สวัสดีค่า ตอนนี้แน๊กเรียนที่ Arts University Bournemouth ได้ 1 เดือนแล้ว วันนี้เลยอยากเล่าประสบการณ์การ Pitch งานและถ่ายหนังเรื่องแรกให้เพื่อน ๆ ฟัง

ก่อนอื่นเลยต้องอธิบายว่าโปรเจคที่แน๊กทำอยู่ตอนนี้เรียกว่า Cinematic Storytelling 1 หรือ CST 1:1 ซึ่งเป็น 1 ใน 4 Assessment ที่ต้องทำเพื่อจบการศึกษาที่ AUB โดย CST 1:1 นี้จะเป็นโปรเจคที่เน้นให้นักศึกษาแสดงความคิดสร้างสรรค์ และ “การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า” เพราะมันเป็นโปรเจคที่เร่งด่วนมากกกกกก

ในปีของแน๊ก อาจารย์บอกแค่ว่าเขาจะ Launch โปรเจคในวันพุธ ซึ่งเป็นวันที่นักศึกษาทุกคนจะรู้พร้อม ๆ กันว่าโปรเจคเกี่ยวกับอะไร ซึ่งสิ่งที่สนุกคือ เค้าบอกแค่ว่า เราจะให้คุณทำหนังสั้น โดยเราจะพาคุณไปสถานที่นึงในวันพรุ่งนี้ แต่เราจะยังไม่บอกคุณว่าคือที่ไหน พอเราพาคุณไปถึงแล้ว เราจะให้เวลาคุณ 1 ชั่วโมงเดินสำรวจสถานที่ โดยคุณห้ามถ่ายรูปและห้ามจดโน้ตให้คุณดื่มด่ำกับสถานที่นั้นแล้วคิดบทหนังสั้นออกมา อาจารย์เลยเรียกโปรเจคนี้ว่า “Sense of Place”

และนี่คือภาพวันที่แน๊กไปเห็น Location ครั้งแรก

สถานที่ที่ถูกนำไปปล่อยให้เดินอย่างเคว้งคว้างคือ Branksome Chine สิ่งที่น่าสนใจคือ location นี้สามารถถ่ายให้ดูเป็นป่าหรือจะเป็นทะเลก็ได้ ทำให้นักศึกษาแต่ละคนมีทางเลือกในการคิดหนัง

หลังจากหมด 1 ชั่วโมงของการเสพบรรยากาศรอบ ๆ ตัว นักศึกษาแต่ละคนสามารถพูดคุยแลกเปลี่ยน idea กับเพื่อน ๆ และสามารถถ่ายรูปและจดโน้ตไอเดียได้

สิ่งต่อไปที่ต้องทำคือ นักศึกษาแต่ละคนจะมีเวลาวันพฤหัสทั้งวัน (รวมคลาสที่ต้องเรียนเป็นปกติ) และเช้าวันศุกร์ในการเตรียม pitch งานต่อหน้าอาจารย์ในสาย Film Production ทุกคน

การ pitch คือการที่ให้นักศึกษาแต่ละคนมานำเสนอไอเดียของตัวโดยไม่ได้กำหนดว่าต้องนำเสนอออกมาในรูปแบบไหน ปีของแน๊กมีทั้งเล่าไอเดียโดยปากเปล่าและแบบเตรียม presentation มา โดยแต่ละคนจะมีเวลานำเสนองานแค่คนละประมาณ 3-5 นาที

สิ่งที่น่ากลัวคือ ในคลาสของแน๊ก มีนักศึกษาทั้งหมด 12 คน แต่จะมีแค่ 8 idea เท่านั้นที่จะได้ทำออกมาเป็นหนัง นั่นแปลว่าจะมีผู้ตกรอบ…

นี่คือรูปตอนยืนรออาจารย์ประชุมเรื่องผลการตัดสิน

ในคลาสของแน๊กมีคนที่เรียน Directing Pathway ทั้งหมด 8 คน เพราะฉะนั้น ผู้กำกับทุกคนจะได้กำกับหนัง แต่ไม่ใช่ว่าผู้กำกับทุกคนจะได้ทำหนังที่ตัวเองเป็นคนคิด อย่างปีนี้ idea ของผู้กำกับ 2 คนถูกปัดตก ผู้กำกับสองคนนั้นจึงต้องทำหนังจาก idea ของ Cinematographer แทน…

หลังจากรู้ผลว่าใครจะได้ทำ idea ไหนในเย็นวันศุกร์ ก็ถึงเวลาจัดกลุ่ม กลุ่มละ 3 คน และเพราะ Cinematographer ในปีของแน๊กมีแค่ 3 คน ดังนั้นแต่ละคนจะต้องถ่ายหนังให้ผู้กำกับกันคนละ 2-3 เรื่อง จากนั้นก็ถึงเวลาของ pre-production!! ด้วยความที่โปรเจคนี้เป็นโปรเจคที่เน้นไอเดีย และ “การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า” ดังนั้นนักศึกษาจึงไม่สามารถขอความช่วยเหลือจากเด็กคณะอื่นได้ เสื้อผ้า หน้า ผม ทุกอย่างต้องทำกันภายในกลุ่ม และปัญหาที่ทุกกลุ่มเจอคือ “นักแสดง” หนังของบางกลุ่มต้องการคนแก่ บางกลุ่มต้องการเด็กสาว บางกลุ่มต้องการคนแก่ที่ดูตาบอด และด้วยเวลาที่จำกัด เลยทำให้ไม่สามารถหานักแสดงจากข้างนอกได้ นอกจากจับอาจารย์และเพื่อนมาแสดง

และนี่คือ David Munns คนที่เป็น Principal lecturer ของคณะ มารับบทเป็นชายแก่ตาบอด ฮูเร่~

เช้าวันจันทร์ นักศึกษาทุกคนจะได้กลับไปที่ location อีกครั้งเพื่อคุยเรื่องเวลาถ่ายทำ โดย 4 กลุ่มแรกจะเริ่มถ่ายวัน พุธ และอีก 4 กลุ่มที่เหลือจะถ่ายวันพฤหัส (รวมเวลานับจาก Launch โปรเจคจนถึงวันถ่าย ครบ 1 อาทิตย์พอดี บอกแล้วโปรเจคนี้มันรีบบบบ) แต่ละกลุ่มจะมีเวลาถ่ายแค่ 4 ชั่วโมง โดยกลุ่มของแน๊กได้ถ่ายบ่ายวันพฤหัส ตั้งแต่บ่าย 2-6 โมง

และนี่คือสภาพอากาศวันถ่ายทำ

เมื่อถึงเวลาถ่ายจริงฝนฟ้าเป็นใจให้ประมาณ 2 ชั่วโมง อีก 1 ชั่วโมงฝนปรอย ๆ และเมื่อใกล้จะเสร็จพายุก็ได้เข้าทำลายกองถ่าย ทำให้ต้องเลิกกองก่อนเวลาครึ่งชั่วโมง

และนี่คือหลักฐานความโหดร้ายของสภาพอากาศ

ด้วยความที่ทีมมีอยู่ 3 คน ทำให้แต่ละคนต้องทำหลายหน้าที่ไปพร้อม ๆ กัน แบกข้าวของหลายอย่างไปพร้อม ๆ กัน ทำให้ storyboard ก็จะออกมายับอย่างที่เห็น สรุปแล้วเป็นการออกกองที่สนุกสนานและได้ “แก้ปัญหาเฉพาะหน้า” ได้ดีจริงๆ

เมื่อถ่ายทำเสร็จกลุ่มจะมีเวลาเหลือเฟือในการทำ post-production นั่นคือ วันศุกร์-วันอังคาร และหนังของแต่ละกลุ่มจะถูกเอามาฉายให้ดูในวันพุธ และอาจารย์ก็จะ Launch โปรเจคต่อไปในวันนั้นเลย…. May the odds be ever in your favor!!!

และนี่ก็จบการ pitch งานและถ่ายหนังครั้งแรกในต่างแดนของแน๊ก ใครอยากมันส์และฝึกสมองประลองปัญญาแบบแน๊ก ลองมาสมัครที่ Arts University Bournemouth นะ สนุกแน่ ๆ รับรองงง

ปล. ขออวดภาพนิ่งจากหนังสั้นของเราหน่อยนะ^^