สำหรับใครที่กำลังแพลนจะสอบ IELTS เพื่อไปเรียนต่อแบบเรา เราเชื่อว่าทุกคนกำลังเครียดและกดดันตัวเองเรื่องคะแนนเพื่อให้ได้คะแนนตามเป้าหมาย เราเลยอยากเขียนบทความนี้เพื่อมารีวิว ทริคการสอบ IELTS แบบไม่เครียด ไม่กดดันตัวเองจนเกินไป
1. เรียงลำดับความง่ายและยากของแต่ละ part
ทริคการสอบ IELTS ข้อแรก เราเริ่มต้นด้วยการแพลนตารางเวลา ซึ่งเราจะเรียงลำดับความถนัดของตัวเองจาก “ง่ายไปยาก” เช่น สำหรับเรา : Listening > Speaking > Reading > Writing
การเรียงลำดับความถนัดของตัวเองจะช่วยเราจัดสรรเวลาได้ว่าเราควรจะใช้เวลาฝึกฝนกับ part ไหนมากที่สุดหรือน้อยที่สุด ถ้ายังไม่แน่ใจว่าถนัด part ไหน ลองทำ mock test เพื่อเช็กก่อนก็ได้ว่าเราควรฝึก part ไหนเยอะที่สุด อยากแนะนำคนที่ไม่มีเวลาฝึกเยอะให้เรียงลำดับความง่ายไปยาก เพราะจะทำให้ไม่เสียเวลาฝึก part ที่เราถนัดอยู่แล้ว
2. ทำตารางเวลา ทริคการสอบ IELTS เป็นของตัวเอง
หลังจากที่เรารู้ว่าควรใช้เวลากับ part ไหนยังไง ก็เริ่มเขียน schedule ในช่วงการติวสอบได้เลย อิงจากความถนัด เช่น สำหรับเรา เราคิดว่า writing ยากที่สุด เราก็จะเลือกใช้เวลากับการฝึก part การเขียนมากที่สุด การทำตารางเวลาไม่จำเป็นต้องติวทุกวันเสมอไป ควรจะให้มีวันพักผ่อนให้ได้ relax ด้วย เพราะการกดดันตัวเองให้ฝึกมากเกินไป อาจจะทำให้ผลสอบออกมาไม่ดีได้ แต่อยากแนะนำให้ทุกคนมีวินัยกับตารางที่ตัวเองเขียนไว้มาก ๆ ถ้าทำตารางออกมาแล้วก็ควรทำตามให้เป๊ะที่สุด
3. หาข้อมูลและคลังข้อสอบเตรียมไว้ล่วงหน้า
การหาคลังข้อสอบล่วงหน้าจะทำให้ไม่เสียเวลาในการติวและการหาข้อมูลในแต่ละวัน ควรหาเก็บไว้ก่อนการติวทั้งหมด อยากแนะนำว่าให้หาคลังข้อสอบ version ที่ใกล้เคียงกับปีปัจจุบันมากที่สุด เนื่องจากเนื้อหาจะมีความใกล้เคียงกับข้อสอบจริงมากที่สุด
คลังข้อสอบมีทั้งรูปแบบ Websites, Application, YouTube, หนังสือ, หรือแม้แต่ social media อื่น ๆ เช่น TikTok และ Facebook เราสามารถเลือก platform ที่เข้ากับเรามากที่สุดเพื่อทำให้การติวเกิดประโยชน์มากที่สุด และเวลาสมัครสอบกับศูนย์สอบ IELTS ใน website เค้าก็จะมีคลาสเรียนฟรีในแต่ละด้านให้ฝึกด้วย สำหรับคลัง part speaking อยากให้รวบรวมคำถามแล้วจับเวลาในการตอบให้ไม่เกินเวลาที่กำหนด ควรฝึกพูดบ่อย ๆ เพื่อลดความตื่นเต้นในวันสอบจริง ควรตอบแบบกระชับได้ใจความ ไม่ใช้คำซ้ำเยอะเกินไป
4. ฝึกการสอบด้วย entertainment
ทุกคนควรมีวันพัก อิงจาก schedule ที่เราทำไว้ แต่วันพักเราก็ยังสามารถฝึกการสอบได้ด้วยการหา entertainment source ที่ช่วยเราใน part ต่าง ๆ ได้ เช่น การดูหนังหรือซีรีส์ หรือแม้กระทั้งการดู TikTok ก็สามารถช่วยเราฝึก listening ได้
แนะนำให้เปิด subtitle ภาษาอังกฤษ และ search คำศัพท์ที่ไม่รู้ตอนดูไปด้วย สำหรับบางคนที่ชอบการอ่านก็สามารถหา articles หรือข่าวต่าง ๆ ที่ relate กับหัวข้อที่เราชอบ เพื่อช่วย part reading ได้ แบบนี้ก็สามารถพัก แถมยังฝึกได้อย่างมีความสุขแบบไม่กดดันตัวเอง เช่น ใครเป็นแฟนบอล การอ่านข่าวบอลอาจจะทำให้ได้ฝึกคำศัพท์มากขึ้น หรือใครชอบอ่านข่าวดาราต่างประเทศ ก็สามารถฝึกคำศัพท์ได้เช่นกัน เราพยายามดูช่อง YouTube และ TikTok ที่เป็นของคน British และ American สลับกันไป เพราะคิดว่าการได้ฟังสองสำเนียงจะทำให้ชินกับทั้งสองแบบ เพราะถ้าฟังแต่ American accent อาจจะทำให้การสอบ listening ยาก ถ้าได้ยินคนคุมสอบพูดแบบ British accent
ส่วนตัวเคยสอบ IELTS ตอน ม.5 ซึ่งตอนนั้นไม่ได้เตรียมตัวเลย และตอนนั้นเราสอบแบบ Paper based ทำให้คะแนนตอนนั้นออกมาไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ที่จำได้คร่าว ๆ คะแนนตอนนั้นอยู่ที่ประมาณ overall 6.5 แต่หลังจากแพลนการติวการสอบทำให้เห็นได้ชัดเลยว่าได้ผลจริง ๆ ได้เยอะกว่าที่คิดมาก ๆ โดยเฉพาะ part listening เป็นพาร์ทที่เห็นชัดที่สุดว่าการที่เราฟังเพลง ดูหนัง ภาษาอังกฤษเป็นประจำทำให้ได้คะแนนส่วนนี้ดีที่สุด
อยากแนะนำคนที่กำลังจะสอบ IELTS ให้สอบแบบ computer based เราคิดว่ามันช่วยให้คะแนนเราดีขึ้นมาก ๆ โดยเฉพาะ part listening เนื่องจากทางศูนย์สอบมีหูฟังให้ เราสามารถปรับระดับความดังของเสียงได้ ทำให้ฟังชัดมากกว่าสอบแบบ paper based ที่เปิดผ่าน speaker พร้อม ๆ กันกับผู้เข้าสอบคนอื่น ๆ แต่พอฟังผ่านหูฟังทำให้โฟกัสได้มากขึ้นและฟังแต่ละคำชัดขึ้นมาก ในส่วนของ part reading เราก็สามารถ highlight ข้อความที่ต้องการในบทความได้ หรือเขียน note ไว้ได้เลย และสำหรับ part writing เราไม่ต้องมานั่งนับจำนวนคำเองเลย บนหน้าจอ computer จะบอกจำนวนคำที่เราเขียนไป อีกข้อดีของการสอบแบบนี้คือคะแนนสอบออกเร็วมากกว่า ส่วนตัวของเรารู้คะแนนสอบ 4 วันหลังสอบเลย