วันนี้จะพาไป เที่ยวเมือง Reading ในช่วงเดือนธันวาคมนะครับ Reading (อ่านว่า เรดิง) เป็นเมืองใหญ่เมืองหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ใน Berkshire (เขียนเบิร์กแต่อ่านบาร์คนะครับ อิอิ) มีประวัติมายาวนาน เต็มไปด้วยโบสถ์สวยๆ ซึ่งผมก็ไม่เคยเข้า เราจะเริ่มออกเดินทางจากมหาวิทยาลัยไปด้วยกันในเส้นทางที่ผมใช้เป็นประจำนะครับ หลับตานึกภาพตามไปด้วยนะ
หอที่ผมอยู่เป็นหอในของมหาวิทยาลัย Reading อากาศเดือนธันวาก็เริ่มหนาวขึ้น อุณหภูมิค่อนข้างแกว่ง บางวันตื่นไปเรียนด้วยอุณหภูมิ -5 บางวันก็หลักสิบต้นๆ บางวันก็หลักหน่วย ฝนก็ตกเป็นปกติครับ ใส่เสื้อผ้าหนาๆ กันฝนได้เบาๆ ไปด้วยนะครับเพราะเรากำลังจะออกเดินทางกันแล้ว
เส้นที่เราเดินไปเป็นเส้นที่เดินตัดสนามหญ้าที่เขาเอาไว้เล่นกีฬา เช่น คริกเก็ต พอออกไปก็จะเจอร้านขายของ อยู่ฝั่งตรงข้าม มีร้าน Greggs เป็นร้าน Franchise ขายเบเกอรี่ต่อด้วยร้านอาหารแล้วก็ร้านสะดวกซื้ออีกนิดหน่อย ตอนนี้เราเดินเรียบถนน Chistchurch มาเรื่อยๆ ข้างๆ ทางก็จะมีบ้านคน มีโรงแรม บ้านเช่า ต้นไม้พุ่มเล็กใหญ่ และต้นไม้ที่แทบจะเหลือแต่กิ่งกับเศษใบไม้สีเหลือบ้าง แดงบ้าง น้ำตาลบ้างรอบๆ ต้น ขณะนี้เราเดินมาถึงโบสถ์สวยที่เรียกว่า Christ Church จะมีแยกให้ตรงไปกับเลี้ยวขวา ซึ่งเราเลือกที่จะเดินเลี้ยวขวาเข้าถนน Kendrick ซึ่งเป็นถนนสายตรงยาวไปจนตัด London Rd. ถนนเส้นนี้ถือว่าสวยงามมากทีเดียว เพราะเป็นทางลาดลงน้อยๆ ปลูกต้นไม้ใหญ่สองข้างทางที่เขียวชอุ่มร่มรื่นมากในฤดูร้อน ใบไม้สีเหลืองส้มปนแดงกับใบไม้ที่ร่วงกลบทางเดินทางเท้าในฤดูใบไม้ร่วงก็ดูโรแมนติก แม้กระทั่งเดือนธันวาคมที่ใบร่วงจนเกือบหมดต้นแล้วก็ยังสวย ประกอบกับบ้านเรือนข้างทางที่สร้างจากก้อนอิฐสีโทนแดง ครีม และเทา ดูแปลกตาไปจากบ้านเรา และสีโทนน้ำตาลในเมืองหลวงอย่างลอนดอน เดินไปไม่นานก็เราก็มาเจอกับถนนลอนดอนซึ่งเราต้องข้ามไปฝั่งตรงข้ามแล้วเลี้ยวซ้าย ซึ่งก็จะผ่านร้านที่ชื่อว่า The Turks ซึ่งอร่อยมากทีเดียว ราคาไม่แพงมาก ซึ่งถ้ามาตอนกลางวันจะถูกกว่า แต่คนทำจะเรื่องมากนิดหน่อย หลังจากเราเดินผ่าน The Turks มาเล็กน้อย ก็จะเป็นหัวมุมถนนซึ่งเมื่อเราเลี้ยวไป สุดถนนที่เป็นทางลาดลงนั้นเราก็จะเห็นตัวเมือง (ไกลม่ะ?) สิ่งแรกที่เราจะสังเกตเห็นแรกคือ ร้านแฮมเบอร์เกอร์ชื่อ Handmade Burger Co ซึ่งอร่อยมาก แนะนำเลย แต่ถ้ากินมากๆ ก็จะเลี่ยน และตึกที่ตั้งอยู่ตรงข้ามกับร้านเบอร์เกอร์ก็คือคาสิโนชื่อ Grosvenor ถ้าใครดวงดีจะลองมาเสี่ยงดวงดูก็ได้นะ เพื่อนผมได้มาเยอะประจำเลย และแล้วในที่สุดเราก็มาถึงตัวเมืองกันครับ รวมเวลาโดยประมาณ 25 นาที หลังจากที่เราเดินผ่านคาสิโนเข้ามา เราก็จะเจอถนนช็อปปิ้งหลักกลางใจเมืองเรียกว่า Broad street ครับ ถนนเส้นนี้เข้ามาแต่ละครั้งก็เห็นมีกินกรรมตลอดไม่ว่าพาเหรดบ้าง นักดนตรีเปิดหมวกมาร้องเพลงดีดกีต้าร์บ้าง โชว์ต่างๆ รวมถึงพวกขอรับบริจาคก็มีด้วย ส่วนช่วงนี้ซึ่งเป็นเดือนธันวาคม ถนนนี้ก็จะมีความพิเศษขึ้นมาอีกหน่อยตรงทั้งเมืองมีการประดับไฟอย่างสวยงามพร้อมต้นคริสมาสทรงโมเดิร์น ถ้าโชคดีก็อาจเจอร้านค้าตามท้องถนนเอาทีมงานมาร้องประสานเสียงเพลงเกี่ยวกับคริสต์มาสต์มาให้ฟังอีกด้วย ในเมืองนี้มีร้านอาหารไทยอยู่สองร้านนะครับ ถ้าคิดถึงอาหารไทยก็เชิญมากินได้เลยครับ ร้านแรกคือร้านโบราณซึ่งอยู่ชั้น1 (ชั้น2ของไทย) ของตึกที่มีเบอร์เกอร์คิง ถ้าไม่แน่ใจว่าตรงไหนก็กูเกิลแมพโลดเลยครับ ซึ่งในตึกนี้นอกจากจะมีร้านอาหารไทยแล้ว ยังมีร้านอาหารอิตาเลี่ยนอร่อยๆ ที่เปิดทำการมานานหลายปีอีกด้วยนะครับลองไปชิมกันได้ เพราะขนาดลูกค้าที่เป็นโลคอลบางคนจะมากินยังต้องโทรมาถาม ส่วนอีกร้านคือไทยคอร์เนอร์นะครับ ร้านนี้หาง่ายหน่อยเพราะเป็นตึกแยกออกมาเลย อยู่ตรงหัวมุมทางที่รถเมล์เลี้ยวเพื่อไปสถานีรถไฟครับ วันนี้มาเล่าให้คนที่จะมาเรียนที่นี่โดยเฉพาะเลย พาเพื่อนๆ มาปล่อยในเมืองแล้ว ผมก็ขอตัวแวะเข้า Sainsbury’s ไปซื้อของมาตุนไว้ก่อนนะครับ เพราะวันคริสต์มาสที่นี่ ร้านค้าและร้านอาหารปิดทำการครับ เดี๋ยวผอม อิอิ
นี่เป็นภาพของบรอดสรีตที่เราพูดถึงครับ ณ เวลา 5 โมงนิดๆ มีคนมาทำบับเบิ้ลสร้างบรรยากาศให้พอดีเลยครับ
ส่วนภาพนี้คือห้าง The Oracle ที่ตั้งอยู่บนบรอดสตรีทครับ สามารถมาหาซื้อเสื้อผ้า ข้าวของเครื่องใช้ ได้ที่นี่ครับ หน้าทางเข้าฝั่งบรอดสตรีทมีร้านคุ้กกี้ชื่อดังอย่าง Ben’s cookie อยู่ ลองซื้อชิมกันได้นะครับ เห็นเขาว่าอร่อย
นี่ก็เป็นอีกวิวจากบรอดสตรีทครับ ยังไม่หกโมงเลย มืดตื๋อซะแล้ว
ถ้าโชคดี ก็จะเจอร้านต่างๆ นำคนออกมาร้องประสานเสียงเพลงคริสต์มาส เพราะดีครับ จริงๆ อัดเป็นคลิปไว้ด้วยนะ อิอิ
ภาพนี้เป็นภาพในมหาวิทยาลัยวันที่อากาศติดลบห้าครับ สวยใช่มั้ยล่ะ อย่าลืมติดต่อพี่ๆ Hands On แล้วมาเรียนที่นี่กันเยอะๆ นะครับ
สนใจเรียนต่อ University of Reading ลงทะเบียนเพื่อรับข้อมูลเรียนต่อและคำปรึกษาจากพี่ๆ Hands On ตัวแทนมหาวิทยาลัยอย่างเป็นทางการประจำประเทศไทย ฟรี คลิก