แนะนำตัวให้เรารู้จักหน่อยค่ะ

ชื่อเนยนะคะ เนยเรียน MSc Marketing ที่ Lancaster University

ทำไมถึงเลือกเรียนต่อคอร์สนี้

ก่อนหน้านี้เนยทำงานประจำอยู่ที่ธนาคารแห่งหนึ่ง วันนึงเราได้มีโอกาสได้เปลี่ยนสายงาน จากด้าน Finance มาทำงานสาย Marketing ทำให้เรารู้สึกว่าเราอยากจะเรียนรู้ด้านนี้เพิ่มเติม อยากเข้าใจหลักการการคิดของคนสายงานการตลาดมากขึ้น เพราะเรารู้สึกชอบงานสายนี้มากๆ แต่ส่วนตัวเราจบป.ตรี Finance มา เราเลยคิดว่าถ้าได้เรียนป.โท ด้าน Marketing น่าจะสามารถต่อยอดตัวเองและงานที่เราชอบในอนาคตได้ค่ะ

ทำไมถึงเลือกเรียนต่อที่ Lancaster University

จริงๆ ตอนนั้น เนยยื่นใบสมัครไปน้อยมากเลยค่ะแค่ 3 ที่เอง ซึ่ง Lancaster ก็เป็นหนึ่งในตัวเลือกตอนนั้นค่ะ

เหตุผลที่เนยเลือก Lancaster เพราะที่นี่เป็นมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียง มีมาตรฐานที่ดีและ ranking ทั้งตัวมหาวิทยาลัย และคอร์สเรียนของ Management School เช่น Marketing และ Finance ก็ติดอันดับ TOP10 ของมหาวิทยาลัยในอังกฤษด้วย พอเราได้ offer จากที่มหาวิทยาลัยมา ก็เลยตัดสินใจเอาที่นี่เลยค่ะ

เตรียมตัวหาข้อมูลเรียนต่อ

ตอนนั้นพอตัดสินใจว่าจะเรียนต่อก็เริ่มหาข้อมูลเรื่องการเรียนต่อเลยค่ะ ตอนหาได้มาเจอ Hands On จากการรีวิวของคนที่เคยไปเรียนอังกฤษมา เวลาเสิร์ชว่า “ศึกษาต่อประเทศอังกฤษ” ก็จะเจอที่นี่เป็นที่แรกๆเลย โดยส่วนตัวแล้วเนยจะชอบเข้าไปอ่านรีวิวของคนอื่นเยอะๆ ค่ะ แบบเก็บข้อมูลไว้ก่อน อีกอย่างคือชอบไปงานนิทรรศการเรียนต่อที่ Hands On จัดตามโรงแรม หรือพารากอนค่ะ ก็คือไปตั้งแต่เริ่มคิดว่าตัวเองจะไปเรียนไปหาข้อมูล ไปดูเอาไว้ก่อน 2-3 ปีเลยค่ะ

พอเราจะไปเรียนจริงๆ ก็เลยตัดสินใจไปกับพี่ๆ Hands On ค่ะ เพราะก็คิดว่าเรามั่นใจกับที่นี่ว่าไปแล้วจะโอเค

บริการจากพี่ๆ Hands On

เนยอยู่กับพี่ปุ้ยที่สาขาชิดลมค่ะ คือพี่ปุ้ยดูแลเนยดีมาก คือตัวเนยเองก็ขอคำปรึกษาเยอะมากเลยค่ะ “พี่ปุ้ย เนยจะไปเรียนที่ไหนดี” คือตัวเนยเองมีการลังเลอยู่หลายตลบเลยค่ะ ในช่วงสุดท้ายยังมีขอให้พี่ปุ้ยสมัครเพิ่มที่มหาวิทยาลัยอื่นๆ อยู่เลย พี่ปุ้ยก็น่ารักมาก ดูแลเนยดีมากจริงๆ

เริ่มตั้งแต่เลือกคอร์สเรียน มีถามว่า “น้องเนยสนใจอันไหน อยากเรียนอะไร” รวมถึงหาพี่ๆ น้องๆ ที่พี่ปุ้ยรู้จักที่จบคอร์สที่เราสนใจมาให้เรา ลองไปคุยกับพี่คนนั้นดู เผื่อว่าเราจะได้ข้อมูลอะไรเพิ่มเติมนอกเหนือจากที่เราศึกษามาเอง อยากถามอะไรก็จะได้ถามโดยตรง จะได้ตัดสินใจถูกด้วย ประมาณนี้ค่ะ

แล้วก็มีดูเรื่องที่พักให้ด้วยค่ะ คือดูแลทุกอย่างจริงๆ ตอนนั้นยังแซวพี่ปุ้ยอยู่เลยว่า “ถ้าพี่ปุ้ยส่งเนยไปเรียนได้ ก็คือหมดห่วงแล้วแหละ” (ยิ้ม) คือตอนนั้นเนยมีปัญหาเรื่องสุขภาพด้วยค่ะ เข้าออก รพ. ตลอดเลย พี่ปุ้ยก็รู้หมด และช่วยจัดการปัญหาต่างๆ อย่างพวกเอกสาร รายละเอียดต่างๆ คือดูแลให้เนยหมด ใจดีกับเนยมากจริงๆ ค่ะ รู้สึกขอบคุณพี่ปุ้ยมากๆ เผื่อพี่ปุ้ยได้มาอ่านนะคะ

สนใจเรียนต่อ Lancaster University ปรึกษาพี่ๆ Hands On ฟรี คลิก

รีวิว Lancaster University

ก่อนมาถึงที่มหาวิทยาลัยก็หารีวิวอ่านเยอะมากค่ะ แต่ว่ามีข้อมูลน้อย แบบไม่มีใครรีวิวมหาวิทยาลัย Lancaster แบบเต็มๆ เลย เราเห็นแค่รูปจากวิดิโอมหาวิทยาลัยเร็วๆ เท่านั้น ว่าโอเคมหาวิทยาลัยจะหน้าตาประมาณนี้นะ

แต่พอมาถึงมหาวิทยาลัยจริงๆ รู้สึกประทับใจมาก คือไม่เหมือนที่เราจินตนาการเลย มหาวิทยาลัยอยู่ในเมือง Lancaster นะคะ ถ้าจะพูดก็คือจริงๆ พื้นที่เมืองเราเยอะ แต่ City Centre จะเล็กๆ ส่วนมากจะเป็นธรรมชาติ มีวัวเยอะมากๆ และตัวมหาวิทยาลัยจะอยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณ 40 นาที เราจะชอบพูดเล่นกันว่า “มหาลัยนี้คือมาเรียนจริงๆ เท่านั้น” คือไม่ได้มีสิ่งเร้ามารบกวนเลยน่ะค่ะ มีบัสเข้าออกได้ตลอดทั้งวัน ตัวของมหาวิทยาลัยคือใหญ่มากๆ มีทุกอย่างให้ครบ Sport Centre ร้านอาหาร และ Supermarket ขนาดเล็ก รวมถึงห้องสมุดขนาดใหญ่ บางช่วงก็จะมีตลาดนัดขายของด้วย ถ้าน้องๆ ได้ไปเรียนปีหน้ากัน คิดว่าจะได้เจอตึกใหม่ๆ หลายตึกเลย ในส่วนของห้องพักสะอาดมากๆ ไม่คับแคบเลย  เพื่อนๆ นักเรียนที่เป็นคนไทยด้วยกัน ตอนนั้นเด็กที่ไปกับ Hands On เต็มเลยค่ะ มีถามกันว่ามาจากเอเจนซี่ไหนกันบ้าง คือมาจาก Hands On ประมาณ 20 คนได้

ถ้าพูดถึงสิ่งแรกที่ทำ พอไปถึง Lancaster คือ เก็บกระเป๋าเข้าหอพัก และเข้าเมืองต่อเลยค่ะ ทุกคนจะต้องเข้าไปซื้อของใช้จำเป็น เช่น หมอน ผ้าห่ม ของกิน และของใช้ต่างๆ ตัวเมืองอย่างที่บอกไปคือ เป็นเมืองเล็กๆ น่ารักๆ แต่เมืองเราจะไม่หวือหวาขนาดนั้น เดิน 20 นาทีก็คือครบแล้วตรงใจกลางเมือง แต่มีทุกอย่างเลยค่ะ มีร้าน Boots มี Supermarket ใหญ่ๆ หลายที่ให้เลือกซื้อ ร้านขายของเอเชีย ร้านอาหารไทย ร้านชานมก็มีนะคะ  คือผิดไปจากที่เราคิดมากๆ นะ ไม่ต้องหอบอะไรจากไทยมาก็ได้ค่ะ อาจจะเอาแค่ยาจำเป็นมา ส่วนเนยคือหอบทุกอย่างมา รู้สึกขำตัวเองเลยว่ากังวลมากไปจริงๆ ^^

รีวิวคอร์ส Pre-sessional Class (10 weeks)

เนยเข้าเรียน Pre-sessional Class แบบ 10 สัปดาห์ด้วยค่ะ โดยที่นี่เราจะแบ่งห้องออกเป็นห้องย่อยๆ เยอะมาก คิดว่าทางมหาวิทยาลัยพยายามกระจายเด็กแต่ละประเทศออกจากกัน แต่คนส่วนใหญ่ในห้องก็จะเรียนป.โท สาขาใกล้กันหมดค่ะ ตอนเรียนรู้สึกว่าดีมากๆ อาจารย์สอนดีมาก เราได้พัฒนาภาษาอังกฤษมากขึ้นในช่วงที่ได้เรียน เพราะเราจะได้ทำแบบฝึกเยอะมากๆ มีการบ้านทุกวัน มีสอบวัดผลด้วยนะ กลัวไม่ผ่านมากๆ เลยช่วงนั้น (หัวเราะ)

นอกจากนั้นยังได้รู้จักเพื่อนใหม่ อย่างเพื่อนชาวจีน ไต้หวัน ญี่ปุ่น แต่ส่วนใหญ่ก็จีนแหละ ได้ทำงานกลุ่ม ส่วนใหญ่คนไทยจะถูกแยกออก แต่เราก็ไม่มีปัญหานะ เพื่อนๆ น่ารัก เค้าก็จะพูดภาษาอังกฤษงูๆ ปลาๆ พอๆ กับเราเลย ทำให้สบายใจ เข้าใจกันมากๆ พยายามสื่อสารกัน เวลาเพื่อนคุยจีนเราก็จะบอกว่าคุยอังกฤษสิ เราอยากรู้ด้วยนะ (หัวเราะ)  ได้เรียนรู้วัฒนธรรมของคนที่นี่ อาจารย์จะชอบเล่าเรื่องต่างๆ ให้เราฟังเสมอเลยค่ะ ทำให้เราเข้าใจวัฒนธรรมของเค้ามากขึ้น การเกิด culture shock ก็น้อยลงไปด้วย

ข้อดีอีกอย่างคือ เพื่อนในคลาสจะเป็นเพื่อนในห้องเรียนป.โท เราด้วย ทำให้สนิทกันก่อนเริ่มเรียน เวลาจับกลุ่มตอนเรียนก็ง่ายขึ้น เพราะเรารู้แล้วว่าใครทำงานเป็นยังไงตอนเรียนพรี นอกจากนั้นตลอดระยะเวลาที่เรียน Pre-sessional class ทางมหาวิทยาลัยจะจัดทริปให้เราสามารถเข้าร่วมได้ อย่างเนยก็ได้ไปเที่ยวเมือง York กลับมาก็เอารูปมาอวดกันกับเพื่อนๆ ในคลาส แฮปปี้มากๆ อยากให้ทุกคนลงเรียนกันนะคะ ไม่เสียเวลาเปล่าแน่นอน

รีวิวคอร์ส Marketing

คอร์ส Marketing ที่นี่จะสอนตั้งแต่พื้นฐานของสาขาการตลาดเลย การเข้าใจตลาด เข้าใจกลุ่มลูกค้า หลักการทำงานของนักการตลาดในสาขาต่างๆ การทำการตลาดในประเทศต่างๆ Digital Marketing ก็มีสอน หรือจะเป็นวิชาที่เน้นปฏิบัติเยอะๆ ก็มีค่ะ แบบไปเป็นที่ปรึกษาให้หน่วยงานในพื้นที่ การบริหาร Portfolio ก็มีเช่นกัน เนื้อหาที่เรียนมีทั้งศาสตร์และศิลป์เลย คนที่ไม่มีพื้นฐานด้านบริหารหรือการตลาดก็เรียนได้สบายๆ ค่ะ

คือต้องบอกว่าจากที่เราทำงานด้านการตลาดมาก่อนหนึ่งปีใช่ไหมคะ มาเรียนที่นี่ก็คือได้ทั้งความรู้ใหม่และเอาความรู้ประสบการณ์เก่าของเรามาปรับใช้กับสิ่งที่เรียน คือคลาสนี้ถ้าทุกคนตั้งใจเรียนก็จะเรียนได้ดีแน่ๆ ค่ะ อาจารย์ที่นี่ก็น่ารักมากๆ ค่ะ อย่าง director ของคอร์สนี้ ซึ่งเป็นอาจารย์สอนเราในชั้นเรียนด้วย เป็นอาจารย์วัยรุ่นๆ หน่อยค่ะ อายุยังไม่เยอะเลย เค้าก็จะมีจัดกิจกรรมให้เราทำ มีปาร์ตี้อะไรแบบนี้ตลอดค่ะ ในคลาสเรียนก็สนุกมาก อาจารย์คนอื่นๆ ก็ดีมากค่ะ คือเหมือนเค้าเตรียมตัวมาสอนเราอย่างดี เวลาสอนก็พยายามอธิบายให้เราเข้าใจจริงๆ

อย่างตอนนี้เนยเรียนจบกลับมาทำงานแล้วเนอะ เราก็มองว่าสิ่งที่เราได้จากคอร์สนี้ก็คือได้ใช้จริงๆ ได้เปิดมุมมองใหม่ๆ อย่างเช่นการที่เราจะเริ่มทำการตลาดอะไรสักอย่างมันต้องเริ่มยังไง ก็ได้ความรู้จากคอร์สนี้เอามาปรับใช้ในงานปัจจุบันค่ะ

วิชาที่ชอบเป็นพิเศษก็จะชอบวิชา Customer Behaviour เพราะว่าเป็นวิชาที่เราทำได้ดี แล้วก็อาจารย์ก็สอนสนุกด้วย อาจารย์เอาใจใส่เด็กดีมากค่ะ คือเราชอบวิชานี้โดยภาพรวมเลยค่ะ ทั้งเนื้อหา อาจารย์ วิธีการสอน และมันก็เอามา apply กับชีวิตจริงเราได้

บรรยากาศในห้องเรียน

บรรยากาศในห้องเรียนคือดีมากค่ะ เพื่อนตลก มีน้ำใจต่อกัน ใจดีมากๆ มาจากหลากหลายประเทศ และอายุก็ต่างกันไปค่ะ ยิ่งคอร์สเรา คือ Marketing มันเป็นวิชาที่ใครๆ ก็เรียนได้อะเนอะ ส่วนใหญ่ก็จะเป็นเด็กที่พึ่งจบป.ตรี แล้วมาต่อโทเลย อายุ 22 กันเยอะมากๆ ทั้งคอร์สมีประมาณ 90 คน เป็นเพื่อนคนจีนเกือบ 80% ของคลาสเลย และเพื่อนไต้หวัน มีเพื่อนที่เป็นคนอังกฤษ ยุโรป และอเมริกา รวมประมาณ 10 คน คนไทย 6 คนในห้องค่ะ แต่ก็ดีค่ะได้เพื่อนใหม่ สนุกดีเพราะเค้าก็นิสัยน่ารักกัน (ยิ้ม)

เนยถือว่าเป็นคนนึงที่โชคดีเลยค่ะ เหมือนเพื่อนที่ทำงานกลุ่มเดียวกันกับเนยคือนิสัยดีมากค่ะ ตั้งใจทำงานกันทุกคน เนยก็เลยไม่เคยมีปัญหาเรื่องการทำงานกลุ่มกับเพื่อนๆ ในห้องเลย การแบ่งกลุ่มในเทอมที่ 1 ทั้งหมดทางอาจารย์จะแบ่งมาให้เลยค่ะ ไม่มีสิทธิ์เลือกคน เนยว่ามันดีเหมือนกันนะ เพราะจะไม่เกิดการเกี่ยงกันว่าจะอยู่กับคนนั้นคนนี้ และทำแบบนี้เราจะได้รู้จักเพื่อนหลายๆ คนด้วย การเรียนที่นั่นเวลาทำงานกลุ่มก็อาจจะมีการแบ่งหน้าที่ความรับผิดชอบกันอย่างชัดเจนนะคะ ใครถนัด part ไหน ก็ทำ part นั้น อันนี้ก็แล้วกลุ่มเนอะ อย่างของเนยถ้า part ไหนใครมีปัญหาทุกคนก็จะช่วยกัน แต่บางกลุ่มเค้าก็อาจจะไม่ได้ช่วยกันขนาดนั้น เราก็ต้องปรับตัว เนยมองว่าอย่างงั้นนะ อย่างอื่นเนยก็ไม่ได้มองว่ามีปัญหาอะไรนะคะ คล้ายๆ กับการเรียนที่ไทยเลยค่ะ

สนใจเรียนต่อ Lancaster University ปรึกษาพี่ๆ Hands On ฟรี คลิก

Thai Society ใน Lancaster University

ปีเนยนักเรียนไทยที่ Lancaster University จะเยอะหน่อยนะคะ ประมาณ 40 คนได้ แต่เนยเคยคุยกับน้องที่เรียน ป.ตรี อยู่ เค้าก็จะบอกว่า ปกติปีอื่นๆ คนไทยก็จะน้อยกว่านี้ค่ะ

ส่วนมากเด็กไทยเราก็จะสนิทกันมากค่ะ ด้วยความที่มหาวิทยาลัยใหญ่อยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณ 40 นาที เราก็เลยเหมือนอยู่กันแต่ในมหาวิทยาลัย จะเข้าเมืองก็อาจจะแค่ช่วงเสาร์อาทิตย์อะไรอย่างนี้ค่ะ อย่างตัวเนยเองห้องพักเลือกเป็นแบบห้อง studio ใช่ไหมคะ เราก็จะมีชวนกันมากินข้าวด้วยกันที่ห้อง บางวันในห้องก็มีเพื่อนๆ 10 กว่าคน ก็ได้มา joy กัน ทำกับข้าวกินด้วยกัน ประมาณนี้ค่ะ คือเพื่อนคนไทยเราก็ไม่ได้เรียนคอร์สเดียวกันทั้งหมดใช่ไหมคะ แต่เราก็จะมีนัดกันว่าวันนี้เลิกเรียนกี่โมง เจอกันที่ไหนดีประมาณนี้ค่ะ

แล้วก็ถ้าว่าง ส่วนใหญ่เราก็จะวางแพลนไปเที่ยวด้วยกัน เพราะส่วนใหญ่เราก็จะมีวันหยุดพร้อมๆ กัน คือถ้าเป็นเพื่อนต่างมหาวิทยาลัยบางทีเวลาเรียนหรือเวลาหยุดมันจะไม่พร้อมกันค่ะ

ของเราก็มีขับรถไปเที่ยวสก็อตแลนด์ด้วยกัน มีเที่ยว Edinburgh กับ Highland ค่ะ สนุกดี เป็นประสบการณ์ใหม่ๆ ที่ดีมาก เราจะขับรถตามกันไปเรื่อยๆ เหนื่อยก็แวะพัก บรรยากาศในรถแต่ละคันก็สนุกสนานกันไปค่ะ รถเนยจะเป็นแนวครอบครัว ขับช้าสุดๆ มีอาหารกับข้าวพร้อม คือเหมือนรถพ่อแม่แล้วก็ชอบถ่ายไปอวดเพื่อนคันอื่นๆ (หัวเราะ)

ถ้ามีเวลาว่างแค่เสาร์อาทิตย์ก็จะไปแบบอำเภอต่างๆ ใน Lancaster อย่าง Blackpool กับ Morecambe ก็ไปถ่ายรูปสวยๆ ได้ มีร้านอาหาร สวนสนุกเล็กๆ ให้เที่ยวค่ะ ส่วนเมืองที่ไปบ่อยๆ ก็จะเป็น Manchester ค่ะ ไปบ่อยมาก เพราะว่าใกล้ๆ กัน เดินทางแป๊ปเดียวถึง ไปจนรู้แล้วค่ะว่าต้องเดินจากไหนไปไหน

แล้วก็มีไปเที่ยวลอนดอนอีกทีตอนช่วงหยุด Christmas ค่ะ นอกจากนี้ก็มีเมืองอื่นๆ อย่าง Bath, York หรือเพื่อนๆ บางคนก็ไปเที่ยว Durham กันช่วงหน้าหนาวค่ะ แล้วหลังจากนั้นก็เจอ Covid ค่ะ

มหาวิทยาลัยรับมือกับสถานการณ์ Covid-19 อย่างไร

ตอนนั้นจำได้เลยว่ามันมาไวมากค่ะ ตอนแรกยังอ่านข่าวว่ามีคนติดที่ลอนดอน 9 คน เป็นช่วงที่เรากำลังจะสอบกันพอดีค่ะ พอสอบเสร็จสถานการณ์ก็แย่ลง ทางมหาวิทยาลัยก็เลยสั่งปิดมหาวิทยาลัยเลยค่ะ เค้าก็รับมือกับสถานการณ์ได้ค่อนข้างเร็วพอสมควร มีมาตรการณ์ต่างๆ ส่งมาหานักเรียนทางอีเมล อย่างเช่น ถ้าใครสะดวกที่จะอยู่ที่มหาวิทยาลัยต่อก็สามารถอยู่ได้ ใครอยากกลับบ้านก็สามารถทำได้เช่นกัน ก็คือดูแลดี มีมาตรการอะไรก็รวดเร็ว มีอีเมลมาถามเรื่อยๆ อย่างเช่นถ้าคนที่อยู่ต่อ ตอนนี้อาการเป็นอย่างไร สบายดีไหม

ตอนแรกเนยยังตัดสินใจว่าจะอยู่อังกฤษต่อ แต่อยู่แป๊ปเดียวค่ะ สุดท้ายตัดสินใจกลับไทยเพราะว่าตอนนั้นพ่อกับแม่ก็เป็นห่วงเราด้วย แต่ตอนนั้นก็ยังมีแอบลังเลนะคะเพราะเนยอะไปซื้อของเข้าห้องเตรียมไว้ หมดไป 100 กว่าปอนด์เลยนะคะ กะว่าชั้นจะอยู่ต่อแน่ๆ (หัวเราะ) แต่สุดท้ายตัดสินใจกลับก็ต้องเอาของที่เราเพิ่งซื้อมาส่งต่อให้น้องๆ คนที่เค้าตัดสินใจอยู่ตอนนั้นทุกก็เครียดนะคะ แต่เพื่อนคนจีนคือหายตัวไปเร็วมาก จำได้ว่ามหาวิทยาลัยส่งอีเมลมาวันศุกร์ วันเสาร์อาทิตย์คือไปกันเกลี้ยงเลยค่ะ เหลือแต่เด็กไทย เดินกันไปมา มองหน้ากัน เอาไงดี (หัวเราะ) พอตัดสินใจกลับก็มีช่วยกันจองตั๋วอะไรแบบนี้ค่ะ

ฝากอะไรถึงน้องๆ ที่สนใจเรียนต่อต่างประเทศ

สำหรับน้องๆ ที่สนใจไปเรียนต่อ แนะนำให้ไปค่ะ เนยว่าดีนะคะ มันเหมือนเราก็จะได้ประสบการณ์ใหม่ๆ ได้เจอเพื่อนใหม่ เจอวัฒนธรรมใหม่ๆ อย่างเพื่อนคนเอเชียเหมือนกัน ของเนยมีเพื่อนเป็นคนจีนกับคนไต้หวัน เค้าก็นิสัยไม่เหมือนกัน ความคิดก็ไม่เหมือนกัน เพื่อนต่างชาติก็ด้วย ยิ่งเราได้เพื่อนหลากหลายเชื้อชาติ เราเองก็จะได้เรียนรู้และเข้าใจทั้งนิสัย วัฒนธรรม ที่แตกต่างกันมากขึ้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้เราสามารถเก็บเอาไว้เป็นความรู้ ประสบการณ์ และความทรงจำที่ดีร่วมกันกับเพื่อนๆ ได้ด้วยค่ะ

ส่วนเรื่องเรียนก็แล้วแต่คนเนอะ เนยว่าถ้าใครตั้งใจเรียน รับรองว่าผลลัพธ์ที่ได้ ดีทุกคนแน่นอน เนยเชื่อว่าทุกคนจะได้ความรู้ และประสบการณ์ดีๆ กลับประเทศไทย เนยเองยังอยากกลับไปเรียนอีกสักใบเลยเนยชอบบรรยากาศการใช้ชีวิต การเรียนที่นั่น เหมือนได้กลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง (หัวเราะ) เหมือนว่าเราได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ อยู่ตลอด ได้ลองใช้ชีวิตอยู่คนเดียว ได้ออกจาก comfort zone ของเราเอง แล้วก็ได้รู้จักคนใหม่ๆด้วยค่ะ (ยิ้ม) ถ้าใครอยากจะถามรายละเอียดเพิ่มเติม สามารถเข้าไปคุยได้ที่ IG: waninoey ได้เลยค่ะ ยินดีมากๆ

สนใจเรียนต่อ Lancaster University ปรึกษาพี่ๆ Hands On ตัวแทนมหาวิทยาลัยอย่างเป็นทางการประจำประเทศไทยฟรี คลิก