Swinburne University of Technology หนึ่งในมหาวิทยาลัยชั้นนำจากออสเตรเลีย ตั้งอยู่ที่เมืองเมลเบิร์น เมืองน่าเรียนต่อเบอร์ต้นของประเทศ ที่มีชื่อเสียงในระดับโลกทั้งเรื่องความน่าใช้ชีวิตและเปิดโอกาสทำงานระหว่างเรียนให้กับนักศึกษาอย่างถูกกฎหมาย และในขณะเดียวกันทางมหาวิทยาลัยเองก็มีหลายข้อดีที่อยากแชร์ให้กับน้อง ๆ หรือว่าที่นักศึกษาได้มาทำความรู้จักกันก่อนตัดสินใจไปเรียนต่อในปี 2023 นี้ ไม่ว่าจะเป็นการเรียนต่อระดับปริญญาตรีหรือปริญญาโทก็ตาม
1. World Ranking ของมหาวิทยาลัย และการรองรับระดับสากล
มหาวิทยาลัยชั้นนำจากเมลเบิร์น รัฐวิกตอเรีย ประเทศออสเตรเลียที่พี่ Hands On ภูมิใจนำเสนอในวันนี้ได้แก่ Swinburne University of Technology
- Top 300 Best Universities in the World เป็นหนึ่งในสถาบันการศึกษาที่ได้รับอันดับเป็นหนึ่งในมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดของโลก จาก QS World University Rankings ปี 2023
- และยังคว้าอันดับใน Ranking ของมหาวิทยาลัยใหม่ที่ดีที่สุดของโลก เป็นอันดับที่ 45 Universities in the World under 50 years old จาก QS Top 50 Under 50 list ปี 2021
- Top 50 ในสาขา Arts and Design ที่ดีที่สุดของมหาวิทยาลัยในโลก จากการจัดอันดับของ QS World Rankings of Universities by Subject ปี 2019-2021
- Swinburne ติด Top Ranking 250 ของโลกในสาขาวิชา Computer Science และ Engineering Top 175 ของโลกโดย Times Higher Education World Ranking ปี 2022
- หลักสูตร Business ได้การรับรองคุณภาพมาตรฐานจาก AACSB หรือ Association to Advance Collegiate Schools of Business การันตีคุณภาพของระบบการศึกษาของหลักสูตรนี้ในระดับสากล
ทางมหาวิทยาลัยได้การยอมรับในระดับประเทศและระดับสากล จากคุณภาพการศึกษา ศูนย์การวิจัยค้นคว้าของสถาบัน ระบบการสนับสนุนนักศึกษาและเทคโนโลยีล้ำหน้าที่มีพร้อมให้นักศึกษาได้ใช้ประกอบการเรียนในแต่ละสาขาวิชา และด้วยศักยภาพทางการวิจัยและถ่ายทอดความรู้ของหลักสูตรเรียนที่ถูกพัฒนาอย่างต่อเนื่องผ่านงาน research ต่าง ๆ ประสิทธิภาพของการเรียนการสอนของ Swinburne University of Technology จึงคงคุณภาพดีมีประสิทธิผลดีเยี่ยมเสมอ ผลงานวิจัยของทางมหาวิทยาลัยมีตั้งแต่การสร้างนวัตกรรม Solar Sciences และ Advanced Manufacturing and Sustainable Technologies เป็นต้น
2. สาขาวิชาอันดับดี ติดระดับโลก
ในขณะที่มหาวิทยาลัยมีคณะที่ติดอันดับโลกอย่าง Arts & Design (World Top 50), Automation and Control (World Top 100), Civil Engineering (World Top 100), Computer Science (World Top 250), Engineering (World Top 175) และ อีกสาขาวิชาที่ได้การยอมรับในระดับเวทีโลก ด้วยการรองรับของ AASCB นั่นก็คือสาขา Business ที่สำคัญตัวผู้เรียนหรือนักศึกษาจากมหาวิทยาลัย Swinburne ยังโหวตให้คะแนนความพึงพอใจในการไปเรียนต่อกับสถาบัน โดยสามารถคว้ารางวัล 5 Star Rating ในเรื่อง Overall Student Experience by Good Universities Guide 2022
เงื่อนไขการรับสมัครเรียนต่อสุดพิเศษ
- เงื่อนไขในการรับสมัครเรียนต่อปริญญาตรี ทางมหาวิทยาลัยจะพิจารณา GPA ที่ระดับมัธยมศึกษาปีที่ 6 เท่านั้น* เพราะฉะนั้นน้อง ๆ ที่ขยันทำคะแนนในมัธยมศึกษาปีที่หก (ม.6) ถือว่ามีชัยไปเกินครึ่งแล้วค่ะ โดยมหาวิทยาลัยจะรับพิจารณาใบสมัครที่ GPA 2.50 เป็นต้นไป หรือสามารถใช้ผลสอบ GED ในการสมัครก็ได้เช่นกัน
- ส่วนการสมัครเรียนต่อในระดับปริญญาโทของมหาวิทยาลัยจะเปิดรับสมัครที่ GPA ขั้นต่ำ 2.30 เป็นต้นไป โดยพิจารณาที่ผลการเรียนเฉลี่ยจากปริญญาตรีของผู้สมัครเรียน สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมของการสมัครเรียนปริญญาโทในแต่ละคอร์สได้จากพี่ Hands On
*ปกติหลาย ๆ สถาบันจะคิดพิจารณารับจาก GPA เฉลี่ยทั้งหมด
3. ข้อดีของการเรียนต่อกับมหาวิทยาลัยเทคโนฯ (University of Technology)
หลายคนอาจสงสัยว่าการเรียนต่อกับมหาวิทยาลัย และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีที่ประเทศออสเตรเลียจะมีความแตกต่างยังไงบ้าง และมีข้อดีอะไรบ้าง พี่ต้องขอบอกเลยว่า ความแตกต่างนี้เป็นอีกข้อดีที่น้อง ๆ อาจจะมองเห็นไม่ชัดถ้าไม่เก็บข้อมูลแบบเจาะลึก
การเรียนต่อกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยี หรือ University of Technology จะมีรูปแบบการเรียนการสอนที่ผสมผสานเทคโนโลยีเข้าไป เพื่อให้หลักสูตรมีความทันสมัย มีการประยุกต์ข่าวสารอัพเดทในวงการหรือสายงานนั้น ๆ เข้าไป อีกทั้งยังเป็นสารความรู้ที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้จริงแท้แน่นอน เพราะหลักสูตรถูกออกแบบโดยใช้พื้นฐานความรู้จากผู้มีประสบการณ์ในสายงานและเหตุการณ์จริงหรือปัญหาที่เกิดขึ้นจริงในออสเตรเลียและในโลก ดังนั้นคำว่า “เทคโนโลยี” ในบริบทนี้จึงมีความหมายกว้างขวางมากกว่า เทคโนโลยีไฮเทค หรือนวัตกรรมใหม่ที่เราเข้าใจว่าเป็นชิ้นเป็นอันแบบนั้น
นอกจากนั้นมหาวิทยาลัย Swinburne ยังทุ่มงบสร้างศูนย์วิจัยพัฒนาการศึกษาเฉพาะทาง Advanced Manufacturing and Design Centre และ Advanced Technologies Centre พร้อมทั้งมีห้องแล็ปสำหรับการทดลองวิจัยงานสายวิศวกรรมศาสตร์ให้นักศึกษาได้ใช้ประกอบการเรียน
4. โปรแกรมการฝึกงานแบบได้รับเงินค่าตอบแทน และไม่ได้รับเงินค่าตอบแทน
นอกเหนือจากเรื่องระบบการศึกษาแล้ว ทางสถาบันยังสร้างเครือข่ายพันธมิตรอันดีพร้อมกับโปรแกรมการฝึกงาน ที่จะช่วยส่งเสริมทักษะให้กับนักศึกษาที่เลือกเรียนต่อกับทางสถาบันด้วย นักศึกษาทุกคนจะได้เข้าสู่โปรแกรม Work Integrated Learning (WIL) เป็นโอกาสได้ฝึกงานพร้อมได้รับค่าตอบแทนด้วย โดยสามารถเลือกฝึกงานได้ระหว่าง 6 เดือน และ 12 เดือน
สายงานที่นักศึกษาสามารถเลือกฝึกงานนั้นจะขึ้นอยู่กับสายวิชาและตำแหน่งงานที่เลือกเรียน ซึ่งมีทั้งตัวเลือกฝึกงานแบบรับเงินเดือนและแบบไม่รับเงินเดือน หรือเรียกเต็ม ๆ ว่า Paid/Unpaid Professional Placement and Internship เป็นการเก็บ connection และประสบการณ์การทำงานที่เติมเข้าไปใน Portfolio ของตัวเราเองได้อย่างภาคภูมิใจ โปรแกรมการฝึกงานนี้มีให้สำหรับทั้งนักศึกษาปริญญาตรีและโท
5. การใช้ชีวิตในมหาวิทยาลัย และเมือง Melbourne
สำหรับใครที่อยากไปใช้ชีวิตที่ประเทศออสเตรเลีย เมืองเมลเบิร์นเป็นเมืองเรียนต่อที่น่าสนใจมาก ๆ เพราะมีครบครันทุกสิ่งอัน และเป็นเมืองที่เป็นมิตรกับนักศึกษาต่างชาติมาก ๆ
กิจกรรมที่สามารถทำได้ในเมืองมีมากมายก่ายกอง ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางไปสถานที่ต่าง ๆ ด้วยรถรางหรือ City Circle tram เพื่อไปยังจุดต่าง ๆ Federation Square, Princess Theatre, Melbourne Aquarium หรือจะออกไปนั่งรถนอกเมืองกับเส้นถนนที่เกาะขอบชายทะเลอย่าง Great Ocean Road เป็นต้น อีกทั้งยังมีงานเทศกาลตลอดเรื่อย ๆ ทั้งปีให้นักศึกษาได้สนุกกับ festive vibes ได้อย่างไม่เบื่อ ทั้งงานดนตรี Fringe Festival, งานบันเทิงเชิงสร้างสรรค์ Comedy Festival, Film Festival และ Festival of Arts เป็นต้น หรือใครที่เป็นสายกินก็จะมีงาน Food and Wine Festival ด้วย รับรองว่าทุกงานถูกออกแบบมาอย่างดี และผ่านการสอดแทรกความหลากหลายทางวัฒธรรมเข้าไปเพื่อรองรับความสนใจของคนในท้องถิ่นและชาวต่างชาติ
สำหรับสภาพอากาศเราสามารถเจอกับสภาพอากาศถึง 4 ฤดูได้ใน 1 วัน ที่มีทั้งหนาวเย็น ร้อน ฝนตก อากาศแห้ง และมีทั้งวันลมแรง-ลมสงบ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นคนในเมืองก็จะใส่เสื้อผ้าฤดูร้อนใกล้เคียงกับสตรีทแฟชั่นของไทย ไม่ได้ปรับตัวอยากมากขนาดนั้นค่ะ
นอกจากเราจะได้เรียนต่อกับมหาวิทยาลัยคุณภาพของออสเตรเลียแล้ว น้อง ๆ ยังมีโอกาสสมัครขอรับทุนการศึกษา รวมถึงมีโอกาสทำงานพิเศษ (part-time) ได้อย่างถูกกฎหมาย สำหรับใครที่อยากเรียนต่อ อยากใช้ชีวิตและเก็บประสบการณ์ทำงานพิเศษ ที่นี่ตอบโจทย์แน่นอนค่ะ
ทั้งหมด 5 ข้อนี้ ก็เป็นประเด็นหลัก ๆ ที่พี่ Hands On อยากแนะนำให้น้อง ๆ ได้รู้จักกับมหาวิทยาลัย Swinburne แห่งนี้ให้มากขึ้น และน้องที่สนใจก็สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับมหาวิทยาลัย Swinburne University of Technology และเกณฑ์การรับสมัครเรียนของปี 2023 กับพี่ Hands On ได้เลยค่ะ ปรึกษาเรื่องเรียนต่อที่ออสเตรเลียฟรีทุกขั้นตอน เพียงกรอกแบบฟอร์มด้านล่าง