Hands On Education Consultants

พาเที่ยวเมือง Edinburgh ต้นกำเนิด Harry Potter

สวัสดีครับเพื่อนๆ กลับมาพบกันอีกแล้วนะครับ วันนี้ผมจะพาเพื่อนๆ ไปเที่ยวชมเมืองที่ถือเป็นต้นกำเนิดของ Harry Potter ที่เป็นที่โด่งดังและชื่นชอบของใครหลายๆ คนกันครับ บล็อคนี้ผมจะมาเขียนถึงการมาเที่ยวเมือง Edinburgh ที่ประเทศ Scotland ที่ถือเป็นครั้งแรกของผมเลยครับ หลังจากบล็อคที่แล้วผมได้พาไปเที่ยวชมธรรมชาติของเมือง highlands กันมา เรามาลุยต่อกันเลยดีกว่าครับ

เมื่อมาถึงที่นี่จะเห็นได้ว่าตึกที่นี่สวยมากครับ แต่ละตึกจะค่อนข้างมีสีสันที่เป็นโทนเดียวกันแทบจะทั้งเมืองเลยครับ ดูมีมนต์ขลังสมแล้วที่เรียกว่าเป็นเมืองพ่อมดครับ โดยเฉพาะตัวเมืองที่นี่ใหญ่มากครับ ซึ่งถือว่าไม่น้อยหน้าไปกว่าลอนดอนเลยก็ว่าได้ โดยเฉพาะร้านอาหารมีให้เลือกเยอะมากครับ ยิ่งร้านไทยก็มีหลายร้านพอสมควรเลยครับ และสิ่งที่ผมประทับใจกับที่นี่มากที่สุดก็คือที่นี่เค้ามี tram หรือรถรางนั่นเอง ที่วิ่งผ่านตัวเมืองมาจากสนามบินเอดินเบอระเลยครับ จากที่ผมสังเกตุคือรถรางมาถี่มาก สะดวกกับการเดินทางจริงๆ เลยครับ เพราะช่วงเวลาเลิกงานตอนเย็นของที่นี่คนจะเยอะมากครับ คนยืนรอรถเมล์กันแบบเบียดเสียดเลย ส่วนผู้คนที่นี่สำหรับผมคิดว่าธรรมเนียมปฏิบัติต่างๆ จะคล้ายกับคนอังกฤษซะส่วนใหญ่เลย แต่ที่เห็นจะแตกต่างก็คงจะเป็นสำเนียงนี่ละครับ เพราะรู้สึกว่าสำเนียงคนที่นี่ฟังยากกว่า สำหรับอาหารที่ถือเป็น tradition ของที่นี่เรียกกันว่า Haggis ครับ ซึ่งมันก็คือเครื่องในสัตว์เอามาบดรึอะไรสักอย่างนี่ละครับกับพวกเครื่องเทศ ต่างๆ รสชาติและหน้าตาก็จะคล้ายๆ กับไส้กรอก ซึ่งคนที่นี่บางทีเรียกว่า Black Pudding ครับ ในตัวเมืองที่นี่เวลาเดินจะมีความรู้สึกเหมือนเดินที่ Oxford Street ที่ลอดดอนเลยครับ ร้านค้าและแบรนด์เยอะมากและใหญ่ด้วยครับ ผมเห็นแล้วอยากจะย้ายมาเรียนที่นี่เลย เพราะรู้สึกว่าเมืองนี้สอดแทรกวัฒนธรรมทั้งเก่าและใหม่ได้อย่างลงตัวมากๆ ครับ

 

เรามาพูดถึงแหล่งท่องเที่ยวที่เป็น landmark ของที่นี่กันบ้างดีกว่าครับ ถ้าจะเห็นเด่นๆ เลยเมื่อมาถึงเมืองนี้ก็คงจะหนีไม่พ้น Edinburgh Castle ครับ ที่ตั้งเด่นอยู่บนยอดเขาสูง และอีกที่ก็คงจะเป็น Calton Hill ซึ่งจะมีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวชมอยู่ตลอดเวลาเลยครับ และผมก็ได้ขึ้นไปชมซึ่งก็ไม่ทำให้ผิดหวังเลยแหละครับ เพราะข้างบนสวยมากๆ และยังสามารถมองเห็นวิวของเมืองนี้ในระยะไกลได้ด้วยครับ เพราะเมืองนี้มันเป็นเหมือนขั้นบันไดเลยครับเวลาเราขึ้นไปยืนดูบนที่สูง อ่อ แต่ปราสาทเอดินเบอระนั้น ถ้าจะเข้าไปเยี่ยมชมด้านในต้องเสียค่าเข้าด้วยครับ คนละประมาณ 16 ปอนด์ได้ครับถ้าจำไม่ผิด และที่นี่เค้าไม่มี student discount ให้นะครับ ต้องจ่ายเต็มราคาอย่างเดียวเลย ก็ถือว่าโหดพอสมควรเลยครับ

 

จากรูปจะเห็นได้ว่าอากาศที่นี่เดี๋ยวฟ้าครึ้มฟ้าใส ซึ่งเอาแน่เอานอนไม่ได้เลยครับ 555 ส่วนทางด้านของ Calton Hill นั้นข้างบนก็จะมีสถานที่สำคัญๆ เต็มเลยครับ อย่างเช่น Edinburgh National Monument และ Dugald Stewart Monument ครับและยังมีจุดชมวิวบนยอดเขาสวยๆ อีกด้วยนะครับเหมาะกับขึ้นไปดูพระอาทิตย์มากครับ แต่คงรอไม่ไหว เพราะข้างบนหนาวเอาเรื่องอยู่ครับ แต่ก็เรียกได้ว่าขึ้นไปแล้วคุ้มค่าครับ ช่วงที่ผมไปคนไม่เยอะมากครับ เพราะผมเลือกไปวันธรรมดาเลยเที่ยวแบบสบายๆ ชิวๆ เลยครับ

และอีกที่ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองเลยก็ว่าได้ นั่นก็คือ Scott Monument ครับซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟ เลยครับ ที่นี่เค้ามีอนุสรณ์เยอะมากจริงๆ ครับ ผมสังเกตุเห็นตามท้องถนนแต่ละสายก็จะต้องมีรูปปั้นคนยืนอยู่ทุกแยกถนนเลย ครับ ดูมีเอกลักษณ์มากๆ ยิ่งอยู่ก็ยิ่งรู้สึกหลงรักเมืองนี้ไปเองเลย มันดูเป็นเมืองที่สวยและมีเสน่ห์มากจริงๆ ครับ อีกอย่างที่ผมลืมบอกก็คือทางถนนก็จะมีร้านขายของพื้นเมืองของคนสก๊อต อย่างเช่น ผ้าพันคอลายสก๊อต กระโปรงและอื่นๆ อีกเต็มเลยครับ ราคาก็ปกติไม่แพงเลยด้วยซ้ำครับ และจะมีคนที่นี่มายืนเป่าปี่สก๊อตตามจุดต่างๆ เวลาเราเดินจะได้ยินเสียงปี่สก๊อตอยู่ตลอดเลยครับ

ผมว่าการมาเที่ยวเมืองนี้ไม่ยากอย่างที่คิดเลยละครับ เพราะแต่ละที่ไม่ได้ตั้งอยู่ไกลกันสักเท่าไหร่ สามารถเดินเที่ยวได้ทั่วเลยละครับ ถ้าเพื่อนๆ คนไหนมีแพลนจะมาที่นี่ ผมรับรองเลยครับว่าจะต้องติดใจและอยากกลับไปอีกสักรอบอย่างผมแน่นอนครับ เพราะถือว่าเป็นเมืองที่ผู้คนไม่พลุกพล่านมากและมีทุกสิ่งที่ตอบโจทย์เราได้ เป็นอย่างดีเลยทีเดียวครับ และสำหรับบล็อคนี้ ผมขอปิดท้ายด้วยรูปของร้าน The Elephant House ที่เค้าบอกกันว่า JK ได้มานั่งเขียนบทแฮร์รี่กันที่นี่ละกันนะครับ เพราะผมก็ถือว่าเป็นสาวกเหมือนกัน วันนี้ขอตัวไปก่อนนะครับ สวัสดีครับ

ติดตามเรื่องราวของน้องอาร์ตได้ในตอนต่อไป >>