มีเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ที่แตนรู้จักทักมาถามแตนเยอะมากเลยเรื่องการเตรียมตัวในเรื่องของภาษาอังกฤษก่อนมาเรียน ซึ่งหลายๆ คนก็มีความกังวลกลัวว่าจะเรียนไม่รอดเพราะภาษาอังกฤษไม่ดี สำหรับใครที่มีความฝันอยากจะมาเรียนต่อต่างประเทศแต่ยังกังวลในเรื่องของภาษา แตนอยากให้ลองอ่านรีวิวฉบับนี้ว่าจากเด็กไทยที่แค่สั่งเครื่องดื่มยังคุยกับพนักงานแทบจะไม่รู้เรื่อง จนสุดท้ายตอนนี้ระดับความมั่นใจในเรื่องของภาษาเพิ่มขึ้น (แต่ความมั่นหน้าเพิ่มมากกว่า 555) จนตอนนี้สามารถโทรติดต่อบริษัทประกันหรือทางสถานฑูตเองได้แล้ว โดยไม่ต้องให้ใครช่วย หรือแม้กระทั่งสามารถช่วยอธิบายงานให้เพื่อนฟังได้ โดยเทคนิคของการพัฒนาภาษาของแตนไม่มีการอ่านหนังสือเพื่อเพิ่มความรู้ภาษาอังกฤษแต่อย่างใด ใครอยากรู้เทคนิคของแตนต้องอ่านรีวิวนี้ให้จบนะคะ
*ปล. รีวิวนี้ขอเน้นเรื่องการพัฒทักษะภาษาอังกฤษในส่วนของการฟังกับการพูดนะคะ
ระยะปรับตัว
ช่วงแรกๆ ที่แตนมาอยู่ที่คาร์ดิฟฟ์ ต้องขอยอมรับเลยว่าพูดก็ไม่ค่อยได้ ฟังก็ไม่ค่อยรู้เรื่อง แถมเพื่อนก็ไม่มี ทำให้ช่วงแรกนี่ถือว่าค่อนข้างเหงาแล้วก็ท้อแท้ จนในที่สุดก็รู้สึกตัวว่าเราต้องปรับตัว ต้องพัฒนาตัวเอง ถ้าแค่ช่วงเรียนภาษาเรายังมัวแต่มาเศร้า ไม่ยอมฝึกภาษาอังกฤษให้มันดีขึ้น ตอนเรียน ป.โท คือตายแน่ๆ ว่าเราก็ลุยไปเลย โดยแตนสัญญากับตัวเองว่าในทุกๆ วันแตนต้องออกไปพูดคุยภาษาอังกฤษกับคนอื่นอย่างน้อย 3 คน ช่วงแรกๆ ก็เลือกเพื่อนคนจีนเป็นเหยื่อก่อน เพราะระดับภาษาถือว่าใกล้เคียงกัน เวลาคุยกับเค้าแล้วเราก็จะไม่กดดันมาก (จริงๆ คือตัวเลือกมีไม่เยอะ เพราะช่วงเรียนภาษาส่วนใหญ่มีแต่คนจีนค่ะ)
นอกจากเพื่อนคนจีนแล้วในคลาสเรียนภาษาแตนก็มีเพื่อนซีเรียกับซาอุดิอาระเบีย ซึ่งสองคนนี้แตนดูแล้วว่าพวกนางค่อนข้างเก่งภาษาอังกฤษ สังเกตจากการที่พวกนางชอบถามคำถามอาจารย์ แต่ข้อเสียคือสำเนียงนางฟังยากมาก ยากระดับที่บางทีอาจารย์ก็ต้องถามนางซ้ำ แล้วแตนก็เป็นคนที่ค่อนข้างชอบเผือก แบบอยากรู้ว่าเพื่อนกับอาจารย์คุยอะไรกันอะ มันเลยเป็นที่มาที่ทำให้เราพยายามที่จะฟังสำเนียงพวกนางให้ได้ แตนเลยพยายามไปพูดคุยกับพวกนาง เพื่อจะได้ปรับตัวให้ชินกับสำเนียงของเพื่อนแต่ละชาติ ช่วงเปิดเทอม ป.โทก็เหมือนกันค่ะ เนื่องจากคณะที่แตนเรียนไม่มีคนไทยเลย เพื่อนส่วนใหญ่ก็มาจากหลายเชื้อชาติ ซึ่งถ้าเราสามารถฟังสำเนียงเพื่อนแต่ละคนออก มันจะช่วยให้เราสื่อสารกับเพื่อนได้ง่ายขึ้น ขอยกตัวอย่างแล้วกันนะคะ ตอนทำงานกลุ่มกับเพื่อนจีนและเพื่อนเปรู พวกนางคุยกันไม่รู้เรื่อง ซึ่งเท่าที่แตนฟังคือแตนเข้าใจทั้งสองฝั่งเลยนะ เพราะเราชินกับสำเนียงของเพื่อนทั้งสองคน ทางเราเลยทำการแปลภาษาอังกฤษจากสำเนียงเปรูเป็นจีน จากจีนเป็นเปรู เพื่อให้เพื่อนมันเข้าใจตรงกัน
อีกกรณีหนึ่งคือเพื่อนอินเดียถามคำถามเพื่อนกรีซ แต่เพื่อนกรีซฟังไม่ออก แล้วแตนฟังเพื่อนอินเดียออก (เพราะเพื่อนสนิทเป็นคนอินเดีย เลยมีโอกาสได้ฝึกฟังสำเนียงเค้าอยู่บ่อยๆ) ตอนนั้นเลยเข้าใจแล้วว่าที่ผ่านมาที่เพื่อนชาติอื่นฟังแตนไม่ออกไม่ใช่เพราะแตนพูดไม่รู้เรื่อง แต่เป็นเพราะเค้าอาจจะไม่ชินกับสำเนียงของเรา เหมือนที่ตอนแรกเราไม่ชินกับสำเนียงเค้า เราเลยฟังเค้าไม่ออก ไม่ใช่เพราะเราฟังไม่รู้เรื่อง ความท้อแท้ทุกอย่างที่เคยถาโถมมาช่วงแรก เช่น คุยกับเพื่อนไม่รู้เรื่อง เพื่อนฟังเราไม่ออก หรือแม้แต่เจอเพื่อนเดินไปเรียนทางเดียวกัน เราเดินเลี่ยงนะ แบบไม่อยากทักไม่อยากคุย เพราะกลัวเพื่อนฟังเราไม่รู้เรื่อง ความรู้สึกแย่ๆ เกี่ยวกับภาษาอังกฤษมันหายไปหมดเลย และมันยิ่งทำให้เราอยากพยายามที่จะพูดคุยกับเพื่อนคนอื่นมากขึ้น เพื่อจะได้ชินกับสำเนียงของเพื่อนแต่ละชาติค่ะ
ไปสังสรรค์กับเพื่อนๆ บ้างก็ดีค่ะ จะได้ฝึกพูดและก็ฝึกฟังสำเนียงเพื่อนแต่ละชาติเยอะๆ ^^
ในส่วนของอาจารย์ที่สอนเรา เค้าเหมือนเข้าใจเราแทบทุกอย่าง แม้ว่าเราจะพูดไม่ค่อยถูก แค่มีคีย์เวิร์ดสำคัญให้เค้าจับใจความได้ เค้าก็รู้แล้วว่าเราจะสื่ออะไร ซึ่งตรงนี้แตนเลยมองว่าถ้าเราอยากรู้ว่าเราพูดรู้เรื่องมั้ย พูดแล้วคนอื่นเข้าใจเรามั้ย เราต้องไปพูดกับเพื่อน ถ้าเพื่อนมันเข้าใจเรา แสดงว่าเราพูดรู้เรื่อง
เวลาออกไปซื้อของก็เหมือนกันค่ะ แรกๆ พนักงานฟังแตนไม่ค่อยออกว่าสั่งอะไร แตนก็ฟังเค้าไม่ค่อยออกว่าถามอะไร ช่วงแรกๆ คือแบบไม่อยากพูดเลย ชี้เมนูอย่างเดียวเหมือนคนเป็นใบ้ พักหลังๆ มันเริ่มหงุดหงิดตัวเองว่าทำไมเราไม่พูด ทีนี้ก็พยายามไม่ชี้เมนูละ อยากได้อะไรก็สั่ง เค้าฟังไม่ออกก็พูดซ้ำ ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ พอเริ่มรู้สึกว่าเราฟังออกบ้างละ พูดได้ละ ก็ตีเนียนไปคุยกับพนักงานบ้าง อย่างเช่น ไปซื้อของที่ซุปเปอร์มาร์เก็ต ตัวเราก็รู้อยู่แก่ใจแล้วว่าอะไรอยู่ตรงไหนยังไง แต่อยากพูดภาษาอังกฤษไง ก็แกล้งไปถามพนักงานนั่นนี่ บางทีเค้าใจดีแนะนำนั่นนี่มาเยอะแยะเลย เราก็ฟังออกไม่หมดหรอกค่ะ แต่ก็รู้สึกดีที่เราได้ออกไปคุยกับคนแปลกหน้า 555 เจ้าหน้าที่ตามตึกเรียนก็เหมือนกัน แตนก็ชอบไปทักทายพูดคุยกับเค้า เหมือนพอเราได้คุยกับคนแปลกหน้าทุกๆ วันมันทำให้เรารู้สึกดีนะคะ ไม่เชื่อลองดู
เจอคนแปลกหน้าที่สวนสาธารณะ (Roath Park) ชื่อป้าทามาร่ากับลุงลิน สุดท้ายกลายเป็นเพื่อนกันเฉยเลย ก็เลยได้นัดเจอกันประมาณ 1-2 เดือนครั้งเพื่อไปให้อาหารน้องเป็ดน้องหงส์ แถมยังได้ฝึกพูดภาษาอังกฤษอีกด้วย
*คำเตือน: เวลาที่เราพบเจอคนแปลกหน้าที่เค้าอยากมาสานสัมพันธ์กับเรา เราต้องอย่าเพิ่งไว้ใจเค้าตั้งแต่แรกนะคะ คือเวลาเค้าขอนัดเจอก็พยายามเจอช่วงกลางวันและก็ควรเจอกันในที่สาธารณะที่คนพลุกพล่าน เพราะเราก็ไม่รู้หรอกค่ะว่าคนแปลกหน้าที่เรากำลังเจอเค้าจะมาดีหรือมาร้าย (ของแตนบังเอิญโชคดีเจอคนดีไง แต่สำหรับคนอื่นๆ ก็อยากให้ระวังๆสักนิดนะคะ)
ระยะเรียนรู้
หลังจากเราปรับตัวในเรื่องของภาษาได้บ้างแล้ว ทีนี้ก็ถึงเวลาที่เราจะต้องเรียนรู้เพื่อเพิ่มพูนทักษะภาษาอังกฤษของเรากันค่ะ ซึ่งเพื่อนถือว่ามีส่วนสำคัญในการช่วยให้เราได้เรียนรู้ เช่น เวลาเราพยายามจะพูดอะไรบางอย่างแต่เราไม่รู้คำศัพท์ หรือพูดผิด เพื่อนมันก็ช่วยแก้ให้ เช่น แตนบอกเพื่อนมันว่าหอเพื่อนอีกคนอยู่สุดทางเดินนี้เลย แตนก็แบบ last way อะไรประมาณนี้แหละค่ะ เพื่อนมันก็เข้าใจนะ มันก็บอกเราว่ามันเรียกว่า dead end เราก็ได้ศัพท์ใหม่ละ
แตนจะเป็นคนที่ชอบสังเกตว่าคำไหนใช้บ่อย คำไหนเราเจอบ่อย คนส่วนใหญ่ชอบพูดคำว่าอะไร หรือประโยคไหนที่เค้าชอบใช้กันบ่อยๆ แตนก็จะจำแล้วเอามาใช้ตาม ระยะการเรียนรู้ของแตนเลยกลายเป็นการจำและเอามาทำตามซะส่วนใหญ่ค่ะ
เวลาทางมหาวิทยาลัยหรือคอร์สเรียนเค้ามีให้เขียนรีวิวหรืออะไรให้ แตนเขียนส่งไปตลอดเลยนะคะ หลายๆ คนอาจจะรู้สึกว่าเสียเวลา แต่แตนชอบเขียนส่งไปมาก เพราะทุกครั้งที่เราเขียนไป เค้าจะส่งแก้แกรมม่าหรือประโยคกลับมาให้เราทุกครั้ง ว่าขอแก้หรือรวบประโยคเป็นแบบนี้นะ ซึ่งมันก็ช่วยให้เรารู้ว่าสิ่งที่เราเขียนมันผิดตรงไหน แล้วสิ่งที่เค้าแก้ให้มันดีกว่ายังไง ก็ถือว่าเป็นการเรียนรู้ในส่วนของทักษะการเขียนไปแล้วกันค่ะ
เวลาไปเที่ยวก็เหมือนกัน ตามปราสาท พิพิธภัณฑ์ หรือสถานที่ท่องเที่ยวบางที่เค้ามีเสียงบรรยายอัตโนมัติตามจุดต่างๆ แตนก็ชอบไปฟังนะ ไม่ได้ฟังเพื่อหาความรู้หรอกค่ะ แค่อยากฟังเพื่อทดสอบระดับภาษาของตัวเองว่าเราฟังรู้เรื่องรึเปล่า 555
ระยะลงตัว
หลังจากที่ชีวิตผ่านมรสุมของภาษามามากมาย ตอนนี้ภาษาอังกฤษก็เริ่มเข้าที่เข้าทางละ พอทุกอย่างมันเข้าที่มันก็ทำให้เรากล้าที่จะออกไปพบเจอผู้คนแปลกหน้ามากขึ้น ทำอะไรใหม่ๆ มากขึ้น ที่ผ่านมาแตนกล้าพูดคุยแค่กับเพื่อนตัวเองไง กับคนอื่นๆ ไม่ค่อยคุยหรอกค่ะ เพราะกลัวเค้าฟังเราไม่รู้เรื่องแล้วก็กลัวเค้าถามไรมาแล้วเราจะฟังไม่ออก แต่ตอนนี้ทางเราก็ไม่กลัวที่จะต้องใช้ภาษาอังกฤษอีกต่อไปแล้วววววววว
ช่วงซัมเมอร์ก็จะเป็นช่วงที่เราเรียนทุกอย่างครบตามหลักสูตรแล้ว เริ่มทำ dissertation ได้ เพื่อนส่วนใหญ่ก็เริ่มแยกย้ายกลับประเทศตัวเองบ้าง ไปเที่ยวบ้าง ทำให้โอกาสพบปะพูดคุยกับเพื่อนๆลดลง แตนก็เลยออกไปหากิจกรรมอื่นๆทำแทน เพื่อจะได้พบปะพูดคุยกับชาวบ้าน เพื่อให้เราได้ฝึกภาษาอังกฤษอย่างต่อเนื่อง เพราะแตนคิดว่าเราก็มีเวลาว่างระดับหนึ่ง จะให้นั่งทำแต่ dissertation คงไม่ไหว ว่าแล้วก็หากิจกรรมทำเลย
Pokemon Go เกมส์โปรดของแตนเอง จริงๆ ก็เล่นตั้งแต่ไปเรียนช่วงแรกๆ แล้วค่ะ แต่ช่วงนั้นไม่ค่อยได้คุยกับใครเลย เพราะภาษาไม่ค่อยดี หลังๆ คือแบบลุยไปกับชาวบ้านเลยจ้า ได้เพื่อนใหม่ใจรักโปเกม่อนเต็มไปหมด 555 สนใจเข้าแก๊งโปเกม่อนคาร์ดิฟฟ์ ลองเซิร์สในเฟสบุ๊คว่า Pokemon Go Cardiff ได้เลยจ้า
ไปเป็นอาสาสมัครเก็บขยะ เค้าจะมีเก็บขยะทุกๆ เดือน ใครสนใจร่วมกิจกรรมให้ลองหาในเฟสบุ๊คว่า Keep Adamsdown Tidy เค้าจะมีอัพเดทตลอดว่าวันเวลาและสถานที่ในการเก็บขยะครั้งต่อไปคือจุดไหน เผื่อเพื่อนๆ คนไหนสนใจนะคะ
หางานพิเศษทำดีกว่า
การทำงานพิเศษก็เป็นอีกช่องทางที่เราได้ฝึกภาษาอังกฤษ (แถมยังได้ตังอีกด้วย) อันนี้แตนมาเป็นนางแบบโปรโมทหอพักให้กับมหาวิทยาลัย ค่อนข้างโชคดีที่เค้าไม่สนใจรูปลักษณ์และส่วนสูง 555 งานนี้มีค่าตอบแทนนะจ๊ะ ถ้าใครสนใจหางานพิเศษทำกับทางมหาวิทยาลัย ให้เข้าไปอ่านรายละเอียดตามลิงก์เลยจ้า https://www.cardiffstudents.com/jobs-skills/jobshop/students/
อีกงานพิเศษที่แตนทำก็คือเป็นเด็กเสิร์ฟที่ร้านอาหารไทย ข้อดีคือแขกชอบถามชอบชวนคุย ทำให้เราได้ฝึกภาษากับบรรดาแขกทั้งหลายไปในตัวอีกด้วยค่า
สรุปวิธีการเรียนรู้ภาษาอังกฤษของแตนนะคะคือเราต้องพยายามพูดคุยกับชาวบ้านให้มากที่สุด ฝึกฟังสำเนียงของคนหลายๆ ชาติได้ยิ่งดี เวลาเห็นเค้าพูดประโยคไหนบ่อยๆ เราก็จำแล้วเอามาใช้ด้วยก็ได้ค่ะ ที่สำคัญต้องอย่าหยุดที่จะใช้ภาษาอังกฤษ เพราะเรื่องของภาษาถ้าเราไม่ได้ใช้บ่อยๆ มันอาจจะมีลืมหรือมีติดขัดได้นะคะ ยิ่งถ้าเป็นคนแบบแตนที่ภาษาอังกฤษไม่ได้ดีมาตั้งแต่แรก ยิ่งต้องอย่าหยุดใช้ภาษาอังกฤษเด็ดขาด ว่าแล้วก็เริ่มหาเพื่อน เริ่มหากิจกรรมทำกันเลยจ้า (อยากรู้ว่าแตนหาเพื่อนจากที่ไหนบ้าง ย้อนไปดูรีวิว “มาเรียนคนเดียวไม่รู้จักใครทำยังดี ตอนที่ 2” ได้นะจ๊ะ)
สนใจเรียนต่อ Cardiff University ลงทะเบียนเพื่อรับข้อมูลเรียนต่อและคำปรึกษาจากพี่ๆ Hands On ตัวแทนมหาวิทยาลัยอย่างเป็นทางการประจำประเทศไทย ฟรี คลิก