น้อง ๆ ที่มีแพลนไปเรียนต่อต่างประเทศคงไม่มีใครไม่รู้จักข้อสอบ IELTS แน่นอน เพราะหนึ่งในเอกสารการสมัครเรียนต่อในมหาวิทยาลัยหรือสถาบันสอนภาษาในต่างประเทศส่วนใหญ่จำเป็นต้องใช้คะแนนสอบ IELTS เพื่อยืนยันว่าน้อง ๆ มีความสามารถด้านภาษาอังกฤษเพียงพอที่จะเข้าใจเนื้อหาบทเรียน และมีส่วนร่วมในกิจกรรมต่าง ๆ ในห้องเรียน แต่ก่อนจะไปสมัครสอบ IELTS น้อง ๆ รู้ไหมว่าเกณฑ์คะแนนคำนวณอย่างไร? และเราควรได้คะแนนเท่าไหร่ถึงจะสมัครเรียนกับมหาวิทยาลัยในฝันได้? ในบทความนี้ พี่ ๆ Hands On มัดรวมทุกเรื่องที่ควรรู้เกี่ยวกับการสอบ IELTS รวมถึงเคล็ดลับเตรียมตัวสอบที่จะช่วยให้น้อง ๆ อัปคะแนน IELTS ได้อย่างแน่นอน!

การสอบ IELTS คืออะไร

ข้อสอบ IELTS มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า International English Language Testing System โดยมีการจัดสอบขึ้นเพื่อทดสอบและวัดระดับความสามารถทางภาษาอังกฤษสำหรับ Non-native English speaker โดยจะทดสอบทั้งหมด 4 ทักษะ ได้แก่ Listening, Reading, Writing และ Speaking  สำหรับน้อง ๆ ที่จะไปเรียนต่อต่างประเทศจำเป็นจะต้องสมัครสอบแบบ IELTS Academic เท่านั้น ซึ่งจะแตกต่างจากข้อสอบแบบ IELTS General Training ตรงที่ IELTS Academic นั้นจะมีความเป็นวิชาการมากกว่า เช่น บทความวิจัยทางประวัติศาสตร์ และ ผลการทดลองวิทยาศาสตร์ โดยปัจจุบัน น้อง ๆ สามารถเลือกสอบ IELTS ได้ 2 แบบ ได้แก่ การสอบแบบเขียนลงกระดาษ (Paper-based) และ การสอบกับคอมพิวเตอร์ (Computer-based)

หมายเหตุ: สำหรับน้อง ๆ ที่ตั้งใจจะไปเรียนต่ออังกฤษ ให้เลือกสอบแบบ IELTS for UKVI (Academic) นะ ข้อสอบเหมือนกับ IELTS Academic เลย เพียงแค่ใบรายงานผลสอบจะแสดงให้ทางการของสหราชอาณาจักรทราบว่า น้อง ๆ ได้สอบ IELTS ในสนามสอบที่ผ่านการรับรองจากกระทรวงมหาดไทยของสหราชอาณาจักรจริง ๆ

เกณฑ์คะแนน IELTS และแต่ละ Band Score มีความหมายว่าอะไร?

เกณฑ์คะแนนของการสอบ IELTS นั้นจะถูกแบ่งออกเป็น Scale จาก 0 ถึง 9 โดยผลสอบจะถูกแยกเป็น การให้คะแนนแต่ละ Section (ฟัง, พูด, อ่าน, เขียน) และ การให้คะแนนรวมแบบ Overall Score ซึ่งตรงนี้เป็นสิ่งสำคัญมากที่น้อง ๆ หลายคนพลาด เพราะในบางมหาวิทยาลัยจะกำหนดในเกณฑ์การรับสมัครเลยว่า ผู้สมัครสอบจะต้องมีคะแนน Overall Score เท่าไหร่ โดยแต่ละ Section ต้องได้คะแนนไม่ต่ำกว่าเท่าไหร่ อย่างเช่น หลักสูตรปริญญาโทที่ University of Leeds ต้องการคะแนนรวม Overall Score ที่ Band 6.5 และแต่ละ Section จากการสอบ ฟัง, พูด, อ่าน, เขียน จะต้องไม่ต่ำกว่า Band 6.0

ดังนั้น จะเป็นเรื่องน่าเสียดายมาก ๆ ถ้าเกิดว่าคะแนนรวม Overall Score ได้ตามที่มหาวิทยาลัยกำหนด แต่ดันมี Section ที่ไม่ถึงตามที่กำหนด ทำให้น้อง ๆ พลาดการสมัครเรียนในคณะสาขาที่ต้องการ และมหาวิทยาลัยที่ชอบได้  เราไปดูกันดีกว่า ว่าในแต่ละ Band มีความหมายว่าอะไรบ้าง

ไปเรียนต่อต่างประเทศ ต้องมีคะแนน IELTS เท่าไหร่?

พออ่านมาถึงตรงนี้ น้อง ๆ ก็คงจะเริ่มมีคำถามแล้วว่า “แล้วฉันต้องได้คะแนนเท่าไหร่ล่ะ?” พี่ ๆ Hands On ต้องบอกก่อนเลยว่า ข้อกำหนดและเกณฑ์การรับสมัครของแต่ละสาขาวิชาและมหาวิทยาลัยจะแตกต่างกัน ยิ่งถ้าเป็นมหาวิทยาลัย Top Ranking น้อง ๆ ควรจะได้อย่างน้อย Band 6.5 หรือ 7 ขึ้นไป และในบางสาขาวิชา อย่าง Law หรือ หลักสูตร TESOL ควรจะได้คะแนนขั้นต่ำอย่างน้อย Band 7.0 เลยทีเดียว ดังนั้น น้อง ๆ ควรจะเช็กข้อกำหนดการรับสมัครต่าง ๆ กับทางมหาวิทยาลัยก่อน หรือ ปรึกษาพี่ ๆ Hands On ก็ได้นะ! เพราะ Hands On เป็นตัวแทนมหาวิทยาลัยและสถาบันสอนภาษามากถึง 350 แห่งทั่วโลกเลย! ดูรายชื่อมหาวิทยาลัยที่นี่

ตัวอย่าง Top Universities จาก UK ที่ต้องใช้คะแนน IELTS 7.0

• University of Exeter
• University of Edinburgh
• King’s College London
• University of Manchester
• University of Warwick

ตอนนี้เดาว่าน้อง ๆ หลายคนคงกำลังตกใจว่า “โห คะแนนสูงขนาดนี้ เราจะไปเรียนได้ไหม?” ยิ่งถ้าสอบ IELTS แล้วคะแนนบาง Section ไม่ได้ตามที่หวังไว้ จะได้ไปเรียนต่อต่างประเทศอยู่หรือเปล่า  พี่ ๆ Hands On บอกเลยว่า เป็นไปได้อย่างแน่นอน! โดยน้อง ๆ สามารถลงคอร์ส Pre-sessional course แทนได้ โดยโปรแกรมนี้มีขึ้นเพื่อปรับพื้นฐานภาษาอังกฤษเชิงวิชาการ และ ปูความรู้พื้นฐานที่น้อง ๆ จะต้องไปเจอในแต่ละสาขาวิชาที่เลือกเรียน ซึ่งถ้าเรียนและสอบผ่านตามเกณฑ์ น้อง ๆ สามารถเข้าไปเรียนหลักสูตรปริญญาต่อได้เลย

อย่างไรก็ตาม พี่ ๆ ได้สรุปคะแนน IELTS เบื้องต้นให้  น้อง ๆ คนไหนที่อยากไปเรียนต่อที่อังกฤษ อเมริกา แคนาดา และ ออสเตรเลีย สามารถเช็กคะแนนคร่าว ๆ ของหลักสูตรปริญญาตรี และ ปริญญาโท ได้เลย

เคล็ดลับเพิ่มคะแนน IELTS ให้ถึงเกณฑ์มหาวิทยาลัยในฝัน 

1. เข้าใจโครงสร้างและรูปแบบข้อสอบ: ก่อนที่จะไปลงสนามสอบ น้อง ๆ ควรรู้ว่าข้อสอบแต่ละ Section คำถามจะมาในรูปแบบไหน การใส่คำตอบเป็นอย่างไร และในแต่ละ Section มีเวลาทำกี่นาที ถ้าฝึกให้ตัวเองคุ้นชินกับข้อสอบแล้วล่ะก็ จะช่วยให้น้อง ๆ คลายกังวลและลดภาวะตื่นตระหนกในห้องสอบได้
2. ฝึกอ่านบทความวิชาการ ข้อหัวต่าง ๆ จากหลายแหล่งข้อมูล: ข้อสอบ IELTS แบบ Academic นั้นมีความเป็นวิชาการค่อนข้างสูง และส่วนใหญ่เป็นคำศัพท์และโครงสร้างภาษาที่น้อง ๆ ต้องไปเจอในห้องเรียน ดังนั้น การฝึกทำความเข้าใจภาษาเชิงวิชาการ จะช่วยให้น้อง ๆ เข้าใจโจทย์ในข้อสอบมากขึ้น
3. ฝึกฝนทำข้อสอบบ่อย ๆ : นอกจากการเข้าใจรูปแบบข้อสอบแล้ว น้อง ๆ ควรหมั่นฝึกทำข้อสอบในทุก ๆ Section พร้อมกับการจับเวลาให้เหมือนกับการสอบจริง การฝึกแบบนี้จะช่วยให้น้อง ๆ พอเดาประเภทคำตอบได้และยังจัดการเวลาได้ดีในการทำข้อสอบ

อยากลองฝึกทำข้อสอบ IELTS ในสนามสอบจำลองไหม? พี่ ๆ Hands On ชวนทุกคนมางานอีเวนต์ใหญ่ Hands On Study Abroad Exhibition 2023 ในวันพฤหัสบดีที่ 19 ตุลาคม 2566 นี้ ที่โรงแรม Sofitel Bangkok Sukhumvit ชั้น 7 ห้อง Le Grand Ballroom

งานนี้นอกจากน้อง ๆ จะได้พบเจอและพูดคุยกับเจ้าหน้าที่มหาวิทยาลัยชั้นนำกว่า 70 แห่งแล้ว ยังได้ทำกิจกรรมที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็น IELTS Mock Test โดย British Council IELTS (ที่นั่งสอบมีจำนวนจำกัด น้อง ๆ สามารถรับบัตรเข้าสอบได้ที่หน้างานเท่านั้น) หรือ ร่วมฟังสัมมนาสุดพิเศษจากพี่ศิษย์เก่าและ HR บริษัทยักษ์ใหญ่ ภายในงาน น้อง ๆ สามารถขอคำปรึกษาเรื่องการเรียนต่อต่างประเทศกับพี่ ๆ ทีม Counsellor ได้เลย อยากไปเรียนประเทศไหน หลักสูตรอะไร ขอคำแนะนำได้เลย! เข้าร่วมฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย ลงทะเบียนที่นี่ คลิก

พี่ ๆ Hands On หวังว่าบทความนี้จะช่วยคลายข้อสงสัยเกี่ยวกับการสอบ IELTS และ ช่วยให้ก้าวแรกของการไปเรียนต่อต่างประเทศของน้อง ๆ นั้นง่ายขึ้นอีกขั้นตอน นอกจากเรื่องการสอบ IELTS แล้ว การเตรียมเอกสารการสมัครอื่น ๆ ก็สำคัญไม่แพ้กัน ถ้าไม่อยากพลาดข้อมูลสำคัญแบบนี้ ต้องมาเจอกันที่งาน Hands On Study Abroad Exhibition 2023 นะ!

อ้างอิง:

British Counsil IELTS, www.ieltsasia.org/th/study-in-uk/required-score

IELTS Canada, www.ielts.com.au/australia/prepare/article-list-of-minimum-ielts-scores-for-canadian-universities-in-2021

IELTS Australia www.ielts.com.au/australia/prepare/article-42-universities-in-australia-for-ielts-score-of-5-5-and-above