แนะนำตัวให้รู้จักหน่อยค่ะ
Zern: ชื่อเซินนะคะ ตอนนี้เรียนอยู่ IMM หรือ International Marketing Management MSc ที่ University of Leeds ค่ะ
รีวิว International Marketing Management MSc ที่ University of Leeds
ทำไมถึงเลือกเรียนคอร์สนี้
Zern: คือเซินอยากเรียนต่อด้าน Marketing อยู่แล้ว เพราะว่าตอนทำงาน เราทำงานเป็น Agency แต่ก็อยากรู้เรื่องพวกนี้เพิ่ม จริง ๆ เซินเรียนเป็นการจัดการการสื่อสารมาค่ะ เรียน Communication มา แต่ว่าจริง ๆ เนื้อหาที่เรียนมันก็จะมีเอี่ยวใน Marketing บ้าง อาจจะน้อยแต่ก็มีเอี่ยวค่ะ ก็เลยสนใจศึกษาเพิ่มด้วย แล้วก็เลือกจากมหาวิทยาลัยด้วย ซึ่ง University of Leeds ที่มี Marketing ที่เราสนใจที่สุดก็จะเป็นคอร์สนี้ค่ะ
แล้วก็อยากมองมุมกว้างด้วยค่ะ เพราะคอร์สนี้มันเป็น International เราก็ไม่ได้อยากรู้แค่ในประเทศเรา ก็เลยเลือกในคอร์สที่มันกว้างขึ้นด้วย ตอนแรกก็คือ เห็นว่าในคอร์สสอน Management ด้วย เราก็อยากจะได้ Skill พวกนี้เพิ่มมาด้วย ก็เลยสนใจค่ะ
รีวิววิชาเรียนของ International Marketing Management MSc ให้ฟังหน่อย
Zern: อย่างของเซินเป็น International Marketing ใช่มั้ยคะ ก็จะได้มุมมองที่กว้างขึ้น เป็น Global มากขึ้น ไม่ได้จำกัดแค่ในประเทศ จริง ๆ ถามว่ากว้างมั้ย ก็กว้าง แต่เค้าก็จะ Scope มาให้ว่าเราควรมองในมุมไหนบ้าง อย่างวิชาที่เซินชอบเลย ก็จะเป็น Marketing Strategy คือเราได้เรียนรู้ Pattern ในการคิดมากขึ้นค่ะ
ขยายความเรื่องการเรียนรู้ในมุมที่กว้างขึ้น และเป็น Global ให้ฟังหน่อยค่ะ
Zern: ถ้าเทียบกับตอนปริญญาตรี เค้าก็จะมีการเอา Text จากต่างประเทศมาสอนด้วยค่ะ แต่พอมาอยู่ตรงนี้
ที่มีความเป็น Global มากขึ้น เราไม่ได้มองแค่ประเทศใดประเทศหนึ่ง เรามองมุมกว้างมากขึ้นว่าระหว่างประเทศมันเป็นยังไง มันมีกฎหมายหรือว่ามันมีอะไรที่ต้องคิด ต้องตัดสินใจในมุมมอง Marketing บ้าง ก็คือมองมุมกว้างจริง ๆ ค่ะ พอนึกย้อนกลับไปตอนทำงานก็คิดว่า ทำไมถึงไม่คิดอะไรให้ได้แบบนี้ (หัวเราะ)
Assignment เป็นยังไงบ้างคะ พรีเซนต์เยอะมั้ย
Zern: ถ้าของ IMM จะไม่มีพรีเซนต์ ไม่มีงานกลุ่ม จะเน้นเป็นการสอบ แล้วก็มี Assignment อย่างมากก็เทอมละ 1 ตัว 1 งาน ประมาณ 2,000-3,000 คำค่ะ เป็นงานเดี่ยว ส่วนที่เหลือก็จะเป็นการสอบหมดเลย ต้องอ่านหนังสือเยอะหน่อย ค่อนข้างเป็นเด็กวิชาการเลยค่ะ โดยรวมคือ IMM จะไม่มีพรีเซนต์เลยค่ะ ถ้าจะมีก็มีนิดๆ หน่อย ๆ ใน Seminar แต่ว่าไม่ได้เป็นคะแนนอะไรค่ะ เหมือนเค้าแค่อยากให้เรา Discuss กับเพื่อนในกลุ่มมากกว่า
มีการนำ Case Study มาให้เรียนบ้างมั้ย?
Zern: ถ้า Case Study จะอยู่ใน Seminar เป็นส่วนใหญ่ค่ะ เค้าจะให้เรามาอ่านก่อน แล้วก็เข้า Seminar Class ไป Discuss กับเพื่อนว่ามีปัจจัยอะไรบ้าง เกิดอะไรขึ้นบ้าง มีการเชิญ Guest Speaker มาให้ 1 Modules 1 วิชา ขั้นต่ำ Guest Speaker ก็จะมีประมาณ 2 คน ที่มาแลกเปลี่ยนประสบการณ์ของเค้าค่ะ ซึ่งสิ่งที่เค้านำมาพูดก็จะเป็น Case Study ในชีวิตจริง การทำงานจริง ๆ ของเค้า เราก็อาจจะได้มุมมองจากคนที่ทำงานจริง ๆ หรือคนที่มีประสบการณ์ในวงการนี้มาใช้ในการสอบหรือว่าการทำ Assignment เพิ่มขึ้นด้วยค่ะ
บรรยากาศในห้องเรียนเป็นยังไงบ้าง คนเรียนเยอะมั้ย
Zern: จริง ๆ IMM เป็นคณะที่ค่อนข้างฮอตนะคะ เด็กเยอะมาก แต่ปีนี้ก็อาจจะมีคนจีนเยอะหน่อย แต่ถามว่าทุกคน Friendly มั้ย Friendly หมดเลยค่ะ เราสามารถคุยกันได้กับทุกคน อย่างเซินเองก็มีเพื่อนที่เป็นคนเอเชียเหมือนกันเยอะ ทั้งไต้หวัน ญี่ปุ่น อินเดีย จีนก็มี เพื่อนทุกคน Friendly ค่ะ
อาจารย์ที่สอนเป็นยังไง
Zern: อาจารย์ไม่ดุนะคะ ถ้าเรามีคำถาม เค้าก็พร้อมจะตอบให้เราได้หมด เราสามารถเดินเข้าไปหาเค้าระหว่างช่วง Break ได้เลยว่าเราสงสัยอะไรตรงไหน หรือว่าแม้กระทั่งเรา Email ไปหา เค้าก็ตอบนะคะ เค้าค่อนข้างที่จะให้ความช่วยเหลือเราดีถ้าเราตั้งใจ แต่ก็ต้องบอกก่อนว่ามันจะไม่มีคะแนนพิศวาสหรือว่าคะแนน Bias อะไรแบบนี้ เพราะที่นี่ค่อนข้าง Equal มาก ๆ อยู่แล้วค่ะ
กิจกรรมอื่น ๆ นอกเหนือจากการเรียนในห้องมีอะไรบ้างคะ
Zern: จริง ๆ ของ Business School จะมี Study Tour ค่ะ อย่างปีนี้ก็จะได้ไปที่ Milan จะเป็นเชิง Brand Management นิดนึง คือเค้าก็จะให้เด็กส่ง Essay เพื่อมาแข่งขันกัน เนื่องจากมันจะมี Limit จำนวนคนที่จะ
ได้ไป เค้าก็จะเลือกจาก Essay ของเราที่เขียนได้ถูกใจเค้า ประมาณนี้ค่ะ เทอมนึงก็จะ Limit ประมาณ 30 คน ต่อ Business School ทั้งหมด มหาวิทยาลัยก็จะออกค่าใช้จ่ายให้หมดเลย ทั้งที่พักและอาหารการกิน 30 คนก็ค่อนข้างเยอะเลยค่ะถ้าเทียบกับการที่เค้า Offer ทุกอย่างให้หมดเลย แต่ว่าถ้าเทียบในอัตราของ Business School เด็กที่นี่เยอะมาก มันก็เลยต้องแข่งกันนิดนึง เหมือนเป็นการ Challenge ตัวเองค่ะ (หัวเราะ) จริง ๆ ก็สนุกค่ะ ส่งได้ถ้าอยากไป แต่เซินไม่ได้ไปค่ะ (หัวเราะ) แล้วปีนี้เค้าไปกันช่วง Easter ตรงกับที่เซินจะกลับไทยพอดี ก็เลยไม่ได้ส่งไป ถือว่าให้คนอื่นไปแทนค่ะ (ยิ้ม)
*สนใจ เรียนต่อ University of Leeds ปรึกษาพี่ ๆ Hands On ฟรีทุกขั้นตอน คลิก
รีวิว University of Leeds
สาขา International Marketing มันก็มีให้เลือกหลายมหาวิทยาลัย ทำไมถึงเลือกที่ Leeds คะ
Zern: ดูจากเมืองเป็นส่วนใหญ่ค่ะ เพราะว่าจริง ๆ แล้ว Leeds มันก็ไม่ใช่เมืองเล็ก แต่ถ้าเกิดจะให้ไปอยู่ใน London ก็อาจจะสู้ค่าครองชีพไม่ไหว Leeds ก็ดูเป็นเมืองที่รองลงมา แต่ว่าก็ยังมีความสะดวกสบายในการเดินทาง ก็เลยเป็นอีกตัวเลือกที่อยู่ในอันดับต้น ๆ ของเซินค่ะ
แล้ว University of Leeds เป็นมหาวิทยาลัยที่ค่อนข้างครบเหมือนกันค่ะ แต่ว่ามันก็อยู่ที่ความชอบและความสะดวกของแต่ละบุคคลด้วย หอมันก็จะอยู่รอบ ๆ มหาวิทยาลัยถ้าไม่ได้อยู่ในหอในนะคะ ก็อาจจะมีเดินไกลบ้าง เดินใกล้บ้าง แล้วแต่ตำแหน่งของแต่ละหอ ก็อยู่ที่ว่าเราสะดวกกับการเข้าเมืองหรือสะดวกกับการเข้ามหาวิทยาลัยมากกว่า แต่โดยรวมพวก Facility อย่างห้องสมุด Gym เซินว่าค่อนข้างครบค่ะ แค่มี Student Card ก็เข้าได้แล้ว
Facility ไหนของมหาวิทยาลัยที่เราชอบที่สุดคะ
Zern: ถ้าถามเด็ก IMM ก็ต้องเป็นห้องสมุดค่ะ เพราะมันสามารถ Book ห้องที่เป็น Private สำหรับการทำงานกับเพื่อนหรือ Discuss กับเพื่อนได้ ถ้าใครไม่อยากนั่งฟังเสียงดังข้างนอก ก็มี Private Zone ของเค้าให้คนที่อ่านหนังสืออยู่ที่ห้องไม่ได้หรือว่าไม่ชอบอยู่ที่ห้อง มานั่งอ่านหนังสือที่นี่ได้ค่ะ
ได้ใช้ Career Support หรือว่า Student Support บ้างมั้ย
Zern: เซินไม่ค่อยได้ใช้ค่ะ แต่เค้าจะมี Email มาตลอดนะคะว่า อยากดู Job อะไรมั้ย วีคนี้มี Event ให้ดู Job นะ หรือว่ามี Event อะไรที่ Union บ้าง คือที่ Leeds มันจะมี Leeds Union ค่ะ จะมีทั้ง Bar ทั้ง Society ที่อยู่ในนั้น อย่างวันนี้ มี Event อะไรบ้าง มี Concert หรือเปล่า เค้าก็จะส่ง Email มา Alert เราตลอดค่ะ
แล้วได้เข้าชมรมอะไรบ้างมั้ย
Zern: ชมรมของเซินก็จะมีแค่ Thai Society นี่แหละค่ะ ก็จะเป็นชมรมของคนไทยที่ Leeds แต่ว่าชมรมอื่นจริง ๆ เค้าก็เหมือนจะจัด Event แยกออกมาเหมือนกัน เราก็สามารถซื้อ Ticket เข้าไป Join ได้ค่ะ เซินว่าชมรมส่วนใหญ่เค้าก็จะมี Event ของเค้า ที่ให้คนอื่นมาร่วม Join ได้ เค้าก็จะขาย Ticket ค่ะ อย่างเช่นชมรม Swing Dance ที่จัดกิจกรรมทุกวีคให้คนเข้าไปร่วมเต้นกับเค้าได้ อย่าง K-pop เองก็มี Class แยกให้คนอื่นนอกเหนือจากคนในชมรมเข้าไปเต้นได้ แล้วแต่ว่าวันไหนอยากเข้าไป Join ก็เข้าไปได้ค่ะ แล้วจริง ๆ กิจกรรมใน Union เยอะมาก ก็อยู่ที่ว่าใครอยากจะเข้าร่วมหรือว่าสนใจบ้าง ก็สามารถเข้าไปดูใน Application ของมหาวิทยาลัยได้ค่ะ
Application ของมหาวิทยาลัยเอาไว้ใช้ทำอะไรได้บ้าง
Zern: ถ้าช่วงแรกเลย เซินจะเข้าไปดูเยอะเพราะยังไม่รู้จะทำอะไร ก็เลยเข้าไปดู Event ว่าวีคนี้หรือวันนี้มีอะไรบ้าง ก็จะมีพวก Hiking, Concert หรือว่า Social Club ที่ให้เข้าไป Exchange Culture กับคนประเทศอื่น โดยให้มาคุยกันที่ Café ในมหาวิทยาลัยค่ะ แต่พอช่วงหลัง ๆ เริ่มมีงานเข้ามา เริ่มเรียน ก็เลยไม่ค่อยได้เข้าไปดูเท่าไหร่แล้วค่ะ เข้าใจเลยว่าเด็กไทยมาถึงที่นี่ ก็อาจจะมีแค่เพื่อนคนไทย เพราะถ้าเกิดอยากเจอเพื่อนต่างประเทศก็สามารถ Join เข้ามาใน Event พวกนี้ได้ค่ะ
Thai Society ที่ University of Leeds เป็นยังไงบ้าง
Zern: Thai Society ค่อนข้างกลมกลืน อยู่ด้วยกันดีค่ะ เค้าพยายามจัดกิจกรรมให้คนไทยได้มาเจอกันบ่อย ๆ ค่ะ Event ใหญ่ ของ Thai Society ก็จะเป็นสามัคคี Game ที่จะรวม Thai Society ของทุกมหาวิทยาลัยในอังกฤษค่ะ ไม่ว่าจะมาจากที่ไหน จะ London หรือว่า Leeds ทั่วประเทศเลยค่ะ จัดให้มาแข่งกีฬากัน เป็น Friendly Game
มาเจอกัน มาพบปะกับคนไทยในอังกฤษ เป็นการส่งเสริมสัมพันธภาพที่ดีค่ะ เซินคิดว่าอย่างนั้น (หัวเราะ)
ส่วน Event รองของ Leeds ก็จะมี North Game ด้วย เป็นการรวมมหาวิทยาลัยจากทางภาคเหนือ เพื่อให้คนไทยได้มาเจอกันเหมือนกันค่ะ แต่จะเล็กกว่าสามัคคี Game ที่เป็นงานใหญ่ แล้วก็ Event ประปรายพวก Concert, Party หรือ Night Club ก็มา Join กันได้ ล่าสุดไม่นานมานี้ก็มีกิจกรรมรับพี่รับน้อง ประมาณว่าคนไทยใน Leeds ที่อยู่มาก่อนก็จะมาเจอรุ่นน้องใหม่ที่พึ่งเข้ามา เหมือนเป็นการทำความรู้จักกันมากขึ้นค่ะ
*สนใจ เรียนต่อ University of Leeds ปรึกษาพี่ ๆ Hands On ฟรีทุกขั้นตอน คลิก
รีวิวเมือง Leeds
Zern: เพราะว่า Leeds อยู่ทางภาคเหนือเนอะ ก็เลยจะค่อนข้างหนาวกว่าทาง South ก็คือหนาวกว่า London ค่ะ จริง ๆ ถ้ามาช่วงแรก ๆ ส่วนใหญ่เด็กที่มาก็จะมากันช่วงเดือนกันยายนใช่มั้ยคะ มันก็จะเริ่มหนาวแล้ว
เริ่มมีฝนตก อากาศก็จะค่อนข้าง Gloomy นิดนึงค่ะ มันก็จะหม่น ๆ มีฝนบ้างบางวัน บางวันก็จะหนาวไปเลย อย่างช่วงนี้ก็เป็นช่วง Spring Hot แล้ว เซินรู้สึกว่าโอเคเลยค่ะ ชีวิตมัน Fresh ขึ้น ส่วนเมืองที่นี่ ด้วยความที่เป็นเมืองมหาวิทยาลัย เด็กวัยรุ่นก็จะเยอะ ผู้สูงอายุก็จะไม่ค่อยได้เห็นตามในเมือง จะเห็นเป็นเด็กวัยรุ่นที่มาเรียนกันเป็นส่วนใหญ่ ก็เลยรู้สึกค่อนข้างปลอดภัยค่ะที่มีเด็กต่างประเทศเยอะ เด็ก Local ก็เยอะ แต่เราก็เป็นรุ่นเดียวกัน เลยรู้สึกว่าค่อนข้างปลอดภัยค่ะ
การใช้ชีวิตในเมืองนี้สะดวกสบายดีมั้ยคะ
Zern: สะดวกสบายดีค่ะ Accommodation ส่วนใหญ่ก็อยู่ใกล้ ๆ ไม่ไกลจากเมือง เราสามารถเดินไปที่ Train Station ได้เลย จริง ๆ มันเดินได้ทั่วถึงกันหมดเลยค่ะ แม้กระทั่ง Bus ก็มีราคาสำหรับ Student สามารถนั่ง Bus ได้ หรือว่าถ้าอยากไปเมืองอื่น ก็เดินมาที่ Station ได้ ไม่ไกลเลยค่ะ
รีวิวแหล่งการใช้ชีวิตและ Shopping ในเมืองให้ฟังหน่อยค่ะ
Zern: Shopping ในเมืองก็โอเคค่ะ เซินว่ามันก็ค่อนข้างครบนะคะ เวลาเราอยากได้อะไร เราก็สามารถเลือก Click & Collect แล้วตอนเย็นเลิกเรียน เราก็เดินเข้ามาเอาในเมืองได้ เซินว่ามันก็สะดวกค่ะ ด้วยความที่เมืองมันก็ไม่ได้เล็กมาก ถ้าอยากได้อะไรมันก็มีให้ค่ะ เซินว่าเซินเลือกถูกที่มาอยู่ที่นี่ ก็เลยคิดว่าตัวเองตัดสินใจไม่ผิด ไม่ได้ลำบากเลยค่ะ จากตอนแรกที่เก็บข้อมูลจากเพื่อน ๆ ที่เคยเรียนต่อที่นี่ รีวิวก็ค่อนข้างตรงเลยค่ะ (ยิ้ม)
ได้ไปเที่ยวที่ไหนในอังกฤษมาบ้างมั้ยคะ
Zern: จริง ๆ เซินไปทั่วเลยค่ะ จาก Leeds ไป York ง่ายมาก ที่ York ก็จะเป็นเมืองเล็ก ๆ น่ารักค่ะ ถ้าจะไป London ก็ไม่นาน Leeds ห่างจาก London แค่ 2 ชั่วโมง Manchester ชั่วโมงเดียว ส่วน York ก็แค่ 20 นาทีค่ะ ถ้าอยากไป Edinburgh ก็ไปได้เหมือนกันค่ะ
แล้วในบรรดาเมืองที่เคยไปมา ชอบเมืองไหนที่สุด
Zern: ถ้าถามเซิน ชอบที่ York ค่ะ มันจะมีร้าน Scone ร้านนึง เป็นร้านของคนไทย อร่อยมากค่ะ แล้วจาก Leeds ไปที่ York มันก็ไม่ได้ไกล เซินก็เลย โอเค ซื้อตั๋วไปกับเพื่อนเลยค่ะ (ยิ้ม)
*สนใจ เรียนต่อ University of Leeds ปรึกษาพี่ ๆ Hands On ฟรีทุกขั้นตอน คลิก
การเตรียมตัวเรียนต่อ กับ Hands On
ใช้เวลาเตรียมตัวเรียนต่อนานมั้ยคะ
Zern: จริง ๆ เซินก็ค่อนข้างเตรียมตัวนานค่ะ อาจจะช้ากว่าคนอื่นด้วยเพราะว่าตัดสินใจช้า กว่าจะเตรียมตัวสอบ IELTS ก็เลยอาจจะต้องรีบนิดนึง แล้วก็จะไปหนักช่วง IELTS นิดหน่อย แต่ว่าถ้าเกิดตั้งใจ มันก็จะผ่านมาได้ค่ะ แค่มันจะหนักช่วงนั้นหน่อย (หัวเราะ)
แล้วรู้จักพี่ Hands On ได้ยังไง
Zern: ก็มีเพื่อนมหาวิทยาลัยตอนที่เรียนปริญญาตรีแนะนำมาค่ะว่า Hands On ดีนะ พี่ ๆ Manage ดี ช่วยเหลือดีมาก ก็เลยแนะนำมาค่ะ ตอนนั้นไม่ได้คุยกับเอเจ้นท์อื่นเลยค่ะ คุยกับที่ Hands On ที่เดียวแล้วก็ตรงไปเลยค่ะ
Hands On ช่วยดูแลอะไรบ้างคะ
Zern: ก็ตั้งแต่การให้คำแนะนำเลยค่ะว่าเราอยากเรียนอะไร ส่ง Rank มหาวิทยาลัยมาให้ดูว่าแบบ Rank ประมาณนี้มีมหาวิทยาลัยนี้นะ มีคณะนี้ เราสนใจอะไรบ้าง เค้าก็แนะนำตามแบบที่เราชอบ เราชอบเมืองแบบไหนก็ให้คำแนะนำมาค่ะ เราชอบเที่ยวหรือเปล่า หรือเราชอบอยู่กับเพื่อน ๆ แบบไม่ได้อยากไปเที่ยวที่ไหนเป็นพิเศษ ก็พิจารณาจากเมืองด้วย ก็ให้คำแนะนำแบบ เตรียมเอกสารตามนี้ได้เลยนะน้องเซิน ไม่มีอะไรยุ่งยาก เค้าก็จะให้ List มา เราก็แค่เตรียมตามนั้นเลย ง่ายมากค่ะ
ได้เข้าร่วมอีเวนต์ของ Hands On มั้ยคะ
Zern: มีกิจกรรม Pre-Departure ค่ะ ก็คือจะได้ไปเจอเพื่อนที่อยู่ในมหาวิทยาลัยเดียวกันหรือต่างมหาวิทยาลัย เหมือนได้ทำความรู้จักกันก่อนที่จะมาเรียนต่อที่นี่ สนุกนะคะ เพราะว่าเราได้เจอเพื่อน ได้เห็นหน้ากันก่อน
ก็ได้คุยกันบ้างนิดนึง พอมาถึงที่นี่ก็จะเข้ากันได้ง่ายมากขึ้นเพราะเคยเจอหน้ากันมาแล้ว กิจกรรมในงานก็ถือว่าโอเคนะคะ เราได้เจอเพื่อน ได้ทำความรู้จักกันไว้เบื้องต้น ได้ขอ Contact กันไว้เผื่อมีอะไรก็ถามกันได้ ซึ่งเซินคิดว่าการที่ Hands On จัดกิจกรรมตรงนี้ให้นี่ดีเลยค่ะ (ยิ้ม)
มีอะไรอยากฝากถึงน้อง ๆ ที่กำลังวางแผนจะมาเรียนต่อบ้างมั้ยคะ
Zern: จริง ๆ ก็เอาที่เราชอบดีกว่า ดูจากความสะดวกสบาย คือแล้วแต่คนเลยค่ะ เพราะแต่ละคนก็มองไม่เหมือนกัน บางคนดู Rank บางคนดูค่าครองชีพ เอาสิ่งที่เราชอบเป็นที่ตั้งค่ะ ถ้าอยากมา เซินแนะนำว่าให้มองระยะยาวดีกว่า อย่างค่ากินอยู่เป็นยังไง อากาศในเมืองนั้นเป็นยังไง มองระยะยาวว่ามันจะส่งผลดีต่อเรามากแค่ไหนค่ะ
แล้วก็ เด็กไทยที่นี่ส่วนใหญ่จะทำงานในร้านอาหารค่ะ อาจจะเป็นพนักงานเสิร์ฟ หรือว่าทำงาน
ในครัว แต่ว่าเซินทำร้านนวด เป็นร้านนวดไทยโบราณ คือบางคนก็อาจจะเป็น Reception ร้านนวด แต่เซินเป็นหมอนวดค่ะ (หัวเราะ) เพราะจริง ๆ เซินมี Skill นี้มานิดนึง ก็เลยรู้สึกว่าทำได้ ค่าแรงก็อาจจะสูงกว่าค่าแรงขั้นต่ำของพนักงานเสิร์ฟที่คนอื่นทำค่ะ แต่ถ้ามี Skill อยู่แล้ว เซินว่ามันก็เป็นผลดีกับเรา แบบไม่ต้องไปเรียนนวดเพิ่ม อาทิตย์นึงเซินก็จะ Lock ไว้แค่ 1 วันค่ะ แต่เค้าก็อาจจะเรียกเพิ่มอีกวันนึง แต่ Base ก็คือวันเดียวถ้าไม่อยากเหนื่อยเกินไปค่ะ