เราได้ข้อมูลการเรียนต่อต่างๆจากการไปเดินเล่นที่งาน British Council เมื่อต้นปีเดือนกุมภาพันธ์ 2019 และได้เจอกับพี่ Hands On ที่นั่งอยู่ที่บูธเลยไปคุยค่ะ ซึ่งพี่ๆให้ข้อมูลแน่นมาก จัดตาราง Ranking ต่างๆ ทั้งงบ การเดินทาง ชีวิตความเป็นอยู่ เราลองยื่นดูแล้วก็ได้และเดินทางเดือนกรกฎาคมปีเดียวกันเลย เราดูแลโดยพี่ตูนสาขาสีลมค่ะ เรื่องรายละเอียดการเตรียมตัวแบบฉบับฉับไว อ่านได้จากโพสที่ซีเคยเขียนไปครั้งที่แล้วนะคะ (เตรียมตัวเรียนต่ออังกฤษฉบับฉับไว หาข้อมูลต้นปี เดินทางปลายปี อย่างนี้ก็เป็นไปได้)
ที่เลือกมาเรียนคณะ Digital Marketing ที่ University of Surrey เพราะเราได้ข้อมูลว่า Ranking มหาลัยอยู่ที่ Top 20 การเรียนการสอนก็ได้รับ Teaching Excellence Framework (TEF) – Gold ซึ่งการันตีคุณภาพของการสอนค่ะ นอกจากนี้ยังใกล้ลอนดอน เดินทางโดยรถไฟประมาณ 45 นาที – 1 ชม. (แล้วแต่รอบรถไฟนะคะ) และมีระบบการ Support นักเรียนต่างชาติที่ดีมาก
University of Surrey ตั้งอยู่ที่เมือง Guildford เป็นเมืองที่ไม่แออัดพลุกพล่านมาก แถมห้อมล้อมไปด้วยธรรมชาติ มีต้นไม้เยอะมากค่ะ ฤดูใบไม้ร่วงสวยมากๆ แถวหอก็จะมีทั้งนก ทั้งกระต่ายออกมาวิ่งเล่นตลอด
ก่อนมาเรียนทำงานมาแล้วหลายปีค่ะ ทั้ง Recruitment Agency, Startup, Venture capital,Marketing Manager บริษัท IT และ Accelerator ซึ่งก็วนเวียนอยู่ในวงการเทคโนโลยีค่ะ ที่ผ่านมาเราอยู่ในสาย Marketing Communication ซึ่งก็จะอยู่กึ่งกลางในเรื่องของ Marketing เรารู้เรื่อง Strategy รู้ว่าจะต้องคุยประสานกับแผนกอื่นๆยังไงบ้างแต่ด้าน Execution เรายังรู้ไม่ค่อยลึกทำให้เวลาเราคุยงานกับน้องที่เป็น Digital Marketer, UX/UI, Web Developer เราจะอธิบายได้ว่าเราต้องการอะไรแต่ไม่ค่อยเห็นภาพว่าเบื้องหลัง logic ของงานนั้นๆมันคืออะไรบ้าง เวลา Agency อื่นมาขายงานเราก็ต้องหนีบคนที่ทำ execution เบื้องหลังไปคุยด้วยกัน เพราะเรารู้ไม่ลึก นี่เป็นหนึ่งในสาเหตุหลักๆที่อยากมาเรียนต่อ เพื่อให้เราจะได้เข้าใจได้ลึกขึ้นและทำงานในอนาคตได้ไหลลื่นมากขึ้นค่ะ
จริง ๆ แล้วซีเลือกสาขาที่เกี่ยวข้องกับ Digital Marketing ไปหลายมหาลัยเหมือนกัน Surrey เป็นมหาลัยที่ตอบเราเร็วในทุกๆเรื่อง ส่งอีเมลข้อมูลมาสม่ำเสมอมาก เราทำงานมาแล้วหลายปี เราดูตั้งแต่การส่งข้อมูลและความใส่ใจของมหาลัยเลยนะเพราะไหนๆเราจะเข้าสาขานี้แล้ว เราก็ดูตั้งแต่ว่าตัวมหาลัยเองมีระบบการจัดการ Digital Marketing ของตัวเองยังไงบ้าง ซึ่งถึงสาขานี้จะเปิดเป็นปีแรกของ Surrey แต่เรารู้สึกว่าเขาให้ความใส่ใจกับการให้ข้อมูลกับนักเรียนมาก ถามอะไรไปก็เมลตอบกลับมาเร็วมาก ไม่ว่าจะเรื่องย้ายเข้าหอ การเดินทางไปที่มหาลัย เราเมลไปถามหมด
4 วิชาหลักของหลักสูตรที่เรียนเทอมแรกจะมี
1. Digital Marketing & Social Media
เทอมแรกเราจะเรียนค่อนข้างปูพื้นฐาน Marketing คนที่ไม่เคยมีพื้นฐานด้านมาร์เก็ตติ้งมาก่อน เช่น คนที่ย้ายสายเรียน หรือสายงานมาจะเข้าใจมากยิ่งขึ้น ส่วนเทอมสองก็จะเรียนลึกขึ้น อาจารย์จะให้ Case study ต่างๆเพื่อให้ไปศึกษาก่อนเข้ามาเรียนและมาถกเถียงกัน ซึ่งเป็นส่วนที่เราชอบมากที่สุด
นอกจากนี้อาจารย์ก็มีให้ไปสอบ Certificate ด้าน Social media เอาไว้ด้วยซึ่งไม่ได้บังคับ แต่เราแนะนำว่าให้สอบเอาใบเซอร์ให้ผ่าน จะดีกับโปรไฟล์ตอนสมัครงานจ้า
อันนี้หน้าตาใบเซอร์ที่สอบเสร็จ ของ HubSpot Academy
2. Channel Management
ตัวนี้จะเรียนเรื่องเกี่ยวกับการจัดการ Retail ซึ่งจะสอนให้เราประยุกต์เรื่อง Digital เข้าไปด้วย เพราะถึงคนจะซื้อของออนไลน์มากขึ้นแต่ Retail เดี๋ยวนี้ก็ต้องปรับตัวให้เป็น New retail โดยใช้มาร์เก็ตติ้งแบบ O2O(Online to Offline) มากขึ้น เพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ๆให้ลูกค้า อาจารย์จะให้งานเราไปสังเกตร้านค้าและทำรายงานส่ง เปรียบเทียบ Online-Offline และเสนอ Strategy ที่ร้านนั้นๆจะทำได้ดีกว่าเดิม
บางครั้งก็จะมีการเชิญวิทยากรข้างนอกมาสอน ทำให้เราได้ความรู้ที่กว้างขึ้น
3. Entrepreneurship and the digital economy
วิชานี้กลายเป็นวิชาที่เราชอบมากที่สุด เพราะมันโยงกับแบคกราวงานที่เราเคยทำมาพอดี อาจารย์ก็เป็นคนที่อินกับ Startup มากและเป็นวิชาที่ค่อนข้างเน้นการลงมือทำ วิชานี้จะสอนเรื่องเกี่ยวกับการเป็น Entrepreneur วิธีคิดและวางแผนธุรกิจโดยใช้แผนแบบต่างๆเช่น Business Model Canvas ใครที่ทำงานสาย Startup มาจะเข้าใจวิชานี้เร็วกว่าคนอื่น เพราะศัพท์เฉพาะเยอะมาก แต่เป็นวิชาที่แทบจะเอาความรู้ ความเข้าใจด้านมาร์เก็ตติ้งที่เรียนมาทั้งหมดมาใช้
4. Applied Marketing
วิชานี้จะคล้ายกับ Market Research สมัยเรียนป.ตรี แต่จะลึกขึ้น มีการใช้ SPSS มาทำรายงาน คิด Hypothesis เพื่อหาคำตอบ วิธีคิดก็จะซับซ้อนกว่าตอนที่เราเรียนป.ตรี เป็นวิชาที่ค่อนข้างยากเพราะต้องคิดวิเคราะห์ หาเหตุผลเยอะ
เราเลือกเรียนแบบเขียน Disseration คือเขียนวิทยานิพนธ์ส่ง 15,000 คำ แต่บางคนก็จะเลือกแบบ Placement คือหาที่ฝึกงานตอนจบซึ่งจะอยู่ที่อังกฤษได้นานกว่า คิดไปคิดมาเราก็เสียดายนิดหน่อยที่ไม่ได้เลือกแบบ Placement เพราะการที่จะเปลี่ยนเป็นแบบ Placement มันจะติดเรื่องการขอวีซ่าซึ่งจะต่อค่อนข้างยากและใช้เวลานาน
และยังมี
Surrey Learn
Surrey Learn เป็น Portal ที่มีประโยชน์มากเพราะเป็นเครื่องมือสื่อสารระหว่างมหาลัยกับนักเรียน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอัปเดตวิชาต่างๆ เวลาคะแนนออก Teaching material ของอาจารย์ และมี Panopto เป็นระบบที่อาจารย์จะอัด VDO ของคาบเรียนนั้นๆไว้ให้เราดูย้อนหลังทบทวนด้วย และยังมีระบบ Turnitin ซึ่งเป็นระบบตรวจสอบรายงานของเราว่าไปซ้ำกับงานเขียนที่อื่นรึเปล่า (ตรวจก่อนส่งอาจารย์ทุกครั้งจะได้ไม่โดนหักคะแนนเรื่อง plagiarism หรือการขโมยความคิดคนอื่นซึ่งเขาเคร่งเรื่องนี้มากๆ )
เพื่อน ๆ ที่เรียน
คณะเรามีหลักๆประมาณ 30 คนค่ะ คนไทยและคนจีนเยอะที่สุด มีคนอินเดีย บัลแกเรีย กรีซ ฮ่องกง รัสเซีย มาเลเซีย อังกฤษ คละมาบ้าง บางวิชาเราจะมีเรียนร่วมกับคนจากคณะอื่นๆด้วยเพราะมี Module ร่วมกัน มีทั้งทำงานกลุ่มและงานเดี่ยว มีกลุ่มที่อาจารย์สุ่มจับให้บ้างกับกลุ่มที่เราจับกันเอง
เคล็ดลับการทำงานกลุ่มให้รอด
ช่วงแรกๆการจับกลุ่มกับคนแปลกหน้าเหมือนการเสี่ยงดวงว่าเราจะเจอคนที่ทำงานด้วยกันได้ไหม
เคล็ดลับคือเราต้องทำความรู้จักเพื่อนในห้องตั้งแต่วันแรกๆที่เรียน ทักมันเข้าไป คุยกับคนข้างๆ ดูทัศนคติการเรียน การทำงาน เพราะการเรียนโทคือไม่เด็กแล้ว คุณต้องรับผิดชอบและกล้าแสดงความคิดเห็น
อีกเรื่องที่คนอาจจะคิดไม่ถึงถึงการมีเพื่อนคนจีนในคลาส Digital Marketing เป็นอันรู้กันอยู่ว่าจีนนั้นบล็อคทุกอย่างที่เป็นแพล็ตฟอร์มจากต่างประเทศเช่น Facebook, Instagram แต่จีนเองมีเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าไปไวมาก ทุกอย่างเชื่อมต่อด้วย WeChat การคุยแลกเปลี่ยนกับเพื่อนจีนเกี่ยวกับเทคโนโลยีของเขานั้นเปิดโลกให้เราเรียนรู้เยอะขึ้นมากๆ
เทอม 2 เราต้องเขียน Dissertation และเลือกวิชาเรียนที่เป็น Optional 2 วิชา (เลือกตั้งแต่เทอมแรก)
เราเลือก
- Digital Project development
วิชานี้จะเน้นทำโปรเจ็คซึ่ง โปรเจ็คหลักๆจะเป็นการทำ Crowdfunding ระดมทุนช่วยเหลือองค์กรท้องถิ่น มีตั้งแต่ ห้องสมุด ไปจนถึงช่วยเหลือเด็กพิการทางสายตา ซึ่งเราได้ทำงานร่วมกับองค์กรภายนอกจริงๆ ถ้าใครชอบเรียนแบบที่ได้ลองทำงานร่วมกับคนอังกฤษในพื้นที่ วิชานี้ก็จะตอบโจทย์
นอกจากนี้วิชานี้เราก็ได้เรียน Web Development เป็นการพัฒนาเว็บไซต์เบื้องต้น ตั้งแต่ HTML, CSS และ Bootstrap พอเรียนเสร็จเราก็จะเข้าใจพื้นฐานและสามารถพัฒนาเว็บไซต์เบื้องต้นได้อย่างง่ายๆ
- International fashion marketing and luxury branding
วิชานี้จะค่อนข้างเรียน Case study ค่อนข้างเยอะ จะเป็นวิชาที่โยงไปเรื่อง Digital Marketing ได้เยอะ ตั้งแต่เรื่อง Consumer behavior จนถึงหลักการของแบรนด์เนม การเป็น Luxury Brand ทำไมคนถึงซื้อ รวมถึงการเรียนเคสประวัติของแบรนด์ดังต่างๆว่ามีที่มาอย่างไรบ้าง
ถ้าอยากดูรายละเอียดวิชาเรียนอื่นๆ ดูได้ที่ลิ้งค์นี้ Catalogue link
วิชาหลักของเทอม 2 จะมี
- Integrated and Digital marketing communication
วิชานี้จะเป็นการผสมระหว่าง Digital marketing tools และ Marketing communication strategies เข้าด้วยกัน จะว่าเป็นวิชาที่สอนให้ประยุกต์ใช้ก็ได้ ซึ่งวิชานี้ก็เป็น Project base ให้เราเลือกโฆษณาอะไรก็ได้มาเขียนวิเคราะห์ถึงหลักการที่โฆษณาตัวนี้ใช้
- Introduction to marketing analytic
ตัวนี้จะว่าเป็นตัวที่ยากที่สุดก็ว่าได้ เพราะจะไม่ใช่ Marketing จ๋า เพราะวิชานี้อาจารย์จะสอน Coding ด้วยโปรแกรม R Studio ซึ่งเหมาะกับคนที่สนใจจะทำงานด้าน Business Analysis หรือ Data Scientist ซึ่งเป็นอาชีพแห่งอนาคตที่บริษัทต่างๆต้องการกันมาก ถ้าใครเรียน Engineering มาหรือเรียนด้าน Business Development มาบ้างหรือ Coding ที่มีพื้นฐานมาบ้างจะเก็ตเร็ว แต่คนที่เรียน Marketing มาสายตรงๆจะหืดขึ้นคอเล็กน้อย และต้องใช้เวลาทำความเข้าใจมากๆ
โอกาสอื่นๆ ถ้าใครมีพลังเหลือ ลองสมัคร Course Representative ดู
Course representative ก็ตามชื่อ คือเราเป็นตัวแทนคณะ
ซีเองลองสมัครเป็น Course Reps ของ Digital Marketing ดูและได้รับคัดเลือก โดยหน้าที่ของเราคือ รับฟีดแบ็คจากคนในคณะ ถ้าเค้ามีปัญหาเรื่องคอร์สเรียน รายละเอียดวิชาที่เรียน ข้อสอบ หรือปัญหาอื่นๆ เราก็รวบรวมไปคุยกับทางบอร์ดบริหารว่าคอร์สเรานี้ควรมีอะไรที่ต้องปรับปรุงบ้าง หรือติดขัดตรงไหนรึเปล่า
วิธีสมัครก็ไม่ยาก เขาจะมีอีเมล์ส่งมาให้สมัคร เราก็เขียนไปว่าทำไมเราถึงอยากสมัคร แล้วเค้าจะมีให้คนในคณะเราโหวต พอได้เป็น Course Reps เราจะมีเข้าประชุมกับบอร์ดตามวาระ เช่น เทอมละ 2 หน หรืออาจมีวาระประชุมพิเศษ เขาก็จะส่งเมล์มานัดเวลา แต่ถ้าเราติด ก็ส่งเมล์แจ้งและอาจส่งรีพอร์ตสั้นๆอัปเดตเรื่องราว ฟีดแบ็คจากนักเรียนในคณะได้
ข้อดีของการเป็น Course Reps คือ อาจารย์จะจำเราได้ มีอะไรเราเข้าหาอาจารย์ได้ง่าย และหากมีโอกาสอะไรที่ดีๆเข้ามาเช่น โปรแกรมที่มหาวิทยาลัยของเรามีดีลกับมหาวิทยาลัยจากประเทศอื่น โครงการที่น่าสนใจ หรือข่าวสารอัปเดต เราก็จะรู้เป็นคนแรก และมีหน้าที่ไปสื่อสารต่อ หรือให้ทางสต๊าฟฟ์ของบอร์ดช่วยส่งอีเมล์กระจายข่าวได้อีกที ข้อเสียอาจจะเป็นเรื่องของภาระหน้าที่ๆเพิ่มขึ้น อันนี้ก็ต้องแบ่งเวลาให้ดี
โดยรวมแล้วการเรียนในคณะ Digital Marketing ของทางมหาวิทยาลัยจะเน้นหนักที่ Fundamental strategy และวิธีการคิดประยุกต์ซึ่งเขาจะไม่ได้มาสอนให้เราทำ Social media หรือ Google analytic แต่จะทำให้พื้นเราแน่นขึ้น รู้ที่มาที่ไป ว่าทำไมต้องใช้หลักการนี้ๆ สิ่งที่จะเป็นคือการอ่าน Case study เยอะๆและการอ่าน Material นอกจากที่เรียนในสไลด์ ถ้าใครที่เรียนปริญญาตรีคณะอื่นมาแล้วมาเปลี่ยนสายเป็น Digital Marketing ของที่นี่ เราคิดว่าเข้าใจได้ไม่ยาก เพราะเขาทำให้เนื้อหาเข้าถึงได้ทุกคน
อีกเรื่องคือ เราว่าเราเป็นคณะที่สอบน้อย แต่ทำโปรเจ็คเยอะ เน้นคะแนนเก็บทั้งงานกลุ่มและเดี่ยว เพราะบางวิชาจะไม่มีสอบแต่แบ่งคะแนนทั้งเทอมเป็นโปรเจ็ค ถ้าตั้งใจ ยังไงก็คะแนนดีแน่นอนจ้า
สนใจเรียนต่อ University of Surrey ลงทะเบียนเพื่อรับข้อมูลเรียนต่อและคำปรึกษาจากพี่ๆ Hands On ตัวแทนมหาวิทยาลัยอย่างเป็นทางการประจำประเทศไทย ฟรี คลิก