5 เรื่องที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจไปเรียนภาษาที่ต่างประเทศ
+พิเศษ! อัพเดทข้อมูลสำหรับการทำงานระหว่างเรียน ที่หลายคนยังไม่รู้
อยากไปเรียนภาษาที่ต่างประเทศ แต่จะเริ่มต้นจากอะไรดี วันนี้พี่ Hands On มาบอก 5 เรื่องจริงที่ควรรู้และเตรียมให้พร้อมก่อนตัดสินใจไปเรียนภาษาที่ต่างประเทศ พร้อมอัพเดทข้อมูลการทำงานระหว่างเรียนล่าสุด ที่หลายคนยังไม่รู้ พี่ Hands On จะขออาสาเป็นไกด์พาน้อง ๆ ลองสำรวจตัวเอง เช็คลิสต์ทีละเรื่องก่อนว่า เอ๊ะ! เรามีความพร้อมที่จะไปเรียนภาษาที่ต่างประเทศครบทุกเรื่องหรือยังนะ หรือเรื่องอะไรที่เราขาดไป แล้วจะต้องเตรียมตัวยังไงต่อ เพื่อจะได้ไปเรียนภาษาที่ต่างประเทศตามที่เราตั้งใจไว้ได้ มาลองสำรวจไปพร้อม ๆ กันที่บทความนี้ค่ะ
1. รู้เป้าหมายที่ชัดเจนในการไปเรียนภาษา
อันดับแรก เราต้องตั้งเป้าหมายในการไปเรียนภาษาของเราให้ชัดเจนก่อนค่ะ เช่น
- อยากพัฒนาภาษาอังกฤษเพื่อใช้ในการทำงานและเพิ่มโอกาสดี ๆ ในอนาคต
- เรียนภาษาเพื่อต้องการไปเรียนต่อในระดับปริญญาที่ต่างประเทศ
- ต้องการเรียนภาษาเพื่อเตรียมตัวสอบภาษาอังกฤษ เช่น IELTS, TOEFL, TOEIC หรือการสอบอื่น ๆ
- เพื่อพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน และต้องการประสบการณ์ในการใช้ชีวิตในต่างประเทศ
หรือเหตุผลอื่น ๆ เป็นต้นค่ะ
เป้าหมายที่ชัดเจนสำคัญในการไปเรียนภาษามากค่ะ ในบางสถาบันน้อง ๆ จะต้องระบุเป้าหมายในการไปเรียนภาษาในชัดเจนที่สุด เพื่อทางสถาบันจะได้ออกจดหมายตอบรับเข้าเรียน หรือในบางประเทศตอนที่ยื่นขอวีซ่าเพื่อเดินทางไปเรียน ทางสถานทูตจะพิจารณาจุดประสงค์ของเราในการที่จะเข้าประเทศเค้าด้วยค่ะ หากเรามีเป้าหมายที่ไม่ชัดเจน หรือกำกวม เค้าอาจจะพิจารณาได้ว่าเรามีจุดประสงค์อื่น ๆ แอบแฝง ต้องโดดวีซ่าแน่ ๆ ทางสถานทูตก็จะปฏิเสธวีซ่าของเราทันทีค่ะ
2. รู้จักระดับภาษาอังกฤษของตัวเอง
จะไปเรียนภาษาที่ต่างประเทศทั้งที เราจะต้องรู้ระดับภาษาของเราก่อนค่ะ เพื่อจะได้เลือกเรียนต่อคอร์สที่เหมาะสมกับเรามากที่สุด โดยเกณฑ์การวัดระดับภาษาอังกฤษที่เป็นสากล มีชื่อเรียกว่า CEFR (The Common European Framework of Reference for Languages) โดยจะแบ่งออกเป็น 6 ระดับ เริ่มตั้งแต่ A1 สำหรับผู้เริ่มต้น ไปจนถึงระดับ C2 เป็นระดับผู้เชี่ยวชาญ สามารถทดสอบวัดระดับภาษาอังกฤษเบื้องต้นด้วยตัวเองได้ฟรี คลิก
เครดิตรูปภาพจาก: https://www.cambridgeenglish.org/exams-and-tests/cefr
แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าผลลัพธ์ที่เราทดสอบเป็นระดับภาษาของเราจริง ๆ หรือเปล่า? น้อง ๆ ไม่ต้องกังวลเลยค่ะ เพราะทางพี่ ๆ Hands On จะมีแบบทดสอบวัดระดับภาษาให้น้อง ๆ ได้ลองทำก่อนเลือกคอร์สเรียนเช่นกันค่ะ เพื่อพี่ ๆ จะได้แนะนำคอร์สเรียนที่เหมาะสมกับระดับภาษาของน้อง ๆ ให้ได้มากที่สุด แม้ว่าน้อง ๆ มีระดับภาษาอยู่ที่ A1 ก็สามารถไปเรียนได้ค่ะ #ไม่เก่งภาษาพี่HandsOnก็มีคอร์สให้เรียนแน่นอน และเมื่อสมัครเรียนกับทางสถาบันสอนภาษาแล้ว ในบางสถาบันก็ยังมีแบบทดสอบเพื่อวัดระดับภาษาของน้อง ๆ อีกครั้ง สำหรับใช้ในการจัดห้องเรียนที่เหมาะสม ให้ด้วยค่ะ รับรองว่าน้อง ๆ ที่สมัครไปเรียนภาษากับ Hands On จะได้ไปเรียนภาษาที่ตรงกับระดับภาษาของน้อง ๆ และได้พัฒนาภาษาไปสู่ในระดับที่สูงขึ้นแน่นอนค่ะ
แล้วถ้ารู้ระดับภาษาแล้ว ทางสถาบันมีคอร์สอะไรให้เลือกบ้างนะ? ในสถาบันแต่ละแห่งต่างก็มีคอร์สเรียนที่หลากหลายแตกต่างกันไปค่ะ น้อง ๆ สามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมของคอร์สเรียนภาษาที่เหมาะกับระดับภาษาของเราได้ที่บทความ ภาษาอังกฤษระดับเท่านี้ ควรไปเรียนคอร์สอะไรดีที่ต่างประเทศ
3. รู้จักเลือกระยะเวลาและรู้งบประมาณของเรา
ข้อนี้เป็นสิ่งสำคัญที่สุดค่ะ เพราะการไปเรียนภาษาที่ต่างประเทศ หมายถึงเราต้องเดินทางไปเรียนและไปอาศัยอยู่ในประเทศนั้น ๆ ในระยะเวลานึง จำเป็นจะต้องมีค่าใช้จ่ายมากกว่าเรียนภาษาในไทยแน่นอนค่ะ แล้วงบเท่าไหร่ถึงพอล่ะ? คำตอบคือขึ้นอยู่กับระยะเวลาที่เราไปเรียนภาษาด้วยค่ะ สำหรับที่ Hands On ขั้นต่ำจะอยู่ที่ 4 สัปดาห์ ไปจนถึงนานที่สุด 1 ปี น้อง ๆ ที่ไปเรียนภาษาส่วนใหญ่จะไปเรียนกันประมาณ 12-24 สัปดาห์ (3-6 เดือน) เพราะเป็นระยะเวลาที่ “ เหมาะสม ” ไม่สั้นและไม่ยาวจนเกินไปค่ะ สำหรับค่าใช้จ่ายในการไปเรียนภาษาต่อเดือนจะอยู่ที่ประมาณ 80,000-100,000 บาท ขึ้นอยู่กับที่พักและเมืองที่เราเลือกไปเรียนด้วยค่ะ ราคาที่แจ้งเป็นราคาโดยประมาณ ซึ่งน้อง ๆ สามารถนำไปคำนวณต่อได้ เช่น ถ้าไป 3 เดือนค่าใช้จ่ายโดยประมาณจะอยู่ที่ 240,000-300,000 บาท เป็นต้นค่ะ
แล้วถ้างบไม่ถึงละ ทำยังไง? พี่ Hands On แนะนำให้เราลองลดระยะเวลาในการไปเรียน หรือเลือกเมืองที่ไม่ใหญ่มาก เพื่อจะได้ช่วยประหยัดค่าที่พักและค่าครองชีพนะคะ สำหรับสายงบน้อย สามารถอ่านคำแนะนำเพิ่มเติมได้ที่บทความ 5 วิธีลับ ๆ ไปเรียนภาษาที่ต่างประเทศ โดยใช้งบน้อยที่สุด แถมได้เงินกลับไทย
** งบประมาณ ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทางสถานทูตพิจารณาในการให้วีซ่านะคะ เงื่อนไขการพิจารณาจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับประเทศที่เราเลือกไปเรียนภาษา แต่ทุกประเทศจะพิจารณาจาก statement ซึ่งเป็นหลักฐานที่แสดงว่าเรามีเงินที่สามารถครอบคลุมค่าใช้จ่ายทั้งหมดตามระยะเวลาที่เราไปเรียนภาษาจริง หากไม่สามารถเตรียม statement ที่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายทั้งหมดได้ จะมีโอกาสที่จะโดนปฏิเสธวีซ่าสูงนะคะ ** |
4. รู้ข้อกำหนดในการทำงานระหว่างเรียนของประเทศที่เราเลือกไปเรียนภาษา
น้อง ๆ หลายคนคิดว่า อยากไปเรียนภาษางบไม่ถึงหนูขอไปทำงาน Part time ที่นั่นก่อนเพื่อหาเงินมาโปะเพิ่มได้มั้ยคะ พี่ Hands On ขอตอบตรง ๆ เลยว่าการทำงาน Part time ไม่สามารถที่จะช่วยเรื่องค่าใช้จ่ายในการไปเรียนภาษาทั้งหมดได้ค่ะ เงินที่ได้จากการทำงาน Part time จะช่วยในเรื่องของค่าครองชีพของน้อง ๆ ได้เท่านั้น เพราะฉะนั้นเป็นไปไม่ได้เลยที่เราจะทำงาน Part time เพื่อหาเงินมาจ่ายค่าเรียนภาษาไปด้วยค่ะ และทุกประเทศที่เปิดโอกาสให้น้อง ๆ ที่ไปเรียนภาษาสามารถทำงานระหว่างเรียนได้ จะมีหลักเกณฑ์เดียวกันคือ “ เรียนเป็นหลัก ทำงานเป็นรอง ” นะคะ หากน้อง ๆ ฝ่าฝืนและโดนจับได้จะถูกส่งกลับประเทศทันทีโดยไม่มีข้อยกเว้นค่ะ หรือบางประเทศก็ไม่อนุญาตให้น้อง ๆ ที่ถือวีซ่าสำหรับการเรียนภาษาสามารถทำงาน Part time ได้
แล้วประเทศไหนบ้าง ที่เปิดโอกาสให้ทำงาน Part time ระหว่างเรียนภาษาได้?
สำหรับประเทศที่ทาง Hands On เป็นตัวแทน มีทั้งหมด 3 ประเทศค่ะ ที่เปิดโอกาสให้น้อง ๆ ที่ไปเรียนภาษาสามารถทำงาน Part time ระหว่างเรียนได้ คือ
- Australia 🇦🇺 ประเทศที่เป็นที่นิยมสำหรับน้อง ๆ มากที่สุด เพราะอยู่ไม่ไกลจากที่ไทยมาก โดยน้อง ๆ สามารถทำงาน Part time ได้ 40 ชั่วโมงต่อสองสัปดาห์ในช่วงเปิดเทอม (ช่วงปิดเทอมสามารถทำ full time ได้) ทั้งนี้จะต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขของวีซ่านักเรียนคือ จะต้องเข้าเรียนภาษาตามที่ได้สมัครเรียนไว้ มีความก้าวหน้าในการเรียนภาษา ห้ามยกเลิกหรือหยุดเรียนเพื่อมาทำงานอย่างเดียว และเริ่มทำงานได้หลังจากที่คอร์สเรียนเปิดเรียนเท่านั้น
**Update 18 July 2022: เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงานทำให้ทางสถานทูตออสเตรเลียมีมาตรการผ่อนคลายมากขึ้น อนุญาตให้นักเรียนสามารถทำงาน Part time ได้มากกว่า 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ และสามารถเริ่มทำงานก่อนเริ่มเรียนได้ จนกว่าจะมีประกาศเปลี่ยนแปลง** สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Temporary relaxation of working hours for student visa holders
- New Zealand 🇳🇿 เป็นอีกหนึ่งประเทศที่น่าไปเรียนภาษามาก ๆ เพราะขึ้นชื่อในเรื่องของความปลอดภัยสูง ที่นิวซีแลนด์น้อง ๆ ที่ไปเรียนภาษาสามารถทำงาน Part time ได้ 20 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ในช่วงเปิดเทอม (ช่วงปิดเทอมสามารถทำ full time ได้) โดยมีเงื่อนไขคือสำหรับน้อง ๆ ที่เรียนภาษากับมหาวิทยาลัยหรือสถาบันการศึกษาที่ทางรัฐรับรอง จะต้องเรียนภาษามากกว่า 14 สัปดาห์ หรือ สำหรับน้อง ๆ ที่เรียนภาษากับทางสถาบันอื่น ๆ จะต้องเรียนภาษา 6 เดือนขึ้นไปและต้องมีคะแนน IELTS ไม่ต่ำกว่า 5.0
สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Working while on a student visa
- Ireland 🇮🇪 เป็นประเทศในกลุ่มสหภาพยุโรป การันตีคุณภาพการศึกษาได้เลยว่าดีเยี่ยม ค่าครองชีพไม่แพงมาก สามารถเดินทางท่องเที่ยวประเทศในแถบยุโรปได้สะดวกเพราะไม่ต้องทำวีซ่าท่องเที่ยวเพิ่มเติม ที่ไอร์แลนด์เปิดโอกาสให้น้อง ๆ ที่มาเรียนภาษาสามารถทำงาน Part time ระหว่างเรียนได้ 20 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ในช่วงเปิดเทอม (ช่วงปิดเทอมสามารถทำงานได้ 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์) เงื่อนไขคือจะต้องเรียนภาษาอย่างน้อย 25 สัปดาห์ขึ้นไป
สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ A third-level course or a language course
สำหรับน้อง ๆ ที่ไม่ซีเรียสเรื่องการทำงาน Part time และชอบเสน่ห์ของสำเนียง British accent พี่ Hands On ขอแนะนำให้ไปเรียนภาษาที่ UK 🇬🇧 กันค่ะ ที่ UK เป็นอีกหนึ่งจุดหมายที่น้อง ๆ ส่วนใหญ่เลือกไปเรียนภาษาไม่แพ้ที่ออสเตรเลียเลย นอกจากน้อง ๆ จะได้เรียนภาษาอังกฤษแบบฉบับ British English จากเจ้าของภาษาแล้ว น้อง ๆ ยังจะได้ท่องเที่ยวในเมืองต่าง ๆ ซึ่งล้วนมีประวัติศาสตร์ที่เก่าแก่และสวยงามระดับโลก แถมยังมีเมืองดัง ๆ ที่ตรงกับทุก lifestyle ให้น้อง ๆ ได้เลือก ไม่ว่าจะเป็นเมืองที่ขึ้นชื่อทางด้านการศึกษาอย่าง Oxford หรือ Cambridge เมืองที่มีความ City จ๋า ๆ ก็ต้อง London เป็นต้น อีกทั้งที่ UK ถือเป็นผู้วางรากฐานการศึกษาโลกและยังคงสถานะผู้นำทางการศึกษาโลกมาจนถึงปัจจุบัน นอกเหนือจาก Oxford หรือ Cambridge ที่ผลัดกันรั้งตำแหน่งอันดับ 1 มหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในโลกแล้ว UK ยังมีอีกหลายมหาวิทยาลัยที่ตบเท้าเข้าครองตำแหน่ง Top 100 มหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในโลก ทำให้น้อง ๆ ที่สนใจจะมาเรียนปริญญาโทที่ UK อยู่แล้ว เลือกเรียนภาษาที่ UK เพื่อเป็นการปรับตัวและเตรียมทักษะทางภาษาให้พร้อมก่อนเข้าเรียนในมหาวิทยาลัย
5. รู้จักเอเจนซี่ดี ๆ อย่าง Hands On ที่ช่วยให้การไปเรียนภาษาที่ต่างประเทศราบรื่น ไม่มีสะดุด
อย่าเพิ่งข้ามข้อนี้ไปค่ะ ขอพื้นที่ให้พี่ได้พูดความจริงก่อน 😂 การเลือกเอเจนซี่ก็เป็นสิ่งสำคัญสำหรับการไปเรียนค่ะ เพราะถ้าเราตัดสินใจเลือกเอเจนซี่ผิด ปัญหาจะตามมาไม่หยุดเลยค่ะ แล้วเอเจนซี่มีตั้งเยอะ จะรู้ได้อย่างไรว่าเอเจนซี่ที่เราเลือกดีหรือไม่ดี? พี่ Hands On ขอตอบความจริงตามประสบการณ์ที่เราให้บริการมามากกว่า 15 ปีเลยนะคะ อย่างแรก บริการของเราฟรีทุกขั้นตอน 100% ไม่มีเก็บเงินเพิ่มเติมจากน้อง ๆ สักบาทเดียว เราดูแลตั้งแต่ต้นจนจบ แม้ว่าน้อง ๆ มีปัญหาระหว่างเรียน ก็สามารถขอความช่วยเหลือจากพี่ ๆ ได้ตลอด
อย่างที่สอง Hands On เป็นตัวแทนสถาบันสอนภาษา “ โดยตรงอย่างเป็นทางการประจำประเทศไทย ” ทำให้เราไม่ต้องไปส่งผ่านที่ไหนอีก
แล้วข้อนี้มันดีตรงไหน? ข้อดีคือเวลาที่น้อง ๆ จ่ายค่าเรียน น้อง ๆ สามารถโอนเงินเข้าบัญชีของสถาบันโดยตรงได้เลย (บางที่ต้องโอนให้เอเจนซี่ก่อนเท่านั้น) และเวลาที่น้อง ๆ มีปัญหากับทางสถาบัน พี่ ๆ Hands On เป็นตัวแทนโดยตรงสามารถช่วยแก้ปัญหาได้รวดเร็วกว่า พี่ ๆ สามารถพูดคุยกับสถาบันโดยตรงได้ ไม่ต้องคุยผ่านหลายต่อ
และอย่างสุดท้าย สถาบันที่ Hands On เป็นตัวแทนล้วนเป็นสถาบันที่มีคุณภาพผ่านการรับรองตามมาตรฐานสากล เพราะเราทำงานกับสถาบันที่มีคุณภาพเท่านั้น มั่นใจได้เลยว่าน้อง ๆ ที่ไปเรียนภาษาที่ต่างประเทศกับพี่ Hands On ไม่ต้องมานั่งปวดหัวทำเองให้ยุ่งยาก เพราะพี่ Hands On ทำให้ฟรีหมดและได้ไปเรียนกับสถาบันที่มีคุณภาพจริง ๆ
และนี่ก็คือทั้ง 5 เรื่องที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจไปเรียนภาษาที่ต่างประเทศที่หลายเอเจนซี่ไม่เคยบอก สำหรับน้อง ๆ ที่สนใจไปเรียนภาษาที่ต่างประเทศกับ Hands On ทางเราเป็นตัวแทนสถาบันสอนภาษามากกว่า 50 แห่งจาก 7 ประเทศ คือ สหราชอาณาจักร, สหรัฐอเมริกา, ออสเตรเลีย, นิวซีแลนด์, แคนาดา, ไอร์แลนด์ และสิงคโปร์ สามารถสอบถามข้อมูลพร้อมประเมินค่าใช้จ่ายทั้งหมดในการไปเรียนภาษาที่ต่างประเทศฟรี เพียงกรอกข้อมูลที่แบบฟอร์มด้านล่าง พี่ Hands On ยินดีให้คำปรึกษาฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้นค่ะ
Hands On บริการให้คำปรึกษาแนะแนวการเรียนต่อต่างประเทศ
เรียนต่ออังกฤษ เรียนต่ออเมริกา เรียนต่อออสเตรเลีย เรียนภาษา เรียนต่อปริญญาตรี-โท-เอก ต่างประเทศ
เปิดบริการ 6 สาขาทั่วประเทศไทย คือ สีลม (สำนักงานใหญ่), สุขุมวิท, ปิ่นเกล้า, พระราม 2, พระราม 9 และเชียงใหม่
Line : @handson
Facebook : www.facebook.com/HandsOnEdu
Tel : 02 635 5230, 02 821 6877, 084 245 1708