ครั้งนี้ผมออกเดินทางจากอังกฤษ ไปตามหา Aurora กันที่ Iceland ครับ เราขึ้นเครื่องกันที่สนามบิน Stansted airport ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง ก็ถึงเดินทางถึงเมือง Keflavik
นี่คือเเผนเดิมทางก่อนมาคือวางเเผนคร่าวๆ ตามสถานที่ คือจะพยายามวางวันต่อวันเพราะสภาพอากาศของที่นี่เปลี่ยนแปลงตลอด แต่พอเอาเข้าจริงๆ ก็ไม่ได้ไปโซนด้านบนของไอซ์แลนด์เพราะอากาศแย่มากจริงๆ เลยเปลี่ยนใจไม่ไปดีกว่า
วันที่ 1 ของทริป คือยังไม่ได้เช่ารถก็เลยเช่าบ้านอยู่ก่อนคืนเเรก วันนี้เลยชิวๆ ออกหาของกิน เดินเล่นนิดหน่อย แล้วกลับมานอนเอาเเรงก่อนเพราะต่อจากนี้คงไม่ได้นอนบนเตียงดีๆ เเล้วเพราะเราจะนอนในรถกัน อากาศก็หนาวใช้ได้ครับอยู่ที่ -1 องศา
เช้าวันที่ 2 เราเริ่มต้นกันที่ Blue Lagoon นี่คือสิ่งเเรกที่เห็นหมอกๆ ไอๆ ด้านข้าง
ตอนเเรกกะว่าจะมาวันสุดท้ายเเต่เค้าจะปิดปรับปรุงเลยย้ายมาเป็นวันเเรกเเทน เค้าลดราคาพอดีเลยเลือกแบบราคา 50 ยูโรเท่าปกติที่เป็นค่าเข้าปกติ แต่อันนี้จะได้ผ้าเช็ดตัว ครีมกับโคลนสีเขียว เครื่องดื่มฟรี 1 แก้ว (โปรแกรมแต่ละวันที่โซนที่เปิด/ปิด ต่างกัน ใครจะมาเชคตารางก่อนนะครับ)
หลังจากแช่น้ำถ่ายรูปกันเต็มที่แล้ว เราก็จะออกเดินทางกันต่อ ผมติดต่อให้บริษัทที่เช่ารถมาส่งรถที่ Blue lagoon เลย
(**ผมเลือกเช่าถุงนอนหมอนอย่างละสองชุด เเก๊ซไว้ทำกับข้าว ที่แปลงไฟ เลือกซื้อประกันซึ่งประกันตัวนี้ไม่ครอบคลุมกรณีประตูพังเพราะโดนลมเเรงนะครับ ซึ่งสุดท้ายแล้วกลางทริปผมก็โดนเรื่องนี่ละเคยอ่านเจอมาบ้าง แต่ยังไงก็คงโดนอยู่ดีเพราะยอมรับว่าที่นี่ลมเเรงมากจริงๆ ผมเองบางครั้งยังเกือบจับไว้ไม่อยู่ อันนี้ที่พังคือพังในเมืองด้วยนะไม่ใช่เที่ยวนอกเมือง)
เราไปหาที่ถ่ายรูปกันในเมือง โดยเลือกโบสถ์พระเอกของเมือง Reykjavik ที่ชื่อว่า Hallgrímskirkja
ตกดึกเราก็ขับรถลองเชิงกันก่อนกับคืนแรกที่ตามหาแสงเหนือ (**กางแผนที่เอามือถือมาเช็คเมฆว่าคืนนี้มีตรงไหนที่ฟ้าเปิดบ้าง เทียบกันสามสี่แผนที่ซูมเเล้วซูมอีกว่าตรงไหนจะมีมุมถ่ายสวยๆ บ้าง) ขับไปเรื่อยๆ ก็พยายามช่วยกันมองหาเเสงเหนือเพราะนี่ก็ดึกนานเเล้วน่าจะมี เค้าบอกว่าถ้าเจอให้เอากล้องลองถ่ายดูจะเห็นชัดกว่าตา ทันใดนั้นเองน้องหมวยบอกเอ๊ะ! นั่นอะไร เอ๊ะนั้นอะไร ทางขวามือ ผมนี่หยิบกล้องออกมาเลยครับ เวลานั้นก็คิดว่าอะไรเราจะโชคดีมาเจอตั้งเเต่วันเเรกขนาดนั้น! คือวันนั้นเเสงเหนือเเบบเต้นระบำตรงหน้าเรียกว่าช๊อคจนลืมถ่ายรูปแบบรัวๆ (วันนี้คือวันที่เเสงเหนือสวยที่สุดในทริปที่เจอ) คือมาเจอถูกที่ถูกเวลาเเสงเหนือพาดขวางตรงหน้า
คืนนั้นเราหาที่นอนแบบง่ายๆ เพราะมีการผจญภัยเรื่องถนนลื่น ความหนาว และความหิวกันไป หลังจากชื่นชมความสวยของ Aurora เช้าวันถัดมา เรามุ่งหน้าไปที่น้ำตกกันครับ ระหว่างทางก็เจอเจ้านี่
คือมันเชื่องมากจนจับได้สบายขนนิ่ม เเล้วเเบบบางตัวนี่เห็นคนนี่วิ่งเข้าใส่เลย เนื่องจากช่วงเวลากลางวันของที่นี่ในหน้าหนาวนั้นมีเเค่ 4-5 ชั่วโมงเท่านั้น ผมเลยเลือกไปเฉพาะที่คิดว่าน่าถ่ายรูปเท่านั้น ไม่ได้ไปทุกที่ อย่างวันนี้ก็ขับผ่านน้ำตกที่ชอบมาเที่ยวกันไปเพื่อมาที่นี่
วิวระหว่างทางก็อย่างที่เห็นครับ
และน้ำตกก็มาอยู่ตรงหน้าละครับ รัวชัตเตอร์กันยาวๆ
คืนนี้ขอนอนพักเอาแรงแถวๆ น้ำตกนี่แหละ แล้วรอลุ้นแสงเหนือกันต่อครับ ตอนหน้ามาลุ้นกันต่อว่าเจ้าแสงเหนือจอมแสบจะออกมาให้ผมรัวชัตเตอร์ไหม
สนใจเรียนต่อ Bournemouth University ลงทะเบียนเพื่อรับข้อมูลเรียนต่อและคำปรึกษาจากพี่ๆ Hands On ตัวแทนมหาวิทยาลัยอย่างเป็นทางการประจำประเทศไทย ฟรี คลิก