การไปเรียนต่อเมืองนอกถือว่าเป็นความใฝ่ฝันของน้อง ๆ และใครหลาย ๆ คน เพราะนอกจากจะได้พัฒนาภาษาอังกฤษของเราแล้ว การไปเรียนเมืองนอกก็เหมือนกับการไปใช้ชีวิตในสภาพแวดล้อมและสถานที่ใหม่ ๆ แถมได้เจอเพื่อน ๆ ต่างชาติ ก่อนจะตัดสินใจไปเรียนภาษาที่เมืองนอก น้อง ๆ มักจะมีคำถามในใจมากมาย พี่ Hands On ขอรวม 6 คำถามที่น้อง ๆ ไปเรียนภาษาถามบ่อยกันมากที่สุด จะได้หายสงสัยและคลายความกังวลใจกันค่ะ
-
ไม่เก่งภาษาต้องมีคะแนนสอบภาษาอังกฤษในการสมัครเรียนไหม?
คำถามนี้พี่ ๆ เจอบ่อยที่สุดค่ะ การไปเรียนภาษาอังกฤษไม่จำเป็นต้องยื่นผลสอบภาษาอังกฤษค่ะ เนื่องจากทางโรงเรียนจะมีสอบวัดระดับพื้นฐานภาษาของน้อง ๆ ก่อนเรียนอยู่แล้ว ว่าระดับภาษาอยู่ในระดับไหน ขอแค่ให้น้อง ๆ พอมีพื้นฐานภาษาอังกฤษได้บ้าง สามารถโต้ตอบสื่อสารเป็นภาษาอังกฤษพอเอาตัวรอดได้ สำหรับน้อง ๆ ที่ไม่มั่นใจในพื้นฐานภาษาเลยก็สามารถไปเรียนได้นะคะ เพราะโรงเรียนภาษาส่วนใหญ่จะมีเปิดสอนตั้งแต่ระดับ beginner ซึ่งจะปูพื้นฐานของน้อง ๆ ตั้งแต่เบื้องต้นจนเพิ่มพัฒนาไปตามระดับภาษาได้ระดับที่สูงขึ้น ไม่ต้องกดดันตัวเองนะคะ ถือคติไว้ว่าเพราะยังไม่เก่งจึงไปเรียนเพื่อให้เก่ง!
-
ต้องใช้งบประมาณเท่าไหร่ถึงจะไปเรียนได้?
เป็นคำถามยอดฮิตสำหรับน้อง ๆ ทุกคนว่าต้องใช้งบประมาณเท่าไหร่ พี่ Hands On ต้องขอตอบตรง ๆ ว่า การไปเรียนต่อเมืองนอกค่าใช้จ่ายย่อมสูงเมื่อเทียบกับเรียนภาษาในบ้านเรา แต่สิ่งที่เราจะได้คือประสบการณ์ในการไปใช้ชีวิตที่เมืองนอกและได้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ได้ใช้ภาษาอังกฤษตลอดเวลาค่ะ เราสามารถวางแผนในการเตรียมงบประมาณได้ก็ต่อเมื่อเรามีประเทศเป้าหมายที่จะไปเรียนต่อ เพราะแต่ประเทศค่าใช้จ่ายย่อมจะแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับประเทศที่เลือก เมือง ระยะเวลาที่เรียนและค่าที่พัก ค่าตั๋วเครื่องบินและค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน สำหรับน้อง ๆ ที่งบประมาณค่อนข้างจำกัด ก็ต้องเปรียบเทียบค่าครองชีพในแต่ละประเทศเพื่อดูว่าประเทศไหนใช้งบมากหรือเกินกว่าขอบเขตที่เรากำหนดไว้หรือไม่ เพื่อช่วยลดระยะเวลาในการหาข้อมูลหรือวางแผน น้อง ๆ สามารถขอคำแนะนำจากตัวแทนของสถาบันที่น่าเชื่อถืออย่าง Hands On เพื่อลดความกังวลในการเลือกประเทศ การประเมินงบประมาณ และการเลือกสถาบันในการไปเรียน
สำหรับน้อง ๆ ที่กังวลเรื่องค่าใช้จ่าย พี่ Hands On แอบบอก 5 วิธีลับ ๆ ไปเรียนภาษาที่ต่างประเทศ โดยใช้งบน้อยที่สุด แถมได้เงินกลับไทย หรือสามารถปรึกษาพี่ Hands On โดยตรงได้เลยค่ะ เพราะพี่ ๆ มีความรู้และประสบการณ์และส่วนใหญ่เคยศึกษาต่อต่างประเทศมาก่อน ดังนั้นพี่ ๆ จะใช้ประสบการณ์ตรงและให้คำแนะนำน้อง ๆ ได้อย่างตรงจุดค่ะ
-
ไปเรียนได้เมื่อไหร่?
ช่วงของการตัดสินใจจะไปเรียนภาษาของแต่ละคนและความพร้อมอาจจะไม่เท่ากัน น้อง ๆ บางคนอาจจะวางแผนไปเรียนระยะสั้นระหว่างช่วงปิดเทอมสัก 3 เดือน บางคนอาจจะเลือกไปเรียนหลังจากที่เรียนจบปริญญาตรี 1 ปี หรือบางคนอาจจะอยู่ในวัยทำงานและวางแผนอยากไปเรียนเพื่อนำภาษากลับมาพัฒนาตัวเองเพื่อจะได้งานดีและมั่นคงในอนาคต สอบถามความพร้อมของตัวเองก่อนว่าอยากไปเริ่มช่วงไหน เพราะการสมัครเรียนภาษาไม่ใช่เรื่องยาก ขอแค่เรารู้กำหนดการของเราที่แน่นอนก็สามารถสมัครไปเรียนได้เลย เนื่องจากสถาบันภาษาเปิดเรียนทุก ๆ วันจันทร์ตลอดทั้งปีอยู่แล้วดังนั้น เมื่อใจพร้อม งบประมาณพร้อมย่อมจะไปเรียนเมื่อไหร่ย่อมได้ค่ะ ขอแค่มีเวลาในการเตรียมเอกสารสำหรับขอวีซ่าให้พอดีกับเวลาที่จะไปเริ่มเรียนก็พอค่ะ
-
พักที่ไหนดี ?
น้อง ๆ ที่ตัดสินใจไปเรียนภาษาต้องเดินทางเองคนเดียว หลาย ๆ คนอาจจะต้องการหาข้อมูลก่อนในการตัดสินใจว่าจะเลือกที่พักอย่างไรให้เข้ากับตัวเอง สำหรับน้อง ๆ ที่ยังไม่เคยเดินทางไปเรียนต่างประเทศมาก่อนพี่แนะนำให้เลือกพักกับทางโรงเรียนจัดหาให้ เช่น เลือกพักกับ Host family ซึ่งข้อดีคือ ทางครอบครัวเค้าจะมีหน้าที่ดูแลให้คำแนะนำในเรื่องของการเดินทาง ดูแลในเรื่องของอาหารการกิน เสื้อผ้าบางบ้านดูแลซักให้ แต่บางบ้านอาจจะให้เราใช้เครื่องซักผ้าด้วยตัวเอง หรือถ้าน้อง ๆ คนไหนอยากพักแบบอิสระก็สามารถเลือกที่พักแบบ Student Residence ได้นะคะ ซึ่งจะเป็นหอพักเฉพาะสำหรับนักศึกษา เป็นห้องเดี่ยวมีห้องน้ำในตัวห้อง แต่จะแชร์ในส่วนครัวและห้องเอนกประสงค์ต่าง ๆ ค่ะ ข้อเสียก็คือค่าใช้จ่ายอาจจะค่อนข้างราคาสูงเมื่อเทียบกับเลือกพักแบบ Host family
สำหรับน้อง ๆ ที่ตัดสินใจหาที่พักเองนอกเหนือจากที่ทางโรงเรียนจัดหาให้หรือที่เรียกว่า Private Accommodation เพราะอาจจะต้องการประหยัดค่าใช้จ่ายก็สามารถหาเองได้ พี่ ๆ แนะนำว่าให้ศึกษาและเช็คข้อมูลให้ดี เพราะบางที่ก็อาจจะต้องมีการจองหรือชำระเงินล่วงหน้ารวมถึงเงื่อนไขในการขอรับเงินประกันคืน ถึงความปลอดภัยบริเวณโดยรอบด้วย ลองหาข้อมูลและเปรียบเทียบราคาจากหลาย ๆ แหล่งดู ถ้าหาเองต้องมั่นใจว่าข้อมูลและรูปต้องตรงปกไม่จกตานะคะ
-
ขอวีซ่ายากไหมและต้องเตรียมเอกสารยังไง?
การขอวีซ่านักเรียนภาษา หากมีเอกสารครบก็ถือว่ามีชัยไปกว่าครึ่ง สิ่งที่สำคัญที่สุดในการขอวีซ่าให้ผ่านคือ การเตรียมเอกสารให้ครบถ้วน เพราะหากมีเอกสารไม่ครบก็อาจจะโดนปฏิเสธการขอวีซ่า ดังนั้นจึงควรเตรียมเอกสารให้ครบถ้วนเพื่อไม่ให้เสียเวลา เสียโอกาส และเสียเงินค่าใช้จ่ายในการขอวีซ่าใหม่ เอกสารที่ต้องเตรียมมีดังนี้
- Passport ที่อายุเหลือไม่น้อยกว่า 6 เดือน รวมถึงแสดง Passport เล่มเก่าที่หมดอายุไปแล้ว
- เอกสารรับรองการศึกษาและผลการเรียนเป็นภาษาอังกฤษ
- เอกสารตอบรับจากทางสถาบันภาษา
- สำเนาบัตรประชาชนและทะเบียนบ้านของน้องเอง ของคุณพ่อและคุณแม่
- สำเนาสูติบัตรของน้อง
- เอกสารของผู้ออกค่าใช้จ่าย หรือที่เรียนว่า “Sponsor” และหลักฐานการเงินของผู้ที่จะเป็น sponsor
* สำหรับเอกสารเกี่ยวกับผลการตรวจโควิด หรือเอกสารรับรองการฉีดวัคซีน ฯลฯ เป็นไปตามเงื่อนไขของแต่ละประเทศ ซึ่งจะมีการเปลี่ยนแปลงตลอด น้อง ๆ ที่สมัครเรียนภาษากับทาง Hands On สามารถสอบถามข้อมูลอัพเดทจากเจ้าหน้าที่ของเราได้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายค่ะ
ขอเพียงเตรียมเอกสารให้พร้อม ซึ่งอาจจะดูเยอะและยุ่งยากหน่อยแต่ก็ไม่ยากเกินไปสำหรับทุกคนแน่นอนค่ะ หากน้อง ๆ สมัครเรียนภาษากับทาง Hands On พี่ ๆ จะช่วยดูแลและให้คำแนะนำเรื่องขอวีซ่าฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมเลยค่ะ
-
เมื่อไปถึงแล้วจะเอาตัวรอดได้ไหม?
ไม่ต้องกังวลใจหรือกลัวเลยค่ะ ทางสถาบันสอนภาษาที่เมืองนอกจะมีระบบดูแลนักเรียนต่างชาติเป็นอย่างดี บางโรงเรียนมีบริการมารับน้อง ๆ ถึงที่สนามบินด้วยนะคะ เมื่อเราตัดสินใจไปแล้วก็ต้องมีความเชื่อมั่นในตัวเองเข้าไว้ค่ะ ในระยะแรก ๆ อาจจะต้องปรับตัวเข้ากับสิ่งใหม่ ๆ ที่เราไม่คุ้นชิน อีกทั้งยังต้องรับผิดชอบตัวเองในทุก ๆ ด้านอีกด้วย ฉะนั้นก่อนถึงวันเดินทางก็ควรฝึกฝนภาษา หาข้อมูล และเตรียมตัวไปก่อนล่วงหน้า เช่น การศึกษาเส้นทาง ฝึกทำอาหาร หรือ ดาวน์โหลดแอปพลิเคชันแผนที่ของเมืองนั้น ๆ ที่สำคัญต้องถามตัวเองดี ๆ ว่าเราพร้อมแน่ไหม มีอะไรที่ยังขาดตกบกพร่องก็รีบศึกษาข้อมูลล่วงหน้าเข้าไว้ รับรองเอาตัวรอดได้แน่นอน ประสบการณ์ดี ๆ กำลังรอน้อง ๆ อยู่ค่ะ!
สำหรับน้อง ๆ ที่ยังมีคำถามหรือข้อสงสัยอื่น ๆ ในการไปเรียนภาษาที่เมืองนอก สามารถสอบถามพี่ Hands On เพิ่มเติมได้ฟรี Add Line มาคุยกันได้เลย คลิก หรือกรอกแบบฟอร์มด้านล่างให้เจ้าหน้าที่ติดต่อกลับไปค่ะ