สวัสดีครับเพื่อนๆ ผมหวังว่าทุกคนที่เข้ามาอ่านบล็อคผมจะสบายดีกันเช่นเคยนะครับ ช่วงนี้ที่นี่ก็เริ่มเข้าช่วง spring แล้วครับ และที่สำคัญที่สุดก็คือผมได้หยุดในช่วง Easter ด้วยครับ แต่ก็ไม่ได้หยุดนานเป็นเดือนเหมือนพวกมหาวิทยาลัยที่นี่ครับ ผมเลยได้ถือโอกาสไปเที่ยวทางตอนเหนือนั่นก็คือ Highlands ครับ โดยผมตัดสินใจนั่งรถไฟไปครับ เพราะอยากจะนั่งชมบรรยากาศข้างทางไปเรื่อยๆ ซึ่งมันก็ไม่ได้ใช้เวลาเดินทางนานมากเลยครับ เพราะวิวตามทางก็จะผ่านเมืองต่างๆ เหมือนเราได้เที่ยวเมืองอื่นไปด้วยในตัวเลยครับ ที่ผมตัดสินใจเลือกไปเที่ยวที่นี่ก็เพราะเห็นว่าอากาศช่วงนี้น่าจะดีครับ เพราะก็คงไม่ได้หนาวมากจนทรมาน และก็ยังคงเหลือหิมะบนยอดเขาเต็มเลยครับ
ส่วนอากาศที่นั่นเรียกได้ว่ามีครบทุกฤดูในหนึ่งวันเลยละครับ ทั้งแดดออก ฝนตกสลับกันไปมาเลยครับ Inverness ถือเป็นเมืองหลวงของ Highlands ครับเป็นเมืองเล็กน่ารักๆ ครับ อากาสดีและแอบแฝงความเจริญไว้ในตัว มีแม่น้ำไหลผ่านกลางเมือง ซึ่งถ้าขับรถมาจาก Edinburgh ก็ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงเศษๆ ครับ มนต์เสน่ห์ของเมืองนี้ก็คือหุบเขาที่เรียงสลับซับซ้อนกันเต็มไปหมดเลยนั่น เองครับ ระหว่างทางผมบอกเลยว่ามันช่างคุ้มค่ามาก เพราะมันสวยมากจริงๆ ครับ เราจะเห็นวิถีความเป็นอยู่ของคนที่นั่นซึ่งก็จะเลี้ยงแกะกันส่วนใหญ่ คือเรียกได้ว่ามีให้ชมจนเบื่อกันเลยทีเดียวครับ ตามถนนก็จะมีที่พักไหล่ทางเพื่อให้จอดถ่ายรูปกันได้ครับ
ที่เมืองนี้ในตัวเมืองก็จะมีร้านอาหาร มีไนท์คลับตามปกติเหมือนเมืองอื่นๆ เลยครับ แต่อาจจะปิดเร็วกว่าเพราะเป็นเมืองเล็กๆ คนก็ไม่ค่อยเยอะมากครับ ส่วนโรงแรมที่นี่มีเยอะมากเลยครับ และส่วนใหญ่ก็จะเป็น B&B ครับ คนที่นี่ผมไม่รู้เหมือนกันนะครับว่าทำไมเค้าถึงชอบกินพวกเครื่องในกัน อย่างเช่น Black Pudding ตอนแรกผมได้ยินชื่อผมคิดว่ามันเป็นขนม แต่เปล่าเลยครับ มันทำมาจากเลือดหมูนั่นเอง แต่ก็อร่อยดีครับไม่เหม็นคาวเลยแหละ ส่วนอาหารอื่นๆ ก็จะคล้ายกับอังกฤษเลยครับ ที่เมืองนี่มีปราสาทที่ตั้งอยู่กลางเมืองเลยซึ่งถ้าใครไปก็จะเห็นแน่นอนครับ
และอีกที่หนึ่งที่ไม่ไกลจากเมืองนี้เลยนั่นก็คือ Loch Ness ครับ ซึ่งเมืองนี้ก็เป็นเมืองเล็กๆ เช่นกันครับ ระหว่างทางไปก็จะเป็นถนนเรียบทะเลสาบ และเราก็จะสังเกตุเห็นรูปปั้นหรือร้านขายของฝากที่เป็นรูปเจ้าปีศาจ Nessie ที่ดูแล้วคล้ายกับไดโนเสาร์มาก แต่มันอาศัยอยู่ในทะเลสาบแห่งนี้เต็มเลยครับถือเป็นสัญลักษณ์ของที่นี่เลยก็ ว่าได้ครับ ซึ่งที่เมืองนี้ก็จะมีปราสาทแห่งหนึ่งที่นักท่องเที่ยวนิยมมาเที่ยวชมกัน ชื่อว่า Urquhart Castle ครับ ซึ่งตั้งอยู่ริมทะเลสาบ แต่เท่าที่ผมเห็นก็เหลือแต่ซากปราสาทที่คลาสสิคๆ ซึ่งมีค่าเข้าชมด้วยครับ
และครั้งนี้ผมก็ไม่ได้มาแค่ที่นี่ที่เดียวครับ เพราะผมได้มีโอกาสไปเที่ยว Isle of Skye ซึ่งเป็นเกาะที่เราสามารถขับรถข้ามไปได้ครับ ในเกาะนี้มีรถเมล์ด้วยครับแต่ผมคิดว่าน่าจะนานๆ มาทีเลยละครับ เพราะที่นีมีคนอาศัยอยู่ไม่มากนัก ยิ่งถ้าริมทะเลแล้วผมรู้สึกว่าน่าจะเป็นพวกบ้านพักตากอากาศของคนรวยๆ ที่มาสร้างไว้ ระหว่างทางที่มาที่นี่สวยมากครับ มีภูเขาล้อมรอบให้ชมกันจนเบื่อเลยครับ ระหว่างเดินทางจะผ่านเมืองๆ หนึ่งชื่อว่า Portee ซึ่งที่เมืองนี้ก็จะมีร้านค้าร้านอาหารแต่ก็ไม่ได้มากมายอะไรนะครับ แต่นอกจากนี้ก็ไม่มีแล้ว 55 ถ้าใครไปเที่ยวผมแนะนำให้จอดกินข้าวที่เมืองนี้ก่อนเลยครับ ระหว่างทางที่ผมมามีฝนตกสลับกับแดดออกเช่นเคยครับ เห็นรุ้งกินน้ำประมาณ 4-5 รอบเลยครับ ต้องขอบอกว่าที่นี่เป็นเมืองที่รวยภูเขาจริงๆ ครับ เพราะมีให้เห็นตลอดทางเลย
ถ้าเราขับรถไปเรื่อยๆ ก็จะไปถึงจุดที่เป็นที่ท่องเที่ยวต่างๆ ที่ต้องให้เราจอดรถและเดินต่อเพื่อที่จะไปชมวิว ซึ่งเราจะเห็นทะเลแอตแลนติคเลยครับซึ่งสวยมากๆ ถ้าใครชอบธรรมชาติไม่ควรพลาดที่นี่เลยครับ เพราะธรรมชาติที่นี่คุ้มค่ากับการมาเยือนมากครับ แต่ก็ต้องเช็คสภาพอากาศกันด้วยนะครับ เพราะอากาศที่นี่ค่อนข้างแปรปรวนครับ อีกอย่างที่ควรทำคือต้องพก GPRS ไปด้วยนะครับ เพราะไปที่นั่นไม่ว่าจะค่ายไหนก็ไม่มีสัญญาณแน่นอนครับ จะทำให้หลงกันได้ง่ายๆ เลย ขนาดผมมีผมยังหลงเลยครับ หวังว่าทุกคนคงจะสนุกกับการอ่านบล็อคนี้ของผมกันนะครับ สุดท้ายขอฝากภาพแผนที่ไว้ให้คนที่สนใจไปกันนะครับจะได้ไม่หลงเหมือนกันกระผม สวัสดีครับ
ติดตามเรื่องราวของน้องอาร์ตได้ในตอนต่อไป >>