รีวิว MSc Data Science ที่ City, University of London โดย Nut

  • Share this:

แนะนำตัวเองให้รู้จักหน่อยค่ะ

สวัสดีครับผมชื่อนัท เรียน MSc Data Science อยู่ที่ City, University of London ครับ

รีวิว MSc Data Science ที่ City, University of London

นัท: คือคอร์ส Data Science ของ City, University of London มีเนื้อหาหลักสูตรที่ค่อนข้างกว้างและลงลึก โดยเราเรียนจบไปแล้วสามารถจะทำงานได้มากกว่าแค่ Data Science เพราะเค้าจะมีวิชาที่เกี่ยวข้องกับพวก Data Engineer, Big Data และ Cloud Computing ด้วย หรือถ้าอยากจะเปลี่ยนไปทำ AI Engineer ก็สามารถจะทำได้เหมือนกัน เพราะว่าในคอร์สก็จะมีหลายวิชาที่เรียนเกี่ยวกับ AI อย่าง Neurocomputing ซึ่งเป็นวิชาที่ผมชอบที่สุดเลย เนื้อหาค่อนข้างกว้าง คือเราเรียนตั้งแต่ Basic ของมันเลยว่าเราจะ Code ยังไงให้คอมพิวเตอร์คิดได้เหมือนมนุษย์ แล้วก็ลงลึกมาก ๆ ไปจนถึงเทคโนโลยีใหม่ ๆ Algorithm ใหม่ ๆ ที่มัน Base ขึ้นมาจากตัว Neural Network นะครับ แล้วก็จะมีวิชาอย่าง Computer Vision และ NLP (National Language Processing) ที่เราเรียนไปแล้วสามารถนำไป Apply กับการทำงานกับ AI ได้นะครับ วิชาเลือกก็จะมีค่อนข้างหลายหลาย คือแทบจะตอบโจทย์ทุกอย่างที่เราจะเรียน แล้วสามารถไปต่อยอดในการทำงานได้ครับ

มาเรียนที่นี่เป็นยังไงบ้าง ตรงตามที่เราคาดหวังมั้ย

นัท: มีทั้งเกินกว่าที่เราคาดหวังและมีบางอันที่ก็อาจจะไม่ได้ตรงกับที่เราคาดหวังบ้าง เพื่อน ๆ ที่มาเรียนค่อนข้างมีประสบการณ์ ทุกคนก็ทำงานอยู่ในวงการนี้อยู่แล้ว และก็มีบางคนที่เปลี่ยนสายเข้ามาเรียนเหมือนกัน ทำให้เราได้มุมมองค่อนข้างหลากหลาย

ส่วนคอร์สเรียนก็จะแบ่งเป็น 2 แบบ คือเป็นคอร์สแบบ Lecture คือจะให้ทุกคนในสาขาไปนั่งเรียน เป็นห้องใหญ่ ๆ ประมาณ 70-80 คน พอจบ Lecture ประมาณ 2 ชั่วโมงเสร็จก็จะมีคลาสที่เป็น Tutorial โดยเค้าจะแบ่ง 80 คนนี้ออกเป็น 4 กลุ่ม กลุ่มละประมาณ 20 คนไป Tutorial ซึ่งเหมือนกับการเข้าห้อง Lab โดยนำสิ่งที่เรียนในห้อง Lecture ไปเขียนโปรแกรมจริง ๆ ครับ และในแต่ละสัปดาห์ก็จะมีให้ทำการบ้านมาส่ง คือมีเวลา 1 สัปดาห์ในการเขียนโปรแกรม หาข้อมูลหาตัวเลขมาส่งเค้าในแต่ละสัปดาห์ ก็เป็นวิธีการเรียนที่ทำให้เราค่อนข้างได้ฝึกมาก ไม่ใช่แค่เรียนได้นั่งฟังอย่างเดียว ค่อนข้างจะเป็นภาคปฏิบัติในระดับหนึ่งเลย แล้วก็อาจจะต้องเรียนรู้ด้วยตัวเองเยอะหน่อย แต่คนที่เรียนทางสายเทคโนโลยีน่าจะค่อนข้างคุ้นเคยอยู่แล้ว เพราะว่าเทคโนโลยีมันค่อนข้างไปไว แล้วก็หลาย ๆ อย่างไม่สามารถสอนในห้องได้ ต้องอาศัยการไปทำเอง แล้วก็ได้เรียนเรื่อง Search Google เยอะ รวมถึง Chat GPT ด้วย ซึ่งก็ได้ใช้ Chat GPT มาช่วยในการเรียนพอสมควรครับ เป็นประสบการณ์ที่ดีครับ (ยิ้ม)

บรรยากาศในห้องเรียนและเพื่อนในห้องของเราเป็นยังไงบ้าง

นัท: บรรยากาศในห้องเรียนค่อนข้างดีมากครับ เพราะว่าหนึ่งคือด้วยความที่นักเรียนค่อนข้างหลากหลาย มาจากหลายสัญชาติ ในคลาสประมาณ 80 คน มีเอเชียประมาณ 10 คน เป็นคนไทย 2 คน คือมีผมกับกับน้องคนไทยอีกคนหนึ่ง แล้วก็จะมีจีน เกาหลี มาเลเซีย ประมาณนี้ครับ แล้วส่วนใหญ่ก็จะมีคนอินเดียน่าจะประมาณสัก 20 กว่าคน ซึ่งเป็นปกติที่สายเทคโนโลยีคนอินเดียจะค่อนข้างเยอะ แล้วก็มีจากฝั่งอเมริกาข้ามฝั่งมาเรียนด้วยค่อนข้างเยอะครับ ที่เหลือก็จะเป็นคนอังกฤษกับยุโรป เป็นความหลากหลายที่ลงตัวมาก ทำให้ตอนเรียนก็จะไม่ Culture ใด Culture หนึ่งที่ Dominate Class น่ะครับ ทุกคนจะแชร์ประสบการณ์ในมุมของตัวเองขึ้นมา

อาจารย์ที่สอนเราโหดมั้ย

นัท: อาจารย์ไม่โหดครับ เค้าก็จะมีหน้าที่เข้ามาพูดบรรยาย ให้เราฟังอย่างเดียว (หัวเราะ) ใช่ครับ เค้าก็มาเล่า แต่ด้วยความคอร์สค่อนข้างจะเป็นแบบผู้ใหญ่เรียนหน่อย ซึ่งทุกคนก็จะเคารพกัน ไม่รบกวนส่งเสียงดังอะไรแบบนี้ครับ บางครั้งก็อาจจะมีคนที่หลุดแบบที่ฟังไม่ทันบ้าง แต่เค้าก็จะนั่งเงียบ ๆ ไปไม่ได้รบกวน ในคลาสก็บรรยากาศค่อนข้างดีครับ อันที่เป็น Tutorial เราเข้าไปทำห้อง Lab ครับ ตอนที่เขียนโปรแกรมก็จะมี TA คล้าย ๆ กับผู้ช่วยของ Lecture มาประกบคอยให้คำแนะนำ เราสงสัยตรงไหนก็จะยกมือถามได้ เช่น เราเขียน Program ตรงนี้ไม่ได้ เราแก้สูตรคณิตศาสตร์ตรงนี้ไม่ได้ เราก็จะยกมือถามเค้า เค้าก็จะมาคอยช่วยครับ

แล้ว Assignment ส่วนใหญ่เป็นงานเดี่ยวหรืองานกลุ่มคะ

นัท: จะมีทั้ง 2 แบบครับ แต่ด้วยความที่คอร์ส Data Science จะเขียนโปรแกรม หรือเกี่ยวกับคณิตศาสตร์เยอะ มันก็จะหนักไปที่งานเดี่ยวครับ ก็จะมีงานกลุ่มด้วย แต่ไม่เยอะ ประมาณสัก 20% ของทั้งหมด แต่ว่า Coursework แทบทั้งหมดจะเป็นงานเดี่ยวครับ

แล้วมีพรีเซนต์งานบ้างครับ แต่ก็ด้วยความที่คลาสค่อนข้างใหญ่ประมาณ 70-80 คน เค้าเลยจะให้อัดวิดีโอไป สมมติเราทำงานเสร็จเรียบร้อยแล้ว เราเขียน Essay เขียนโปรแกรมเสร็จ เราก็จะทำเป็น Video Showcase ขึ้นไปสัก 10 นาที โดยนำไฮไลต์มาเล่าให้ฟังว่าเราเขียนอะไรไปบ้าง เราจะ Present อะไร และอะไรเป็น Inside ที่เราได้จาก Project นี้

*สนใจ เรียนต่อ City, University of London ปรึกษาพี่ ๆ Hands On ฟรีทุกขั้นตอน คลิก

เล่าเรื่องวิชาที่ชอบที่สุดให้ฟังเพิ่มเติมหน่อยได้มั้ยคะ  

นัท: วิชาที่นี่ มีให้เรียนค่อนข้างหลากหลาย เป็นคอร์ส Data Science ที่ไม่ได้เรียนแค่ Data Science แต่จะมีไปแตะ AI บ้าง ไปแตะ Data Engineer บ้างนะครับ วิชาที่ชอบที่สุดก็จะเป็น Neural Computing ซึ่งเป็นวิชาที่คล้าย ๆ กับการเขียนโปรแกรมให้คอมพิวเตอร์สามารถเลียนแบบการคิดของมนุษย์นะครับ เหมือนที่เราพยายามที่จะเลียนแบบสมองของมนุษย์แล้วก็ทำให้คอมพิวเตอร์มันคิดเหมือนมนุษย์ได้ เป็นเหมือนพื้นฐานของ Chat GPT, Gemini อะไรพวกนี้ครับ อันนี้เราจะได้เรียนตั้งแต่ Basic เลย คือตั้งแต่ที่ Algorithm นี้ เมื่อ 30-40 ปีที่แล้วเค้าคิดขึ้นมาได้ยังไง แล้วก็ไล่มาเรื่อย ๆ ในช่วง 11 สัปดาห์จนถึงสัปดาห์สุดท้ายก็จะเริ่มเป็นเรื่องเทคโนโลยีใหม่ ๆ แล้ว ซึ่งจะอยู่ใน Feel ของการวิจัย ค่อนข้างจะเป็นประโยชน์มาก โดยเทคโนโลยีใหม่ ๆ ลึก ๆ ก็จะอยู่ในวิชานี้

ส่วนวิชาที่ไม่ถนัดอาจจะเป็นพวกแนว Cloud Computing ซึ่งคนที่อยู่ในสายเทคโนโลยีอาจจะเข้าใจดีว่าเมื่อก่อนเวลาที่เราจะเก็บข้อมูลก็จะเก็บอยู่บน Server ขององค์กรของเราเอง แต่ว่าในยุคปัจจุบันก็จะไม่นิยมตั้ง Server ที่องค์กรแล้ว บริษัทใหม่ ๆ ก็จะนิยมไปเช่าพื้นที่บนสิ่งที่เรียกว่าเป็น Cloud ก็จะมีวิชาที่เกี่ยวกับ Cloud Computing อย่างพวก Big Data อาจจะเป็น Skill ทางด้าน Data Engineer เยอะหน่อย เลยอาจจะไม่ใช้สิ่งที่เราถนัด แต่เป็นประโยชน์ครับ

แล้ววิชาเลือก เราเลือกเรียนวิชาอะไรไปคะ

นัท: วิชาเลือกมีให้เลือกประมาณ 10 วิชา แต่เราเลือกได้ 2 วิชา ซึ่งผมเลือก Computer Vision กับ NLP (National Language Processing) นะครับ ซึ่งตัว Computer Vision ก็คือการที่เรานำภาพหรือวิดีโอมา Process หรือเลียนแบบการมองเห็นของมนุษย์ อย่างมนุษย์เราใช้ตามอง มองเสร็จแล้วเราก็ส่งสิ่งที่เราเห็นเข้าไปในสมองเพื่อไปประมวลผลต่อ ตัว Computer Vision ก็จะคล้าย ๆ กัน คือเราใส่วิดีโอหรือใส่ภาพเข้าไปแล้วเราก็จะเขียน Algorithm ให้คอมพิวเตอร์ประมวลผลว่าภาพหรือวิดีโอที่เราเห็นมันคือะไร หรือคนในวิดีโอกำลังทำอะไรอยู่นะครับ

ส่วน NLP ก็จะเป็นวิชาที่เกี่ยวข้องกับภาษาหรือคำศัพท์ที่มนุษย์ใช้ นึกภาพง่าย ๆ ก็คล้าย ๆ ตัว Chat GPT ครับ เรามีข้อความหรือ Text ขึ้นมาแล้วใส่ในคอมพิวเตอร์ แล้วคอมพิวเตอร์ก็จะประมวลผลว่าข้อความนี้เค้าพูดอะไรและควรที่จะทำอะไรต่อจากข้อความ เช่น สมมติว่าเรามีข้อความ ๆ หนึ่งเป็นคำสั่งเข้าไปในคอมพิวเตอร์ แล้วคอมพิวเตอร์ก็จะนำคำสั่งนี้ไปประมวลผลต่อ ก็เป็น 2 วิชาเลือกที่ฮิตที่สุดในคอร์ส Data Science ซึ่งตอนเรียนก็จะมีเพื่อน ๆ จากภาควิชาอื่น ๆ มาเรียนด้วยเหมือนกัน เช่น จาก MSc AI โดยตรง หรืออาจจะ Computer Science อะไรพวกนี้ก็จะแชร์ Elective Module ด้วยกันครับ

*สนใจ เรียนต่อ City, University of London ปรึกษาพี่ ๆ Hands On ฟรีทุกขั้นตอน คลิก

 

รีวิว City, University of London

คอร์สนี้มีหลายมหาวิทยาลัยเปิดสอน ทำไมเราถึงเลือกเรียนต่อที่นี่คะ

นัท: เกณฑ์แรกที่เลือกที่ City, University of London คือ เราเลือกมหาวิทยาลัยที่อยู่ใน London เป็นหลักก่อน ด้วยไลฟ์สไตล์และความชอบ และ City ค่อนข้างจะอยู่ใจกลางเมืองของ London เลยทำให้ค่อนข้างเดินทางสะดวก ไปไหนมาไหนง่ายครับ แล้วก็อย่างที่สองเราดูที่หลักสูตรของคอร์สที่เราเรียน

แล้วคือตอนที่เราเลือกมหาวิทยาลัย ด้วยความที่เราก็ทำงานมาหลายปีแล้วก่อนที่จะมาเรียนนะครับ เราเลยคิดว่า Ranking ไม่ได้เป็น Factor แรกที่เราเลือก เพราะว่าเรามีประสบการณ์ทำงานมาค่อนข้างหลายปีแล้ว อันดับของมหาวิทยาลัยมันไม่ได้ไป Effect กับ Resume เราขนาดนั้นแล้วตอนที่เราจะกลับไปทำงานหรือหางานน่ะครับ เราก็เลยเลือกดูที่ทำเลของมหาวิทยาลัยกับโครงสร้างของคอร์สเป็นหลัก 

รีวิวให้ฟังหน่อย มหาวิทยาลัยเค้ามี Support อะไรให้เราบ้าง

นัท: ทางมหาวิทยาลัยก็ค่อนข้าง Support Facility ได้ดีมากครับ จริง ๆ ก็จะคล้าย ๆ กันกับมหาวิทยาลัยอื่น ๆ ก็จะมีห้องสมุดที่เราสามารถไปได้ตลอดเวลา ไปใช้เวลาทำงานที่นั่นได้ รวมถึงการเรียน Data Science ก็จะต้องมีการใช้ Software ใช้เทคโนโลยีในการนำมาทำงาน ทางมหาวิทยาลัยก็จะ Support พวก License ให้ เราไม่ต้องเสียเงินในการซื้อใช้เองนะครับ แล้วก็จะมีบริการจากทางมหาวิทยาลัยหลาย ๆ อย่าง เช่น สมมติเราเครียดก็จะมีทีมที่คอยให้คำแนะนำคอยฟัง ซึ่งก็จะมีเพื่อน ๆ ไปใช้บริการเยอะเหมือนกัน ช่วงที่เรียนเข้ม ๆ หนัก ๆ หน่อยก็อาจเกิดความเหนื่อยล้าทางจิตใจขึ้นมาสำหรับหลาย ๆ คน เค้าก็จะมีคนคอยรับฟังครับ แล้วก็จะมีการบำบัดด้วยธรรมชาติครับ ก็คือสมมติเครียด ๆ ก็จะมีเครื่องดื่มสีเหลืองเย็น ๆ ซ่า ๆ หน่อยในการคลายเครียดให้ฟรีด้วยครับ (หัวเราะ) คือทางมหาวิทยาลัยเค้าจะมี Event ในแต่ละเดือนเป็น Postgrad Event โดยนำเด็กที่เรียนคอร์สปริญญาโทมาเจอกัน ดื่มเบียร์กันอะไรแบบนี้ครับ (ยิ้ม)

แล้วก็จะมี Event หนึ่งที่ชอบมากก็คือในภาคคอมพิวเตอร์ทุกสาขาจะมี Event ที่เรียกว่า Free Pizza ซึ่งเค้าจะรวมคนที่เรียนในภาคคอมพิวเตอร์มารวม ๆ กัน แล้วก็จะมีอาจารย์ที่เป็นเหมือนหัวหน้าภาควิชามารับฟัง Feedback ของคนที่เรียนว่าชอบอะไรบ้าง ไม่ชอบอะไรบ้าง แล้วเค้าก็จะนำ Feedback นี้ไปปรับปรุง ก็จะมีเพื่อน ๆ หลายคนให้ Feedback กับอาจารย์ไป แล้วเค้าก็ค่อนข้างรวดเร็วในการนำ Feedback นี้ไปปรับใช้ครับ โดยรวมแล้วเป็นมหาวิทยาลัยที่ค่อนข้าง Support นักศึกษาได้ดี คอยรับฟังและช่วยเหลือครับ

แล้วเราได้ใช้ Service หรือ Career Support ของมหาวิทยาลัยบ้างมั้ยคะ

นัท: ไม่ค่อยได้ใช้ครับ แต่ว่าก็จะมีที่เค้าเสนอให้ใช้บริการค่อนข้างเยอะเหมือนกันครับ อย่างเช่น โดยพื้นฐานทั่วไป อย่างการแนะนำการเขียน Resume หรือช่วยให้คำแนะนำเรื่องการสัมภาษณ์ เรื่องของวีซ่าหลังเรียนจบแล้วอยากจะต่อวีซ่าแบบไหนอะไรแบบนี้ เค้าก็จะมีทีม Career Support คอยให้คำแนะนำคอยให้ข้อมูล หรือถ้าใครสงสัยเรื่องการลงทะเบียนนู่นนี่ เพราะในอังกฤษอย่างที่เรารู้กันดีว่าจะมีการลงทะเบียนเยอะ อย่างเจ็บไข้ได้ป่วยก็จะต้องลงทะเบียน เค้าก็จะมีทีมให้คำแนะนำ เผื่อสมมติเด็กที่เป็น International ก็จะไม่ค่อยรู้มากเท่าคนอังกฤษเนอะ ซึ่งเป็นปกติอยู่แล้ว เรามาอยู่ที่อังกฤษเราก็จะไม่ได้รู้ว่าอยากได้สิ่งนี้เราต้องลงทะเบียนอะไร เค้าก็จะมีทีมคอยให้คำแนะนำครับ โดยรวมสะดวกสบาย ของหายก็ได้คืนเป็นเรื่องปกติ ถ้าเป็นที่มหาวิทยาลัยนะครับ ส่วนใหญ่ก็จะได้คืนครับ

เล่าเรื่อง Lab ของคณะ Data Science ให้ฟังเพิ่มเติมหน่อย เป็นยังไงบ้างคะ

นัท: เป็นคำถามที่ดีครับ เพราะว่า Facility พวกอุปกรณ์เป็นสิ่งหนึ่งที่สำคัญสำหรับการเรียน Data Science ครับ รวมถึงการหรือเรียน AI หรือการเรียน Data Engineer อะไรพวกนี้ ตัวอุปกรณ์ค่อนข้างสำคัญ ยกตัวอย่างเช่น เราจะ Train AI หรือ Train Model มันก็จะต้องอาศัยการใช้ GPU ในการ Train ข้อมูล ซึ่งคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลทั่วไป จะยี่ห้อไหนก็ตาม ไม่ว่าจะ MacBook Pro ตัวท็อปอะไรแบบนี้มันก็ไม่เพียงพอ แต่ทางมหาวิทยาลัยก็จะมี Lab เพื่อ Provide อุปกรณ์เหล่านี้ให้เราในการใช้ Train ข้อมูล หรือพวก Software ต่าง ๆ บางอันก็ตัว License บางโปรแกรมก็เป็นหลักแสนหลักล้านบาทครับ เราก็สามารถที่จะใช้ได้ฟรีในช่วงที่เราเป็นนักศึกษา

และสำหรับตัวอุปกรณ์นอกจากในห้อง Lab ที่เราสามารถเข้าไปใช้คอมพิวเตอร์ได้ฟรีแล้ว ในห้องสมุดก็จะมีคล้าย ๆ กับเป็น Free Computer ให้เราเข้าไปนั่งใช้ได้ครับ ซึ่งตัวอุปกรณ์ก็มีสเปคค่อนข้างดีครับ ซึ่งผมก็ใช้บ้างครับ แต่ไม่ได้ใช้เป็นหลัก เพราะว่าอาศัยใช้คอมพิวเตอร์ของเราเป็นหลักครับ เพราะเราได้ License ของโปรแกรมมาใช้แล้ว โดยเค้าจะให้ Key สำหรับเข้าใช้ Software มากรอกครับ ก็ใช้เพลินดีครับ

*สนใจ เรียนต่อ City, University of London ปรึกษาพี่ ๆ Hands On ฟรีทุกขั้นตอน คลิก

 

รีวิวเมือง London

นัท: London ก็เป็นเมืองที่ค่อนข้างจะเป็นมิตรกับคนต่างชาติในระดับหนึ่งนะครับ ก็ใช้ชีวิตอยู่ไม่ยาก ปรับตัวไม่ยาก ด้วยความที่ระบบหลาย ๆ อย่างของเมืองไทยเราก็ค่อนข้างคล้ายคลึงกับอังกฤษเนอะ การขับรถเลนเดียวกัน หรือการวัดผล การวัดหน่วยเป็นเซนติเมตร กิโลกรัมอะไรแบบนี้มันค่อนข้างเหมือน ๆ กัน เราอยู่ใน London เลยก็ไม่ต้องปรับตัวเยอะ จะซื้อน้ำซื้ออะไรแบบนี้มันก็เป็นหน่วยลิตรที่เราคุ้นชิน แล้วก็เรื่องกินดื่มอะไร ทุกคนก็คงรู้ดีอยู่แล้วว่าอยู่ใน London ค่อนข้างสะดวก สำหรับเรื่องที่เที่ยวนั้นด้วยความเป็นนักศึกษาที่ London ก็ทำให้เราได้ส่วนลดอะไรหลาย ๆ อย่างนะครับ ร้านอาหารหลาย ๆ ร้านที่นี่เค้าก็จะให้ส่วนลดนักเรียน พวก Museum ใน London จะมี 2 แบบคือแบบที่ฟรีไปเลยกับแบบที่คิดเงิน ซึ่งก็จะคิดแพงไปเลย ไม่ค่อยมีตรงกลาง แต่อันที่เป็นแพง ๆ เราก็จะใช้บัตรนักศึกษาหรือบัตรนักเรียนขอส่วนลดได้ บางที่ก็ให้ 10-15% ครับ ซึ่งค่อนข้างจะคุ้มค่าครับ หรือร้านอาหารหลาย ๆ ร้านก็จะมีโปรโมชั่นที่จะให้ส่วนลดกับนักเรียนครับ (ยิ้ม)

มาอยู่ London แล้ว ใช่อย่างที่เราคาดหวังมั้ยคะ

นัท: ใช่ครับ London ก็เป็นเมืองแรกที่เราเลือก แล้วจริง ๆ ก็เป็นเมืองเดียวที่เราเลือกด้วยครับ ก็โอเคตามที่คิดไว้การเดินทางก็สะดวก คนที่นี่เค้าก็จะมีอยู่ 2 อย่าง คือจะบ่นอยู่ตลอดเวลา เรื่องที่หนึ่งก็คือเรื่องแพง กับเรื่องที่สองคือฝนตกครับ มันก็เป็น 2 อย่างที่เราหลีกหนีจากที่นี่ไม่ได้ (หัวเราะ) แต่นอกจาก 2 เรื่องนี้แล้วที่เหลือก็ค่อนข้างจะโอเคครับ เป็นเมืองที่ใช้ชีวิตอยู่ไม่ยาก

แล้วได้ไปเที่ยวเมืองอื่นบ้างมั้ยคะ

นัท: ไม่ค่อยได้ไปครับ มีไปน้อยมาก ก็ส่วนใหญ่ไม่ค่อยได้เที่ยวด้วย ปกติเป็นคนเที่ยวแบบเที่ยวในเมืองครับ ด้วย Lifestyle ค่อนข้าง City Boy หน่อย วันเสาร์ก็จะไม่ค่อยมีสติ (หัวเราะ) ก็เลยไม่ค่อยได้ออกไปเที่ยวครับ

แล้วก็อีกเรื่องที่เรา Happy มาก (ยิ้ม) เวลาเราไปซื้อเครื่องดื่มมึนเมา เค้าก็จะมีการเช็กอายุก่อน ตอนอยู่ไทยก็จะไม่ค่อยโดนเช็ก เพราะเค้าคงรู้อยู่แล้วว่าอายุเราเกิน แต่ว่าพออยู่ที่อังกฤษ ด้วยความหน้าเอเชียหน้าตาเราก็เลยจะดูเด็กหน่อยหนึ่งนะครับ ทำให้ Happy มาก เค้าก็จะขอดูบัตรเพื่อเช็กอายุครับ เด็กเอเชียก็จะโดนเกือบทุกคน เพราะว่าเราจะหน้าตาดูเด็ก เค้าก็จะไม่ค่อยเชื่อว่าเกิน 25 ปีแล้วครับ Happy ครับ (หัวเราะ)

*สนใจ เรียนต่อ City, University of London ปรึกษาพี่ ๆ Hands On ฟรีทุกขั้นตอน คลิก

 

การเตรียมตัวเรียนต่อ กับ Hands On

รู้จักพี่ ๆ Hands On ได้ยังไงคะ

นัท: ก็น่าจะเหมือนหลาย ๆ คนครับ รู้จักพี่ ๆ Hands On จาก Search หาข้อมูลใน Google แล้วก็โทรคุยกัน พี่ ๆ Hands On ก็ช่วยน่าจะทุกอย่างเลยครับ คือตอนแรก ๆ เราก็ไม่รู้อะไรมากในการสมัครเรียนครับ จากวันที่ติดต่อครั้งแรกจนถึงเสร็จสรรพก็น่าจะประมาณไม่เกิน 2 เดือน เตรียมเอกสารและหาข้อมูลกันไม่นานมาก พี่ ๆ Hands On ก็ให้คำแนะนำ ช่วยดูเอกสาร แล้วก็คอยตามว่าเราถึงไหนแล้ว ก็เป็นคำแนะนำที่ดีครับ

แล้วด้วยความที่พี่ Hands On ทำงานวันเสาร์ด้วย ก็เลยทำให้ค่อนข้างตอบโจทย์คนทำงาน ตรงที่วันจันทร์ถึงศุกร์ถ้าเราจะนั่งเปิดดูคอร์สเรียนที่ออฟฟิศก็คงจะดูเขิน ๆ หน่อย โต๊ะข้าง ๆ ก็อาจจะแซวได้ คนที่สมัครก็คงอยากเก็บเป็นความลับก่อนในช่วงแรกเนอะ (ยิ้ม) เราก็เลยมานั่งดูวันเสาร์-อาทิตย์แล้วก็ติดต่อ คุยกันกับพี่ ๆ Hands On ช่วงวันหยุดแทน เลยค่อนข้างตอบโจทย์ครับ

แล้วพี่ Hands On แนะนำมหาวิทยาลัยให้ยังไงบ้างคะ หรือเรามีมหาวิทยาลัยในใจก่อนแล้วค่อยมาติดต่อ Hands On

นัท: ไม่ครับ เรามีคอร์สที่เราอยากเรียนก่อน แล้วทางพี่ Hands On ก็จะส่ง List ของมหาวิทยาลัยที่มีคอร์สนี้มาให้ ส่ง List ของคอร์สที่เค้าคิดว่าน่าจะตรงกับที่เราต้องการมาให้ แล้วก็เลือกจาก List ที่ส่งให้ พี่เค้าก็จะส่งให้เยอะครับ ประมาณเกือบ 10 มหาวิทยาลัยได้ แล้วก็มานั่งเลือกอีกที สุดท้ายก็จะเหลือประมาณ 3-4 ที่ แล้วเราก็สมัครไปครับ

เล่าเรื่อง Pre-departure Briefing ให้ฟังบ้าง เราได้เข้าร่วมกิจกรรมปฐมนิเทศก่อนเดินทางมั้ย

นัท: งานนั้นเรียกว่า Pre-departure ใช่มั้ยครับ (หัวเราะ) เป็นงานที่สนุกครับ จำได้ว่าเป็นเหมือนงานปาร์ตี้ก่อนมาเรียนประมาณ 1-2 เดือน ก็ได้ไปร่วมงานนั้นด้วย ทำให้ได้เจอเพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ที่จะมาเรียนที่อังกฤษด้วยกัน ได้มาทำความรู้จักกันก่อน หลาย ๆ คนก็ยังมาเจอกันที่ London ที่อังกฤษ ก็เป็นงานที่แนะนำให้ไปครับ และได้เจอกับพี่ Alumni ด้วยครับ ก็เป็นงานที่ทาง Hands On คิดมาแล้วว่าจะต้องพาเด็กนักเรียนมาเจอกับคนที่เค้ามีประสบการณ์ด้วย (ยิ้ม)

 

มีเรื่องอะไรอยากแชร์ ฝากถึงน้อง ๆ ที่กำลังวางแผนมาเรียนต่ออังกฤษบ้างมั้ยคะ

นัท : ฝากอะไรถึงน้อง ๆ ใช่มั้ยครับ ก็ฝาก Hands On ให้กับน้อง ๆ ด้วยนะครับ (หัวเราะ) สำหรับการสมัครเรียนก็ขอคำแนะนำจากพี่ ๆ ก็น่าจะดีที่สุดนะครับ ส่วนเรื่องของการเรียนก็อาจจะต้องเตรียมตัวหน่อยหนึ่ง เพราะว่าการมาเรียนที่อังกฤษมันค่อนข้างสั้น เป็นทั้งข้อดีและข้อเสียเนอะ ทุกอย่างมันแค่ปีเดียว และความเป็นหลักสูตรที่จบในปีเดียว เนื้อหาก็จะอัดทุกอย่างในช่วง 2 เทอมแรก ก็จะสัก 6-7 เดือน ซึ่งเป็น 6-7 เดือนที่แน่นมากนะครับ อย่างเช่น แคลคูลัสที่เราเรียนตอนปริญญาตรี 4 ปี แต่พอมาที่นี่ก็จะจบในสัปดาห์เดียว ซึ่งอาจจะต้องเตรียมตัวหน่อย แต่ทุกคนทำได้แน่นอนถ้าเราเต็มที่นะครับ

ส่วนถ้าใครที่เรียน Data Science ก็อาจจะหัดเขียนโปรแกรมก่อนนะครับ ถ้าคนที่ทำงานสายนี้อยู่แล้วหรือเรียนสายนี้มาโดยตรงก็อาจจะไม่เป็นปัญหา แต่ถ้าใครที่เปลี่ยนสายมา ก็อาจจะฝึก 2 อย่าง คือ 1. การเขียนโปรแกรม ซึ่งอาจจะต้องฝึกให้ไม่ต้องถึงกับคล่อง แต่ให้รู้ให้เขียนเป็น เพราะว่าตลอดทั้งปีเราต้องใช้แทบทุกวัน กับเรื่องที่ 2. พวกคณิตศาสตร์ สถิติ อะไรพวกนี้ก็อาจจะไม่ต้องเก่งมากก็ได้ แต่ว่าอาจจะต้องดู Lecture มา อาจจะเรียนออนไลน์มาก็ได้นะครับ

ในคลาสก็จะมีเพื่อน ๆ ที่ไม่ได้จบตรงสายมาเหมือนกัน เค้าก็สามารถเรียนได้ บางคนจบออกแบบผังเมือง บางคนจบทางสายธุรกิจ ทั้งชีวิตเค้าไม่เคยเขียนโปรแกรมมาเลย เค้าก็ใช้เวลาประมาณ 1-2 เดือนก่อนจะเริ่มคอร์สในการหัดเขียนโปรแกรม ในการไปเรียนสถิติ หรือเรียนแคลคูลัส ถ้าเราใช้เวลาหน่อยหนึ่งก็ทำได้ครับ ช่วง 1 เดือนแรกอาจจะหนักหน่วงหน่อย แต่ว่าคงไม่ใช่แค่ Data Science หรอก ก็คือทุกคลาสช่วงประมาณเดือนแรก หลาย ๆ คนก็จะจิตตก เพราะทุกอย่างมันจะเยอะไปหมด แต่เป็นช่วง 1 เดือนที่สำคัญที่สุด เพราะว่าถ้าเราหลุดช่วงเดือนแรกไป หลังจากนั้นเราก็จะเริ่มหลุดตาม แนะนำน้อง ๆ ก็คือช่วงเดือนแรกอาจจะลดปริมาณการดื่มลงนิดหนึ่ง (หัวเราะ) เที่ยวน้อยลงนิดหนึ่ง แล้วก็อาจจะตั้งใจ โฟกัสกับการเรียน เดี๋ยวพอเริ่มอยู่ตัวได้แล้วก็จะค่อยเต็มที่ได้หลังจากนั้นครับ (ยิ้ม)

 

 

สนใจวางแผนเรียนต่อ City, University of London หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ปรึกษาพี่ ๆ Hands On ตัวแทนมหาวิทยาลัยอย่างเป็นทางการประจำประเทศไทย ฟรี ทุกขั้นตอน เพียงกรอกแบบฟอร์มด้านล่าง

 

Enquiry Form

Please provide the following information and we will aim to respond within 48 hours:

Your details
Please enter your first name.
Please enter your last name.
Please enter a valid email address.
Please enter your phone number.
Please select a country you want to study.
Please select a year you want to study.
Please select your preferred branch.

* All fields required (in English)

  • Share this: