ก่อนมาเรียนที่ University of Southampton เรามีความฝันว่า เราอยากเรียนที่ต่างประเทศสักครั้งในชีวิต ซึ่งสรุปเป็นที่ประเทศอังกฤษ เพราะเรียนแค่ 1 ปีเท่านั้น (ไม่อยากจากบ้านนาน เดี๋ยวคุณแม่เหงา อิอิ) โดยเราเลือกเรียนวิชา Global Advertising and Branding เพราะส่วนตัวเรียนจบ Marketing ตอนเรียนปริญญาตรีมาแล้ว เลยอยากเจาะลึกเฉพาะทางมากขึ้น ซึ่งทางพี่กิ๊ก Hands On ให้คำแนะนำที่ดีและหลากหลายมาก โดยเราหาข้อมูลมหาวิทยาลัยในสายที่เราอยากเรียนว่ามีมหาวิทยาลัยไหนบ้างเปิดสอนบ้าง ดูรายวิชาในแต่ละคณะที่เราอยากเรียน และบอกกับพี่กิ๊กให้ทางพี่กิ๊กช่วยแนะนำอีกที โดยพี่กิ๊กสามารถสรุปข้อมูลของแต่ละมหาวิทยาลัย แต่ละคณะ และข้อแตกต่างในแต่ละมหาวิทยาลัยได้ชัดเจน เช่น Rank ของมหาวิทยาลัย หรือ Requirement ที่มหาวิทยาลัยนั้นๆ ต้องการ ซึ่งทำให้เราตัดสินใจได้ง่าย เราเลือกเรียนที่นี้ เพราะเป็นมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงของประเทศอังกฤษ และ Rank ดี มีคณะที่เราสนใจอยากจะเรียน อีกทั้งได้รับทุนจากที่นี้ด้วย ทำให้ช่วยประหยัดเงินไปได้เยอะเลย
พอตัดสินใจเลือกมหาวิทยาลัยได้แล้ว หลังจากนั้นหน้าที่ของเรา คือ เขียน SOP หรือ Statement of Purpose และ Resume เพื่อยื่นสมัครกับทางมหาวิทยาลัย (อันนี้คือขึ้นอยู่กับข้อกำหนดของแต่ละมหาวิทยาลัย) และเมื่อทางมหาวิทยาลัยตอบกลับมาพร้อมกับ Offer สิ่งที่เราต้องทำต่อไป คือ สอบทำคะแนน IELTS ให้ได้ตามเกณฑ์ที่กำหนด ซึ่งใช้เวลา 2-3 เดือน ในการเตรียมตัว ซึ่งตอนนั้นเราเรียนหลายที่มากๆ ทั้งอ่านเอง ไปเรียนตามสถาบันและติวกับเพื่อน พอมองย้อนกลับไปจริงๆ แล้ว การเรียนที่ได้ผลที่สุดสำหรับเรา คืออ่านเอง เพราะมันคือการทบทวนซ้ำๆ ถ้าใครอยากลองลุยอ่านเอง ให้ลอง search ในกระทู้ Pantip ได้เลยคลังข้อสอบเยอะมาก ที่น่าสนใจสุดๆ เวลาที่เบื่อจากการอ่าน ก็คือเปิด Youtube ดูเลย เพราะมันคือแหล่งข้อมูลที่ดีและฟรีตลอดกาล (ถ้าไม่รำคาญโฆษณา คริคริ)
ในการสอบ IELTS แบ่งเป็น 4 ส่วน ส่วนแรก คือ Listening อันนี้แนะนำว่า ขยันฟังให้มากที่สุด ทำข้อสอบเยอะๆ แต่ว่าพยายามหลีกเลี่ยงข้อสอบที่เคยทำไปแล้ว เพราะบางทีเราจำได้ คะแนนเราเลยขึ้น ซึ่งมันไม่ใช่คะแนนที่มาจากการฟังของเราจริงๆ ส่วนที่สอง คือ Reading สำหรับเรามันง่ายกว่า Listening เพราะเราแค่อ่านและจับใจความสำคัญ ทริค คือ ทำบ่อยๆ จะจับทางข้อสอบได้เอง สำหรับ Writing แนะนำว่าให้ไปเรียนให้รู้พื้นฐานก่อน แล้วฝึกเขียน และให้ผู้มีความรู้ตรวจให้ จะได้แก้ไขได้ถูก เพราะมันยากเหมือนกัน ส่วนสุดท้าย Speaking เข้าไปดูใน Youtube เลย มีตัวอย่างเยอะมาก วิธีการตอบต่างๆ แล้วฝึกพูดหน้ากระจก หรือ อัดคลิปไว้ จะได้มาดูย้อนหลังว่าการพูดของเรานั้นมีการพัฒนาจนถึงตามเกณฑ์ไหม โดยรวมเราเองไม่ได้คะแนนเยอะนะ แต่แค่อยากแนะนำ เพราะตอนนั้นแอบเครียดเหมือนกัน กลัวคะแนนไม่ถึง แต่ถ้าเราขยัน ยังไงก็คิดว่ามันต้องได้สักวัน อิอิ พอสุดท้ายคะแนนออกมา ก็เพียงพอไปเรียน Pre-sessional 6 weeks ของ University of Southampton ได้อยู่ เราก็เลยรีบยื่นคะแนนทันที
ขั้นตอนต่อไป ทางพี่กิ๊ก Hands On จะคอยแนะนำให้เราต้องเตรียมเอกสารและเตรียมตัวยังไงบ้าง สำหรับเราตอนนั้นหลังจากดีใจที่คะแนนผ่าน ก็รีบเตรียมเรื่องเอกสารธนาคาร (Statement) ทันที เพราะต้องเตรียมล่วงหน้าในการทำวีซ่า และเตรียมเอกสารในส่วนอื่นๆ ต่อ เช่น ใบเรียนจบปริญญาตรี สำเนาทะเบียนบ้าน เป็นต้น ส่วนเรื่องทำวีซ่านั้นไม่ต้องกังวลเลย ทางพี่กิ๊กดูแลให้อย่างดี แค่ตรวจสอบข้อมูลของตัวเองอย่างรอบคอบ สำหรับคนที่มีปัญหาสุขภาพ หรือ ข้อกังวลสุขภาพต่างๆ แบบเรา พี่กิ๊กก็จะคอยแนะนำในเรื่องการเตรียมเอกสาร หรือวิธีการกรอกข้อมูล และที่สำคัญให้กำลังใจด้วย ช่วยลุ้นวีซ่าว่าผ่านแน่นอน พอผ่านแล้วก็เตรียมตัวจัดกระเป๋าต่อเลย แนะนำว่าให้เริ่มทยอยจัดกระเป๋าล่วงหน้าก่อนเดินทาง 1 เดือนนะคะ Good Luck
สนใจเรียนต่อ University of Southampton ลงทะเบียนเพื่อรับข้อมูลเรียนต่อและคำปรึกษาจากพี่ๆ Hands On ตัวแทนมหาวิทยาลัยอย่างเป็นทางการประจำประเทศไทย ฟรี คลิก