Hands On Education Consultants

Leicester in my perspective

วันนี้ไม่มีอะไรมาก แค่อยากจะมาโชว์ของเมืองตัวเองแค่นั้น ;D ตามชื่อเรื่องเลยค่ะ “Leicester in my perspective” ถ้าเป็นเมื่อก่อนคนจะไม่ค่อยรู้จักเมืองนี้ ชอบทำหน้างงใส่ เวลาเราบอกว่าอยู่ Leicester มักจะทำหน้าแบบมีเครื่องหมายคำถาม พร้อมกับถามย้ำว่า เมืองอะไรนะ? อยู่ตรงไหน? แต่ตอนนี้เราว่าหลายๆ คนคงคุ้นหูอยู่บ้างแหละ ก็ทีมฟุตบอลที่เพิ่งจะได้ตำแหน่งแชมป์พรีเมียร์ลีกอังกฤษปีล่าสุดนี่ไงล่ะยูววว Leicester City ทีมจิ้งจอกของเรานี่แหละค่า

 

ก่อนอื่นมาทำความรู้จักเมืองกันซักนิดซักหน่อย “Leicester” อ่านว่า “เลส-เตอร์” ไม่ใช่ เล-เสส-เตอร์ นะยูวว เป็นเมืองไม่เล็กไม่ใหญ่ ตั้งอยู่โซนกลางๆ ของประเทศอังกฤษ จัดอยู่ในเขต East Midlands ซึ่งเดินทางไปต่างเมืองค่อนข้างสะดวกและใช้เวลาไม่นาน (โดยรถไฟนะยูว) อย่างถ้าจะเข้า London เนี่ยก็เดินทางแค่ชั่วโมงหน่อยๆ เอง หรือจะไป Birmingham ก็แค่ 50 นาทีเองยูวว เสร็จจากการ shopping ในเมืองใหญ่ แล้วแวะมาเดินเล่นชิวๆ ที่นี่ก็ไม่แย่นะ ^^ อ่ะๆ อ่านชื่อเมืองกันถูกแล้ว ตำแหน่งเมืองก็รู้แล้ว ที่นี้ ตามมาดูกันว่าเมืองนี้มีอะไรบ้าง …

จริงๆ แล้ว เลสเตอร์เป็นเมืองที่เรียกได้ว่า มีความผสมผสานกันระหว่างความทันสมัยและความเก่าแก่ตามสไตล์อังกฤษ อย่างแรกขอพูดถึง City Centre ศูนย์รวมของทุกอย่างสำหรับเมืองนี้ ทั้งแหล่งช้อปปิ้ง สถานที่ท่องเที่ยว และอะไรต่อมิอะไรอีกมากมาย นึกอะไรไม่ออก ไม่รู้จะไปไหน ก็เข้าเมืองไปเดินเล่น ผ่อนคลายสมอง มองดูผู้คนเดินไปดินมาก็ดี และสิ่งที่บอกได้ว่าเรามาถึงใจกลางเมืองแล้วเลสเตอร์ ก็คือ Clock Tower ซึ่งถือว่าเป็นจุด landmark ที่ตั้งเด่นตระหง่านอยู่ใจกลางเมือง เหมาะสำหรับเป็นจุดนัดพบหรือเป็นจุดสังเกตที่ดี ใครที่หลงทิศก็มาตั้งต้นที่หอนาฬิกานี้แหละ หายห่วง! พูดง่ายๆ ว่า ถ้าเห็นหอนาฬิกาก็เท่ากับว่าถึง City center แล้วค่า  ส่วนในละแวกใกล้เคียง จะเต็มไปด้วยแหล่งช้อปปิ้งทั้งเสื้อผ้า ทั้ง supermarket และร้านอาหารนานาเชื้อชาติ ไม่ว่าเป็นห้าง Highcross ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ใจกลางเมือง แหล่งรวมแฟชั่นแบรนด์เนมมากมาย หรือจะเป็น The lanes แหล่งรวมร้านเก๋ๆ ชิคๆ หลากหลายสไตล์ ก็มีมาให้เลือกสรรเต็มไปหมด หรือถ้าใครอยากจะสัมผัสบรรยากาศแบบตลาดนัด ก็ขอให้ลองแวะเวียนไป Leicester City Market หนึ่งในตลาดที่เก่าแก่ที่สุดของอังกฤษ ที่คุณจะได้พบกับพ่อค้าแม่ค้า มีขายทั้งของคาวของสด ผัก ผลไม้ และของใช้จิปาถะอีกมากมาย

นอกจากแหล่งชอปปิ้งแล้ว ก็ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ มากมาย ไม่ว่าเป็นพิพิธภัณฑ์ สวนสาธารณะ รวมถึงสถาปัตยกรรมต่างๆ ภายในเมือง ทำให้เลสเตอร์เป็นเมืองที่เดินได้รอบๆ อย่างไม่เบื่อกันเลยทีเดียว

ถ้าพูดถึงธรรมชาติแล้ว คงจะต้องพูดถึง New walk ถนนที่สวยที่สุดในเมือง ที่มีไว้สำหรับเป็นทางเดินเท้าและรถจักรยานผ่านได้เท่านั้น โดยมีต้นไม้ใหญ่ขนาบสองข้างทางเป็นแนวยาวตลอดทางเดินไปจนถึงถนนอีกฝั่ง ถ้าเดินมาเรื่อยๆ ระหว่างทางก็จะพบกับ New Walk Museum and Art Gallery พิพิธภัณฑ์สำหรับการจัดแสดงนิทรรศการและงานศิลปะต่างๆ เข้าชมฟรี! ถ้าผ่านมาก็แวะหน่อยไม่เสียหาย (แต่ถ้าใครชื่นชอบประวัติศาสตร์หน่อย ขอให้ไปที่ King Richard III Visitor Centre อยู่ในตัวเมืองเลยยูว เดินจาก Clock Tower แค่ 5 นาทีเอง) ตัดกลับมาที่ New walk ต่อ… เมื่อเดินไปจนสุดถนน ก็จะเจอ Victoria Park สวนสาธารณะที่กว้างสุดใจ เห็นครั้งแรกรู้สึกว่าเดินยังไงก็คงไปไม่ถึงอีกฝั่ง ซึ่งอยู่ติดกับ University of Leicester และเป็นละแวกคนพักอาศัย จึงทำให้ Victoria Park เป็นศูนย์กิจกรรมมากมาย มีทั้งกีฬาหลากหลายรูปแบบและมุมให้นั่งพักผ่อน
หรือถ้าใครชอบดื่มด่ำกับธรรมชาติ  อยากได้ความสงบ ได้เดินกินลมชมวิว ชมนกชมไม้ ดูปลาดูลำธาร ดูกวาง ขอให้ไปที่ Bardgate Park สวนสาธารณะขนาดใหญ่อีกแห่งหนึ่งของเมืองเลสเตอร์ แต่ต้องนั่งรถออกไปจากตัวเมืองประมาณ 20 นาทีนะ แล้วจะได้สัมผัสบรรยากาศแบบเขาใหญ่และเมืองอยุธยาบ้านเราในเวลาเดียวกัน ด้านหน้าของสวนจะมีร้าน café น่ารักๆ อยู่ 2-3 ร้าน ลองไปนั่งจิบชา เปลี่ยนบรรยากาศ อยู่กับธรรมชาติบ้างก็ดีไปอีกแบบ (ปล.ใครที่จะไปขอให้เช็ครอบรถให้ดี เพราะละแวกนั้นสัญญานโทรศัพท์ป่วยมากกก ขึ้น No service กันเลยทีเดียว แต่ก็แนะนำให้ไปลองนะ จะสัมผัสความเงียบสงบ ได้หนีความวุ่นวายในเมืองแค่ไม่นานก็ยังดี)


เมืองทุกเมืองมีเสน่ห์และเอกลักษณ์ที่ต้องมาสัมผัสด้วยตัวเอง แต่ถ้าใครที่มองหาเมืองที่ค่อนข้างสงบ ไม่มีความพลุกพล่าน เลสเตอร์เป็นหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจ และถ้าถามถึงค่าครองชีพที่นี่ เราว่ามันก็สมเหตุสมผลนะ ไม่ได้แพงมาก อย่างแรกเลยเราประหยัดค่าเดินทางในเมืองได้ เพราะสถานที่แทบทุกอย่างที่นี่สามารถเดินถึงกันได้อย่างทั่วถึงและไม่เหนื่อยจนเกินไป ไม่ต้องไปขึ้นบัสให้เปลือง ยกตัวอย่าง จากเมืองไปมหาวิทยาลัยเลสเตอร์ก็เดินประมาณ 15-20 นาที หรือจากสถานีรถไฟเข้าเมืองก็แค่  5-10 นาที ฟังดูอาจจะแบบ โหยยตั้ง 10/20 นาที แต่มันไม่ได้ไกลอย่างที่คิด เพราะถ้าไปอยู่จริงๆ จะเข้าใจว่าวิถีอังกฤษส่วนใหญ่มักจะต้องเดินเป็นหลักอยู่แล้ว บวกกับสภาพอากาศและบรรยากาศรอบข้างมันไม่ร้อนเหมือนบ้านเรา เดินได้เรื่อยๆ มองข้างทาง แวะถ่ายรูปมุมนั้นมุมนี้ เป็นการเที่ยวที่สนุกไปอีกแบบ … เมืองน่ารัก คนอยู่ก็น่ารัก แล้วคุณจะรักเมืองนี้แบบไม่รู้ตัว  ^___^

 

สนใจเรียนต่อ University of Leicester ลงทะเบียนเพื่อรับข้อมูลเรียนต่อและคำปรึกษาจากพี่ๆ Hands On ตัวแทนมหาวิทยาลัยอย่างเป็นทางการประจำประเทศไทย ฟรี คลิก