แนะนำตัวเองหน่อยค่ะ
Non: ชื่อนนนะครับ เรียน MSc Air Transport Management ที่ University of Surrey ครับ
รีวิว MSc Air Transport Management ที่ University of Surrey
รีวิวคอร์สเรียน
Non: จริง ๆ คอร์สนี้จะเปิดมาด้วยพื้นฐานเรื่อง Management ทางด้านสายการบินครับ ว่าสายการบินทำงานยังไง ใช้อะไรเป็นตัววัดผล Performance ของสายการบิน หรือกลยุทธ์อะไรบ้างที่สายการบินนำมาใช้ หลายๆ วิชามันก็จะออกไปทาง Theme นี้นี่แหละครับ อย่างอาทิตย์แรก วิชาแรกที่จะเจอก็จะเป็นวิชา Air Transport Fundamentals เค้าก็จะปูพื้นฐานให้ทั้งเรื่องข้อมูลในอุตสาหกรรม
ในคลาส อาจารย์จะมีเชิญ Guest Speaker มาให้ความรู้เราเพิ่มเติมด้วยครับ อย่างที่เคยเจอก็จะเป็น CEO คนเก่าของ British Airway ครับ คือ Speaker แต่ละคนก็ไม่ธรรมดา หลาย ๆ คนก็โหดพอสมควร บางคนก็คือเป็นคนเขียนหนังสือที่อาจารย์ตอนปริญญาตรีใช้ประกอบการสอนครับ แต่ว่ามาเรียน ป.โทที่นี่ได้เจอคนเขียนมาสอนเองเลย
อาจารย์บอกว่ามันจะเป็น Academic ผสมกับ Industry ซึ่งจะหนักไปทาง Industry ครับ ส่วนใหญ่จะเป็นเชิง Case Study ครับ เช่นเวลาบริษัทเค้าทำอะไร เค้ามีกลยุทธ์อะไรบ้างที่ทำให้บริษัทประสบความสำเร็จ
Case Study ที่อาจารย์ยกมา เป็น Case Study จากสายการบินทั่วโลกเลยมั้ยคะ
Non: จากทั่วโลกครับ ทั้งเอเชีย ทั้งยุโรป เพราะว่าอาจารย์ก็เป็น Consultant ให้สายการบินด้วย อาจารย์บอกว่าเค้าไปมาแล้วทั่วโลกครับ ทั้งอินเดีย ทั้งสายการบินยุโรป อเมริกา เพราะฉะนั้นบางทีก็จะมี Guest Speaker จากต่างประเทศมาครับ บางคนก็คือบินมาจาก New York เมื่อคืน เมื่อวานที่พึ่งเรียนไปเค้าก็เป็น Guest Speaker ที่ Yale University มา วันรุ่งขึ้นก็บินจาก JFK (John F. Kennedy International Airport) มาเป็น Guest Speaker ตอนบ่ายให้ที่มหาวิทยาลัย ตัวอาจารย์เองก็มีชื่อเสียงใน Industry พอสมควรเลย
เล่าเรื่องอาจารย์ที่สอนเป็นคนเขียนหนังสือที่เราใช้เรียนที่เมืองไทยให้ฟังหน่อยค่ะ
Non: เป็นวิชา Airline Fleet Planning พูดง่าย ๆ ก็คือเป็นวิชาที่เรียนตั้งแต่ว่า สายการบินหาเครื่องบินมาได้ยังไง เค้าวางแผนยังไง เทคนิคการซื้อเครื่องบินต้องพิจารณาอะไรบ้าง แล้วบางทีก็จะมี Assignment ครับ ก็จะให้วางแผนฝูงบินในอนาคต 10 ปี 20 ปี ของสายการบินหนึ่ง เป็นการให้ Case มาครับ ซึ่งอาจารย์คนนี้แกแทบจะเป็นคนเดียวเลยที่เขียนหนังสือเรื่อง Fleet Planning หนังสือแกเนี่ยก็เคยผ่านตามาบ้างแล้วครับ เพราะอาจารย์ใช้หนังสือเล่มนี้สอนตอนเรียนปริญญาตรีที่ไทย พอมาเรียนที่นี่ อาจารย์คนที่เขียนหนังสือเล่มนี้ก็มาสอนเองเลย
ก็ว้าวเหมือนกันครับ แต่ว่าเป็นวิชาที่เนื้อหาเข้มข้น มันจะเหนื่อยมากครับ เพราะว่าเราเรียนตั้งแต่เช้ายันเย็น ตั้งแต่ 9 โมงเช้าถึง 5 โมงเย็นเลย มี Break ระหว่างเรียนบ้างแต่ก็คือเรียนทั้งวัน แล้วก็เรียนทั้งอาทิตย์จนจบคอร์สเลยครับ ทุกวิชาก็จะเรียนจบในอาทิตย์เดียว เพราะฉะนั้นพอตกเย็นก็จะเหนื่อยมากครับ แทบสลบ (หัวเราะ) เคยหันไปคุยกับเพื่อนว่าที่วิชานี้มันหนัก เนื้อหาเข้มข้น คงเพราะอาจารย์เป็นคนรู้จริง คือแกเป็น Consult ให้กับสายการบินที่เคยทำงานให้ Airbus มา 20 ปี บางทีเค้าก็ต้องทำ Case ให้สายการบินด้วย เป็นตัวอย่างประมาณว่า เหมือนถ้าเค้าจะขายของ ก็ต้องแสดงให้สายการบินดูว่า Product ของเรานำไปใช้ยังไงได้บ้าง จะวางแผนอนาคตต้องทำแบบไหน ควรจะซื้อเครื่องบินกี่ลำ มีตลาดไหนที่จะโตบ้าง อะไรประมาณนี้ครับ
*สนใจเรียนต่อ University of Surrey ปรึกษาพี่ ๆ Hands On ฟรีทุกขั้นตอน คลิก
มีวิชาไหนที่เราประทับใจบ้าง
Non: จริง ๆ ที่นี่ค่อนข้างสนใจด้านสิ่งแวดล้อมครับ ซึ่งต่างกับที่เมืองไทย ต่างกับประเทศฝั่งเอเชียมากเลย เพราะฉะนั้นก็จะมีวิชา Sustainability in Aviation บางทีเค้าก็จะพูดเรื่องผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมของอุตสาหกรรมการบิน เพราะมันก็เป็นอุตสาหกรรมเดียวที่ยังไม่ได้มีหนทางชัดเจนที่จะทำให้อุตสาหกรรมการบินลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้ คือเพราะมันเกี่ยวข้องกับการใช้คาร์บอน เทคโนโลยีมันก็ค่อนข้างจำกัดด้วย แล้วก็มีพูดเรื่องกลุ่มคนต่าง ๆ ในอุตสาหกรรมเองที่เค้าค่อนข้างเป็นห่วงเรื่องสิ่งแวดล้อมครับ ก็แปลกใหม่ดี ไม่ค่อยได้เห็นอะไรแบบนี้ที่เมืองไทย
มีวิชาอะไรที่ไม่ชอบมั้ย
Non: จริง ๆ ก็มี เป็นวิชา Aviation Finance ครับ (หัวเราะ) มันก็เป็นวิชาที่ใคร ๆ ก็ไม่ชอบ เพราะวิชานี้มันเรียนเนื้อหา Finance เป็นหลัก แต่คือเราก็ต้องเรียนอยู่ดี ก็เหมือนอุตสาหกรรมอื่นทั่วไปเลยครับ
บรรยากาศในห้องเรียนเป็นยังไงบ้าง
Non: ใน Class มีประมาณเกือบ 30 คนครับ แต่ส่วนใหญ่มาไม่ครบหรอกครับ จริง ๆ ก็ประมาณ 20 กว่าคน จะมีบางคนที่บางวันต้องพรีเซนต์งาน อาจารย์ก็บอกเลยว่า วันนี้ที่พรีเซนต์งานเนี่ย ได้เห็นหน้าบางคนที่ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อนด้วย พึ่งเคยเห็นหน้าเป็นครั้งแรก อะไรแบบนี้ ไหน ๆ จ่ายค่าเทอมไปแล้วก็เข้าเรียนให้คุ้มหน่อย (หัวเราะ) แล้วเพื่อนหลาย ๆ คน ส่วนใหญ่เค้าก็มีประสบการณ์การทำงานสายนี้มาบ้างแล้ว เพื่อนในคอร์สก็มี
คนอินเดียค่อนข้างเยอะ หลายคนเค้าก็มาจาก Air India ช่วงนี้ Air India เค้ามีการปรับเรื่องโครงสร้างองค์กร ก็เลยถือโอกาสออกมาเรียนต่อกันครับ บางคนก็เลยมีพื้นฐานมาแล้ว แต่ว่าบางคนก็ไม่ได้จบด้านนี้มา
เค้าให้ทำงาน Assignment อะไรบ้าง มีงานกลุ่มมั้ย
Non: ส่วนใหญ่จะเป็น Essay 3,000 – 4,000 words แทบจะทุกวิชาเลย บางอันก็อาจจะเป็นงานกลุ่ม ถ้างาน
พรีเซนต์ก็จะเป็นงานกลุ่มครับ ไม่มีวิชาไหนมีสอบเลยครับ ส่วนเรื่องคะแนน หลาย ๆ อันจะเป็น Essay 100% ครับ ก็คือ Essay ตัวเดียวเขียนมา 3,000 – 4,000 words ก็นั่นแหละคะแนนเราทั้งหมดเลยครับ พอเรียนเป็นอาทิตย์เว้นอาทิตย์ หลังจากจบวิชานั้น เค้าก็จะอธิบายว่าสั่งงานอะไร เวลาที่ให้ส่วนใหญ่ก็จะให้ส่งหลังจากนั้นประมาณเดือนนึง หรือบางทีก็ 2 เดือนครับ เพราะฉะนั้นก็ต้อง Manage นิดนึง มันก็จะต้องค่อย ๆ ทยอยส่ง ค่อย ๆ ทบกัน ส่งตามไปเรื่อย ๆ
*สนใจเรียนต่อ University of Surrey ปรึกษาพี่ ๆ Hands On ฟรีทุกขั้นตอน คลิก
รีวิว University of Surrey
มหาวิทยาลัยมี Facility อะไรให้เราบ้าง
Non: จริง ๆ Resource ก็ไม่ได้เป็นอะไรที่จับต้องได้ แต่ที่ว้าวคือ เค้ามี Access เหมือนเป็น Database 3 ตัว สำหรับคอร์ส Air Transport Management โดยเฉพาะ ให้เราใช้ข้อมูลเอาไปทำ Assignment ส่งได้ครับ ก็คือ 3 ตัวนี้จะเป็น OAG Schedules Analyser ของ OAG (Official Airline Guide) ซึ่งก็จะมีข้อมูลเรื่องตารางเที่ยวบินทั้งหมดทั่วโลกย้อนหลัง 10 ปีครับ ใช้เครื่องบินรุ่นอะไร ผลิตที่นั่งขึ้นมาเท่าไหร่ มีข้อมูลรายละเอียดให้หมดเลย แล้วก็มีอีกตัวคือ Cirium Dashboard และ Profiles ของ Cirium (Flightglobal) จะรวมข้อมูลและข่าวสารจากสายการบินทั่วโลกมาหมดเลยครับ รวมถึงข้อมูลต่าง ๆ เรื่องฝูงบิน หรือบางทีก็รวมเรื่องสถานะทางการเงินของสายการบินด้วย แล้วก็อีกตัวนึงจะเป็น IATA AirportIS เป็นของ IATA (International Air Transport Association) ครับ คือถ้า OAG เป็น Supply IATA ก็คือ Demand ก็จะเห็นว่ามีผู้โดยสารเท่าไหร่ แต่ละเส้นทาง สายการบินได้เงินเท่าไหร่ ได้ Yield เท่าไหร่ ค่าโดยสารเฉลี่ยเท่าไหร่ หรือว่าผู้โดยสารต่อเครื่องเท่าไหร่ ตัวสุดท้ายก็คือ ch-aviation PRO ซึ่งจะมีข้อมูลอย่างละเอียดของเครื่องบินทุกรุ่น ทุกลำ ไม่ว่าจะเป็นสถานะความเป็นเจ้าของ ใครเป็นผู้ให้เช่า ราคาตลาด (Market Value) เรทราคาเช่า (Lease Rate) หรือแม้กระทั่งชั่วโมงบิน (Flight Hour)
ข้อมูลพวกนี้เป็นข้อมูลที่ไม่ได้หาได้ทั่วไป ซึ่งอาจารย์ก็บอกอีกว่าระบบพวกนี้ มหาวิทยาลัยจ่ายประมาณปีละ 30,000 ปอนด์ แล้วให้นักเรียน 20 กว่าคนใช้กันอยู่ครับ ผมก็ได้ใช้เยอะอยู่ครับ เพราะหลายวิชาอาจารย์ก็บอกว่า เออ คุณมีข้อมูลตัวนี้แล้ว คุณต้องใช้นะ คือมันเป็นข้อมูลที่เราไม่เคยเข้าถึงได้มาก่อน
แล้วเราได้ใช้ Facility อื่นของมหาวิทยาลัยบ้างมั้ยคะ
Non: ถ้าตัว Facility อื่น ๆ ในมหาวิทยาลัย Surrey ตึกคณะทั่วไปก็คือใช้ห้องเรียน แต่ที่ว้าวคือห้องสมุดครับ ห้องสมุดที่นี่ใหญ่มาก แน่นอนว่าห้องสมุดก็ต้องมีหนังสือ แต่ว่าหลัง ๆ มาคนก็ไม่ค่อยได้พึ่งหนังสือแค่อย่างเดียวแล้วครับ ก็ไปพึ่ง Database Online บ้าง ห้องสมุดก็เลยจะออกไปทางเป็นพื้นที่ให้อ่านหนังสือครับ บางชั้นก็จะเป็นห้อง Study Area มันจะมีทั้ง Group Study หรือว่าถ้าจะนั่งเดี่ยว ๆ ก็มีเหมือนกัน แล้วเค้าก็มี Silent Study ด้วยสำหรับคนที่ต้องการความเงียบสงบ ก็จะเป็น Zone กั้นไว้ ตรงนั้นก็จะเงียบ ๆ เลยครับ ห้องสมุดก็คือดีมาก มี Notebook ให้ยืม หรือว่าถ้าเราพก Notebook มาเอง ก็มีปลั๊กให้ชาร์จโทรศัพท์ มีปลั๊กคอมให้พร้อมทุกที่นั่งเลยครับ ไม่มีปัญหาเลยถ้าจะยกคอมมาทำงานหรือมาทบทวนเนื้อหากับเพื่อน เค้าก็มีพื้นที่พร้อมให้หมดเลย พอห้องสมุดมันใหญ่ ที่นั่งมันก็เยอะตามไปด้วย จริง ๆ แอบไปเห็นห้องสมุดของเพื่อนที่ Bath แต่เห็นจากข้างนอก ก็ทักว่า ห้องสมุดแค่นี้เองเหรอ เพราะรู้สึกว่าเทียบกับห้องสมุดที่ University of Surrey จะมีประมาณ 5-6 ชั้นเลยครับ เป็นตึกห้องสมุดไปเลย ผมเองก็ไม่เคยขึ้นไปถึงชั้นบนสุดเหมือนกัน เพราะว่าขึ้นไปซัก 2-3 ชั้นก็มีที่นั่งว่างเยอะแยะแล้ว
Facility อย่างอื่น อย่าง Student Union หรือชมรม เป็นไงบ้าง
Non: จริง ๆ ที่เป็น Culture Shock อย่างหนึ่งคือ Student Union ของที่นี่ เค้าจะมีอำนาจในเรื่องต่าง ๆ ในมหาวิทยาลัยค่อนข้างเยอะครับ แม้กระทั่งรถบัสที่วิ่งเข้ามหาวิทยาลัย Student Union ก็เป็นฝ่ายเจรจาว่าต้องมีรถบัสสายไหนบ้าง ก็รักษาสิทธิ์ให้นักเรียนพอสมควรครับ แล้วก็อีกอย่างหนึ่งที่เค้าทำ คือเค้ามีผับในมหาวิทยาลัยครับ แล้วเค้าก็มีพวกร้านอาหารบางร้านที่ Student Union เป็นคนบริหารครับ บางทีก็มีร้านที่อยู่ในผับบ้าง ถ้าไปเข้าตอนกลางวันเป็นตอนที่ผับยังไม่เปิด แต่ร้านอาหารข้างในเปิด ก็เข้าไปทานข้าวได้ครับ
Support อื่นเป็นยังไงบ้าง อย่างพวก Career Support หรือ Health Support
Non: เท่าที่ทราบเนี่ย มหาวิทยาลัยน่าจะมีพวก Support ทางด้านสุขภาพจิตอยู่แล้ว แต่เราไม่ได้เป็นอะไร ตรงนี้
ก็เลยรีวิวไม่ได้ ไม่ได้ใช้เลยครับ (หัวเราะ) จริง ๆ ถ้าเรื่องหมอ มหาวิทยาลัยก็มี GP เล็ก ๆ อยู่ครับ แต่เราก็ยังไม่ได้ใช้ครับ
*สนใจเรียนต่อ University of Surrey ปรึกษาพี่ ๆ Hands On ฟรีทุกขั้นตอน คลิก
Career Support ได้ใช้บ้างมั้ย
Non: Career Support จริง ๆ ไม่ต้องออกไปไหนเลยครับ เพราะใน Class อาจารย์ก็เชิญ Guest Speaker มาให้ บางคนก็เป็นศิษย์เก่าที่พึ่งจบไป เค้าก็มาพูดแนะนำเรื่องหางาน ส่วนใหญ่ก็คือคนที่เค้าทำงานที่นี่ครับ บางคนก็จะไปทาง Graduate Route แล้วก็ทำงานอยู่ที่นี่เลย
มีเรื่องไหนอยากเล่าเพิ่มเติม เกี่ยวกับ University of Surrey มั้ยคะ
Non: คือมหาวิทยาลัยเค้าจะเปิดคอร์สเรียนภาษาต่างประเทศครับ นอกเหนือจากภาษาอังกฤษก็มีอีกหลายภาษาให้ลง ทั้งภาษาเยอรมัน ภาษารัสเซีย ภาษาอิตาเลียน ภาษาอารบิก ภาษาจีน ภาษาญี่ปุ่น อะไรแบบนี้ แต่เราสนใจภาษาญี่ปุ่นอยู่แล้วเลยไปลงเรียนครับ ก็เรียนฟรี เป็นตัวเลือกว่าถ้าอยากเรียนเพิ่ม ก็เป็นหน่วยกิตเพิ่มโดยที่มหาวิทยาลัยไม่ได้เก็บค่าใช้จ่ายเพิ่มอะไรครับ
คนเรียนเยอะมั้ยคะ
Non: คนเรียนใน Class ภาษาญี่ปุ่นประมาณซัก 20 กว่าคนครับ เป็น Class เล็ก ๆ พอเป็นภาษาที่คนไม่ได้ลงเรียนเยอะ โดยเฉพาะในอังกฤษ มันจะไม่เหมือนภาษายุโรปภาษาอื่น ๆ อาจารย์สอนก็จะมีแค่ท่านเดียว ก็จะเป็น Class เล็ก ๆ หน่อยนึง แต่อาจารย์ก็เป็นกันเองครับ
แล้วคลาสเรียนภาษาญี่ปุ่นมีการบ้านมั้ย
Non: ไม่มีนะครับ ภาษาญี่ปุ่นเค้าก็จะมีเก็บคะแนน 2 ตัว เป็นสอบพูดกับสอบเขียน สอบเขียนก็จะเป็น Open Book ส่วนสอบพูดก็ให้เราอัดคลิปพูดภาษาญี่ปุ่นตาม Scenario ที่เค้าให้มาครับ ก็เรียนสบาย ๆ
มี Level การเรียนการสอนแบ่งตั้งแต่พื้นฐานไปจนถึง Intermediate เลยมั้ย
Non: คอร์สภาษาเค้าจะแบ่ง Level เป็นประมาณ 5-6 Stage แล้วแต่ภาษาครับ บางภาษาก็ไม่ได้เปิดครบทุก Stage อย่างภาษาญี่ปุ่นก็มีแค่ Stage 1 กับ 2 แต่ว่าถ้าเป็นคอร์สภาษาที่มีคนเรียนเยอะๆ หน่อย มันก็จะมี Stage ตั้งแต่ 1-5 เค้าก็ไม่ได้กำหนดว่าเราต้องมีพื้นฐานอะไร เหมือนเราก็ต้องประเมินตัวเองว่าเราอยู่ Level ไหน แล้วก็ลงตามนั้นไปครับ
*สนใจเรียนต่อ University of Surrey ปรึกษาพี่ ๆ Hands On ฟรีทุกขั้นตอน คลิก
รีวิวเมือง Guildford
Non: Guildford เป็นเมืองที่มีทุกอย่างครับ มีร้านค้า มีธนาคารให้เราครบทุกอย่างเลย สงบ ปลอดภัย แต่ข้อเสียก็คือมันอาจจะน่าเบื่อ เป็นเมืองที่คนอยู่อย่างเดียว คือมันเป็นแถบทางใต้ คนส่วนใหญ่ก็จะเป็นคนมีเงิน คนฐานะดีครับ ผู้สูงอายุก็อายุค่อนข้างเยอะ ชาวเมืองก็เลยจะไม่ค่อยมีคนหนุ่มสาวเท่าไหร่ แต่ข้อดีก็คือจะปลอดภัยมาก ไม่อันตรายหรือน่ากลัวครับ ออกไปข้างนอกตอนกลางคืน ตี 1 ตี 2 ก็ไม่มีอะไร
ค่าครองชีพเป็นยังไงบ้างถ้าเทียบกับเพื่อนที่อยู่อีกเมือง
Non: จริง ๆ พอมันเป็นเมืองทางใต้ ค่าครองชีพมันก็จะแพงกว่าเมืองทางเหนืออยู่แล้วครับ บางทีเราซื้อข้าว เราเข้า Chip Shop ที่นี่ ซื้อ Fish and Chips จานนึงก็ 10-12 ปอนด์ ถ้ากินทางเหนืออาจจะไม่ถึง 8-9 ปอนด์ครับ ค่าครองชีพถ้าในส่วนของเมืองก็จะแพงกว่าทางเหนือหน่อยนึง แต่ก็ไม่ได้แพงอะไรมากครับ คือเป็นคนที่ไม่ได้ออกไปกินข้าวนอกหอพักเท่าไหร่ ก็เลยไม่ได้ Concern อะไรในส่วนนี้มาก
ส่วนฝั่งมหาวิทยาลัยเอง เรื่องร้านอาหาร โรงอาหารในมหาวิทยาลัย รวมไปถึงค่าหอ ที่นี่ถือว่าถูกมาก ๆ ครับ ถูกกว่าเพื่อนที่ Bath ครับ เพราะว่ากินข้าวในมหาวิทยาลัยเนี่ย 5.5 ปอนด์ก็ได้แล้ว ทั้ง ๆ ที่ช่วงนี้ก็เป็นช่วงที่ค่าครองชีพแพง
การใช้ชีวิตอยู่ที่หอสะดวกสบายดีมั้ย เดินทางไปมหาวิทยาลัยยังไง
Non: ของผม เพราะว่าเป็นหอที่คนไม่ได้อยู่กันเยอะ มันเป็นหอที่อยู่ทางเหนือออกไปนอกเมือง ถ้าเดินไปจาก Campus ก็ประมาณ 40-50 นาทีครับ แล้วก็ถ้านั่งรถบัส ต้องนั่งรถบัสเข้ามาที่เมืองแล้วก็เดินต่ออีกหน่อยนึง จริง ๆ เมื่อก่อนก็มีรถบัสวิ่งตรงเข้ามหาวิทยาลัย แต่ทีนี้เค้าขาดทุน ก็เลยเลิกวิ่งไปครับ ก็เลยกลายเป็นรสบัสวิ่งเข้าเมืองแทน เราก็ต้องเดินต่ออีกนิดนึง แต่ไม่ได้ลำบากอะไรครับ ก็ยังสะดวกอยู่ ถ้าเทียบกับที่ไทย ไซส์เมืองมันคนละไซส์ ที่นี่มันเป็นเมืองเล็ก เราก็ต้อง Schedule ตามรถบัสนิดนึง ทุก 20 นาทีอะไรแบบนี้ ต้องวางแผนหน่อยนึง แต่รอบรถก็ค่อนข้างถี่ครับ
ได้ไปเที่ยวที่เมืองอื่นบ้างมั้ย
Non: ไปครับ เพราะว่า Guildford เนี่ย Location มันค่อนข้างใกล้ London ก็คือนั่งรถไฟจากสถานี Guildford เข้า London ที่สถานี Waterloo ก็แค่ 40 นาทีเองครับ (หัวเราะ) คือ Location ของ Guildford มันค่อนข้างดีมาก แล้วเราเป็น International Student เรานั่งเครื่องบินมา เราก็ลงที่ Heathrow เค้าก็มีรถทัวร์วิ่งรับส่งทั้งวัน คือวิ่งต่อเดียวเลยไม่ต้องต่อรถอะไร วางกระเป๋าก็สะดวก หรือว่าถ้าเราลงเครื่องที่ Gatwick ก็มีรถไฟวิ่งตรงมาที่ Guildford เลย ก็คือสะดวกทั้ง Heathrow ทั้ง Gatwick ถ้าเราเดินทางไปไหนมาไหน หรือจะไปเที่ยวที่อื่น ก็นั่งรถไฟไปขึ้นเครื่องบินที่สนามบิน Gatwick ได้
บางทีมี Event หรือไปเที่ยวกับเพื่อนที่ London เพื่อนก็จะนั่งรถไฟจาก Bath มาเจอกันที่ London ครับ นอกจากนั้นก็ไปเที่ยวทั่วประเทศมา ก็คือจาก Guildford นั่งรถไฟไปหาเพื่อนที่ Bath แล้วเราก็ขึ้นไปที่ Liverpool แล้วก็ไป York กลับลงมา Oxford แล้วก็เข้า London ก็คือเที่ยวรอบ ๆ ครับ
ชอบเมืองไหนในอังกฤษมากที่สุด
Non: จริง ๆ ชอบ Liverpool นะครับ พอได้ไปเห็นมาแล้วทั้ง Liverpool ทั้ง York พวกเมืองทางเหนือเนี่ย พอไปกินข้าวตามร้านอาหาร ค่าอาหารถูกกว่าพอสมควรครับ ไปกิน Chip Shop ที่ York เนี่ย 8 ปอนด์ก็ได้กินแล้ว ก็ถูกกว่าพอสมควรครับ
*สนใจเรียนต่อ University of Surrey ปรึกษาพี่ ๆ Hands On ฟรีทุกขั้นตอน คลิก
การเตรียมตัวเรียนต่อกับ Hands On
ก่อนหน้านี้เรียนอะไรมาถึงเรียนต่อ MSc Air Transport Management
Non: ตอนปริญญาตรีเรียนการจัดการเทคโนโลยีการบินที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ก็มาเรียนต่อสายเดิมเลยครับ จริง ๆ เรื่องของเรื่องคือ เดิมทีอาจารย์ที่ ม.เกษตร เค้าก็จบมาจากที่อังกฤษเยอะเหมือนกันครับ ส่วนใหญ่ก็จะจบจาก Cranfield University ตอนยื่นผมก็ยื่นที่ Cranfield, Westminster แล้วก็ที่ Surrey เป็นคอร์สเดียวกันหมดเลย แต่ก็สรุปว่าเลือกที่นี่ แล้วพอได้มาอยู่ที่นี่ก็สบายดีครับ มีทุกอย่างพร้อมเลยครับ
ไม่คิดเรียนสาขาอื่นเลยเหรอคะ หรือว่าเราตั้งใจไว้เลยว่าจะต่อยอดทางด้านนี้
Non: จริง ๆ สนใจด้านนี้อยู่แล้วครับ แล้วที่อังกฤษมันก็มีคอร์สเรียนที่มันค่อนข้างเฉพาะทางไปเลย พอมาเรียนก็รู้สึกว่าตัดสินใจถูก เพราะที่นี่ดีเกินคาดเลยครับ ดีเกินโฆษณา คือไม่ตรงปกเลยเพราะว่าดีเกินจริงครับ (ยิ้ม)
เริ่มเตรียมตัวเรียนต่อยังไง
Non: ปรึกษาเพื่อนอย่างเดียวเลยครับว่ายื่นยังไงนะ ใช้ Agency หรือว่าควรยื่นเอง เพื่อนก็แนะนำ Hands On มาครับ หลังจากนั้นก็ติดต่อ Hands On ไป บอกว่าสนใจคอร์สนี้นะ พี่ Hands On ก็ช่วยแนะนำมาว่ามีมหาวิทยาลัยไหนบ้าง ก็เลยยื่นไปทั้งหมดเลยครับ เราก็ไม่ได้เตรียมตัวอะไรมากเท่าไหร่ เอกสารอะไรที่ต้องใช้ก็ส่งไป แล้วก็ไปสอบ IELTS ครับ คือไม่ได้เตรียมตัวอะไร ไปสอบก็ผ่านตั้งแต่รอบแรก ไม่มีปัญหาอะไรเลยครับ แล้วตอนแรกก็คิด ๆ ชั่งใจอยู่ครับว่าจะเอายังไงดี คือก็อยากมาเรียน แต่ว่าพอมีเพื่อนมาแล้ว มันก็มีคนให้ปรึกษาครับ เวลามีปัญหาอะไรก็ปรึกษากันได้ด้วย คิดว่าถ้าไม่เรียนปีนี้ มันก็จะว่างไปปีนึงครับ ยังไม่ได้คิดเรื่องทำงานครับ ไหน ๆ จะเรียนแล้วก็เลยจะเรียนต่อจากปริญญาตรีให้จบไปเลย
แล้วพี่ Hands On ช่วยเหลืออะไรอีกบ้างคะ
Non: ช่วยเรื่องเตรียมเอกสารสมัครเรียน เอกสารยื่นขอ Visa ครับ ก็คือเราแค่เตรียมเอกสารส่งให้ทีม Visa ของ Hands On ไป Upload ในระบบครับ ส่วนเราก็ Print เอกสารของเราไปโผล่ที่ VFS อย่างเดียว คือเราแค่จ่ายเงินแล้วก็ไปยื่น Visa ไม่ได้มีอะไรมาก ก็สะดวกดีครับ ตอนนั้นคือไม่ได้คุย Agency อื่นเลยครับ เพราะเพื่อนแนะนำ Hands On มา ก็เลยคุยกับแค่ Hands On เลย เพื่อนที่อยู่ Bath 2 คนก็มากับ Hands On เหมือนกัน ก็เลยเลือกใช้ Hands On เพราะว่ามีคนลองให้แล้ว (หัวเราะ)
มีอะไรที่อยากแชร์เพิ่มเติมเกี่ยวกับการมาเรียนต่อที่อังกฤษมั้ยคะ
Non: ก็ Happy ดีครับ คือค่อนข้าง Surprise เพราะคนอังกฤษ Friendly มาก ๆ คือคนอังกฤษไม่ได้เป็นคนที่สุภาพแค่อย่างเดียว แต่เค้าให้ความเป็นกันเองด้วยครับ
