ แต่ก่อนใช้ต้องไปหาร้านที่มันเติมเงินโทรศัพท์ก่อนนะ หรือถ้าเติมออนไลน์ก็สะดวกดีครับ ผมใช้โปรโมชั่น 15 ปอนด์ โทรในอังกฤษ 500 นาที โทรต่างประเทศ (กลับไทย) 500 นาที กับสัญญาณอินเตอร์เน็ต 3 GB ครับ (ซึ่งใช้ไม่หมด ตอนนี้ลดมาเหลือแบบ10ปอนด์แล้วครับ ต่างกันตรงที่อินเตอร์เน็ตจะเหลือ 1 GB แต่ที่นี่มี Wi-Fi เกือบทุกที่ครับ รถเมล์ก็ยังมี)
เรื่องที่พักตัวผมเลือกที่จะอยู่หอในนะครับ (ซึ่งใน Reading หอพักของมหาวิทยาลัยจะค่อนข้างแพงครับ แต่สะดวกกว่าในหลายๆ อย่าง เช่นการเดินทาง เพราะมหาวิทยาลัยอยู่ห่างจากตัวเมืองพอสมควรครับ เดินประมาณครึ่งชั่วโมงได้) ตั้งแต่ Pre-sessional จนถึงจบโทเลยครับ ด้วยความที่เอาของมาน้อย วันแรกเลยเป็นวันที่หนักหน่อย การกินอยู่ การพักผ่อน ผมค่อนข้างให้ความสำคัญกับมันนะ ผ้าห่มเป็นสิ่งจำเป็นมากสำหรับผมซึ่งไม่ได้เอามา ราคาไม่ได้แพงจนเกินไปครับ พยายามหาเลือกที่มีค่า Tog สูงๆ ครับ จะได้ไม่ลำบากหาเพิ่มในหน้าหนาวแล้วก็ถ้ามีผ้าปูที่นอนติดมาก็จะดีครับ ส่วนใครที่ติดหมอนข้าง พยายามหาซื้อที่อัดสุญญากาศมาจากไทยนะครับ ที่นี่หาหมอนข้างยากครับ ส่วนเครื่องครัว ถ้าไม่คิดอะไรมาก ก็สามารถซื้อมือ 2 จากรุ่นพี่ที่กำลังจะกลับไทยได้นะครับ ราคาจะถูกกว่ามาก ลองหาดูครับ ^^ หวังว่าเพื่อนๆ คงได้อะไรเกี่ยวกับการเตรียมตัวของผมไปบ้างนะครับ แล้วไว้ครั้งหน้า ผมจะมาเล่าเกี่ยวกับเพื่อนๆ และการเรียนนะครับ บายครับ
บรรยากาศหอในตอนฤดูร้อน เต็มไปด้วยดอกไม้สวยมากครับ
เป็นรูปถ่ายหน้าป้ายมหาวิทยาลัยกับเพื่อนๆ ครับ เพราะไม่มีป้ายชื่อมหาวิทยาลัยใหญ่ๆ แบบในเมืองไทย
ทางเดินลัดไปตึก Agriculture, มหาวิทยาลัย Reading เต็มไปด้วยต้นไม้และลำธารดูสวยไปอีกแบบครับ
ภาพนี้เป็นบรรยากาศตอนมีบรรยายรวมสำหรับ PSE 6 ครับ คนที่นี่ค่อนข้างให้ความสำคัญในเรื่องของความปลอดภัยมากครับ
แถมด้วยภาพบรรยากาศ Broad Street ในตัวเมือง Reading ครับ เข้าไปเป็นวันที่มีพาเหรดพอดี
สนใจเรียนต่อ University of Reading ลงทะเบียนเพื่อรับข้อมูลเรียนต่อและคำปรึกษาจากพี่ๆ Hands On ตัวแทนมหาวิทยาลัยอย่างเป็นทางการประจำประเทศไทย ฟรี คลิก