Hands On Education Consultants

ประสบการณ์ก่อนตัดสินใจไป เรียนต่อประเทศอังกฤษ

สมัยนี้หันไปทางไหน ก็เห็นแต่คนไปเรียนต่อต่างประเทศ จนใครหลายๆ คน ก็คงอดคิดไม่ได้ว่า เอ … เราจะไปเรียนเมืองนอกดีไหมนะ แล้วจะไปยังไง ไปที่ไหนดี วันนี้เราก็เลยอยากจะมาเล่าประสบการณ์ก่อนที่เราจะมา เรียนต่อประเทศอังกฤษ ตั้งแต่ความคิดเริ่มต้นจนถึงสมัครเรียนที่ประเทศอังกฤษ

 

ก่อนอื่นขอแนะนำตัวก่อนนะคะ เราชื่อ “ศิ” ตอนนี้กำลังเรียนปริญญาโทอยู่ที่ University of Reading สาขา Entrepreneurship and Leadership ค่ะ มีเพื่อนๆ หลายคนชอบถามว่า จะไปเรียนต่อดีไหม? เราก็มักจะแนะนำว่า “ดี” สำหรับคนที่กำลังอยากจะ “หนี” ออกจากชีวิตเดิมๆ ถ้ารู้สึกว่าชีวิตกำลังราบเรียบ งง อยู่ไปวันๆ ไปจนถึงรักร้าว จิตตก การไปเรียนต่อคือสิ่งที่จะทำให้ชีวิตมีสีสันขึ้นมาตั้งแต่การเตรียมตัวอยู่เมืองไทย เราก็เป็นคนนึงที่ทำงานมาสักระยะหนึ่งจนรู้สึกว่า เฮ้ย มันคงถึงเวลาแล้วล่ะ ที่เราจะต้องออกไปหาประสบการณ์ใหม่ๆ หาเรื่องเล่าแปลกๆ แรงบันดาลใจต่างๆ ได้เวลาบิดความคิดอีกครั้งแล้วอะไรแบบนั้น … แต่ถ้าใครกำลังรุ่งกับการงาน มีความสุขมาก อย่าเพิ่งมาค่ะ รอไปก่อน

 

 

คำถามยอดฮิตต่อมา โดยเฉพาะสำหรับคนที่ใกล้เรียนจบ ป.ตรี มันจะเป็นช่วงที่ชีวิตกำลังเกิดคำถามว่า เรียนจบแล้วไปไหน? จะทำงานก่อน หรือจะต่อนอกเลยดี? อันนี้ความคิดเห็นส่วนตัวของเราล้วนๆ เลยนะ คือออกไปทำงานก่อนเถอะ ทำอะไรก็ได้ ให้รู้จักการใช้ชีวิตแบบผู้ใหญ่ก่อนอ่ะ ชีวิตที่ต้องคิดถึงเรื่องปากท้อง คิดถึงเรื่องอนาคตแบบจริงๆ จังๆ พร้อมกับการค้นหาตัวตนไปพลางๆ เมื่อเราสามารถทิ้งร่างของนักศึกษา และได้ความคิดแบบคนทำงานมาครอบครองแล้ว การกลับไปเรียนอีกครั้ง มันจะได้อะไรกลับมาไม่เหมือนเดิมแน่นอน เพราะเราไม่ได้เรียนแบบนักศึกษาเรียนอีกต่อไป

 

 

ถ้าใจพร้อมจะไปเรียนนอกแล้ว คำถามต่อมาก็คงหนีไม่พ้น “แล้วไปประเทศอะไรดีล่ะ?” ซึ่งก็เป็นคำถามสำคัญที่เราควรให้คำตอบกับตัวเองได้ก่อนการสมัครเรียน เพราะมันมีผลกับการสอบนั่นเอง เนื่องจากการสมัครสอบของแต่ละประเทศจะแตกต่างกันออกไป แบ่งง่ายๆ ก็คือ ถ้าจะ เรียนต่อประเทศอังกฤษ จะต้องสอบ IELTS แต่ถ้าเป็นฝั่งอเมริกาเขาก็จะขอ TOEFL ซึ่งการสอบสองแบบนี้ ส่วนตัวเราว่าแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงนะ … ถึงจะเป็นการสอบภาษาอังกฤษเหมือนกัน แต่ทริคหรือเทคนิคการทำข้อสอบมันคนละเรื่องกันเลยนะ

ส่วนเหตุผลที่เราเลือกมาอังกฤษนั้น มันสืบเนื่องมาจากสมัย ป.ตรี ของเรา ที่ไม่ศึกษาสภาพแวดล้อมของมหาวิทยาลัยก่อนสมัครเรียน มันเลยทำให้เราเกิด Culture shock จากการที่เรามีชีวิตที่ไม่เข้ากับวัฒนธรรมหรือว่าประเพณีของมหาวิทยาลัยที่เราเลิกเรียนไป อย่างตอนนั้นเป็นเรื่องของ seniority ที่คณะเรามันแรงมากๆ ซึ่งเราไม่ค่อยเห็นด้วยกับระบบนี้ เราเลยไม่ค่อยมีความสุขกับการเรียนเท่าที่ควร ซึ่งเป็นบทเรียนที่ทำให้เราตัดสินใจได้ว่า ถ้าเราจะต้องเลือกมหาลัยอีกครั้ง เราจะเลือกจากสภาพแวดล้อมด้วย ซึ่งอังกฤษก็ดูจะเป็นประเทศที่ใช้สำหรับเรา ด้วยความที่เขาจะไม่ได้เฮฮาถึงเนื้อถึงตัวแบบอเมริกันชน บวกกับความชอบส่วนตัวที่ไม่ว่าจะเป็น Harry Potter หรือ The Beatles ซึ่งตอนสัมภาษณ์ทำวีซ่าเราก็ตอบเขาไปว่าอยากไปประเทศยูวก็เพราะสองสิ่งนี้นี่แหละ! จะจากบ้านตั้งหนึ่งปี ก็ขออยู่ในที่ชอบที่ชอบเหอะ

แล้วไปเรียนมหาลัยไหนดีล่ะ? สำหรับคนที่ไม่เคยศึกษาเรื่องนี้มาก่อนจะงงมาก เพราะมันจะเกิดคำถามเต็มไปหมดว่า ที่นั่นดีไหม ดีจริงรึเปล่า คือเข้าใจนะ เรียนเมืองนอก แค่ค่าเทอมก็ชวนขนหัวลุกแล้ว ถ้าไปเจอที่ๆ ไม่ดีไม่ใช่อีก ขนหน้าแข้งยันขนแข็งก็คงจะร่วงแน่นอน สิ่งที่อยากจะแนะนำเลยนะ หาบริการที่ให้คำปรึกษาเรื่องเรียนต่อ อย่างเราเลือกใช้บริการของ “Hands On” นี่ไม่ได้โฆษณานะ คือมันดีจริงๆ เราเป็นคนหนึ่งที่ตอนแรกไม่รู้ว่ามีบริการแบบนี้อยู่ และเสียเวลาอยู่นานมากกับการนั่งหาข้อมูลเกี่ยวกับมหาวิทยาลัย การมาฝากชีวิตไว้กับ Hands On เอาจริงๆ นะ มีแต่ได้กับได้ เพราะพี่ๆ เขาบริการฟรี! อยู่ด้วยกันทุกขั้นตอนตั้งแต่หาที่เรียนไป ทำวีซ่า ยาวจนมาอยู่นี่ก็ยังไลน์ไปถามพี่เขาเรื่องจิปาถะได้เรื่อยๆ ซึ่งวิธีการติดต่อ Hands On ก็ง่ายมาก สามารถไปเจอพี่ๆ เขาได้ตามงานเรียนต่อนอกอ่ะ แล้วทำเป็นดูๆ ตามบูธของมหาวิทยาลัยที่มีคนไทยอยู่ แล้วเราก็ทิ้งคอนแทคไว้ แล้วก็ติดต่อเข้าไปถามนู่นถามนี่ได้เลย (ซึ่งเราใช้วิธีนี้) หรือจะเสิร์จ google แล้วพิมพ์คำว่า “Hands On เรียนต่อ” ก็จะเจอเลย ติดต่อไปทางไลน์ได้ด้วย ซึ่งก็ไวดี (เราเลยให้เพื่อนเราใช้วิธีนี้ 555) เวลาจะคุยก็สามารถทำได้ทั้งทางไลน์ หรือจะเข้าไปคุยที่สาขาเลยก็ได้ แค่บอกเขาไปว่า เราอยากเรียนสาขาไหน เขาก็จะแนะนำมหาวิทยลัยมาให้เรา ตามเกรดเฉลี่ยที่เราจบมา (เนื่องจากการสมัครเรียนมหาวิทยาลัยที่อังกฤษ จะดูเกรดเฉลี่ยเป็นส่วนสำคัญ ไม่ถึงเกณฑ์คือไม่รับ) ซึ่งเหมือนเจอแสงสว่างเลยอ่ะ ไม่เคยรู้ว่ามีมหาลัยเหล่านี้อยู่ 555

ถ้าอ่านมาถึงตรงนี้แล้ว รู้สึกว่าการไปเรียนต่อเริ่มจะเป็นคำตอบที่ใช่ หัวใจมันเริ่มจะพองโต ก็ลุยเลยค่ะอย่ารอ เตรียมตัวสอบ IELTS ลองเขียน SOP ไปขอจดหมาย Recommendation ตั้งแต่เนิ่นๆ ไปหาพี่ๆ Hands On แล้วไปยื่นใบสมัครโลดสู่อังกฤษที่รอเราอยู่!

สนใจเรียนต่อ University of Reading ลงทะเบียนเพื่อรับข้อมูลเรียนต่อและคำปรึกษาจากพี่ๆ Hands On ตัวแทนมหาวิทยาลัยอย่างเป็นทางการประจำประเทศไทย ฟรี คลิก