จะต้องเตรียมตัวเรียนต่อต่างประเทศอย่างไร สำหรับน้อง ๆ ที่ไม่ได้เรียนอินเตอร์

  • Share this:

เตรียมตัวเรียน ป.ตรี ต่างประเทศอย่างไร สำหรับน้อง ๆ ที่ไม่ได้เรียนอินเตอร์

ไม่ได้เรียนอินเตอร์ก็เรียนต่อ ป.ตรี ต่างประเทศได้ มาเตรียมตัวเรียนต่อต่างประเทศกับพี่ Hands On กัน!

เรียน ป.ตรี ต่างประเทศ

 

การได้ไปเรียนต่อต่างประเทศถือเป็นอีกหนึ่งจุดมุ่งหมายของนักเรียนไทยไม่น้อยเลย เพราะทางเลือกนี้ถือเป็นการเปิดโลกทางการศึกษาให้กว้าง เป็นการเพิ่มพูนทักษะให้กับตนเองได้มากขึ้นจากเหล่าประเทศที่มีสถาบันทางการศึกษาในระดับชั้นนำ และเป็นที่ยอมรับในระดับสากล แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้นักเรียนไทยขาดความมั่นใจ นั่นคือทักษะทางด้านภาษาอังกฤษนั่นเอง

แน่นอนว่าบ้านเราก็มีโรงเรียนในระบบอินเตอร์ แต่น้อง ๆ ส่วนใหญ่ก็จบการศึกษาในระดับมัธยมปลายในระบบของไทย นี่จึงเป็นอีกข้อหนึ่งที่ทำให้ให้น้อง ๆ หลายคนยังไม่แน่ใจว่าถ้าเราไม่ได้เรียนโรงเรียนอินเตอร์มา แล้วจะสามารถรียนต่อต่างประเทศได้ไหม? แล้วต้องเตรียมตัวอย่างไร? พี่ Hands On บอกเลยว่าเรื่องนี้ไม่เป็นอุปสรรคอย่างแน่นอน เพราะวันนี้ไม่ว่าน้องๆ ตั้งใจจะไปเรียนต่ออังกฤษ เรียนต่ออเมริกา เรียนต่อออสเตรเลีย หรือในประเทศอื่น ๆ ก็ตาม พี่ Hands On จะมาให้คำแนะนำต่าง ๆ ในการไปเรียนต่อต่างประเทศ สำหรับน้อง ๆ ที่ไม่ได้เรียนอินเตอร์ว่าต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง เพื่อให้น้อง ๆ ได้มีโอกาสศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมตั้งแต่เนิ่น ๆ กัน

 

ข้อมูลการเรียนต่อต่างประเทศระดับปริญญาตรี

ก่อนอื่นเลย การจะไปรียนต่อต่างประเทศนั้น สิ่งที่ควรต้องรู้ก็คือ ระบบการศึกษาของประเทศที่น้อง ๆ จะไปนั่นเอง ในส่วนของการศึกษาในระดับปริญญาตรี ก็จะมีเกณฑ์ในการรับนักศึกษาต่างชาติที่เป็นไปตามระบบการศึกษาที่เป็นที่ยอมรับในประเทศนั้น ๆ แตกต่างกันออกไป ซึ่งในที่นี้พี่ Hands On จะขอสรุประบบการศึกษาในระดับปริญญาตรีของประเทศยอดนิยมที่นักเรียนไทยให้ความสนใจกันมาก อย่างสหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา และออสเตรเลีย สำหรับน้อง ๆ ที่อยากไปเรียนต่ออังกฤษ (เรียนต่อ UK) เรียนต่ออเมริกา (เรียนต่อ USA) หรือเรียนต่อออสเตรเลีย ได้รู้จักกันก่อนในเบื้องต้น

  • ระบบการศึกษาปริญญาตรีของอังกฤษ: ใครอยากเรียนต่ออังกฤษ (เรียนต่อ UK) มารวมกันตรงนี้เลย สหราชอาณาจักร (UK) อันประกอบไปด้วย อังกฤษ สอตแลนด์ เวลส์ และไอร์แลนด์เหนือ จะมีการจัดหลักสูตรในระดับปริญญาตรีที่โดยทั่วไป จะใช้ระยะเวลาในการเรียน 3 ปี แต่สำหรับในสก็อตแลนด์นั้นจะใช้เวลาเรียนทั้งหมด 4 ปีด้วยกัน และพี่ Hands On จะบอกว่าที่สำคัญคือ มหาวิทยาลัยในสหราชอาณาจักรนั้น จะมีการให้นักเรียนยื่นคะแนน A-Level และระบบ UCAS หรือคล้ายกับระบบ TCAS ในไทย ซึ่งทั้งสองระบบนี้ถือเป็นระบบกลางในการให้นักเรียนยื่นคะแนนเพื่อทำการสมัครเข้าเรียนต่อในระดับปริญญาตรีของมหาวิทยาลัยต่าง ๆ แต่ในหลาย ๆ มหาวิทยาลัยก็มีการเปิดรับสมัครนักศึกษาโดยตรงด้วยเช่นกัน
  • ระบบการศึกษาปริญญาตรีของอเมริกา: การเข้าเรียนต่ออเมริกา (เรียนต่อ USA) ในระดับปริญญาตรีจะใช้ระยะเวลาในการเรียนทั้งหมด 4 ปี จะมีช่วงเวลาในการปรับพื้นฐานความรู้ด้วยการเรียนวิชาทั่วไปใน 2 ปีแรก ไม่ว่าจะเป็นวิชา Math, History, Literature, Communication และอื่น ๆ เพื่อให้ผู้เรียนค่อย ๆ ได้รับพื้นฐานที่สำคัญก่อนการเรียนแบบเข้มข้นในสายที่เลือกหรือ “Major” ต่อไปในชั้นปีที่ 3 และ 4 และหากในระหว่างปีท้าย ๆ นักศึกษายังต้องการเปลี่ยนหรือเพิ่มสาขา (Minor / Mini-Major) ที่อยากเรียนอยู่ ก็สามารถทำได้ เป็นการเก็บทักษะความรู้ให้ได้มากที่สุดก่อนเพิ่มโอกาสและทางเลือก ทั้งด้านการเรียนต่อหรือทำงานในอนาคตนั่นเอง ส่วนการยื่นคะแนนเพื่อสมัครเรียนต่อป.ตรีอเมริกา จะต้องใช้ผลคะแนน SAT หรือ ACT และยังสามารถใช้ผลสอบ GED (General Educational Development) ในการยื่นสมัครแทนผลการเรียน GPA ของมัธยมศึกษาด้วย 
  • ระบบการศึกษาปริญญาตรีของออสเตรเลีย: การศึกษาระดับปริญญาตรีในประเทศออสเตรเลีย สามารถเข้าเรียนได้ที่มหาวิทยาลัย โรงเรียนเอกชน และสถาบันการศึกษา TAFE ของประเทศ แต่หากเป็นหลักสูตรเฉพาะทางบางหลักสูตรจะเปิดสอนโดยมหาวิทยาลัยเท่านั้น เช่น Medicine, Veterinary Science, Law และ Architecture เป็นต้น ส่วนระยะเวลาในการเรียนต่อออสเตรเลียระดับปริญญาตรี จะใช้เวลา 3-5 ปี ขึ้นอยู่กับคณะที่เลือกด้วยนะ แต่ส่วนใหญ่นั้นหากน้อง ๆ เลือกเรียน Bachelor Degree (Honours) ก็จะใช้เวลาประมาณ 4 ปี และถ้าพูดถึงการเรียนปริญญาตรีในออสเตรเลียแล้ว คนที่นั่นมักจะนิยมเรียนกันแบบได้ปริญญาตรี 2 ใบควบคู่กันไป ซึ่งก็จะใช้เวลาทั้งหมด 5 ปี เพราะถือได้ว่าเป็นการเพิ่มโอกาสในการทำงานในอนาคตได้มากขึ้นด้วย

 

เตรียมตัวด้วยคอร์สปูพื้นฐาน สำหรับน้อง ๆ ที่จบหลักสูตรโรงเรียนไทย

น้อง ๆ ที่เรียนระบบมัธยมศึกษาในโรงเรียนไทย และอยากไปเรียนต่ออังกฤษ (เรียนต่อ UK) เรียนต่ออเมริกา (เรียนต่อ USA) หรือเรียนต่อออสเตรเลียนั้น แต่ละที่จะมีการให้น้อง ๆ นักเรียนได้เข้าเรียนคอร์สปูพื้นฐานของที่นั่นก่อนด้วยนะ ซึ่งแต่ละที่ก็จะมีคอร์สที่เหมาะสมให้เราได้เตรียมตัวให้พร้อมเรียนต่อในระดับปริญญาตรีที่เราเลือก

  1. คอร์สปูพื้นฐานก่อนเข้าปริญญาตรีของอังกฤษ ประกอบไปด้วยคอร์ส Foundation หรือ IYOne หลักสูตรสำหรับนักศึกษานานาชาติที่ต้องการเข้าเรียนต่อในระดับอุดมศึกษาใน UK ซึ่งการเปิดสอนหลักสูตรนี้ จะมีทั้งของมหาวิทยาลัยเองและสถาบัน Pathway ซึ่งเป็นพันธมิตรกับทางมหาวิทยาลัยใน UK (เหมาะสำหรับน้อง ๆ ที่ยังไม่แน่ใจว่าจะเลือกเข้าเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยไหนดีด้วย) รวมไปถึงคอร์ส A-level หลักสูตรเทียบเท่าระดับชั้นมัธยมปลายที่สหราชอาณาจักร ที่น้อง ๆ ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 หรือมัธยมศึกษาปีที่ 4 สามารถเข้าเรียนได้ หลังจากจบหลักสูตร น้อง ๆ ก็สามารถใช้ผลคะแนน A-level สมัครเข้าเรียนต่อปริญญาตรี ชั้นปีที่ 1 ที่มหาวิทยาลัยใน UK ได้เลย น้อง ๆ สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมคอร์สปูพื้นฐานได้ ที่นี่
  2. คอร์สปูพื้นฐานก่อนเข้าปริญญาตรีของอเมริกา: สำหรับน้อง ๆ ที่ตั้งใจจะไปเรียนต่ออเมริกา (เรียนต่อ USA) จะมีความพิเศษอย่างหนึ่งก็คือ นอกจากจะต้องจบมัธยมศึกษาปีที่ 6 แล้ว น้อง ๆ ที่ยังเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ต้องศึกษาเงื่อนไขหรือหลักสูตร Preparation จากมหาวิทยาลัยและต้องผ่านการสอบ GED (General Educational Development) ก่อน นั่นคือการสอบวัดผลการศึกษาของสหรัฐอเมริกา หรือเป็นการสอบเทียบเท่าระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 เพื่อใช้เป็นเอกสารแทนการยื่น transcript หรือวุฒิการศึกษาในการสมัครเรียนต่อในระดับปริญญาตรีนั่นเอง โดยในส่วนนี้ก็ไม่ต้องกังวล เพราะน้อง ๆ สามารถปรึกษาพี่ Hands On ได้เลย รวมไปถึงคนที่กำลังเรียนปริญญาตรี สามารถโอนหน่วยกิตไปเรียนต่อได้ด้วยนะ แต่แน่นอนว่าการจบจากหลักสูตรโรงเรียนไทย น้อง ๆ จะต้องมีการสอบวัดผลภาษาอังกฤษไว้ด้วย และโดยทั่วไปน้องนักเรียนที่จบหลักสูตรโรงเรียนไทย จะต้องเข้าเรียนคอร์สปูพื้นฐานก่อนสมัครเข้าเรียนต่ออเมริการะดับปริญญาตรีในมหาวิทยาลัย ที่มีทั้ง Undergraduate Pathways หลักสูตร Foundation แบบของ UK ที่อเมริกาจะเรียกว่าหลักสูตร Pathways หลังจบหลักสูตรนี้ ผู้เรียนสามารถเข้าเรียนต่อในระดับปริญญาตรีได้ถึงแม้เราจะมีผลคะแนน GPA และคะแนนวัดผลภาษาอังกฤษไม่ถึงเกณฑ์ที่กำหนด ต่อมาคือคอร์ส International Year (IY1) เป็นการเรียนปีการศึกษาที่ 1 ด้วยหลักสูตรปูพื้นฐานสูตรเข้มใน 1 ปี แต่เกณฑ์การสมัครเรียนจะสูงกว่า Pathways และอีกทางเลือกคือ เรียนต่อกับสถาบัน Community College ก่อน 2 ปี แล้วค่อยยื่นสมัครเข้าเรียนกับมหาวิทยาลัยเพื่อ transfer ไปยังปี 3 ของมหาวิทยาลัยในสหรัฐอเมริกาต่อ ซึ่งเป็นทางเลือกที่ดีทางหนึ่งและยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายลงเยอะเลย เพราะค่าเทอมไม่สูงมากนัก น้อง ๆ สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมคอร์สปูพื้นฐานได้ ที่นี่
  3. คอร์สปูพื้นฐานก่อนเข้าปริญญาตรีของออสเตรเลีย: น้อง ๆ ที่กำลังวางแผนไปเรียนต่อออสเตรเลียก็สบายใจได้ เพราะที่นี่ก็มีคอร์สปรับพื้นฐานให้นักเรียนต่างชาติเช่นกัน เพราะออสเตรเลียเป็นอีกประเทศที่มีการดูแลนักศึกษาต่างชาติได้ดีเลิศมาก ๆ โดยคอร์สจะมีทั้ง Undergraduate Pathway Program หลักสูตรสำหรับผู้ที่มีผลคะแนนไม่ถึงตามเกณฑ์ที่กำหนด โดยจะปูพื้นฐานวิชาสำคัญและวิชาภาษาอังกฤษให้เราเรียนต่อในสาขาวิชาปริญญาตรีที่เราเลือกแบบเฉพาะเจาะจง ต่อมา Foundations Programs หรือ University Preparation หลักสูตรเตรียมพร้อมเรียนต่อปริญญาตรีของประเทศออสเตรเลีย จะใช้เวลาเรียนอยู่ที่ 9 – 11 เดือน หรือ 1 ปีขึ้นอยู่กับสถาบันนั้น ๆ แต่ผู้เรียนจะต้องเรียนจบจากหลักสูตรที่เทียบเท่ากับ Australian Year 11 หรือมัธยมศึกษาปีที่ 5 แล้ว น้อง ๆ สมัครได้เลยนะ อีกคอร์สคือ Associate degree (สำหรับผู้เรียนที่จบจากโรงเรียนในต่างประเทศ) โดยหลักสูตรนี้จะมีระยะเวลาเรียน 2-3 ปี ซึ่ง 2 ปีนี้จะเทียบเท่ากับการเรียนปริญญาตรี เมื่อเรียนจบหลักสูตร ผู้เรียนจึงสามารถโอนย้ายหน่วยกิตหรือ transfer เข้าเรียนต่อระดับปริญญาตรีในชั้นปี 3 ได้ น้อง ๆ สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมคอร์สปูพื้นฐานได้ ที่นี่

 

อย่าลืมเตรียมตัวให้พร้อมด้านอื่น ๆ แล้วไปเรียนต่อต่างประเทศแบบที่ตั้งใจกันเลย!

เตรียมฟิตภาษาอังกฤษไว้

แน่นอนว่าการจะไปเรียนต่อต่างประเทศ ทั้งไปเรียนต่ออังกฤษ (เรียนต่อ UK) เรียนต่ออเมริกา (เรียนต่อ USA) หรือเรียนต่อออสเตรเลีย ที่เป็นทั้งเจ้าภาษาและใช้ภาษาอังกฤษเป็นทางการ นักเรียนต่างชาติอย่างเราก็ต้องมีทักษะภาษาอังกฤษพอสมควร และที่สำคัญคือยิ่งน้อง ๆ ที่เป็นนักเรียนที่ไม่ได้มาจากโรงเรียนอินเตอร์ น้อง ๆ จำเป็นจะต้องใช้ผลการสอบวัดระดับภาษาอังกฤษไม่ว่าจะเป็น TOEFL หรือ IELTS ที่มีคะแนนอยู่ในเกณฑ์ตามเงื่อนไขการรับสมัครของแต่ละมหาวิทยาลัยด้วย โดยน้อง ๆ อาจจะลองติวภาษาอังกฤษเพิ่มเติม หรือเลือกเรียนคอร์สภาษาอังกฤษเพิ่มก็ได้เช่นกัน เพราะทักษะภาษาอังกฤษสำคัญมาก ๆ สำหรับการเรียนต่อนะ

เอกสารในการสมัคร

เมื่อน้อง ๆ มั่นใจแล้วว่าจะตั้งใจไปเรียนต่อต่างประเทศแล้ว สิ่งต่อมาที่จะต้องเตรียมให้พร้อมและสำคัญมาก ๆ ในการใช้ประกอบการสมัครเรียนคือ เอกสารต่าง ๆ โดยเอกสารสำคัญหลัก ๆ ก็จะประกอบไปด้วย เอกสารยืนยันตัวตนของเรา เอกสารการรับรองการเรียนจบชั้นมัธยมปลายของเรา และรวมไปถึงผลการเรียน (Transcript) ที่ส่วนใหญ่จะต้องใช้เป็นภาษาอังกฤษอีกอย่างก็คือ ผลการสอบวัดระดับภาษาอังกฤษนั่นเอง ซึ่งในการยื่นเอกสารของแต่ละมหาวิทยาลัยในแต่ละประเทศก็จะแตกต่างกันบ้างเล็กน้อย ตามระบบการสึกษาของประเทศนั้น ๆ ในส่วนของเอกสารต่าง ๆ นอกเหนือจากที่ว่ามานี้ พี่ Hands On ยินดีช่วยเหลือน้อง ๆ ตรวจสอบเอกสารทุกขั้นตอนเลย

คำนวณค่าใช้จ่ายในการเข้าเรียน

การศึกษาคือการลงทุน ดังนั้นปฏิเสธไม่ได้ว่าการเดินทางไปเรียนต่อต่างประเทศจะต้องมีค่าใช้จ่ายที่สูง น้อง ๆ จะต้องคำนวณค่าใช้จ่ายไว้ก่อนให้ดี เพื่อที่จะได้วางแผนและปรึกษากับครอบครัวว่า น้อง ๆ มีต้นทุนในการใช้จ่ายแค่ไหน ทั้งในส่วนของค่าเรียน และค่าครองชีพ เพราะน้อง ๆ จะต้องมีค่าใช้จ่ายในการไปเรียนทั้งหมดในบัญชีไว้ เพื่อใช้ในการขอเอกสารทางการเงินประกอบการขอวีซ่าด้วย พี่ Hands On แนะนำว่าน้อง ๆ ควรศึกษาข้อมูลของแต่ละคอร์ส แต่ละมหาวิทยาลัยให้ดี ๆ เพราะบางที่บางคอร์สอาจมีส่วนลด หรือทุนการศึกษาให้กับนักเรียนต่างชาติด้วยนะ เพื่อที่น้อง ๆ จะสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายลงได้ อย่างที่ Hands On ที่มีข่าวสารทุนการศึกษาจากสถาบันชั้นนำมาอัปเดตให้น้อง ๆ อยู่เสมอ อย่าลืมติดตามกัน

ระยะเวลาที่เหมาะในการเตรียมตัว

สำหรับน้อง ๆ ที่สนใจเรียนต่อป. ตรี ในต่างประเทศ โดยเฉพาะน้อง ๆ ที่เรียนจบหลักสูตรโรงเรียนไทย พี่ Hands On ขอแนะนำว่าให้น้อง ๆ เตรียมตัวโดยต้องจัดสรรเวลาให้ดี ทั้งในเรื่องของการสอบวัดผลภาษาอังกฤษที่ต้องสอบเตรียมไว้แต่เนิ่น ๆ และคอยติดตามว่าในแต่ละมหาวิทยาลัยในประเทศที่จะไปเรียนนั้น มีการปิดรับสมัครในช่วงไหนบ้าง เพื่อที่น้อง ๆ จะได้เตรียมเอกสารที่ต้องยื่นได้ทันและครบถ้วน พี่ Hands On แนะนำว่าระยะเวลาในการเตรียมตัวที่เหมาะสมที่สุดคือ ควรเตรียมตัวก่อนถึงช่วงเปิดรับสมัครตั้งแต่ 6 เดือนถึง 1 ปี จะทำให้น้อง ๆ มีเวลาได้เตรียมตัวอย่างเต็มที่เลย และหลังจากนั้น ยังไม่รวมถึงระยะเวลาที่มหาวิทยาลัยจะใช้ในการดำเนินการอนุมัติรับเราเข้าเรียน หลังยื่นสมัครเรียนไปอีก 1-6 เดือน

 

ถึงจะไม่ได้เรียนในโรงเรียนอินเตอร์ แต่น้อง ๆ ที่จบจากหลักสูตรโรงเรียนไทยก็สามารถไปเรียนต่อต่างประเทศได้ เพียงแค่รู้ว่าจะต้องเตรียมตัวอย่างไรให้พร้อม ตามที่พี่ Hands On ได้แนะนำกันไป และสำหรับน้อง ๆ ที่ต้องการคำปรึกษาเพิ่มเติม หรือยังรู้สึกกังวลเกี่ยวกับการเตรียมตัวของตัวเอง พี่ Hands On พร้อมเป็นที่ปรึกษาและพร้อมให้บริการน้อง ๆ ที่มีแผนไเรียนต่อต่างประเทศ ให้คำปรึกษาตั้งแต่การเลือกประเทศ เลือกสถาบัน และหลักสูตรที่เหมาะสม ตรงใจน้อง ๆ มากที่สุด แนะแนวขั้นตอนยื่นใบสมัคร ติดตามผลการสมัคร แนะนำเรื่องวีซ่า ที่พัก ประกันการเดินทาง และกิจกรรมพิเศษอื่นๆ ตั้งแต่การเตรียมตัวให้พร้อมก่อนการเดินทางไปเรียนต่อต่างประเทศ จนถึงกิจกรรมพบเพื่อนหลังเรียนจบ เพื่อให้ประสบการณ์การเรียนต่อต่างประเทศของน้อง ๆ ทุกคนเป็นเรื่องราวดี ๆ ที่น่าจดจำ น้อง ๆ สามารถติดตามข่าวสารและปรึกษาเรื่องเรียนต่อต่างประเทศกับพี่ Hands On แบบไม่มีค่าใช้จ่าย ได้เรียนต่อในสถาบันที่ดีที่สุดแน่นอน

 

Hands On บริการให้คำปรึกษาด้านเรียนต่อต่างประเทศ เรียนต่อ ป.โท ต่างประเทศ
เรียนต่ออังกฤษ เรียนต่อ ป.โท อังกฤษ (เรียนต่อ UK) เรียนต่ออเมริกา (เรียนต่อ USA) เรียนต่อออสเตรเลีย 

เปิดบริการ 6 สาขาทั่วประเทศไทย คือ สีลม (สำนักงานใหญ่), สุขุมวิท, ปิ่นเกล้า, พระราม 2, พระราม 9 และเชียงใหม่
Line : @handson
Facebook : www.facebook.com/HandsOnEdu
Tel : 02 635 5230, 02 821 6877, 084 245 1708

Enquiry Form

Please provide the following information and we will aim to respond within 48 hours:

Your details
Please enter your first name.
Please enter your last name.
Please enter a valid email address.
Please enter your phone number.
Please select a country you want to study.
Please select a year you want to study.
Please select your preferred branch.

* All fields required (in English)

  • Share this: