Hands On Education Consultants

รีวิว Marketing and Consumer Psychology ที่ University of Sussex

“คอร์สนี้จะแบ่งเป็น 2 ฝั่ง ถ้าเป็น Business ก็จะเรียนพวก Marketing เช่น พื้นฐานทั่วไป จนมาถึง Psychology ก็จะเรียนพวก Cognitive psychology นอกจากนี้ก็จะมีพวกจิตวิทยาของผู้บริโภค ซึ่งต่างจากที่เราเคยเรียนมานะ คือจะเป็น Psychology เพียวๆ อันนี้ถ้าถามว่ายากมั้ยคือยากนะ (หัวเราะ) แต่สนุกมากกกก  เรียนแล้วสนุก alert ตลอด เค้าจะปูพื้นฐานให้ตั้งแต่จิตวิทยาคืออะไร กระบวนการความคิดเป็นยังไง สมอง การมองเห็น การได้ยิน อะไรแบบนี้มันรวมหมดเลย คือสนุกมากๆ ” – นน, University of Sussex

แนะนำตัวหน่อยค่ะ

สวัสดีครับ ชื่อนนครับ เรียน Marketing and Consumer Psychology ก็จะเป็นสาขาที่ไม่ค่อยเหมือนใครหน่อย ตรงที่เป็นการตลาดแต่เอาจิตวิทยาเข้ามาผสมด้วย มันก็ค่อนข้างที่จะหาเรียนยาก ก็จะโดดเด่นที่นี่

ทำไมถึงอยากเรียนคอร์สนี้

ตอน ป.ตรี เรียน Marketing มา แล้วก็รู้สึกว่าอยากเรียนอะไรที่ต่อยอด ซึ่งคอร์สโดยทั่วไปของปริญญาโทด้าน Marketing ก็จะเป็นพวก International Marketing หรือว่าเป็น Marketing เพียวๆ ซึ่งเรารู้สึกว่ามันคลุมเครือมันอยู่ใน area เดิมๆ ที่เคยเรียนมาอะไรอย่างนี้ มันก็อาจมีใหม่บ้าง แต่ความรู้สึกคืออยากได้อะไรที่ใหม่ขึ้นไปอีก มันก็เลยมาตอบโจทย์สาขาที่เลือกเรียนเพราะมันมีจิตวิทยาเข้ามาด้วย ก็เลยรู้สึกว่ามันน่าสนใจนะ แล้วก็ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยว่ามันมีสอนรวมกันแบบนี้ด้วย

เจอคอร์สนี้ได้ยังไง

Hands On แนะนำ พี่หลินแนะนำมาครับ (ยิ้ม)

สนใจเรียนต่อ University of Sussex ลงทะเบียนเพื่อรับข้อมูลเรียนต่อและคำปรึกษาฟรี คลิก

การเตรียมตัวเรียนต่อ

ตอนแรกอยากเรียนโทใช่มั้ย ความจริงคือเราก็ไปสมัครไว้กับอีกเอเจนซีนึง ซึ่งพอไปอยู่กับเค้ามาแล้ว feel มันไม่ได้เหมือนกันเนอะ คล้ายๆ แบบเค้าไม่ค่อยสนใจ หยิ่งๆ หน่อยด้วยซ้ำ ออกจะแบบน้องคะแนนเท่านี้ น้องจะไปเรียนโน่นนี่นั่นได้ยังไง แล้วก็ตัดบทแบบไม่ค่อยอยากแนะนำอะไรเท่าไหร่ แต่มีวันนึงเราเห็นโฆษณา Hands On เนี่ยแหล่ะ เค้ามีเจ้าหน้าที่จากมหาวิทยาลัยต่างๆ มารวมกัน แบบมาคุยได้นะคะ เราก็แบบลองไปนั่งคุยดูว่ามหาวิทยาลัยต่างๆ เค้าเป็นยังไงกัน แล้วก็ได้เจอพี่หลินซึ่งพี่เค้าจบจาก University of Leeds ซึ่งตอนแรกก็เล็ง Leeds กับ Reading ไว้ พี่หลินเค้าก็ดูว่าเราอยากเรียนอะไร แล้วก็ลิสต์ชื่อคอร์สกับชื่อมหาวิทยาลัยมาให้ แล้วเค้าก็มีพูดชื่อ University of Sussex กับคอร์สนี้ขึ้นมา แล้วตอนนั้นก็สะกิดใจเรา ก็เลยมานั่งค้นหาข้อมูลเพิ่มแล้วก็เลยรู้สึกว่ามาเรียนคอร์สนี้ดีกว่า

การบริการจาก Hands On

พี่หลินก็เทคแคร์ดี คุยดี เค้าก็บอก step 1, 2, 3 ,4 แล้วเราก็ทำตาม ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร ก็ราบรื่นดีครับ เอาจริงๆ ผมแนะนำ Hands On กับคนอื่นตลอดเลยนะ เพราะเหมือนที่นี่เวลาคุยกันมันให้ความรู้สึกเหมือนเป็นเพื่อน เป็นพี่ เป็นน้องคุยกัน แต่กับที่อื่นอาจจะดูเชิงธุรกิจเกินไปบ้างอะไรแบบนี้ แต่กับพี่หลินคือตอนแรกเค้าจะช่วยใช่มั้ยครับ แล้วพอเราถามคำถามไปเค้าก็ตอบไวนะ แล้วก็มีการแนะนำโน่นนี่นั่น เราก็เลยรู้สึกว่า เออ โอเค ไปกับ Hands On เนี่ยแหล่ะ

Pre-sessional Course

จริงๆ ตัวเราคะแนนติดข้อเขียนอยู่นิดนึง ถ้าสอบอีกทีก็น่าจะได้แหล่ะ แต่ทีนี้เราก็ไม่เอา อยากลองมาเรียนแล้วก็ได้บอกพี่หลินไว้แล้วว่าอยากเรียนสัก 5 สัปดาห์ คืออยากเรียนอยู่แล้ว แล้วอยากปรับตัวด้วย เอาจริงๆ ตอนนั้นก็อายุ 27 แล้วมันเหมือนห่างหายการเรียนมานาน รู้สึกว่าพวกการเขียนอะไรแบบนี้มันไม่ค่อยได้ฝึกฝน ก็เลยรู้สึกว่าเรียนสักหน่อยก็น่าจะดีนะ อย่างน้อยก็ได้ปรับตัวด้วย แล้วก็จริงนะพอเรียนก็รู้สึกว่าโชคดีที่ได้เรียน

เพื่อนๆ ในห้องก็น่ารักนะ ส่วนใหญ่ก็มีสนิทกันบ้างเพราะว่าที่นี่เค้าจะจับให้ว่าใครเรียนคณะเดียวกันก็ไปอยู่ห้องเดียวกัน มันก็จะทำให้เรารู้จักเพื่อนในคณะเราก่อนหน้านั้นแล้วประมาณ 1 เดือน ของคณะผมเอาจริงๆ คนเอเชียเรียนไม่ค่อยเยอะ ที่เรียนพรีมีแค่ 3 คน มีไทย 1 จีน 2 คน ถ้าห้องเรียนจริงก็จะเป็นยุโรปเกือบหมดเลย

Marketing and Consumer Psychology

ของผมมันจะแบ่งเป็น 2 ฝั่ง ถ้าเป็น Department of Business ก็จะเรียนพวก Marketing เช่น พื้นฐานทั่วไป จนมาถึง Psychology ก็จะเรียนพวก Cognitive psychology นอกจากนี้ก็จะมีพวกจิตวิทยาของผู้บริโภค ซึ่งต่างจากที่เราเคยเรียนมานะ เพราะมันจะมี part ที่ไม่ใช่ Marketing เลย คือจะเป็น Psychology เพียวๆ อันนี้ถ้าถามว่ายากมั้ยคือยากนะ แต่สนุกมากกกก (หัวเราะ) เรียนแล้วสนุก alert ตลอด เค้าจะปูพื้นฐานให้ตั้งแต่จิตวิทยาคืออะไร กระบวนการความคิดเป็นยังไง สมอง การมองเห็น การได้ยิน อะไรแบบนี้มันรวมหมดเลย ก็ทำให้พื้นฐานด้านนี้เราดีขึ้น

แล้วเทอมที่ 2 เค้าก็จะมาประยุกต์กับพวก Consumer psychology เหมือนกับว่าเอาทั้งจิตวิทยาและการตลาดมาผสมกัน เช่น ถ้าผู้บริโภคทำแบบนี้ เราจะใช้จิตวิทยายังไงในการตอบสนองความต้องการของเค้า เป็นต้น เรียนไปถึงการเอา AR มาช่วยนะ เพื่อให้ผู้บริโภคให้สินค้าได้ชัดขึ้นจากการซื้อของออนไลน์ ก็มีการประยุกต์ไปมาครับ

กิจกรรมในห้องเป็นยังไงบ้าง

ถ้าเป็นคลาส Marketing ส่วนใหญ่ก็จะมีจับกลุ่มบ้าง พรีเซนต์บ้าง แต่ถ้าเป็นส่วนของ Psychology จะเป็นการเอา paper มา discuss กันซะส่วนใหญ่ เช่น อาจจะเป็นวันนี้แบ่งเป็น 5 กลุ่มนะ แล้วก็เอา paper ไป แล้วคาบหน้าก็มา discuss กันว่าอ่านอะไรมา เข้าใจว่าอย่างไร ข้อดีข้อเสียคืออะไร ก็เอามาแชร์กันในห้อง คณะผมคนเอเชียมาเรียนน้อย อาจจะเพราะเป็นเกี่ยวกับจิตวิทยาด้วยมั้ง ซึ่งอาจจะไม่นิยมมากสำหรับคนเอเชีย ก็รู้สึกว่าห้องเรียนเรา worldwide ดีเนอะ สำเนียงสู้มาก มีความ adapt ไปร้อยแปดพันเสียง ก็สนุกสนานดี

อาจารย์ก็มีหลายประเภทนะ บางคนก็จะสอนๆๆๆ ดุบ้างบางคนนะแต่น้อย ส่วนใหญ่จะใจดีแล้วค่อนข้างจะเป็นกันเอง ด้วยความที่คลาสผม อาจารย์ก็มาจากทุกชาติเหมือนกัน UK ส่วนนึง Europe ส่วนนึง Asian 1 คน แล้วมันก็จะมีอาจารย์คนนึงที่เค้าเป็นคนเขียนวิจัยเกี่ยวกับพวกจิตวิทยา ซึ่งเค้าเขียนไปเยอะมาก ที่เรียนไปหลายตัวก็มีอ้างอิงเค้าหมดเลย จนมาเทอมที่ 2 ก็ได้เรียนกับเค้า เลยเพิ่งรู้ว่าคุณคือคนนี้หรือที่เรานั่งอ่าน paper คุณมาโดยตลอด ก็รู้สึกว่าบุคลากรที่นี่เค้าก็คัดมาดีในระดับนึง Ranking ที่นี่ก็ดีนะ

สนใจเรียนต่อ University of Sussex ลงทะเบียนเพื่อรับข้อมูลเรียนต่อและคำปรึกษาฟรี คลิก

คิดว่าการที่เราทำงานมาแล้ว มันช่วย support เราตอนเรียนมั้ย

ช่วยมาก อย่างเช่นมันจะมีทฤษฎีนึงที่เค้าพูดว่า การจะทำให้ธุรกิจเราประสบความสำเร็จ มันต้องดูด้วยว่าพนักงานของเราเป็นยังไง เค้าแฮปปี้กับบริษัทมั้ย เค้าแฮปปี้กับงานมั้ย เพราะถ้าพวกเค้าแฮปปี้ ความสำเร็จของบริษัทก็สำเร็จไปแล้วส่วนนึงด้วยซ้ำ เราก็เลยนึกย้อนกลับไปว่าตอนอยู่บริษัทเก่าเราเป็นยังไง แล้วเวลาอาจารย์พูดทฤษฎีอะไรขึ้นมา มัน apply กับประสบการณ์เราได้เยอะ แบบ อ๋อมันมี incentive นะ มีสวัสดิการต่างๆ มา support นะ ก็ทำให้เรารู้สึกว่าตัวนี้แหล่ะมั้งที่ทำให้เราแฮปปี้กับบริษัท เราก็เลยแฮปปี้ในการทำงาน ซึ่งพอมาเรียนจุดนี้ก็เหมือนได้อีกมุมมองนึงที่ไม่ใช่แค่นักเรียน แต่เป็นคนที่ทำงานมาก่อนมันก็เลยจะประยุกต์ใช้ได้อีกหลายทฤษฎีครับ

 

University of Sussex

มหาวิทยาลัยปีที่ผมมา Marketing ก็น่าจะอยู่ Top 10 ส่วนด้าน Psychology ก็อยู่อันดับ 7 ที่นี่เค้าก็เด่นนะ เรียนก็สนุกมาก คอร์สผมก็เหมือนเป็นคอร์สใหม่ด้วยนะ ผมเป็นรุ่นที่ 2 คอร์สมันก็มีการปรับเปลี่ยนให้เข้ากับผู้เรียนมากขึ้น ผมว่าปีต่อไปคอร์สน่าจะลงตัวมากขึ้นด้วยซ้ำ

บรรยากาศในมหาวิทยาลัย

มหาวิทยาลัยมีความตะมุตะมิน่ารัก มีความสงบ มหาวิทยาลัยค่อนข้างเอื้ออำนวยกับการเรียนการสอนต่างๆ อย่างห้องสมุดก็ครบครันนะ คาเฟ่มีทุกตึกเลย ห้องน้ำหาง่ายและสะอาด มหาวิทยาลัยก็สะอาด อาหารก็ถูก

เอาจริงๆ ตอนแรกดูรูปที่โฆษณาของเค้ามันเป็นรูป Pier ซึ่งมันเป็นสถานที่ท่องเที่ยว! เราก็แบบ Pier มันอยู่ริมหาดไม่ใช่หรอ แต่มหาวิทยาลัยเรามันอยู่บนเขา เอ๊ะยังไง ก็เหมือนเค้าโฆษณาเมืองนั่นแหล่ะ แล้วพอมาถึงก็แบบ อ๋อ ตึกนี้ไงคุ้นๆ เนอะ มหาวิทยาลัยก็เดินไม่ยาก ทำความรู้จักกับมหาวิทยาลัยแค่เดินสัก 2-3 รอบก็รู้แล้วว่าอะไรอยู่ตรงไหน

Facilities อื่นๆ เป็นยังไงบ้าง

ถ้าถามเรื่อง Gym ผมคงไม่เหมาะ (หัวเราะ) แต่ถ้าอย่างที่นี่ก็มีรถบัสมาง่าย วิ่งตลอด 24 ชม.

Staff เค้าดูแลเราดีมั้ยตอนช่วงแรกๆ ที่เรามา

ดีมากกกก อันนี้ก็คืออีกหนึ่งความประทับใจนะ คือผมเรียน Pre-sessional มาแล้ว 5 weeks ใช่มั้ย ก็คือรู้แล้วว่าอะไรอยู่ตรงไหน แล้วมันมีวันนึงที่เค้า welcome นักเรียน แล้วเค้าก็เอา staff เป็นพวกเด็กๆ นักเรียนเนี่ยแหล่ะ มาเป็น volunteer ช่วยงาน แล้วเราก็ไปถามเค้าว่า เธอๆ เราจะไปห้องนี้อ่ะไปยังไง แล้วเค้าก็ตอบมาว่า มาๆๆ เดี๋ยวฉันพาไป ซึ่งเราก็รู้สึกว่า staff ที่นี่ใจดีนะ ค่อนข้างเป็นกันเอง

นอกจากนี้ทางมหาวิทยาลัยเค้าก็มีโปรแกรมที่ช่วยเหลือเด็กนักเรียนต่างชาติ เพราะการที่มาเรียนก็อาจจะมีเพื่อนน้อย เค้าก็มีโครงการต่างๆ ไว้รองรับ เช่น โครงการ Buddy scheme ที่เค้าจะมี volunteer มาแล้วให้เพื่อนคนนี้ช่วยเรา แบบมีคำถามอะไรก็ถามเค้าได้นะ ไม่ว่าจะเป็นที่กิน ที่อยู่ ที่เที่ยว ที่เรียน ผมก็ได้ volunteer เป็นเด็กนักเรียนปริญญาตรีปี 3 ก็เหมือนได้เพื่อนเพิ่ม ได้มาคุยกันก็สนุกดี ซึ่งโครงการนี้ก็ไม่ใช่ช่วยแค่เด็กต่างชาติอย่างเดียวนะ อย่างเด็กที่มาจากต่างเมืองเค้าก็มีช่วย แล้วโครงการนี้เค้าก็จะมีกิจกรรมให้ทำด้วยนะ เช่น ไปเล่นกีฬาต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเทนนิส โยคะ แบดมินตัน เป็นต้น คือถ้ามาแรกๆ แล้วคิดว่าจะไม่มีอะไรทำ ให้เข้าโครงการนี้เลย รับรองว่ามีกิจกรรมให้ทำแน่น ไม่ว่างเลย

สนใจเรียนต่อ University of Sussex ลงทะเบียนเพื่อรับข้อมูลเรียนต่อและคำปรึกษาฟรี คลิก

 

เมือง Brighton

เอาจริงๆ ชอบมาก เพราะรู้สึกว่า facilities ของเมืองเราอ่ะครบ ห้างก็มี ซุปเปอร์มาเก็ตก็มี ร้านอาหารต่างๆ ก็มีหมดเลย แล้วที่นี่เป็นเมืองติดทะเล Fish & Chips หรือพวก Sea food ก็ค่อนข้างจะเยอะ นอกจากนี้เมืองเราก็จะมีงาน Pride ซึ่งค่อนข้างเป็นงานใหญ่ของเมือง Brighton มีพาเหรดต่างๆ ใส่เสื้อผ้าสีสันไปเดินชนกับฝรั่ง เราไป ไปหมดเลยเนี่ยกับเพื่อนๆ ไปดู แต่แต่งตัวเหมือนไปเดิน (หัวเราะ) สนุกมาก ทั้งเมืองคือสนุกกันหมดเลย

แล้วที่นี่มันติดทะเล พอ summer ก็แก้ผ้ากันหมดเลยจ้า แบบถอดเสื้อ อาบแดดต่างๆ ก็จะมีความชิล ซึ่งรู้สึกว่าเมืองเราค่อนข้างชิลในระดับนึง ปัญหาอย่างเดียวของเมืองคือนก เคยโดนกับตัวด้วยนะแบบซื้อแซนวิชจากสถานีรถไฟ ห่ออย่างดี เดินๆๆ ถือมาเรื่อยๆ อยู่ดีๆ นกบินมาโฉบเอาไปเลย แล้วตอนนี้ก็โกรธมากก็เลยต้องไปซื้อใหม่แล้วนั่งกินในร้านแทน ฉันจะไม่ถือออกไปให้พวกแกมาโฉบฉัน (ตาลุก!)

นักเรียนไทยที่นี่เยอะมั้ยคะ

เยอะอยู่นะ ป.โทก็น่าจะ 50-60 คนได้มั้ง ก็รู้จักกันหมดนะ แบบเจอกันไปเจอกันมา อ้าว คนไทยหนิครับ สวัสดีครับ อะไรแบบนี้ ก็จะมีกรุ๊ปไลน์ซึ่งที่ทาง Hands On ก็มีกรุ๊ปให้อยู่แล้วก็ได้รู้จักเพื่อนก่อนมาที่นี่ด้วย

ไปเที่ยวไหนมาแล้วมั่งตั้งแต่มาเรียน

เสียตังกับการไปเที่ยวเยอะมาก มาปุ๊ปก็ไปสก็อตแลนด์ก่อน แล้วก็ไปฝรั่งเศส, เดนมาร์ก, ไอซ์แลนด์, เบลเยียม, ลักเซมเบิร์ก, อิตาลี, เยอรมัน สนุกมากเลย เที่ยวเก่ง เรียนโทมันไม่ได้เรียนทุกวันก็จัดทริปได้ เคยไปทริปแล้วปริ้นท์ paper ไปอ่านด้วยก็มี

มีอะไรแนะนำน้องๆ ที่สนใจมาเรียนต่อมั้ย

ถ้าให้พูดตรงๆ คือค่าเงินมันตกแล้วต้องรีบ (หัวเราะ) รุ่นผม 43 บาทว่าถูกแล้ว ตอนนี้ 37 บาท น้ำตาไหล คนที่ร้องไห้คือฉัน!! ฉันจะแลกเงินกลับคืนอย่างไร หรือฉันต้องใช้ให้หมด งงมาก (หัวเราะ)  ถ้าให้แนะนำอย่างอื่นก็คือเรื่องการจัดเวลา เพราะตอนเรียนเค้าก็จะมี goal มาให้ แล้วเราก็ต้องไปจัดสรรเวลาทำเอง ก็ต้องมีความรับผิดชอบว่าเราจะทำยังไงให้เราไปถึง goal ตรงนั้น

 

สนใจเรียนต่อ University of Sussex ลงทะเบียนเพื่อรับข้อมูลเรียนต่อและคำปรึกษาจากพี่ๆ Hands On ตัวแทนมหาวิทยาลัยอย่างเป็นทางการประจำประเทศไทย ฟรี คลิก