ชีวิตการเรียนที่ British Study Centres

  • Share this:

61_1

หลังจากจบทริป Holiday ไปแล้วนะเราก็ต้องกลับมาสู่สภาวะความเป็นจริงกันแล้วนั่นคือ เรียนหนังสือ เข้ามาเรื่องเรียนทีไรง่วงทุกทีตอนนี้ก็เข้าช่วง Summer แล้วค่ะ นักเรียนเต็มโรงเรียนเลยค่ะ ส่วนใหญ่ที่เห็นจะเป็นคนจีนนะคะแต่พวกเขาย้ายไปอยู่ อิตาลี กัน คนกลุ่มนี้พูดได้ 3 ภาษาเลยค่ะ จีน อังกฤษ อิตาลี พวกเขาพูดกันเก่งมากๆ ช่วงนี้จะมีเด็กนักเรียนที่อายุน้อยค่อนข้างเยอะ ประมาณ 11 ขึ้นไป เขาปิดเทอมกันโรงเรียนเลยวุ่นวายทีเดียว ตอนแรกห้องนึงจะมีไม่ถึง 10 คน ตอนนี้ก็เต็มแม็กเท่าที่รับไหวเลยค่ะ หลังจากสอบ Big test ก่อนไปเที่ยว ก็ได้เลื่อนห้องเรียนค่ะ ตอนนี้เรียน Pre-intermediate ค่ะ ขยับมาอีกขั้นนึง แต่ไม่สูงมาก คลาสนี้ออกแนวหนักแกรมม่ามากๆ เรียนทุกอย่างเลยก็ว่าได้ เหมือนเป็นการปูพื้นฐานให้แน่นก่อนจะส่งเราไปเลเวลต่อไป เรียกว่ามาเรียนนานได้เปรียบจริงๆ แต่ถ้าพูดถึงระดับภาษาของเราแล้วละก็ แฮ่ๆ ไม่ค่อยเท่าไหร่ แต่ว่าไม่ใช่ไม่ได้เลยนะคะ จากตอนแรกที่มาพูดไรไม่รู้เรื่อง ฟังไม่ออกเลย ตอนนี้ฟังพอรู้เรื่องแล้วนะคะ อย่างน้อยก็เข้าใจครูสั่งให้ทำอะไร สามารถไปซื้ออะไรคนเดียวได้ ก็เรียกว่าพัฒนาแล้วแหละเนอะ จากคนที่เหมือนใบ้ในช่วงแรก นี้ก็น่าจะประมาณ 3-4 เดือนได้แล้วที่มาอยู่ที่นี่

วันแรกของการไปเรียนหลังจากเที่ยวเสร็จ เราเจอครูคนใหม่ค่ะ เขาเพิ่งมาสอนครูคนนี้ดีสู้คนก่อนไม่ได้นะคะเขายังไม่เก่งในเรื่องการสอน เด็กเลยค่อนข้างเบื่อและง่วงนอน เพื่อนในห้องจึงต้องไปบอกกับทางโรงเรียนเกี่ยวกับการสอนของครูคนนี้ เพราะเพื่อนเรียนกันมาสองอาทิตย์แล้วครูไม่มีการเปลี่ยนแปลงในด้านของการสอน เลย แต่เราเพิ่งจะมาวันนี้วันแรกคะ หลังจากลาเรียนไปเที่ยว holiday แต่เรียนวันแรกก็ไม่ค่อยชอบนะคะ น่าเบื่อจริงง่วงมากสอนตามหนังสือไม่มีนอกหนังสือเลย อีกวันครูป่วยเลยค่ะ หลังจากโดนนักเรียนไปติกับทางโรงเรียน แล้วครูก็หายไปเลย ห้องเรียนเราได้เปลี่ยนคุณครูคนใหม่ คนนี้น่ารักค่ะ สอนสนุก เขาจะคอยสังเกตุพฤติกรรมเด็กนักเรียน ถ้าเห็นเด็กเริ่มง่วง ครูเขาก็จะชวนเล่นเกม แต่เกมนี่ต้องเป็นเกมเกี่ยวกับเนื้อหาที่เรียนเท่านั้นนะคะ มันก็ดีอย่างหนึ่งคือ ทำให้เราไม่ง่วงนอน และบางทีอาจจำได้ดีกว่าการเรียนตามหนังสืออย่างเดียว ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิมถึงแม้เปลี่ยนครู เปลี่ยนคลาสเรียน นั่นคือ มี Test ทุกวันจันทร์ ทำให้เสาร์ อาทิตย์ ยังไงก็ต้องมีสักวันที่เราต้องทบทวนบทเรียนเพื่อเอาไปสอบวันจันทร์ ช่วงนี้ห้องเรียนคึกคักมาก เสียงดังสุดๆ จนบางทีเกินความควบคุมของครูไปเลย เพราะนักเรียนส่วนใหญ่เป็นเด็กและเป็นคนจีน พอมีคนประเทศเดียวกันอยู่ในห้องเรียนเยอะ ทำให้พวกเขาไม่พูดภาษาอังกฤษกันค่ะ จนครูต้องค่อยเตือนไม่ใช่พวกเขาพูดไม่ได้นะคะ พูดเก่งมากเลย แต่อย่างว่าพออยู่กับคนบ้านเดียวกันเราก็ต้องพูดภาษาบ้านเกิดอยู่แล้วจึงทำ ให้คนส่วนใหญ่เลือกที่จะมาคนเดียวและเลือกประเทศที่มีคนประเทศเดียวกันน้อยๆ ทีนี้พอประเทศเดียวกันพูดภาษาเดียวกันไม่เท่าไหร่ เสียงค่ะเสียง โอ้โห อย่าให้บอก ระบบเซอร์ราวด์มาเอง ดังมาก ปวดหัวสุด ผ่านไปสักอาทิตย์ค่ะ ครูคงเอาไปคุยกัน ทีนี้แหละ เกิดไรขึ้นรู้ไหมคะโดนจับแยกห้อง เหลือประเทศเดียวกันอยู่ไม่กี่คน ส่วนคนไทยนะคะ ทั้งโรงเรียนมี 2 คน ใครอยากมาฝึกภาษา แนะนำค่ะ British study centers สาขา Bournemouth ที่นี่เลยไม่มีเลยคนไทย นี่ถ้าเพื่อนเราไม่ตามมาทั้งโรงเรียนก็จะมีแค่เราเท่านั้นที่เป็นคนไทย และตอนนี้ก็โดนจับแยกห้องกันเป็นที่เรียบร้อย

61_2

ฉะนั้นการฝึกภาษาอังกฤษมาเต็ม เพราะเราต้องฟังเอง พูดเองตลอดเวลา ไม่มีใครมาเป็นหู หรือ ปาก ช่วยพูดหรือช่วยแปลให้ เพราะฉะนั้นต้องช่วยเหลือตัวเองเต็มๆ ตอนนี้เรียนเกือบครบทุกแกรมม่าแล้วนะคะ มึนเลยทีเดียว ต้องพยายามแยกให้ถูก กิริยา 3 ช่องสำคัญมาก ถ้าเราท่องได้ก็ได้เปรียบไปหนึ่ง แล้วถ้าแม่นแกรมม่าอีก อยู่สบายละค่ะ ตอนนี้เลยต้องขยันมากขึ้น เพราะตอนเรียนครูเขาก็พูดเร็วขึ้นนะคะ ไม่ได้ช้าๆ เหมือนแต่ก่อนแล้วเราจึงต้องพยายามฝึกเองกับทำการบ้านบ่อยๆ ค่ะ รับรองไม่เสียเปล่า ได้ไรเยอะแยะแน่นอน เพราะถ้ามาเรียนป.โท พวกที่มาเรียน พรี ก่อนเข้าป.โทจริง ไม่ได้มานั่งสอนไรแบบนี้นะคะ เพราะฉะนั้นถ้าจะมาเรียนป.โทแล้วแม่นตรงนี้สบายค่ะ ถ้าไม่แม่นก็เหนื่อยเหมือนกัน เพราะงั้นใครว่า แกรมม่า อังกฤษไม่สำคัญเรียนไปไม่ได้ใช้ ผิดค่ะ ใช้เต็มๆ แม้แต่ตอนพูด มันเป็นการบอกถึงเรื่องราวว่าเกิดขึ้นหรือยัง ผ่านมาแล้วหรือยัง เหมือนบ้านเราอ่ะค่า ที่พูดเมื่อวานนี้ วันนี้ เพิ่งมารู้ตัวว่ามันสำคัญก็ตอนมาเรียนภาษาที่นี่

61_3

เดือนนี้เราจะไปเที่ยวลอนดอนกันค่ะ หลังจากอยู่อังกฤษมาหลายเดือนไม่เคยไปเหยียบเลย เราไปโดยรถไฟนะคะ ไม่ได้จองตั๋วล้วงหน้า ไปซื้อเอาตอนเช้าเลย แล้วก็ทำบัตรรถไฟ เอาไว้ลดราคา จำไม่ได้ลดกี่เปอร์เซ็น ค่าทำก็ประมาณ 30 ปอนด์มั้งคะ วันนั้นจ่ายไป 67 ปอนด์เหมือนว่าตั๋วไป-กลับจะอยู่ที่ 37 ปอนด์ ใช้เวลาเดินทางประมาณ สองชั่วโมงเราก็ถึงลอนดอนกันค่ะ เราได้จองโรงแรมไว้ใกล้ๆ กับที่เที่ยวจะได้เดินทางสะดวก หรือบางคนไปเช้าเย็นกลับก็ได้เพราะมันไม่ไกลมาก มาถึงเราก็ลากเอากระเป๋าไปเก็บที่โรงแรมก่อน อ๋อลืมบอก มาเมืองนี้ต้องมีบัตรรถนะคะ มันใช้ขึ้นรถไฟใต้ดินรถบัส ได้หมดเลย เราก็ทำบัตรกันที่สถานีรถไฟเลยค่ะ แล้วก็นั่งรถไฟใต้ดินเอากระเป๋าไปเก็บ รถไฟใต้ดินเป็นอะไรที่งงมากๆ เราต้องดูว่าเราจะไปที่ไหนละสังเกตุสีค่ะ แล้วหลังจากนั้นก็เดินตามสี ถ้าไม่ได้ไปกับเพื่อนที่มีประสบการณ์ก็คงมีหลงทางกันแหละค่า งง ได้อีก หลังจากนั้นเราก็ไปเที่ยวห้าง Harrods ที่นี่มีของเยอะมาก เราก็ได้ไปชิมของหวานสุดฮิต นั่นคือ มาการอง จากร้าน Laduree ในห้างด้วยแหละค่า แต่ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ห้ามหลงกันนะคะ เดี๋ยวหากันไม่เจอคะ มันจะเดินงงๆ ที่นี่ทะลุได้หลายช่องทาง ฮ่าๆ

61_4

พอเราเดินดูของที่นี่เสร็จเราก็ไป oxford street ที่นี่ของช็อปปิ้งเยอะมาก เรียกว่าเมืองดูดทรัพย์เลยค่ะ ค่าใช้จ่ายก็แพงของก็น่าซื้อ แต่เงินในกระเป๋าไม่อำนวยคะ วันนี้เราแวะกิน ล็อบเตอร์กันค่ะ ตัวใหญ่มากๆๆๆ ถ้าคนทานไม่เก่งก็ทานกันสองคนได้นะคะ จานละ 20 ปอนด์ หลังจากกินกันเสร็จเรียบร้อยพวกเราก็ไปเที่ยวต่อค่ะ ดูกระเป๋าตามภาษา ผู้หญิงช็อปปิ้ง ดูนะคะไม่ได้ซื้อ เพราะซื้อตอนนี้ไม่ได้ค่า refund tax ต้องรอก่อนวีซ่าหมดสามเดือนถึงจะซื้อได้ค่ะ เวลาผ่านไปไวมาก เราก็กลับมาที่พัก นอนสลบกันเลยค่า ตื่นมาเราก็ไปที่เดิมที่เมืองเราไปมาแล้ว เพราะเดินไม่ครบคะ มันเยอะมากและแต่ละร้านใช้เวลาในการชมน๊านนาน วันนี้เราไปกินเป็ดกันด้วยนะ ก่อนกลับ แต่ไม่ใช่เป็ดโฟร์ซีซั่นนะคะ จำชื่อร้านไม่ได้ แต่รสชาติใกล้เคียงกันเลยทีเดียว หลังจากนั้นเราก็นั่งรถไฟกลับมา Bournemouth ค่ะ สองชั่วโมงเท่าเดิม สรุปแล้วการไปลอนดอน ถ้าจะเที่ยวแนะนำให้เที่ยวอย่างเดียวไม่ต้องช็อปปิ้ง เพราะนี่ไปไม่ได้เที่ยวเลย มัวแต่ไปเดินดูเสื้อผ้า ที่เมืองเสื้อผ้าไม่ค่อยสวยค่ะ เราได้กางเกงยูนิโคกลับมาหนึ่งตัว ที่เมืองเราไม่มี เลยต้องถ่อมาซื้อถึงลอนดอน ที่เอามาจากบ้านก็ใกล้พังเตมที อยู่ที่นี่ใส่แบบเลกกิ้งดีที่สุด เพราะเอวเรามันขยายเร็วมาก ฮ่าๆ กลับมาถึงบ้านก็เหนื่อยสุด แต่ต้องอ่านหนังสือต่อค่ะ เพราะพรุ่งนี้วันจันทร์อีกแล้ว มีสอบค่ะ สอบทุกจันทร์ เช้ามาก็สลึมสลือไปเรียน ดีที่ครูให้เล่นเกมหลังสอบเลยฟื้นตัวได้สักแปป แต่สนุกมากค่ะชีวิตช่วงนี้ ตั้งแต่ย้ายคลาส การบ้านเยอะทุกวัน เที่ยวก็เยอะตามเพราะเริ่มพูดได้เลยกล้าไปเที่ยวที่อื่นๆ ปิดท้ายด้วยรูปที่เจินไปเที่ยวกับเพื่อนที่เมืองอื่นๆ อีกมากมายเช่น Edinburg ฝั่งทางตอนเหนือของประเทศอังกฤษ หวังว่าเพื่อนๆ คงได้รับความรู้ เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย และประสบการณ์ที่เจินได้ใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ เพื่อไปพิจารณาตัดสินใจในการมาเรียนภาษาที่ UK กันนะคะ

61_5

61_6

61_7

เขียนโดย น้องเจิน, British Study Centres

Enquiry Form

Please provide the following information and we will aim to respond within 48 hours:

Your details
Please enter your first name.
Please enter your last name.
Please enter a valid email address.
Please enter your phone number.
Please select a country you want to study.
Please select a year you want to study.
Please select your preferred branch.

* All fields required (in English)

  • Share this: