Hands On Education Consultants จัดสัมมนาเอาใจทีมเรียนต่อออสเตรเลีย พารุ่นพี่ศิษย์เก่า Group of Eight (Go8) กลุ่มมหาวิทยาลัยชั้นนำระดับแนวหน้าของประเทศออสเตรเลียมาแชร์ประสบการณ์เรียนต่อปริญญาโทแบบจัดเต็ม โดยสัมมนานี้ เป็นส่วนหนึ่งของอีเวนต์เรียนต่อ “Global Study Day | ตามหาทางเลือกเรียนต่อ ป.ตรี โท เอก คอร์สภาษา และ Diploma ที่ใช่ในต่างประเทศ” ในวันเสาร์ที่ 6 กรกฎาคม 2567 ที่ผ่านมา ใครพลาดอีเวนต์นี้ก็ไม่ต้องเสียใจไป เพราะบทความนี้ ได้สรุปเนื้อหาบางส่วนที่น่าสนใจจากคำตอบของพี่ ๆ ศิษย์เก่ามาให้ได้อ่านกัน แต่ก่อนอื่น เรามาทำความรู้จักรุ่นพี่คนสวยทั้งสองคนกันก่อนดีกว่า ว่าโปรไฟล์จะแน่นขนาดไหน
👩🏻🎓 พี่เยลลี่ จากคอร์ส Master of Commerce (Data Analytics for Business) ที่ The University of Sydney
👩🏻🎓 พี่บีบี จากคอร์ส Master of Management ที่ The University of Melbourne
1: เหตุผลในการเลือกเรียนต่อออสเตรเลีย 🇦🇺
พี่เยลลี่: สำหรับพี่ พี่มองว่าประเทศออสเตรเลียมีความผสมผสานของความเป็นเอเชียและความเป็นฝรั่งค่ะ ถ้ามองในระยะยาว การไปเรียนต่อประเทศอื่นพี่อาจจะปรับตัวยากกว่า ดังนั้นเลยคิดว่าประเทศออสเตรเลียน่าจะเป็นทางเลือกที่เข้ากับวัฒนธรรมของเราได้ง่ายกว่าค่ะ
พี่บีบี: สำหรับเรานะคะ ประเทศออสเตรเลียมีทำเลที่ตั้งอยู่ใกล้ ๆ ประเทศไทยค่ะ ทำให้บินกลับมาหาคุณพ่อคุณแม่ หรือ เพื่อน ๆ ได้ง่าย อีกหนึ่งเหตุผลที่เลือกมาเรียนต่อออสเตรเลียคือมหาวิทยาลัยค่ะ อย่าง The University of Melbourne ที่บีบีจบมา ติดอันดับ Top 20 ของโลก เนื้อหาหลักสูตรการเรียนการสอนของมหาวิทยาลัยในออสเตรเลียจะถูกออกแบบมาจาก Case Studies จริง ๆ อีกด้วย
อีกอย่าง บีบีคิดว่าขั้นตอนการสมัครเรียนต่อปริญญาโทที่ประเทศออสเตรเลียเหมาะกับคนที่เพิ่งจบใหม่ ยังไม่มีประสบการณ์การทำงาน หรือ อยากเปลี่ยนสายงาน เพราะเราไม่ได้จำเป็นต้องใช้ประสบการณ์ทำงานมาก่อน แค่สอบ IELTS หรือ ใช้คะแนนที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ ก็สามารถเข้าเรียนต่อที่ออสเตรเลียได้เลย
2: จุดเด่นหลักสูตรปริญญาโทของมหาวิทยาลัยออสเตรเลีย 🎓
พี่บีบี: สำหรับหลักสูตร Master of Management ที่พี่เลือกเรียนจะใช้เวลาเรียน 2 ปีค่ะ ปีละ 2 เทอม รวมเป็น 4 เทอม ในช่วงปีแรกเขาจะเน้นปูความรู้พื้นฐานเราก่อนค่ะ เช่น การบัญชี (Accounting), การเงิน (Finance) และ เศรษฐศาสตร์ (Economics) ใครที่ไม่ได้มีประสบการณ์ด้าน Business มาก่อนก็เรียนได้ ส่วนในปีที่ 2 มหาวิทยาลัยจะให้เราเลือกวิชา Electives ที่เราอยากเรียนค่ะ ขึ้นอยู่กับว่าเราอยากเรียนอะไร เช่น Entrepreneurship หรือ Supply Chain & Logistics เป็นต้น
ซึ่งเราชอบมาก ๆ เพราะมันทำให้เรารู้ว่าเราชอบวิชาอะไร ไม่ชอบวิชาอะไรตั้งแต่ช่วงปีแรก เพื่อที่จะได้เลือกวิชา Electives ที่ตอบโจทย์เป้าหมายของเราในช่วงปีที่ 2 อย่างตัวพี่เอง ตั้งใจจะทำงานสาย Consulting ก็เลยเลือกเรียนวิชาที่มีเนื้อหาเน้นการวางกลยุทธ์ จบมาก็ได้มีโอกาสฝึกงานและได้ทำงานตรงตามสายที่เรียนวิชา Electives มาเลยค่ะ
พี่เยลลี่: สำหรับพี่ที่เรียนสาย Data จะมีบางวิชาที่ให้ทำโปรเจกต์ โดยให้เอาความรู้ด้าน Data ที่เรียนมาประยุกต์ใช้จริง ๆ อย่างเช่น ใน Case Study ที่พี่เรียน จะเป็นเคสห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งในออสเตรเลีย เขาจะให้ลองเอา Data มาวิเคราะห์และให้โจทย์ว่าถ้าจะทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้นต้องทำยังไง มันทำให้เราเห็นภาพจริง ๆ เรียนแล้วก็สนุกไปกับมัน อีกสิ่งหนึ่งคือ ความเป็นนานาชาติในคลาสเรียน ทำให้เราได้ฟังความคิดเห็นจากเพื่อน ๆ ที่มาจากต่างสัญชาติและเข้าใจวัฒนธรรมการทำงานของแต่ละประเทศมากขึ้นค่ะ
3: โอกาสฝึกงานระหว่างเรียนที่ประเทศออสเตรเลีย 💼
พี่บีบี: ที่ The University of Melbourne จะแบ่งการฝึกงานออกเป็น 3 ส่วนค่ะ ได้แก่
- ส่วนที่ 1: วิชา Internship ที่ทางมหาวิทยาลัยจะให้เราหาบริษัทที่กำลังเปิดรับนักศึกษาฝึกงาน จะเป็นบริษัทในออสเตรเลียหรือในต่างประเทศก็ได้ ให้สมัครไปฝึกงานและเอามาแลกเป็นเครดิต (Credit) ในวิชานี้ไปเลย
- ส่วนที่ 2: วิชา Business Practicum ที่จะเปิดโอกาสให้เราได้ไปเรียนรู้กับบริษัทที่เป็นพาร์ทเนอร์กับทางมหาวิทยาลัย โดยมหาวิทยาลัยจะมีลิสต์รายชื่อบริษัทมาให้เลือกและมีระยะเวลาเรียนกำหนดไว้ชัดเจน เช่น 4-6 เดือน ถ้าสนใจ เราก็เลือกไปเรียนได้เลย
- ส่วนที่ 3: Networking Events ที่มหาวิทยาลัยจัดขึ้นตลอดทุกเดือน มีทั้งจากบริษัทที่เป็นพาร์ทเนอร์ และ บริษัทอื่น ๆ ที่ติดต่อมหาวิทยาลัยมาเพื่อเสนอโอกาสฝึกงาน หรือ สร้าง Networking ให้กับนักศึกษาค่ะ
ส่วนตัวบีบีเอง ทำทั้งหมด 3 ส่วนนี้เลย ลงเรียนทั้งวิชา Internship และ วิชา Business Practicum ทำให้ได้มีโอกาสไปทำงานกับบริษัทสกินแคร์ชื่อดังอย่าง Aesop ด้วยค่ะ สำหรับใครที่อยากฟังประสบการณ์ทำงานของพี่บีบีที่ Aesop แบบจัดเต็ม สามารถเข้าไปฟัง YouTube Podcast ได้ที่นี่ คลิก
4: ความแตกต่างของไลฟ์สไตล์ในเมือง Sydney และ Melbourne 🚃
พี่เยลลี่: ที่ Sydney อากาศดีมาก ๆ เลยค่ะ แล้วก็สภาพอากาศไม่ได้เปลี่ยนแปลงบ่อยเท่า Melbourne ฤดูหนาวก็ไม่ได้หนาวจัด เรียกได้ว่า Comfortable สำหรับพี่มาก ๆ อาหารการกินก็ไม่ได้หายากค่ะ มี Thai Town ให้หาซื้อน้ำพริก หรือ ของเผ็ด ๆ ได้สบาย ปรับตัวง่ายมาก ส่วนในตัวเมืองมีความแออัดอยู่บ้างเป็นบางพื้นที่ เพราะเป็นเมืองใหญ่ แต่ไม่เท่ากรุงเทพฯ นอกจากนั้น Sydney เป็นเมืองที่มีชายหาดสวยงาม สามารถมาเดินดื่มด่ำกับมหาสมุทรและธรรมชาติตลอดเส้นทางได้ ซึ่งพี่คิดว่า บรรยากาศสวย ๆ พวกนี้ช่วยเราผ่อนคลายในช่วงที่เรียนเครียด ๆ ได้ด้วยค่ะ
พี่บีบี: สำหรับพี่ข้อดีของการอยู่ที่ Melbourne คือ การเดินทางค่ะ เพราะในตัวเมือง Melbourne จะมี Free Tram Zone โซนที่ให้ขึ้นรถรางฟรี เวลาไปมหาวิทยาลัยพี่ไม่เคยเสียเงินเลย แล้วหลาย ๆ จุดในตัวเมืองก็อยู่ใกล้กัน จะเดินหรือขี่จักรยานไปก็ง่าย สะดวกสบายเรื่องการเดินทางมาก ประหยัดไปได้เยอะมากเลยค่ะ อีกทั้ง Melbourne เป็นเมืองที่สงบ ไม่วุ่นวาย ขึ้นชื่อเรื่องกาแฟ มีคาเฟ่เยอะมาก ใครชอบกิน Brunch สามารถอยู่เมืองนี้ได้สบาย ๆ เลยค่ะ
💡เรื่องน่ารู้: Free Tram Zone ในเมือง Melbourne ไม่ต้องเป็นนักศึกษาก็ขึ้นฟรีได้นะ สนใจสอบถามเรื่องเรียนต่อออสเตรเลีย ค้นหามหาวิทยาลัยที่ใช่ เมืองที่ถูกใจ ปรึกษาพี่ Hands On ฟรี เพียงกรอกแบบฟอร์มด้านล่าง |
5: บริการแนะแนวเรียนต่อจาก Hands On เวิร์คไหม? 🍊
พี่บีบี: ต้องเล่าก่อนว่า พอเรียนจบ ปี 4 ตอน ป.ตรี เราก็เลือกไปเรียนต่อ ป.โท เลย เพราะอยากเปลี่ยนไปสาย Business (พี่บีบีเรียนจบคณะอักษร จุฬาฯ) ทีนี้ก็เลยลองติดต่อ Hands On ไป ตอนนั้นเรายังไม่รู้เลยว่าอยากเรียนอะไร มหาวิทยาลัยไหน ซึ่งพี่ Hands On ก็ช่วยให้คำปรึกษา คอยถามเราว่าเราชอบอะไร ช่วยอธิบายว่าแต่ละคอร์สเรียนเกี่ยวกับอะไรบ้าง คอร์สไหนเหมาะกับเรา รวมถึงประเมินคุณสมบัติเราด้วยว่าสามารถสมัครเรียนต่อที่ไหนได้บ้าง หลังจากนั้นก็ติดต่อพี่ Hands On มาตลอด พี่ ๆ เขาก็ซัพพอร์ตอย่างเต็มที่ค่ะ ทั้งเรื่องวีซ่าหรือตอนบินไปถึงที่ประเทศออสเตรเลียแล้วก็ยังติดต่ออัปเดตกันอยู่ตลอด ทำให้รู้สึกอุ่นใจค่ะ และที่สำคัญที่สุด ปรึกษาพี่ Hands On ไม่มีค่าใช้จ่ายค่ะ
พี่เยลลี่: ของพี่เองจะคล้าย ๆ กับพี่บีบี แต่อยากจะพูดเสริมเรื่องความรวดเร็วในการประสานงานค่ะ ในเคสของพี่ค่อนข้างกะทันหัน พอรู้ตัวว่าต้องไปเรียนต่อ พี่ก็ติดต่อ Hands On เลยว่าอยากเรียนสาขาวิชานี้ ช่วยลิสต์ให้หน่อยว่ามหาวิทยาลัยไหนในออสเตรเลียที่เปิดสอนหลักสูตรนี้บ้าง ซึ่งตอนนั้นถามไปตอนเช้าได้ลิสต์กลับมาช่วงตอนเย็นเลย ข้อมูลละเอียดมาก ช่วยทำให้เราโฟกัสได้ถูกจุดว่าอยากเข้ามหาวิทยาลัยไหน ตัดช้อยส์ได้ง่ายขึ้น อีกอย่างคือ ขั้นตอนการสมัครเรียน (Application Process) และการแนะนำการสมัครขอวีซ่าก็รวดเร็วมาก เป็นสิ่งที่ประทับใจมาก ๆ ค่ะ
และนี่ก็เป็นตัวอย่างคำตอบของพี่ ๆ ศิษย์เก่า The University of Melbourne และ The University of Sydney ท็อปยูจากประเทศออสเตรเลีย โดยเนื้อหาในบทความนี้เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งจาก “Alumni Talk Session — สัมมนาแชร์ประสบการณ์เรียนต่อโดยรุ่นพี่ศิษย์เก่าจากออสเตรเลีย” ในอีเวนต์เรียนต่อ Global Study Day ในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาเท่านั้น
ถ้าใครอยากมานั่งฟังรุ่นพี่เม้ามอยแชร์ประสบการณ์เรียนต่อแบบจัดเต็ม พร้อม Q&A กับพี่ ๆ แบบใกล้ชิด ต้องไม่พลาดสัมมนาดี ๆ แบบนี้ในครั้งหน้านะ สามารถเข้าไปเช็กตาราง Upcoming Events ของพี่ ๆ Hands On ได้เลย หรือใครที่กำลังวางแผนเรียนต่อออสเตรเลียในปี 2025 นี้ เข้ามาปรึกษาพี่ Hands On ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย