Hands On Education Consultants

ประสบการณ์วันแรกที่ อังกฤษ

ครั้งนี้ผมขอมาเล่าย้อนไปถึงประสบการณ์ การมาเรียน อังกฤษ ครั้งแรกให้ฟังกันนะครับ ผมเลือกมาเรียนกฎหมาย ปริญญาโท International trade law ที่ University of Essex

 

โดยส่วนตัวก็เตรียมตัวมาเรียนได้สักพักใหญ่แล้วเพราะเรียนเนติกับทำงานให้บริษัทอยู่ 2 บริษัท แล้วเวลาว่างก็มีรับถ่ายรูปไปด้วย ส่วนขั้นตอนการเตรียมตัวมาที่นี่ของผมนั้น ผมเคยถามญาติที่กำลังเรียนอยู่ที่อังกฤษก็แนะนำว่าทำอาหารกินเองจะราคาถูกกว่าซื้อจากร้านข้างนอกประมาณครึ่งนึง ก็เลยเริ่มฝึกทำอาหารที่เราชอบกินจากไทยไปเลยเพื่อให้ชินมือไว้ก่อน โดยประมาณ 10 เมนู (จะได้ไม่เบื่อ เวลากินอะไรซ้ำๆ ) แล้วก็จัดการไปประตูน้ำซื้อชุดลองจอน ไว้ใส่ด้านใน 1 ชั้นเพื่อกันหนาว จัดมาชุดใหญ่เพราะกะว่าจะไปเรียนยาวสักสามปี (เรียนโทสองใบ) แล้วไม่กลับมาไทยเลย เสื้อผ้าพร้อมแล้วขนมนี่ก็สำคัญเพราะเราไม่รู้ขนมที่เราชอบนั้นจะมีขายไหมที่โน่น ก็เลยมีเตรียมใส่กระเป๋าไปบ้าง ปรากฎว่าจัดไปจัดมามีกระเป๋าลาก 1 ใบ เป้ใส่อุปกรณ์กล้องโน็ตบุ๊ค 1 ใบ เป้ยาวอีก 1 ใบใส่ขาตั้งกล้องกับของบางส่วน กล่องพัสดุอีก 2 ใบ ซึ่งแน่นอนครับน้ำหนักเกินไปเยอะ ถ้าจะเอาไปด้วย สายการบินเค้าคิดราคาออกมาเป็นราคา……………………………………………………………………………………

7 หมื่นบาทครับ! ใช่ครับฟังไม่ผิด 7 หมื่น! (คือซื้อตั๋วไปกลับได้อีก 2 คน เพื่อเอาของไปส่งแล้วบินกลับยังถูกกว่า อันนี้ คือ คุยเล่นกับเพื่อนๆ ที่ไปส่งที่สนามบิน) ทีนี้ทำไงละครับ? จัดของใหม่กันที่สนามบินสิครับ ต้องเอาของออกครึ่งนึง อันไหนเอาขึ้นเครื่องได้ก็เอาขึ้นหมด สรุปเป้ขึ้นเครื่อง 1 ใบ และของขึ้นเครื่องอีก 2 ถุงใหญ่ ถึงจะอาตัวรอดมาจากสถานการณ์นี้ไปได้ ชุดที่ผมใส่ไปวันขึ้นเครื่อง ก็ชุดธรรมดาเน้นใส่สบายไว้ก่อนเพราะอยู่บนเครื่องนานเลยใส่ชุดวอร์มของ Uniqlo คือ กะไปกินแล้วนอนเต็มที่ มันก็คงต้องเป็นอย่างนั้นละครับ และนี่ คือ อาหารมื้อแรกของผม

เมื่อออกเดินทางกินเสร็จดูหนังไปเรื่อยๆ จนมื้อสองตามมา

กินเสร็จดูหนัง นอน ทำอย่างนี้วนไปจนกว่าเครื่องจะลงจอด พอมาถึงอากาศก็หนาวต้อนรับผมเลย อ่อ! ลืมบอกไปว่า พอดีเพื่อนผมกำลังเรียนอยู่ที่ Bournemouth ก็เลยคุยกันตั้งแต่อยู่ไทยละว่าให้มาช่วยรับหน่อย เพื่อนเลยเช่ารถมาแล้วเดี๋ยวไปส่งที่มหาวิทยาลัย ปกติเดินทางจากสนามบินไปมหาวิทยาลัยที่คนใช้กัน คือ นั่งรถบัส ซื้อตั๋วล่วงหน้ามาเลยหรือนั่งรถไฟ ซึ่งเมื่อเราพึ่งมาบัตรลดราคารถไฟ เราจะยังไม่มี (ลดราคาได้ 1/3 ของราคาปกติ) ตัวเลือกที่ดีที่สุดก็คือ นั่งรถบัสครับ ระหว่างรอ ผมก็จัดการโทรไปถามหอมหาวิทยาลัยที่จองไว้ว่า จะเข้าไปรับกุญแจช้าสุดดีกี่โมง นั่นแหละครับปัญหาแรกที่เจอ คือเมื่อเรามาถึง ยากกว่าคุยกับต่างชาติต่อหน้า หินสุดก็คือ คุยทางโทรศัพท์ให้รู้เรื่อง ซิมที่ได้มาก็ซิมฟรีมีเงินติดมาในซิมนิดหน่อย คุยยังไม่ทันรู้เรื่องเงินหมด จับใจความว่าเออ……….ช่างมันละกัน ถึงเมื่อไรก็เมื่อนั้นละ พอเพื่อนมาถึงก็เลยยืมโทรศัพท์เพื่อนโทรไปอีกที เค้าก็บอกว่ามาเมื่อไรก็ได้ไม่มีปัญหา ก็เลยจัดการเอาของขึ้นรถเพื่อนไป ผมก็คิดเหมือนกันว่าของเยอะขนาดนี้มาคนเดียวจะไปยังไงถ้าไม่มีรถ มาถึงก็ไม่รอช้าครับ สถานที่แรกที่เพื่อนพาผมไปคือ Biester Village แหล่ง shopping ที่ใครที่ชอบของแบรนด์เนมราคาถูกต้องมา (จริงๆ ก็เรียกว่าถูกก็คงไม่ได้อะนะ) เพื่อนผมก็เดินซื้อของไป ส่วนผมที่พึ่งมาก็ยังไม่รู้จะซื้ออะไร เพราะยังทำ tax refund ไม่ได้ด้วย (ในการถือวีซ่านักเรียน เราสามารถเก็บใบเสร็จที่จะขอยื่นทำ tax refund ในช่วง 3 เดือนสุดท้ายก่อนวีซ่าหมดอายุ เพื่อนำไปขึ้นเงินได้ในส่วนนี้) ผมเลยเดินไปทั่วว่ามีร้านอะไรบ้าง อย่างน้อยที่นี่ก็มี wifi ให้เล่นรอได้ เลยโทรหาพ่อแม่ว่าถึงละนะ สรุปคือ ไม่ได้อะไรกลับไปสักชิ้น พอซื้อเสร็จเพื่อนต้องเข้ามาในลอนดอนเพื่อทำเรื่องภาษีต่อในเมืองหลายร้าน

แล้วก็แวะไปกินมื้อเย็นมื้อแรก นั้นคือ อาหารญี่ปุ่น

นี่คือ อาหารมื้อแรก กินเสร็จเรียบร้อยซึ่งกว่าจะเสร็จก็ดึกใช้ได้เลย ก็ออกไปเดินถ่ายรูปเล่นไปเรื่อย แล้วก็กลับเมือง Colchester กว่าจะมาถึงก็ตี 1 มาถึงก็ขอกุญแจจากพี่ยามแล้วก็ขนของเข้าห้องไปในห้องแบบงงๆ เตียงไม่มีอะไรเลย หมอนไม่มีก็เอาเป้มาหนุนผ้าห่มไม่มี เอาผ้าขนหนูมาห่มแทนไปก่อน พรุ่งนี้เช้าค่อยว่ากัน นี่ละครับ “ประสบการณ์วันแรกของผมที่อังกฤษ”

สนใจเรียนต่อ Bournemouth University ลงทะเบียนเพื่อรับข้อมูลเรียนต่อและคำปรึกษาจากพี่ๆ Hands On ตัวแทนมหาวิทยาลัยอย่างเป็นทางการประจำประเทศไทย ฟรี คลิก