“สนุกมากเลย ได้รู้อะไรเยอะเลย คือแจมไม่เคยเรียน Marketing ด้วยแล้วก็ไม่เคยเกี่ยวข้องอะไรกับสายนี้ แต่โชคดีที่เราอยู่กับกลุ่มเพื่อนที่เค้าเก่ง เค้าก็ช่วยดันเราค่ะ สมมุติเราจะคิดแคมเปญขึ้นมา มันไม่สามารถอยู่ดีๆ ก็คิดขึ้นมาได้เลย มันต้องดูโน่นดูนี่ ต้องมีที่มาที่ไป ต้องสำรวจด้วยว่าคนชอบแบบไหน จะเป็นไปทางทิศทางไหน ซึ่งก่อนหน้านี้เราไม่เคยรู้เลย หรือย่าง Web application มันก็กลายเป็นสกิลติดตัวเราไปเลยนะว่าเราทำเวปไซต์ได้ เด็ก Marketing มันไม่ใช่ทุกคนที่ทำเวปได้นะ สนุกดีค่ะ” แจม, University of Southampton
แนะนำตัวให้เรารู้จักหน่อยค่ะ
ชื่อแจมค่ะ อายุ 23 เพิ่งจบ คือเรียนจบปุ๊ปก็มาเลย ไม่มีประสบการณ์การทำงานใดๆ แจมเด็กที่สุดเลยในที่เรียนโท
ทำไมเรียนจบแล้วอยากเรียนต่อเลย
พ่อบอกค่ะ พ่อรู้ว่าเราเป็นคนขี้เกียจ คือรู้ว่าเราจะไม่เรียนต่อแน่ถ้าเราทำงาน พ่อก็เลยบอกว่างั้นไปเลย (หัวเราะ)
ทำไมถึงเลือกมาเรียนคอร์สนี้
คือก่อนหน้านี้แจมเรียน HTM มาตอน ป.ตรีค่ะ ทีนี้ตอนแจมฝึกงาน เด็กการโรงแรมส่วนมากจะฝึกครัวไม่ก็ฟร้อนท์ แต่ทีนี้คือแจมอยากฝึกงานออฟฟิศ คือเรารู้สึกว่าเราไม่ใช่สายบริการข้างหน้าขนาดนั้น ก็เลยเลือกไปฝึกเป็น PR ให้กับที่โรงแรมแทนค่ะ คือตอนนั้นเค้าให้เราเลือกระหว่าง Sale กับ PR แล้วหนูก็ดูแล้วว่าถ้าเป็น Sale มันต้องจำอะไรเยอะไปหมดเลย (หัวเราะ) อีกอย่างพี่ที่โรงแรมเค้าก็ดูว่าเราพูดเก่งน่าจะเหมาะกับ PR มากกว่าก็เลยไปฝึกเป็น PR ไป แล้วทีนี้ก็ได้ฝึกกับพี่ที่อยู่แผนก Digital marketing แล้วก็รู้สึกว่า โห ชอบอ่ะ!
คือ marketing ในโรงแรมมันเป็นแผนกไม่ใหญ่ ก็ทำให้เราได้ช่วยพี่ที่ทำ Digital marketing ด้วย ได้ไปถ่ายรูปไปทำคอนเทนต์ไปช่วยพี่เค้าเขียนบทความภาษาไทย แล้วก็รู้สึกว่าเราชอบอ่ะ แจมชอบเขียน ชอบพูด ชอบเจอนักข่าว ก็เลยบอกแม่ว่าชอบ Digital marketing นะ ตอนนั้นอยู่ปี 3 เองค่ะ (ยิ้ม)
ตอนนั้นก็ตั้งเป้าไว้เลยว่าอยากเรียนต่อด้าน Digital marketing ค่ะ
Preparation
เริ่มหาข้อมูลเรื่องเรียนต่อยังไงบ้างคะ?
ก็มีความคิดแล้วว่าอยากมาเรียนต่อที่อังกฤษ อยากเปิดหูเปิดตา เพราะที่นี่ก็เรียนแค่ปีเดียว คนไทยก็นิยมด้วย
ทีนี้มันก็มีงาน OCSC ที่พารากอนค่ะ แจมก็เลยไปกับน้องชายเพราะว่าแม่ก็อยากให้น้องมาเรียนอังกฤษเหมือนกัน ก็เลยให้แจมมาก่อนเลย คือแจมเป็นคนแรกในตระกูลแล้วก็เป็นคนแรกในกลุ่มเพื่อนที่มาเรียนที่อังกฤษ เพราะฉะนั้นแจมก็ไม่รู้จะไปถามใคร ไม่รู้เลยว่าจะไปเรียนอังกฤษต้องทำยังไงก็เลยเริ่มต้นที่งานนี้แหละค่ะ แล้วก็รู้จัก Hands On จากที่งานนี้เลย
การบริการจาก Hands On
Hands On คือไม่เสียเงินเลย หนูไปอ่าน pantip เยอะมาก ทำไมไม่เสียเงิน (หัวเราะ)
พี่ๆ น่ารักทุกคนค่ะ เค้าก็ช่วยยื่นวีซ่า ทำทุกอย่างเลย คือแจมไม่รู้เรื่องเลย ตอนแรกแจมไปกับน้องชาย น้องชายมาเรียนภาษาที่ Southampton ก็ยื่นมากับ Hands On ทั้งคู่เลย พี่ๆ เค้าก็ตามให้ตลอด มีอะไรเค้าก็ Line มา คือแจมเป็นคนซุ่มซ่าม แจมทำโทรศัพท์หาย ทำ BRP หาย ก็ยังทักไปหาพี่ตูนว่าต้องทำยังไงดีคะ ก็ได้คำปรึกษาตลอดเลย
อีกอย่างกิจกรรมของ Hands On ก่อนบินมามีเยอะด้วย หนูไปทุกงานเลยนะ มีอีเมลอะไรมาหนูก็ไปทุกงาน ไม่เคยพลาดบอกเลย! ฝึกงานอยู่ก็ขอลา บอกหัวหน้าว่าเพื่ออนาคตนะ (หัวเราะ)
เข้าร่วมกิจกรรมอะไรบ้างคะ
ก็มีลองไปสัมภาษณ์กับมหาวิทยาลัย ที่มันจะมีให้ลองสอบ IELTS ด้วย (งาน The UK Universities Interview Day)
งานที่รวมนักเรียนหลายๆ มหาวิทยาลัยก่อนบินมาเรียนก็ไปนะคะ ดีมากเลยอันนั้น ได้เจอเพื่อนๆ ก่อน (งาน UK Networking Party)
สนใจเรียนต่อ University of Southampton ลงทะเบียนเพื่อรับข้อมูลเรียนต่อและคำปรึกษาฟรี คลิก
Digital Marketing
สนุกนะ สนุกมากเลย ตอนเรียนเทอมแรกเราก็ยังพอเข้าใจนะเพราะมันเรียนพื้นฐาน แล้วก็มีวิชานึงที่เค้าให้อัดวิดีโอ 15 นาที มันไม่ใช่แค่ให้เราอัดแล้วแค่ Hello เฉยๆ แต่เราต้องพรีเซ้นต์ออกมาให้ดี อาจารย์เค้าอยากดูเพราะเราเรียน Marketing communication เค้าอยากดูว่าเราจะสื่อสารออกมายังไงให้มันดูไม่น่าเบื่อ เพราะ 15 นาทีมันน่าเบื่อมากไง เค้าก็เลยให้เราอัดอย่างนั้นไง วิชานี้สนุก
ทีนี้ตอนเทอม 2 จะยากหน่อยแล้ว เราต้องทำเวปไซต์ เค้าก็จะให้ข้อมูลเรามาแล้วเราก็ต้องมาวิเคราะห์ อันนี้ก็เริ่มลึกเข้าไปทาง digital แล้ว อันนี้ไม่รู้เรื่องเลยจริงๆ ยาก
อันนี้มันเหมือนแบบ Hi5 อ่ะพี่ ที่มันต้องใส่ code สี ทำทีละอันเลย ดีที่ว่าแจมชอบคอมพิวเตอร์อยู่แล้วค่ะ คือไม่ได้ลำบาก แต่อย่างเพื่อนที่ไม่ได้เรื่องคอมพิวเตอร์เลยเนี่ยลำบาก แจมพอทำคอมพิวเตอร์ได้ พวกเวปนิดหน่อย เป็นวิชาเดียวที่แจมไม่ต้องถามเพื่อนเลย มีแต่เพื่อนมาถาม แต่อีก 10 วิชาที่เหลือคือถามเพื่อนหมดเลยนะ (หัวเราะ)
แล้วเค้าก็จะมีให้ทำเวปไซต์แต่งงาน แล้วเราก็ต้องไปคุยกับอาจารย์เพราะให้อาจารย์เป็นลูกค้า แล้วเราก็ต้องทำ mock up ขึ้นมา แจมจะเป็นสาย Photoshop มากกว่าค่ะ ตรงนี้ต้องยอมรับเลยว่าเพื่อนที่มีประสบการณ์การทำงานมาก่อนเค้าจะมีความรู้เยอะกว่าค่ะ เหมือนเราเป็นเด็กน้อยอ่ะเพราะเราไม่ค่อยรู้อะไรมาก ก็ได้แต่นิดๆ หน่อยๆ แต่มันทำให้เราได้เรียนรู้อะไรเยอะมากๆ เลยค่ะ
แล้วในห้องที่เรียน Web analytics ประมาณ 100 คนอ่ะ คือไม่มีทางที่จะถามได้ มีอะไรก็ต้องหาเองด้วย เค้าก็จะให้หนังสือมาแล้วให้เราไปอ่านเพิ่มเติมอะไรแบบนี้ ก็จะเป็นทำนองนี้มากกว่า
ได้ประสบการณ์การเรียนอะไรจากที่นี่บ้าง
ได้รู้อะไรเยอะเลย คือแจมไม่เคยเรียน Marketing ด้วยแล้วก็ไม่เคยเกี่ยวข้องอะไรกับสายนี้ แต่โชคดีที่เราอยู่กับกลุ่มเพื่อนที่เค้าเก่ง เค้าก็ช่วยดันเราค่ะ สมมุติเราจะคิดแคมเปญขึ้นมา มันไม่สามารถอยู่ดีๆ ก็คิดขึ้นมาได้เลย มันต้องดูโน่นดูนี่ ต้องมีที่มาที่ไป ต้องสำรวจด้วยว่าคนชอบแบบไหน จะเป็นไปทางทิศทางไหน ซึ่งก่อนหน้านี้เราไม่เคยรู้เลย อย่างเช่นตอนทำเวปไซต์ก็ต้องคิดว่าอย่างสีนี้มาจากไหน คือมันต้องคิดเข้าไปเยอะ ตอนเรียนทำเวปไซต์เค้าก็จะสอนพวกจิตวิทยาด้วยค่ะ ทฤษฎีต่างๆ ว่าคนแบบนี้เป็นแบบนี้ เราต้องใช้แบบไหน สนุกดีค่ะ
ชอบอะไรที่สุดในคอร์สเรียน
เทอมแรกอ่ะชอบ Customer insight ชอบมากเพราะมันเอามาใช้ได้เยอะจริงๆ ทำให้เราได้เข้าใจคนได้มากขึ้น ส่วนเทอมสองแจมชอบ Web application ชอบทำเวป แล้วมันก็กลายเป็นสกิลติดตัวเราไปเลยนะว่าเราทำเวปไซต์ได้ค่ะ เด็ก Marketing มันไม่ใช่ทุกคนที่ทำเวปได้นะ
Style การเรียนการสอนของที่นี่
คือมาเรียนอังกฤษมันจะไม่เหมือนที่ไทย อาจารย์เค้าจะไม่มาจี้ๆๆๆ ทุกอย่างต้องหาเองไม่ก็ต้องถามเพื่อน มันเหมือนต้องช่วยเหลือตัวเองอ่ะมาอยู่ที่นี่ จะไม่เหมือนอยู่ที่ไทย
แจมอ่ะเป็นคนชิลๆ อย่าสอบตกก็พอแล้ว แต่ช่วงที่ทำ dissertation ก็เครียดนะเพราะมันไม่มีใครมาบอกเราว่าเราต้องทำอะไรยังไง แต่ Supervisor แจมดีมากๆ เลยนะ แต่ส่วนมาก Supervisor ที่นี่จะเป็นคนข้างนอกค่ะ ดีมากคือเราหายไป 3 วันก็ทักมาแล้วว่าทำอะไรอยู่ กดดันเราไง ส่งอีเมลไปอีกชั่วโมงนึงก็ตอบกลับมาแล้ว แต่ก็อยู่ที่ดวงด้วย บางคนส่งอีเมลไป 10 ฉบับแล้วยังไม่ได้ตอบก็มี
สนใจเรียนต่อ University of Southampton ลงทะเบียนเพื่อรับข้อมูลเรียนต่อและคำปรึกษาฟรี คลิก
University of Southampton
ดีนะ คือมันก็ไม่ได้พลุกพล่านมากค่ะ แจมไปห้องสมุดบ่อยเพราะรู้สึกว่าอยู่ห้องมันไม่ได้ทำงานอ่ะ ห้องสมุดที่นี่มันเปิด 24 ชั่วโมง ยืมหนังสือก็ง่าย มันจะมีช่วยหาหนังสือก็แค่พิมไปว่าเราอยากได้ประมาณไหน แล้วมันก็จะบอกว่าอยู่ตรงนี้นะ สะดวกมาก แล้วก็สามารถจองห้องไว้คุยงานกับเพื่อนได้ด้วย
Student support
น่ารักมาก เพราะแจมทำ BRP หาย แจมมาทำที่นี่บ่อย บัตรนักเรียนหาย 2 รอบแล้ว (หัวเราะ) ตอนที่ BRP หาย เราก็เดินไปคุยกับเค้าว่าทำยังไงดี เค้าก็บอกให้เรานัดกับ Visa team แล้วก็นัดวันกับเค้า เราก็เตรียมเอกสารมา แล้วเค้าก็ทำเรื่องให้เราหมดเลย จริงๆ คือแจมไม่ต้องทำอะไรเลย แค่มายื่นเอกสารให้เค้าแล้วเค้าก็ส่งเอกสารไปจัดการให้เราเอง ง่าย น่ารักค่ะ
Pre-sessional Course
คือตอนเรียบจบแจมก็ว่าง รับปริญญาเสร็จเราก็เคว้งคว้าง ก็เลยขอแม่มาเรียน Pre-sessional 11 weeks เพราะเราได้ Unconditional offer ก็จริงแต่เรารู้สึกว่าเราไม่ได้เก่งขนาดนั้น จะได้ปรับตัวได้แล้วก็หาเพื่อนเพราะแจมมาคนเดียวเลย ไม่มีใครเลย ไม่รู้จักใครเลย
แล้วด้วยความที่แจมได้ Unconditional offer ตอนมาเรียน 11 weeks เราก็ไม่ค่อยได้ตั้งใจเรียนเหมือนเพื่อนคนอื่นที่เค้าได้ Conditional offer อ่ะค่ะ ก็เหมือนกดดันตัวเองด้วยนะ เพราะเพื่อนๆ ในห้องก็จะคิดว่าเราเก่งแน่เลยได้ Uncon มา เราก็บอกเพื่อนว่าเราไม่เก่งนะ แล้วทีนี้ตอนสอบคือทุกคนจะต้องผ่านเพราะมันจะมีเกณฑ์ว่า Writing, Reading, Speaking, Listening ต้องเท่านี้ ทีนี้เราก็กดดันแล้วว่า โห ถ้าตกจะทำยังไงเนี่ย (หัวเราะ)
แต่อาจารย์ทีนี่เค้าก็น่ารักแหล่ะ ทุกสัปดาห์เราจะต้องมาเจออาจารย์แบบตัวต่อตัว มานั่งคุยกันว่าตอนนี้เรียนเป็นยังไงบ้าง เครียดบ้างมั้ย มีอะไรปรึกษาเค้าได้
แล้วสรุปสอบผ่านมั้ย?
ผ่านนนนนนน ฉิวเฉียดเลย พอดีข้ามเส้นเลย (หัวเราะ) แจมเป็นคนแรกเลยที่เปิดดูคะแนน คือปีที่แล้วเค้าบอกกันว่าคะแนนจะออกตอนเที่ยงคืน ก็เลยจับกลุ่มกับเพื่อนๆ มานั่งด้วยกันถึงเที่ยงคืนแต่พอเปิดดูคะแนนแล้วก็ยังไม่ออก อยู่กันจนถึงตี 2 ตี 3 แล้วก็ยังไม่ออกก็เลยแยกย้ายกัน ทีนี้ก็เลยบอกว่างั้น 10 โมงมาดูใหม่ แจมก็ตั้งนาฬิกาปลุกเลย 9:55 ตื่นคนแรก อยากรู้มาก พอ 10 โมงปุ๊ปก็บอกเพื่อนเลยว่าคะแนนออกแล้ว
ประโยชน์ที่ได้รับจากการเรียน Pre-sessional เพราะว่าเราเรียนหลักสูตร Inter มาอยู่แล้ว
แจมเรียนในห้องเรียนตอนป.ตรีก็เรียนเป็นภาษาอังกฤษอยู่แล้วก็เลยไม่ได้ต่างมาก แต่พวก Writing ต่างๆ แจมว่าต่างอยู่นะ เราเรียนอินเตอร์มาก็จริงแต่แจมคิดว่าวิธีการหาข้อมูลของที่นี่เค้าไม่เหมือนที่บ้านเรา ที่นี่จะไม่มีการก๊อปวางเกิดขึ้นแน่นอน คือมันจะไม่ใช่ว่าเอาจากอันนี้แล้วเอามาเขียน คือเราต้องคิดก่อนค่อยเขียน Reference ก็ต้องมี เก่าไปก็ไม่ได้ อันไหนไม่น่าเชื่อถือก็ไม่ให้เอา อาจารย์เค้าก็จะสอนจะบอก แล้วมันก็ใช้ได้จริงๆ นะ เพราะเพื่อนบางคนที่เค้า Unconditional offer แล้วไม่ได้มาเรียน Pre-sessional เค้าก็จะไม่รู้เรื่องเลย เขียน ref. ไม่เป็นเลย เราก็รู้สึกว่ามันก็ดีที่เรามาก่อนจะได้เรียนรู้เรื่อง
Lifestyle
เมือง Southampton หล่ะเป็นยังไงบ้าง
ชอบมั้ยมันก็ชอบแหล่ะ จริงๆ แล้วแจมไม่ชอบความวุ่นวาย แจมชอบอยู่ห้องชอบอะไรเงียบๆ เราก็ดูแล้วว่าไม่ชอบ London เพราะรู้สึกว่ามันวุ่นวายเกินไป ก็เลยหาเมืองที่ใกล้ๆ London แบบไปง่าย แล้วเงียบๆ ก็เลยเลือก Southampton เพราะเห็นว่าเป็นเมืองที่ใหญ่อยู่นะจากตอนแรกๆ ที่ดูใน YouTube (หัวเราะ) แล้วก็ไปอ่านรีวิวเมือง Southampton แล้วไปเจออาจารย์ที่จบอังกฤษก็เลยไปคุยกับเค้าว่าแจมมาเรียนที่นี่ดีมั้ย เค้าก็บอกว่าแจมมาเรียนที่นี่ก็ดีนะ ใกล้ลอนดอนดี คืออาจารย์คิดว่าเราเป็นสายปาร์ตี้ พอมาอยู่ Southampton จริงๆ ก็ดีค่ะ แต่แค่เพียงร้านอาหารตัวเลือกมันน้อยไปหน่อย แจมเป็นคนไม่ทำกับข้าวก็สั่ง Deliveroo อย่างเดียว กินจนเบื่อจนไม่มีอะไรจะกินแล้ว
แล้วทำไง ทำเองมั้ย
มันไม่ค่อยอร่อยอ่ะอันนี้พูดตรงๆ แจมก็มีเพื่อนที่ทำอาหารเก่ง เราก็ไปใช้ฝีมือการล้างจานของเราไปช่วย
Nightlife ที่นี่เป็นยังไง
น่าเบื่อมากพี่ หรือว่าเราไม่ถูกจริตกับที่นี่ก็ไม่รู้อ่ะ คือเราจะอินกับเพลงไทยมากกว่า
ผับไทยที่ลอนดอน
เคย เปลืองเงินสุดๆ เลยพี่เพราะเหล้ามันแพงมาก (หัวเราะ)
สนใจเรียนต่อ University of Southampton ลงทะเบียนเพื่อรับข้อมูลเรียนต่อและคำปรึกษาจากพี่ๆ Hands On ตัวแทนมหาวิทยาลัยอย่างเป็นทางการประจำประเทศไทย คลิก