ตามรอย Shakespeare ณ Stratford Upon Avon (Part 2: Final part)
วิชาประวัติศาสตร์ Shakespeare’s biography and English culture 101 วันนี้ ~~~ จะพาท่านไปรู้จักกับ ศิลปินชื่อก้องโลกคนสำคัญคนหนึ่ง และเรื่องราววิถีชีวิตของชาวอังกฤษย้อนกลับไปในสมัยห้าร้อยปีก่อน… (อินอะไรขนาดนั้น) ปูมายิ่งใหญ่มาก แต่เรื่องที่จะเล่านี่ชาวบ้านสุดๆ เลยค่ะ ฮ่าๆๆๆ เอาเป็นว่า เป็นเกร็ดความรู้เล็กๆ น้อยๆให้พอได้อุทานว่า ฮ่อววววว กันเบาๆ เนอะ
ก่อนอื่น เล่าให้ฟังก่อนว่า ที่ทางเข้าของแต่ละบ้าน จะมี staff ตรวจตั๋วของเรา และจะถามเราว่าเราอยากได้ information guide ภาษาอะไร (เป็นกระดาษที่สรุปเรื่องราวคร่าวๆของห้องต่างๆในแต่ละบ้าน ที่น่าประทับใจคือมีภาษาไทยด้วยจ้าาาาา) และระหว่างการเดินชมบ้านและข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ก็จะมี staff ยืนประจำเป็นจุดๆ (บางคนแต่งตัวเป็นธีมโบราณด้วยนะเอ้อ บันเทิงไปอี๊กกก) เพื่อคอยเล่าประวัติแบบลงรายละเอียดและคอยตอบข้อสงสัยของผู้เข้าชม (และมันสนุกตรงนี้แหละค่ะ เราก็ตั้งใจถามกันจริงๆ เลยได้รู้อะไรเยอะแยะเลย และมี staff หลายคน nice เป็นพิเศษ เล่ายาวและสนุกมาก)
เรื่องที่น่าสนใจคร่าวๆเกี่ยวกับชีวิตของ เชกสเปียร์ ก็คือ เค้าเป็นศิลปินที่เกิดและเติบโตมาในสังคมของผู้มีเงิน เรียกสั้นๆว่า ไม่จน นั่นแหละค่ะ ซึ่งเราแอบแปลกใจนิดนึง เพราะโดยทั่วไป เรามักจะคิดว่า ศิลปินในสมัยก่อนจะเป็นพวกฐานะไม่ดีนัก หรือมีปัญหาชีวิตอะไรสักอย่างที่เป็นแรงขับเคลื่อนและแรงบันดาลใจในผลงานของพวกเขา แต่ เชกสเปียร์ นี่เรียกได้ว่า อยู่แบบไม่ได้ขาดตกเรื่องเงินทองใดๆ บ้านของครอบครัว เชกสเปียร์ ก็ถือว่าใหญ่โตหรูหราสำหรับสมัยนั้น มีเฟอนิเจอร์มีทุกอย่างครบครัน พ่อของ วิลเลียม เชกสเปียร์ เอง ก็เป็นที่รู้จักและนับถือในสังคม และมีธุรกิจทำถุงมือหนัง และ วิลเลียม เชกสเปียร์ เองก็มีวิสัยทัศน์ด้านการลงทุนและทำธุรกิจซะด้วย แถม เชกสเปียร์ ผุ้คมคายของพวกเรา (กลายเป็นของพวกเราไปแล้ว) ยังมีความ mature เป็นผุ้ใหญ่ แต่งงานตั้งแต่อายุ 18 โดยที่ Anne แก่กว่านะจ๊ะว่าไม่ได้ เรียกได้ว่า เป็นศิลปินที่ครบเครื่อง all in one มีฐานะ มีวุฒิภาวะ มีความอาร์ท มีวิสัยทัศน์ด้านธุรกิจ เฮ้ยยยยย ครบเกินนนนน
ถ้าจะมีปัญหาอะไรสักอย่าง ก็คงเป็นเรื่องของโรคระบาด ยิ่งสมัยนั้นการแพทย์ยังไม่พัฒนา ผู้คนไม่มีความรู้เรื่องสุขอนามัย อัตราการตายของเด็ก(โดยเฉพาะเด็กแรกเกิด)จึงเยอะมาก รวมถึงพี่สาว 2 คน ของ Shakespeare (staff บอกว่า William Shakespeare ถือว่าทำได้ดีมากนะที่รอดจากช่วงโรคระบาดนั้นมาได้) และเมื่อเค้าแต่งงานกับ Anne เค้าก็สูญเสียลูกชายไปเช่นกัน
เอาล่ะค่ะ เราเลี้ยวมาที่เกร็ดด้านวิถีชีวิตของคนอังกฤษในสมัยนั้นกันบ้าง ตรงนี้เป็นจุดหนึ่งที่ staff เล่าเพิ่มว่า เพราะว่าน้ำที่เค้าดื่มกันมันมีเชื้อโรค แต่คนไม่รู้ว่ามันคืออะไร รู้แค่ว่าดิ่มน้ำเปล่าแล้วจะป่วย เค้าก็เลยไปดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอลกัน ดื่มกันตั้งแต่เด็กๆไปจนโต เพราะดื่มแล้วไม่ป่วย นี่เป็นสาเหตุที่คนอังกฤษดื่มเหล้ากันเยอะ
ตามมาด้วยเรื่องของบ้านอังกฤษสมัยก่อน น่าแปลกใจตรงที่ดูจะมีความสลับกับบ้านเรา หลายคนอาจจะเคยได้ยินว่าคนไทยสมัยก่อนตัวใหญ่ ดูได้จากขั้นบันไดวัดเก่าๆที่แต่ละขั้นจะใหญ่มาก แสดงถึงช่วงขาที่ยาวของคนในสมัยนั้น แต่ดูท่าแล้วคนอังกฤษสมัยก่อนไม่ได้ตัวใหญ่อย่างที่คิด เพราะว่าบ้านเค้ามีความเตี้ยอยู่พอตัว ช่องประตูนี่เรียกได้ว่าเราเกือบต้องย่อเพื่อลอดผ่านไป (รู้สึกสูงขึ้นมาเลยเชียว ฮ่าๆๆ)
และเกร็ดความรู้ที่เราสนุกสนานที่ได้รู้ที่สุด ว่าด้วยเรื่องของ เตียง… ใช่แล้ว เตียงค่ะ เมื่อเดินมาถึงห้องนอนและ staff ถามว่ายูสงสัยมั้ยว่าทำไมเตียงสมัยนั้นถึงได้ดูสั้นและเล็กกว่าสมัยนี้มาก เอ้อ…..ตอนแรกก็ไม่เคยสงสัยนะ พอสงสัยเท่านั้นแหละ สงสัยเลย ฮ่าๆๆๆๆ เค้าบอกว่า เพราะอากาศมันหนาว เตียงเล็กๆทำให้ต้องนอนใกล้กันมากขึ้นเพื่อให้อุ่น ส่วนความสั้นของเตียง มาจากความเชื่อเรื่องปิศาจ เค้ามีความเชื่อกันว่า การนอนราบไปเลย (เหมือนทุกวันนี้) จะเป็นการทำให้ปีศาจเข้าใจว่าคนๆนั้นตายแล้ว แล้วจะมาเอาวิญญาณไป พอเตียงสั้นปุ๊บ เค้าก็ต้องนอนแบบชันตัวขึ้นมา (นึกภาพเตียงคนไข้ที่กดปุ่มให้ชันขึ้นมาประกอบเพื่อความเป็นปัจจุบันค่ะ) เพื่อเป็นการบอกว่า ชั้นยังไม่ตายนะ ชั้นหลับอยู่เฉยๆ (ฮ่อววววว รึยังคะ ยังเหรอ เป็นเราเราร้อง ฮ่อวววว แล้วนะ ฮ่าๆ)
อะ แถมอีกเรื่องสุดท้ายก่อนจากกันไป (บอกแล้วว่าสนุกสนานและได้ความรู้จริง) ยังอยู่ที่เรื่องเตียงค่ะ เตียงสมัยก่อน ก่อนจะวางที่นอน ด้านล่างสุดจะขึงด้วยแผ่นหนัง(ถ้าเราเข้าใจไม่ผิดนะ พอดีเป็นช่วงวาร์ป ฟังไม่ทัน ฮ่าๆๆ หรือถ้าไม่ใช่หนังก็ต้องเป็นวัสดุอะไรสักอย่าง) ที่ร้อยเข้ากับเชือก แล้วเค้าก็มีอุปกรณ์ไว้คอยขันเชือก เพื่อให้เตียงไม่หย่อนจนนอนไม่สบาย จนเป็นที่มาของคำว่า Good Night, Sleep Tight นั่นเอง ฮ่อววววววววว
บ้านเกิดของ Shakespeare
Staff ที่ทางเข้าบ้าน
ห้องทานอาหาร ห้องทำงาน ทำถุงมือของ John Shakespeare
ส่วนที่ยื่นออกมาจากเตียงใหญ่นั่นคือ เตียงเด็กค่ะ เตียงเล็กสุดนั่นเอาไว้ให้เด็กแรกเกิด พอโตขึ้นมาหน่อยก็มานอนเตียงเด็ก
เห็นเชือกที่ขอบเตียงมั้ยคะ นั่นแหละค่ะที่เค้าจะขันให้ตึง
ความสูงของช่องประตู แฮ่~ เกือบต้องก้มแน่ะ
บ้าน Anne Hathaway
สนใจเรียนต่อ Birmingham City University ลงทะเบียนเพื่อรับข้อมูลเรียนต่อและคำปรึกษาจากพี่ๆ Hands On ตัวแทนมหาวิทยาลัยอย่างเป็นทางการประจำประเทศไทย ฟรี คลิก