Hands On Education Consultants

รีวิว Master of Law (LLM) ที่ The University of Nottingham

 

แนะนำตัวหน่อยค่ะ

Erg: ชื่อ เอิ๊ก ค่ะ เรียนอยู่คณะกฎหมาย Master of Law (LLM) ที่ The University of Nottingham ค่ะ ก่อนหน้านี้ก็เรียนกฎหมายเหมือนกันค่ะ จบปริญญาตรีนิติศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ค่ะ แล้วก็ทำงานก่อนเกือบๆ 3 ปีแล้วค่อยมาเรียนต่อ

ทำไมถึงเลือกเรียนต่อที่ UK

Erg: ปกติแล้วเด็กที่เรียนจบนิติทุกคน ถ้ามาเรียนต่อปริญญาโทก็คิดว่าทุกคนน่าจะมีเป้าหมายเดียวกันคือเอาดีกรีนี้ไปสอบผู้พิพากษากับอัยการค่ะ มันเหมือนเป็น pattern ว่าถ้าเราอยากไปสอบเป็นผู้พิพากษาหรืออัยการ เค้าจะมีแบ่งเป็นสนามใหญ่ สนามจิ๋ว สนามเล็ก ซึ่งถ้าอยากสอบสนามจิ๋วจะต้องจบปริญญาโทที่ต่างประเทศ 2 ใบ ซึ่งประเทศอังกฤษก็เป็นตัวเลือกที่ฮิตที่สุดที่คนส่วนใหญ่เลือกกัน เพราะว่าถ้าเป็นอเมริกาบางหลักสูตรก็อาจจะต้องเรียน 2 ปี ค่อนข้างจะยากกว่า ดังนั้นตัวเลือกที่จะมาเรียนต่อที่อังกฤษก็จะง่ายกว่า เพราะเราจะรู้ว่าเรียน 2 ใบก็ใบละ 1 ปีค่ะ

แล้วทำไมถึงเลือกเรียน Master of Law ไม่เรียนเป็นที่เจาะแต่ละสาขาลงไป

Erg: จริงๆ แล้วก็มีสาขาที่อยากเรียนเหมือนกันค่ะ แต่โดยส่วนตัวเอิ๊กเองแล้วยังไม่ได้แน่ใจว่าอยากเรียนสาขาไหนเป็นพิเศษขนาดนั้น ก็เลยเลือกลงเรียนเป็น Master of Law ไปก่อน พอเราเลือก Master of Law ปุ๊ป ตัวเลือกที่เราสามารถเลือกเรียนก็มีหลายๆ วิชา ซึ่งเราสามารถจัดการหลักสูตรที่เราจะเรียนได้ด้วยตัวเอง แล้วเอิ๊กคิดว่าอย่างเรามีโอกาสได้เรียน 2 ใบคือ 2 ปี งั้นใบแรกเป็น Master of Law ไปก่อน ส่วนใบต่อไปพอเรารู้ตัวเองว่าอยากเรียนสาขาไหนจริงๆ แล้วค่อยไปต่อสาขานั้นค่ะ

 

เตรียมตัวเรียนต่อ

ตอนที่เอิ๊กเตรียมตัวมาก็มีเลือกมหาวิทยาลัยในใจไว้แล้ว แล้วก็มีถามเอเจนซีว่าพี่ติดต่อมหาวิทยาลัยนี้ให้ได้มั้ย ส่วนใหญ่เอิ๊กก็ไปตามงานเรียนต่อต่างๆ ที่ทางเอเจนซีจัดค่ะ ที่รวมมหาวิทยาลัย UK ในงาน แล้วก็ไปดูว่าเราสนใจมหาวิทยาลัยไหน มีคอร์สที่เราสนใจมั้ย เมืองเป็นยังไง แล้วก็ไปติดต่อเอเจนซีค่ะ

จริงๆ รู้จักเอเจนซีหลายที่มากเพราะพี่สาวเอิ๊กเองก็เรียนจบอังกฤษเหมือนกัน ตอนเค้ามาเรียนต่อ University of Leeds ก็ใช้บริการของ Hands On เหมือนกัน เอิ๊กก็เลยได้รู้จัก Hands On ผ่านทางพี่สาวที่มาเรียนที่อังกฤษ เพื่อนหลายคนก็มีใช้บริการของที่อื่นด้วย

ทำไมถึงเลือกใช้บริการจาก Hands On

อย่างเอิ๊กก็ยอมรับว่าไม่ได้ติดต่อ Hands On แค่ที่เดียวเพราะว่าตอนแรกติดต่ออีกเอเจนซีหนึ่งไว้ก่อนด้วย แต่ว่าพูดตรงๆ เลยว่าถ้าไม่ได้ Hands On ก็คงไม่ได้มาเรียนปีนี้ค่ะ เพราะว่ามันมีเรื่องราว (หัวเราะ)

คือตอนแรกใช้บริการอีกที่หนึ่ง แล้วทีนี้เอิ๊กก็ทำงานไปด้วยก็เลยไม่มีเวลาตามเรื่องขนาดนั้นค่ะ คือจนมันใกล้ถึงเวลาแล้วแต่เอิ๊กยังไม่ได้ offer จากทางมหาวิทยาลัยเลย ช่วงนั้นคือกดดันมาก แล้วเราเป็นข้าราชการด้วย ก็ยิ่งต้องทำเรื่องลาไปเรียนค่อนข้างเยอะมากๆ ตอนนั้นก็เลยตัดสินใจว่าถ้าให้ที่นั่นเค้าดูแลต่อ เราคงไม่รอดแน่ๆ ไม่ได้เรียนแน่ๆ เลยคุยกับพี่สาวแล้วก็คุณแม่ค่ะ แล้วพี่สาวก็ติดต่อพี่ที่ Hands On มาให้

การบริการจาก Hands On

Erg: พี่พลอย ที่สาขาพระราม 2 ค่ะ พี่เค้าก็ช่วยติดต่อให้เร็วมาก แต่ว่าช่วงนั้นก็เป็นช่วง Easter ของที่อังกฤษด้วย พี่เค้าก็แนะนำให้เอิ๊กอีเมลโดยตรงไปหามหาวิทยาลัยด้วย แล้วพี่พลอยก็ช่วยติดต่อด้วย ให้มหาวิทยาลัยรู้ว่าเราอยากไปเรียนจริงๆ นะ

พอผ่านช่วง Easter มา พี่พลอยช่วยอะไรเราบ้าง

Erg: ช่วยทุกอย่างเลยนะคะ ก็งงเหมือนกันว่าเค้าทำยังไงถึงทัน เหมือนพี่พลอยก็พยายามเร่งให้มหาวิทยาลัยออก CAS เพราะจะเป็นตัวสำคัญในการให้เราไปยื่นขอวีซ่าต่อ แล้วก็นัดวันไปช่วยเตรียมเอกสารยื่นขอวีซ่าทุกอย่าง คือในส่วนของวีซ่าคือง่ายมากๆ เพราะพี่พลอยช่วยเตรียมให้ทั้งหมดเลย แล้วพี่พลอยก็จะถามว่ามีที่อยู่หรือยังให้พี่ช่วยมั้ย แต่ตอนนั้นเอิ๊กมีหาไว้เองแล้วก็เลยไม่ได้ให้พี่พลอยช่วยเรื่องนี้ค่ะ ก็ขอบคุณพี่พลอยค่ะ แค่ให้เอิ๊กมาเรียนทันก็ดีแล้ว (ยิ้ม)

นอกจากนี้พี่พลอยก็จะคอยถามตลอดว่าวีซ่าได้ยัง เดินทางกี่โมง ถ้ามีปัญหาอะไรก็ให้ไลน์มาหาพี่พลอยได้เลย

พอมาเรียนแล้วเป็นอย่างไรบ้าง

ก็ดีค่ะ ตอนแรกค่อนข้างกดดันเพราะเป็นคนไทยคนเดียวที่มาเรียนกฎหมายที่นี่ ตอนแรกคิดว่าจะมีเพื่อนคนไทยมาเรียนด้วย ตอนแรกก็คิดว่ารู้งี้ไปเรียนกับเพื่อนดีกว่า เพราะว่าเด็กจุฬาฯ ธรรมศาสตร์ ก็มีไปเรียนมหาวิทยาลัยที่ดังๆ ด้านกฎหมาย เช่น Durham University, University of Kent หรือว่า Queen Mary University of London แต่ว่าเอิ๊กเลือกมาเรียนที่ The University of Nottingham ซึ่งไม่มีคนไทยเลย ตอนนั้นก็รู้สึกค่อนข้างเครียดมาก กังวลว่าจะรอดมั้ย เพราะเราก็ไม่ได้เก่งขนาดนั้น แต่ว่าเพื่อนๆ ที่นี่ค่อนข้างดีค่ะ จะเจอเพื่อนจีนเยอะ แล้วก็มีเพื่อนยุโรปเหมือนกัน เช่น อิตาลี โคลัมเบีย เค้าก็จะคอยช่วยเราตลอด อาจารย์ที่นี่ก็ค่อนข้างดีมาก เค้าก็สอนแล้วเตรียมพร้อมให้เราทุกอย่าง

สนใจเรียนต่อ The University of Nottingham ปรึกษาพี่ๆ Hands On ฟรี คลิก

Pre-sessional

Erg: การเรียน Pre-sessional ก็ไม่ใช่แค่การมาเรียนภาษาอังกฤษอย่างเดียว แต่เป็นการปรับสกิลเราให้เป็น academic มากขึ้น ให้รู้การเขียนว่าเราจะต้องเขียนยังไง ฟัง lecture ยังไง จด note taking ยังไง อย่างหลักสูตรกฎหมายก็จะมีคอร์ส Pre-sessional ที่แยกจากคณะอื่นๆ เลย ก็จะมีการสอนอ่านคำพิพากษาของที่นี่เพราะรู้ว่าตอนเปิดเทอมเราต้องอ่านแน่ๆ

Master of Law

Erg: เท่าที่คุยกับเพื่อนหลายๆ มหาวิทยาลัยที่มาเรียนกฎหมาย ก็คิดว่าที่ Nottingham หลักสูตรเค้าค่อนข้างอัดแน่นมากๆ ค่ะ อย่างคุยกับเพื่อนที่ Kent หรือ Durham เค้าจะเรียนเทอมละ 3 ตัว แต่ที่ Nottingham เค้าบังคับลง 4 ตัว ก็คือปีนึงจะเรียนทั้งหมด 8 ตัว ค่อนข้างหนักมากๆ ตอนแรกไม่คิดว่าจะหนักขนาดนี้ แต่พอคุยกับเพื่อนก็รู้สึกว่าคุ้มค่าเทอมแล้วอ่ะให้เราเรียนเยอะขนาดนี้ (หัวเราะ)

พอมาเรียนจริงๆ เป็นอย่างไรบ้าง

Erg: นรก! (หัวเราะ) ก็คือตอนเรียน Pre-sessional ก็ว่ายากแล้วนะ คือตอนจะสอบ Pre-sessional เอิ๊กก็ไปบ่นกับอาจารย์ แล้วอาจารย์เค้าก็เข้าใจว่าเราเครียดแต่ไม่ต้องเครียดนะ อาจารย์บอกว่าแค่ตั้งใจทำตามที่สอนในห้องยังไงก็ผ่าน คือเค้าไม่ได้กดดันเราขนาดนั้น   แต่โลกแห่งความเป็นจริงมันคือหลังจากนี้ คือตอนนั้นแค่เค้าเอาเคสมาให้อ่านเป็นคำพิพากษาของที่นี่ ซึ่งยาวมากประมาณ 20 กว่าหน้า คือเราอ่านช้าด้วยไงแล้วยังต้องเอาไป discuss แล้วก็ present ในห้อง เอิ๊กรู้สึกว่าตอนนั้นมันก็ยากมากๆ แล้ว ซึ่งตอนนั้นเค้าบอกว่าในความเป็นจริง Reading list ก่อนเข้าเรียนมันจะเยอะมากๆๆๆ ซึ่งเป็นอย่างนั้นจริงๆ คือไม่เคยอ่านทันเลย (หัวเราะ) อันนี้ก็จะเอาไปบ่นกับอาจารย์ที่ปรึกษาเราว่าเราอ่านไม่ค่อยทัน ตามเพื่อนในห้องไม่ค่อยทัน แต่อาจารย์ก็ให้กำลังใจเราดีมาก เค้าบอกว่ามันเป็นปกติที่เราจะอ่านไม่ทันเพราะว่าขนาดเด็กที่เป็น Native เองมันยังยากสำหรับเค้าเลย แล้วเราเป็น International student มันก็ยากอยู่แล้ว แต่มันจะดีขึ้นเรื่อยๆ ขอให้เราพยายาม ไม่เข้าใจตรงไหนถามอาจารย์ได้ก็ถาม

มีเรียนวิชาอะไรบ้างในคอร์สนี้

Erg: อย่างที่เอิ๊กบอกไปตั้งแต่แรกว่าพอเราลงเรียน Master of Law ปุ๊ป เราจะมีตัวเลือกให้เลือกเรียนเยอะมาก ซึ่งที่ Nottingham ก็มีสาขาวิชาให้ลงเรียนเยอะมากๆ เลือกไม่ถูกกันเลยทีเดียว ก็เลยไปถามรุ่นพี่เด็กไทยปีที่แล้ว ซึ่งก็เป็นเด็กไทยคนเดียวเหมือนกัน แล้วเค้าก็ให้คำแนะนำว่าอาจารย์วิชาไหนสอนสนุก อาจารย์ไม่โหดมากหรือวิชาไหนอาจารย์สอนดีค่ะ ก็มีลงๆ ตามพี่เค้าบ้างแต่ว่าวิชาที่เอิ๊กลงคือเป็นวิชาที่เอิ๊กไม่เคยเรียนในไทยเลย ซึ่งมันท้าทายมากๆ โดยรวมแล้วหลักสูตรที่นี่จะค่อนข้างแตกต่างจากที่เราเรียนปริญญาตรีที่ไทยมากๆ

เทอมนี้ลง 4 ตัวใช่มั้ยพี่ ก็มีลงกฎหมายสิ่งแวดล้อม การจัดซื้อจัดจ้างสาธารณะ แล้วก็พวกลิขสิทธิ์

แล้วทำไมถึงเลือกเรียนคนละอย่างกันเลย

Erg: เมื่อเรามีโอกาสที่จะเลือกลงอะไรก็ได้แล้วใช่มั้ยคะ เราก็ต้องเลือกหลายๆ อย่างเหมือนการค้นหาตัวเองอ่ะ เปิดโอกาสให้ตัวเองดูว่าจะชอบหรือไม่ชอบอะไร

แล้วชอบอะไรตอนนี้

Erg: จุกเลยคำถามนี้ (หัวเราะ) คือตอนนี้ยังไม่แน่ใจว่าตัวเองชอบอะไร แต่รู้ว่าตัวเองไม่ชอบอะไร เอาจริงคือไม่ชอบกฎหมายสิ่งแวดล้อมเลย ซึ่งคิดว่าคิดถูกแล้วนะเพราะตอนแรกจะไปเรียนกฎหมายสิ่งแวดล้อมที่อีกมหาวิทยาลัยหนึ่งเพราะเป็นสาขาดัง ซึ่งตอนแรกสิ่งแวดล้อมก็เป็นสาขาที่อยากเรียน แต่ตอนนี้ไม่เอาแล้ว

ทำไมตอนนั้นถึงอยากเรียน

Erg: ปริญญาโทที่ไทยไม่ค่อยเปิดสอนสาขาสิ่งแวดล้อมค่ะ แล้วคิดว่าถ้าเราเรียนอะไรที่ไทยไม่ค่อยได้เปิดสอน มันจะดูแตกต่างอ่ะพี่ (หัวเราะ) แล้วคิดว่าน่าจะเอาไปใช้ประโยชน์ได้ ซึ่งถ้าเราเรียนอะไรที่ไทยเค้ามีเปิดสอนอยู่แล้วก็อาจจะดูเปรียบเทียบเยอะ แต่คิดว่าไม่เอาแล้วสิ่งแวดล้อมเพราะเทอมนี้เอิ๊กลงสิ่งแวดล้อมไป 2 ตัวเลย ซึ่งค่อนข้าง suffer มาก ไม่ชอบเลย ข้อดีอีกอย่างนึงที่เอิ๊กชอบคอร์สเรียนที่ Nottingham คือ นอกจากเค้าจะให้เราเรียนเยอะมาก เรียนคุ้มจริงๆ แต่เค้าจะมีสัปดาห์ที่เรียกว่า Reading week คือให้เราหยุดเรียนอาทิตย์นึง เหมือนพอเรียนไปครึ่งเทอมแล้วเค้าจะให้เป็นสัปดาห์ให้เราหยุดพักอ่านหนังสือ ให้เราทบทวนในสิ่งที่เราเรียนมา… โห นอนไปครึ่งนึง! (หัวเราะ)

อ่านอยู่ค่ะๆๆ แต่ก็ยังอ่านไม่ทันอยู่ดีเพราะมันเยอะมากจริงๆ แต่ก็พยายามตามในสิ่งที่เค้าสอน ก็ถือว่าดีที่เค้ามีช่วงเวลาให้เราได้ทบทวน ไม่รู้ว่ามหาวิทยาลัยอื่นมีมั้ย แต่คิดว่านี่เป็นข้อดีของที่นี่อย่างนึง แล้วอีกอย่างนึงคือการเรียนคอร์สกฎหมายของที่นี่ มันไม่ใช่การนั่ง lecture ธรรมดาเหมือนในสมัยปริญญาตรีที่นั่งจดตามที่อาจารย์พูด แต่ด้วยความที่ Nottingham เค้าจัดเป็นคลาสเล็กหมดเลย ห้องนึงก็ไม่เกิน 20 คน หรือวิชาสิ่งแวดล้อมที่คนเรียนน้อยๆ ก็มีในห้องแค่ 9 คน อาจารย์ก็จะมี Reading list มาให้แล้วก็มีคำถามมาให้ว่าจุดประสงค์ที่เราเรียนวันนั้นคืออะไร แล้วเราก็ต้องเตรียมคำตอบไปตอบอาจารย์ อาจารย์บางคนอาจจะไม่ได้จี้ถามแต่ทุกคนในห้องตอบหมดเลยอ่ะพี่! ก็คือถ้าเราไม่ตอบก็จะดูเป็นคนงงๆ อยู่คนเดียวอ่ะ ซึ่งเป็นประมาณ 2-3 สัปดาห์แรกที่รู้สึกว่าตัวเองโง่ที่สุดในห้อง แต่ตอนหลังๆ ก็ดีขึ้นค่ะ ปรับตัวได้ดีขึ้น

Nottingham

Erg: ดีมากๆ ค่ะ เพราะตอนแรกที่เอิ๊กเลือกคณะกฎหมายที่ Nottingham ต้องบอกว่าเป็นคณะแล้วก็เมืองที่ไม่ได้ฮิตสำหรับเด็ก Law ก็งงเหมือนกันว่าทำไมตัวเองเลือกมาเรียนที่นี่ แต่ว่าเอิ๊กตัด London ทิ้งเพราะไม่อยากอยู่ในเมืองใหญ่ๆ มากเกินไปมันวุ่นวาย ก็พยายามหาเมืองที่เข้ากับเราแล้วไม่ได้ดูบ้านนอกไป ไม่เหงาไป แล้ว facilities ครบ ตอนนั้นได้มีโอกาสมาเที่ยวก่อนด้วยแล้วได้แวะมาที่ Nottingham แล้วรู้สึกว่าชอบ เพราะมี tram (หัวเราะ) แล้วก็ที่ Nottingham ก็มีความตึกสูงนิดๆ facilities อื่นๆ ในเมืองก็ค่อนข้างครบครัน มาจริงๆ ก็ชอบค่ะ การเดินทางสะดวก ขนาดอยู่หอในเมืองเวลามาเรียนก็ใช้เวลาแค่ 15-20 นาที ไม่ได้ไกลมาก

ฝากอะไรถึงน้องๆ ที่สนใจอยากเรียนต่อหน่อยค่ะ

Erg: จริงๆ ก็อยากแนะนำเด็กนักเรียนกฎหมายทุกคนที่อยากมาเรียนต่อปริญญาโทต่างประเทศนะคะ ก็คือจริงๆ แล้ว The University of Nottingham อาจจะเป็นตัวเลือกที่อยู่รองๆ จากมหาวิทยาลัยอื่น เพราะว่าอาจไม่ได้มีนักเรียนไทยที่เป็นนักกฎหมายมาเรียนที่นี่เยอะ ซึ่งเอิ๊กคิดว่ามันเป็นข้อดีอย่างหนึ่ง คือ ทำให้เรามีโอกาสได้เจอเพื่อนต่างชาติเยอะ แล้วก็เหมือนเป็นการปรับสกิลตัวเองได้เร็ว เพราะว่าถ้าไปเรียนกับเพื่อนคนไทยที่เป็นกลุ่มใหญ่ๆ มันก็เหมือนเราเรียนอยู่ที่ไทยอ่ะ อาจจะมีโอกาสคุยกับเพื่อนต่างชาติน้อยลง เอิ๊กคิดว่ามาเรียนต่างประเทศทุกที่มันก็ได้ปรับตัวแหล่ะ แต่ถ้าเรามีโอกาสได้สื่อสารกับเพื่อนต่างชาติมันก็จะพัฒนาตัวเองได้เร็วขึ้น และมาที่ Nottingham ข้อดีอย่างนึงคือมันไม่เหงา มันมี Thai society คือถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้เจอเพื่อนคนไทยในคณะ แต่ว่าเวลาหลังเลิกเรียนแล้วเราก็ยังมีเพื่อนคนไทยที่อยู่คณะอื่นๆ ได้เจอ แล้วก็มีน้องๆ ปริญญาตรีที่เป็นคนไทยอีกเพียบเลย ก็เป็น community ที่ค่อนข้างใหญ่ค่ะที่นี่ สำหรับเอิ๊กคือมันดีตรงที่ตอนเรียนเราได้เจอเพื่อนต่างชาติ แต่ถ้ากลัวเหงาเลิกเรียนแล้วเราก็ยังมีเพื่อนคนไทย

สนใจเรียนต่อ The University of Nottingham ปรึกษาพี่ๆ Hands On ตัวแทนมหาวิทยาลัยอย่างเป็นทางการประจำประเทศไทย ฟรี คลิก