Hands On Education Consultants

รีวิว MSc Management (International Business) ที่ Henley Business School กับ University of Reading โดย Moodang

แนะนำตัวให้รู้จักหน่อยค่ะ

Moodang: สวัสดีค่ะ ชื่อหมูแดงนะคะ เรียนคอร์ส MSc Management (International Business) ค่ะ

 

รีวิว MSc Management (International Business) ที่ University of Reading

ทำไมถึงเลือกมาเรียนต่อปริญญาโทคอร์สนี้คะ

Moodang: จริง ๆ ดูไว้ว่าอยากจะเรียนแนวธุรกิจระหว่างประเทศที่มีเรื่องการ Trade หรือว่ามีการทำธุรกิจระหว่างประเทศค่ะ เพราะที่บ้านทำธุรกิจแนวส่งออกอยู่แล้ว ก็เลยคิดว่าถ้ามาเรียนด้านนี้อาจจะช่วยทำงานที่บ้านในอนาคตได้ด้วย แถม Henley Business School ของ University of Reading ยังเป็นมหาวิทยาลัยที่ค่อนข้างมีชื่อเสียง มี Facility ต่าง ๆ ที่รู้สึกว่ามัน Support ในการเรียนของเรา นอกจากนี้ยังดูที่ตัว Module ที่เราสนใจด้วย และตัว Optional Module ด้วยค่ะว่าเราอยากจะโฟกัสทางด้านนี้เพิ่มเติมมั้ย ซึ่งตัว Optional Module ที่หมูแดงเลือก Financial Management และ Strategic Marketing ด้วย เพราะรู้สึกว่าทั้ง 2 ตัวนี้อาจจะได้ใช้กับงานในอนาคต ซึ่งเป็น Module ที่อาจจะไม่ได้เกี่ยวข้องกับ International Business โดยตรง แต่บางทีถ้าเรามีความรู้ที่กว้างขึ้น ก็คิดว่าน่าจะสามารถ Apply และ Support กับการเรียนของตัวคอร์สได้ค่ะ

รีวิวคอร์ส Pre-sessional English

Moodang: ก่อนเข้าเรียนตัวคอร์ส หมูแดงเรียน Pre-sessional English course 6 weeks ค่ะ ซึ่งใน 6 สัปดาห์นี้จะมีการเรียนทักษะแบบ IELTS เลยค่ะ ก็คือเรียน 4 ทักษะ ตอนเช้าเรียน ฟัง พูด ตอนบ่ายมี Skill อย่างอื่นที่อาจจะเปลี่ยนไป แต่อาจารย์คนเดียวกันทั้งช่วงเช้าและช่วงบ่าย  โดยอาจารย์จะจับแยกกลุ่ม เราก็จะได้เจอเพื่อนต่างชาติที่มาจากคอร์สอื่นที่ไม่ใช่เรียน Business เหมือนกัน เนื้อหาจะมีเรียนทักษะเพื่อให้เราได้ปรับภาษาอังกฤษเป็นแนว Academic ค่ะ แล้วก็ให้เราฝึกพูดและแสดงความคิดเห็นกับเพื่อน ช่วยทำให้เรามีความมั่นใจในการพูดภาษาอังกฤษและ Make sure ว่าเราจะใช้ Academic English ได้อย่างถูกต้อง และยังช่วย Brush up ภาษาอังกฤษที่เราไม่ได้ใช้มานานด้วยค่ะ

คอร์สนี้ก็จะช่วย Support เราในการเรียน Master Degree ด้วย เพราะอาจารย์จะสอนวิธีการ Reference ในตัวคอร์สนี้  จะเป็นการ Reference ที่ถูกต้อง ไม่ต้องมาฝึกใหม่ช่วงที่เรียนคอร์สหลัก รวมถึงเรื่อง Paraphrasing ในเนื้อหาว่าควรทำยังไง เขาก็จะมีวิธีต่าง ๆ แนะนำมาให้ รวมถึงมีเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับหลักสูตรที่เราจะเรียนตอนเปิดเทอมมาสอนเราเบื้องต้นด้วยค่ะ

ช่วง Period ที่มีการเรียนก็คือจะเรียนแบบนี้ไปจนถึง Week ที่ 5 และ Week สุดท้ายก็จะเป็นการสอบที่เขาจะให้สอบวัดผลว่าเราผ่านเกณฑ์ Pre-sessional course มั้ย ซึ่งการเรียน Pre-sessional Course นี้จริง ๆ ก็รู้สึกว่าได้ประโยชน์ในแง่ที่เราได้ใช้ภาษาตลอดเวลาค่ะ เพราะตอนที่เราอยู่ในห้องเราจะได้ Participation ร่วมกับเพื่อน ๆ ในคลาส รวมถึงการใช้ทักษะฟังพูดอ่านเขียนตลอด ได้เจอกับเพื่อนต่างชาติ ได้คุยกับอาจารย์ ทำให้การใช้ภาษาอังกฤษของเรามันเป็น Everyday มากกว่าการอยู่ที่ไทย และก็จะมีเกี่ยวกับเรื่องการปรับตัวด้วย ซึ่งรู้สึกว่าช่วงแรก ๆ อาจจะยังงง ๆ กับอากาศ ยังใช้ชีวิตแบบว่ายังต้องมีการปรับตัวนิดหนึ่ง แต่การมาเรียนคอร์สนี้ทำให้เราปรับตัวกับประเทศอังกฤษได้ ทำให้เจอเพื่อนด้วย แล้วก็จะได้รู้ว่าเราจะต้องทำตัวยังไง

จริง ๆ Pre-sessional course บอกเลยว่ามันดูชิลล์กว่าตอนที่เรียนคอร์สหลักเยอะเลย เพราะว่ามันเรียนภาษาซึ่งก็ไม่มีอะไรที่หนักขนาดนั้น แต่พอมาเรียนคอร์สหลักและด้วยความที่เราไม่มี Background ด้าน Business เลย เราก็รู้สึกว่ายาก มี Vocabulary เฉพาะในเชิงของ Business ที่เราไม่คุ้น คือหนูเป็นเด็กสายวิทย์มาก่อน พอมาเรียน Business ช่วงแรกก็จะฟังไม่ค่อยรู้เรื่อง อาจจะต้องพยายามอ่าน Lecture และ Slide ก่อนที่จะมาเรียน เพื่อให้เราเข้าใจ Keyword ของแต่ละจุดว่ามีอะไรบ้างค่ะ ซึ่งก็จะเป็นช่วงที่ Challenge มาก ๆ

รีวิวเนื้อหา MSc Management (International Business)

Moodang: ช่วงแรก ๆ ที่เปิดเทอมนะคะ ก็จะมีเรียนวิชาภาคแค่ตัวเดียวค่ะ คือ International Strategic Management ซึ่งเป็นวิชาภาคตัวเดียวที่ได้เรียนช่วงเทอมแรก และวิชาที่เหลือก็จะไปเรียนกับเพื่อนบ้าง แล้วก็มีวิชาเลือก 2 ตัวที่หมูแดงเลือกคือ Financial Management กับ Strategic Marketing

International Strategic Management คือวิชาที่เด็ก Henley ทุกคนต้องเรียนและเป็นวิชาเลือกของเพื่อนบางคนจากคอร์สอื่นด้วย ทำให้คลาสค่อนข้างใหญ่ วิชานี้เรียนเกี่ยวกับ Strategy และ Theory ที่เป็น Framework ต่าง ๆ ที่จะนำมาประยุกต์ใช้กับบริษัทหรืออุตสาหกรรมต่าง ๆ ในบริบทขององค์กร ซึ่งเป็นวิชาที่ค่อนข้างยาก เพราะว่าพอเรารู้ Structure อะไรหลาย ๆ อย่างของเขาแล้ว เราก็ต้องนำไป Apply ให้ตรงกับบริษัทค่ะ แต่ก็รู้สึกว่าเป็น Core ที่จะ Link กับ International Business และตัวอื่น ๆ ในคอร์สของหมูแดงได้ค่ะ

แล้วก็จะมีอีก 2 ตัวที่เกี่ยวกับ Career และ Research ซึ่งไม่ได้คิด Credit ค่ะ วิชา Career ช่วงเทอมแรกก็จะเป็น Event มีแนะแนวว่าเราควรจะปรับ CV ยังไง หรือว่าจะไป Consult ในการปรับ CV สำหรับการหางาน หรือการคุยเพิ่มเติมเพื่อฝึก Interview อะไรประมาณนี้ค่ะ ส่วนวิชา Research เรียนเพื่อที่จะรู้ว่าเราควรจะต้องหาข้อมูลมา Support งานของเราอะไรยังไง เป็นการเรียนเพื่อ Support วิชาอื่น ๆ ในอนาคตค่ะ

Strategic Marketing เรียนอะไรบ้างคะ

Moodang : Strategic Marketing ก็จะเรียนเกี่ยวกับ Marketing เริ่มต้นเลยค่ะว่ามีการคิดยังไง Plan หรือการทำการตลาด การตลาดมีแบบไหน มีการทำ Promotion ยังไง คิดเป็น Business เลย รู้สึกว่าตอนนั้นที่ทำงานกลุ่มของวิชานี้ เขาให้คิดเป็นบริษัทมาเลยว่าบริษัทมีเนื้อหาอะไร มี Target ลูกค้าอะไร เราจะต้องมีผลิตภัณฑ์เพื่อไปเข้าหาลูกค้าโดยใช้วิธีการไหน และการตลาดอันนี้ต้องทำยังไง คำนวณว่าในการโฆษณา ในการ Start Business ในเชิงนี้จะต้องใช้แผนการตลาดมูลค่าเท่าไร่ แผนนี้มีส่วนในการ Push Business ขนาดไหน ประมาณนี้ค่ะ งานก็จะมีงานกลุ่มด้วย งานเดี่ยวด้วย แล้วก็มีสอบที่เป็นการสอบแบบ Online Test ด้วยค่ะวิชานี้

แล้วเรียนสนุกมั้ย

Moodang: จริง ๆ คือชอบนะคะ แต่ว่าตอนสอบรู้สึกว่าแอบยาก ด้วยความที่เนื้อหาค่อนข้างเยอะ และไม่มีความนิ่งเท่าไหร่ในแง่ของ Marketing เพราะเป็นวิชาที่มีการใช้ Creativity ค่อนข้างสูงค่ะ (หัวเราะ) ต่างจากสายวิทย์ที่เราเรียนมา ซึ่งในสายวิทย์จะมีความเป๊ะ ๆ แต่บางทีในวิชาของ Strategic Marketing จะมีความเป็น Art มาก ๆ ค่ะ แต่ก็เป็นตัวเริ่มต้นของคนที่ไม่เคยเรียน Marketing มาเลย ก็จะได้เรียนรู้หลายอย่างจากวิชานี้เลยค่ะ ทำให้เรารู้ว่าการทำ Business ต้องมีแผนก Marketing ที่จะเข้าหาลูกค้า ซึ่งวิชานี้ก็จะทำให้เรารู้แบบกว้าง ๆ ว่าจะต้อง Build Business ยังไงบ้างค่ะ 

วิชา Financial Management ละคะ?

Moodang: ส่วน Financial Management เป็นวิชาที่ทำให้เรารู้สึกว่าในการทำ Business เราก็ต้องรู้ว่า Cost ของบริษัทมีอะไรบ้าง ซึ่งตัวนี้ช่วยให้เราอ่านพวก Balance Sheet ได้ จากการทำ Financial Management และข้อมูล Cost แต่ละอย่างในบริษัทจะต้องถูกแบ่งอยู่ใน Category ไหน แล้วจะนำมาใช้ประโยชน์ยังไงได้บ้าง เพื่อที่เราจะได้รู้ว่าการเงินของบริษัทต้องเปลี่ยนมั้ย หรือหนี้มันเยอะมากมั้ย หรือเราจะต้อง Transfer หรือเราจะต้องทำยังไงให้มีความสมดุลมากขึ้น รู้สึกว่าคอร์สนี้ทำให้เรารู้ว่าสภาพบริษัทตอนนี้ เราจะต้อง Improved ยังไง เราจะต้อง Invest ส่วนไหนเพิ่มเติมมั้ย หรือว่าจะต้อง Manage ยังไงให้ Flow มันค่อนข้างดี เป็นวิชาที่ต้องใช้การคำนวณเยอะค่ะ คิดว่าค่อนข้าง Challenge อยู่ เพราะว่าเป็นอะไรที่เป็นความรู้ที่ค่อนข้างใหม่สุด ๆ สำหรับเราค่ะ

*สนใจ เรียนต่อ University of Reading ปรึกษาพี่ ๆ Hands On ฟรีทุกขั้นตอน คลิก

วิชา The Evolution of Multinational Enterprises ล่ะ

Moodang: The Evolution of Multinational Enterprises (MNE) ก็คือจะเรียนพวกการ Trade การส่งออก วิธีการดูว่ามีการส่งออกระหว่างประเทศ หรือว่าสินค้าอะไรยังไง งานจะมีงานเดี่ยว 50% และสอบอีก 50% คืองานเดี่ยวอาจารย์จะให้เราหาประเทศที่พูดเกี่ยวกับ Environment ที่ส่งเสริมการเป็น Forwent Direct Exchange เป็นการที่เราจะรู้ว่าเศรษฐกิจประเทศนี้เป็นยังไง แล้วเราจะ Move Industry ไปทางไหน ซึ่งตอนนั้นเลือกทำประเทศไทย เพราะว่าประเทศไทยมี Industry ค่อนข้างเยอะ แล้วเราก็มาคิดต่อว่าจะ Improve ด้านไหน แบบนี้ค่ะ

ส่วนใหญ่เพื่อน ๆ ในห้องก็จะเลือกประเทศของตัวเอง คือ เพื่อนคนจีนก็จะเลือกประเทศเขา เพื่อนคนยุโรปก็จะเลือกประเทศยุโรป คนอินเดียเขาจะเลือกอินเดีย เพราะรู้อยู่แล้วว่า Context ของประเทศเราเป็นยังไง แล้วเราก็จะรู้จัก Industry และการ Improve หรือการวางแผน Move forward ว่าด้านไหนที่จะทำให้เราได้รายได้จากต่างประเทศมากขึ้น ประมาณนั้นค่ะ

เทอมแรกผ่านไป มาเทอม 2 เรียนอะไรบ้าง

Moodang : ไม่อยากจะบอกเลยว่าเทอม 2 เรียนไม่รู้เรื่องค่ะพี่ มันเรียนอะไรก็ไม่รู้ มันลอยจริง ๆ ค่ะพี่ี (หัวเราะ)

คืออย่างวิชา Multinational Enterprise Strategy and Performance ซึ่งเรียน Theory จ๋ามาก แล้วก็จะมี Finance เข้ามาเกี่ยวข้อง พอบวกกับ Theory ของคน ๆ นี้เข้ามา Support Business ในแบบเชิง Framework ก็ยิ่งทำให้เรางงเข้าไปอีกค่ะ

พอเราเรียนไม่รู้เรื่องแล้วเราทำยังไงคะ

Moodang : ก็นั่งทำการบ้านเอา อ่าน Sheet ด้วยค่ะ เพราะว่าอาจารย์สอนตาม Slide เลย จริง ๆ มีหนังสือที่ได้มาจากรุ่นพี่ด้วยค่ะ บางเรื่องที่ไม่เข้าใจจริง ๆ ก็มาเปิดหนังสือ แต่ตอนที่ทำงานทำ Report ก็โอเค เข้าใจเนื้อหามากขึ้นค่ะ

วิชาอื่นล่ะคะ

Moodang: วิชา International Business Environment ก็จะเกี่ยวข้องกับการที่เราจะไปทำ Business ที่ประเทศหนึ่ง เราจะต้องดูอะไรหรือสิ่งแวดล้อมอะไรที่เกี่ยวข้องในการทำธุรกิจนั้นบ้าง วิชานี้ค่อนข้างกว้างมาก จริง ๆ ประมาณว่าอยู่ในประเทศนี้มันจะมีปัจจัยอะไรที่ทำให้ Business มันทำได้หรือทำไม่ได้ ประมาณนี้ค่ะ

และตัว International Business and the World Economy จะให้เราดูทั้ง Micro – Macro ในเชิงของทางด้านเศรษฐศาสตร์ ว่าการ Export และ Import มี Multi National Activity ในการที่จะส่งออก การที่จะย้ายคนเข้า เกี่ยวข้องกับการซื้อขายสินค้าต่าง ๆ ยังไงบ้าง วิชานี้ก็จะค่อนข้างยากตรง Economic

ค่ะ (หัวเราะ)

บรรยากาศในห้องเรียนเป็นยังไงบ้าง

Moodang: คนเรียนคอร์ส IB จริง ๆ น่าจะอยู่ประมาณ 120 กว่าคนค่ะ แต่จะบอกว่าคนจีนเยอะมากค่ะ ตอนมาเรียนก็ไม่คิดว่าคนจีนจะอยู่ IB เยอะขนาดนี้ น่าจะอยู่ประมาณ 90% ของคนในห้องเลยค่ะ คนไทยมี 7 คนค่ะ แล้วก็จะมีคนที่มาจากยุโรป อินเดีย ปากีสถาน อะไรแบบนี้ด้วย แต่ค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับประชากรคนจีนที่มา

อาจารย์ก็ดีนะคะ อาจารย์สอนรู้เรื่อง บางทีก็มีบางวิชาที่เราไม่ค่อยรู้เรื่องเราก็ไปถามอีกทีตอนหลังคาบ อาจารย์ก็ค่อนข้างใจดีและ Support ในเรื่องการตอบคำถามอะไรแบบนี้ค่ะ

Assignment การบ้านเป็นยังไงบ้างคะ

Moodang: ถ้าพูดถึงเทอมที่แล้ว จริง ๆ ก็มีทั้งงานเดี่ยว งาน Present แล้วก็มีสอบด้วย แต่ว่าเทอมล่าสุดที่ผ่านมา เริ่มเรียนช่วง Spring term ก็จะมีงานกลุ่มทุกวิชาเลย และจะมีสอบ แล้วก็ส่งงานด้วยค่ะ

ส่วนงานกลุ่มก็จะมีบางวิชาที่อาจารย์เขาจับกลุ่มให้เลย และบางวิชาเราสามารถเลือกกลุ่มเองได้ จริง ๆ พอมาเรียนแล้วรู้สึกว่าการทำงานกับคนมันยากกว่าเนื้อหาที่เราจะต้องทำจริง ๆ เพราะรู้สึกว่าเนื้อหาจริง ๆ ถ้าเกิดเรามีเวลา ใช้เวลากับมัน ศึกษามันอย่างพอดีก็รู้สึกว่ามันก็ไม่ได้ยากขนาดนั้น แต่ว่าการ Deal กับเรื่องคน แล้วต้องทำงานตาม Timeline มันค่อนข้างจะยากกว่าค่ะ

*สนใจ เรียนต่อ University of Reading ปรึกษาพี่ ๆ Hands On ฟรีทุกขั้นตอน คลิก

 

รีวิว University of Reading

ทำไมถึงเลือกเรียนต่อที่ University of Reading

Moodang: จริง ๆ คือเลือกที่นี่เป็นที่แรกอยู่แล้วค่ะ ด้วยความที่ Henley Business School ก็มีชื่อเสียงในเรื่องของ Business ด้วย พอดูตัว Module ดูอะไรหลาย ๆ อย่าง ดูโปรไฟล์อาจารย์ก็รู้สึกว่าก็น่าจะดี แล้ว Location ก็ค่อนข้างดีด้วย เมือง Reading เป็นศูนย์กลางของหลาย ๆ ที่ จะไป London ก็สะดวก การขนส่งหรือ Transportation ในเมืองก็ดี เป็นเมืองที่ไม่ได้วุ่นวาย เป็นเมืองชิลล์ ๆ เรื่อย ๆ เลยรู้สึกว่าชอบ Location ด้วย และมีรุ่นพี่ที่เรียนที่นี่ด้วย เท่าที่ดูจากพี่ที่มาเรียนและรีวิวแล้ว พี่เขาก็ค่อนข้าง Enjoy กับการใช้ชีวิตและคอร์สเรียน ก็เลยเลือกที่นี่ค่ะ แล้วถึงเราจะมี Second Choice แต่เราก็คิดว่าเราน่าจะสมัครเข้า Henley Business School ได้ค่ะ 

มาเรียนแล้ว ที่ University of Reading เป็นยังไงบ้างคะ

Moodang: เรื่อง Facility ทุกอย่างค่อนข้างดีค่ะ จะมี Student Support ถ้าเกิดเรามีปัญหาอะไรเราก็ถามได้ หรือที่ Career Centre สมมติถ้าเราอยากให้แนะแนว อยากถามเรื่อง CV อยากจะให้เขาอธิบายเพิ่มเติมในการที่เราจะเตรียมตัวสัมภาษณ์ เขาก็จะมีเจ้าหน้าที่เฉพาะในด้านของการหางาน การ Interview ซึ่งค่อนข้าง Support ดีเหมือนกันค่ะ

ที่นี่ Library ค่อนข้างใหญ่ มี Space ส่วนตัวด้วย และมีคาเฟ่ข้างล่าง สำหรับใครหิวก็ไปซื้อขนม และมีพื้นที่ที่สามารถนั่งเป็นกลุ่มได้ สามารถเสียงดังได้ แล้วก็จะมีห้อง มีคอมพิวเตอร์ เผื่อเราทำงานหรืออยากจะปรินต์งานก็ไปทำที่ห้องสมุดได้ แล้วก็ตรงบริเวณ Student Union ก็จะมีพวกร้านชานมไข่มุก ร้านเอเชียที่เราสามารถไปซื้อเครื่องปรุงและขนมที่เป็นเอเชียได้ ส่วนข้างหลัง Student Union ก็จะเป็นพื้นที่ที่สามารถสั่งอาหาร แล้วมานั่งกับเพื่อน นั่ง Sharing นั่งกินข้าวกันได้ อะไรแบบนี้ค่ะ

เพื่อน ๆ นักเรียนไทยที่ University of Reading

Moodang: นักเรียนไทยที่นี่ดีค่ะ ค่อนข้างน่ารัก แล้วเพื่อนก็มีอะไรก็จะช่วยเหลือกัน ไปไหนมาไหนก็ไปด้วยกัน อย่างไปเที่ยว หรือว่ามีติวข้อสอบ หรือทำงานด้วยกัน ก็จะมีจับกลุ่มคุยกันก่อนที่จะสอบ บางทีก็จะมานั่งทำ Coursework ด้วยกันค่ะ เพราะบางทีเราก็ทำงานกลุ่มด้วยกัน แต่บอกเลยว่าการที่เรามาเรียน Pre-sessional Course มันทำให้เราได้ใช้ชีวิตด้วยกันก่อนที่จะมาเรียนคอร์สหลัก เพราะคอร์สหลักต่างคนก็ต่างเรียนวิชาของตัวเอง เราก็จะไม่ได้เจอเพื่อนขนาดนั้น รู้สึกว่าการเรียน Pre-sessional ทำให้ได้เจอเพื่อนคนไทยและได้ใช้ชีวิตด้วยค่ะ ทำให้สนิทกัน ถึงช่วงเรียน Pre-sessional จะแค่ 6 สัปดาห์ แต่ก็ได้อยู่หอเดียวกัน ไปซื้อของด้วยกัน อยู่ในสิ่งแวดล้อมเหมือน ๆ กัน เพราะหลังจากนั้น เหมือนเพื่อนเขาก็จะแยกกันไปอยู่คนละหอ เราก็จะไม่ได้เจอกันแล้ว คอร์สก็ไม่เหมือนกันด้วย เจอกันค่อนข้างยาก แต่ถ้าเรามี Contact กัน รู้จักกันก่อนที่จะเรียนคอร์สหลัก บางทีเราก็ยังนัดเจอกัน มานั่งคุยนั่งกินข้าวกัน เลยรู้สึกว่าก็โอเค ไม่ได้เหงา ไม่ได้ Homesick ถึงขนาดนั้นอะไรแบบนี้ค่ะ

*สนใจ เรียนต่อ University of Reading ปรึกษาพี่ ๆ Hands On ฟรีทุกขั้นตอน คลิก

 

รีวิวเมือง Reading

ชีวิตความเป็นอยู่บ้างที่ Reading เป็นยังไงคะ

Moodang: ที่ Reading ค่อนข้างดีเลยนะคะ มีทุกอย่าง อยากจะไป Grocery ก็มี Supermarket มี Oracle คืออยากจะไปซื้อของจำเป็นที่เราอยากได้ก็มีของให้เราซื้อค่อนข้างครบค่ะ ไม่ครบก็เข้า London เพื่อจะไปหาอะไรที่เราอยากจะได้จริง ๆ ซึ่งที่นี่ไม่มี แต่ว่าเรื่องอาหารการกิน เรื่องการซื้อของ ที่นี่ก็จะมีร้านอาหารไทยอยู่ในเมืองจริง ๆ อยู่ 3 ร้านค่ะ แล้วก็จะมีร้านที่ชื่อ Thai Corner และ Thai Girl Boran ที่เป็นร้านอาหารไทย มันก็ทำให้เราไม่นึกถึงบ้านมากขนาดนั้นค่ะ เพราะมีอาหารไทยให้เราได้หายคิดถึง แล้วก็จะร้าน Junk Food ต่าง ๆ อยู่ในเมืองเลย จริง ๆ มันก็ค่อนข้างสะดวกในการที่เราจะใช้ชีวิตอยู่ จะซื้อของ จะคาเฟ่ จะเดินทาง Train Station ใน Reading ก็ค่อนข้างเดินทางสะดวก

พวกร้านขายเนื้อสัตว์ต่าง ๆ ถ้าเราอยากจะไปซื้ออะไรที่มันไม่ได้มีขายใน Supermarket เราก็ไปซื้อร้านที่เฉพาะมาทำได้ มันก็ค่อนข้างมีอะไรครบ ถ้าเราอยากจะได้อาหาก็มีพวกร้าน Seafood เช่น อยากได้ Seafood ที่สด ๆ เขาก็จะมีร้านที่ขายไข่กุ้งสด Scallop สด Seabass เราก็ไปซื้อแบบสด ๆ จากที่นั่นได้ด้วยเหมือนกัน เพราะว่าบางทีใน Supermarket ก็อาจจะไม่มีของที่เราอยากกินอะไรแบบนี้ แล้วที่ Reading ก็มีร้านเอเชีย ร้านอินเดียค่อนข้างหลากหลายอยู่ค่ะ ก็โอเคเลย

รีวิวการใช้ชีวิต

Moodang: ถ้านอกจากเมือง Reading ก็เดินทางไป London ก็คือเข้าไปประมาณ 20 นาทีถึงครึ่งชั่วโมง โดยรถไฟเลยค่ะ ก็ค่อนข้างสะดวกราคาก็ 21 ปอนด์แล้วค่ะตอนนี้ อันนี้รวม Transportation ข้างใน คือมี Tube มี Bus คือรวมทุกอย่างแล้ว เข้าทีหนึ่งก็เอาให้คุ้ม เข้าเช้ากลับค่ำเลย เพื่อใช้ All Day ให้คุ้มไปเลยค่ะ

หรือถ้าไปเที่ยวเมืองอื่นก็มีไป York, Manchester, Leeds, Scotland, Highlands, Cambridge, Oxford ส่วนใหญ่ก็น่าจะประมาณนี้ค่ะ ส่วนตัวชอบ Highlands มากค่ะ เพราะรู้สึกว่าธรรมชาติดี เราชอบอะไรที่เป็นธรรมชาติอยู่แล้ว มีเขา มีอะไรที่เห็นแล้วรู้สึกผ่อนคลาย เห็นแล้วสบายตา เลยชอบ Highlands มากค่ะ (ยิ้ม)

*สนใจ เรียนต่อ University of Reading ปรึกษาพี่ ๆ Hands On ฟรีทุกขั้นตอน คลิก

 

การเตรียมตัวเรียนต่อ กับ Hands On

แล้วรู้จักพี่ Hands On ได้ยังไงคะ

Moodang : จริง ๆ คือมีเพื่อนที่เคยใช้บริการของพี่ ๆ Hands On ด้วย แล้วก็เคยเห็นตามโฆษณา Event เคยไป Event ของ Hands On ก่อนหน้านี้ด้วยก่อนที่จะมา Apply จริง ๆ เพราะอยากรู้ว่ามีมหาวิทยาลัยอะไรบ้างที่เกี่ยวกับด้าน Business ค่ะ เพราะตอนแรก ๆ ลังเลว่าจะเรียน Marketing Management หรือจะเรียน International Business ดี เลยลองไปงานนี้ดูเผื่อว่าจะได้ไอเดียอะไรเพิ่มขึ้นค่ะ พอไปงาน Event แล้วก็มาตัดสินใจอีกทีหนึ่งว่าเราจะเลือกสมัครกี่มหาวิทยาลัยดี ก็เลือกมาประมาณ 3-4 มหาวิทยาลัย แล้วพี่ Hands On เขาก็ติดต่อมา Add LINE คุยกัน

บริการจากพี่ ๆ Hands On

Moodang : คือพี่ Hands On ก็จะเริ่มตั้งแต่ให้ข้อมูลค่ะ ตอนนั้นติดต่อไปว่าอยากเรียนคอร์สนี้ พี่ Hands On ก็จะส่งข้อมูลว่ามีอะไรบ้าง พี่เขาลิสต์มาให้หมดเลยค่ะ ตามที่เราสนใจมีอีเมลมาบอกว่ามหาวิทยาลัยนี้เกรดหนูมีโอกาสเข้าได้ พี่เขาก็ส่งลิสต์มาให้เราเลือก แล้วพี่เขาก็จะ Apply ให้ และช่วยดูเอกสารพวกใบเกรด, ใบ Recommendation, Letter และเอกสารต่าง ๆ ที่ใช้ในการ Apply ให้ทั้งหมดค่ะ พี่เขาก็มี Timeline ให้เรา ว่าควรส่งเอกสารช่วงไหน เราต้องสอบ IELTS ช่วงไหน จ่ายค่า Deposit ยังไง พี่เขาจะคอยแนะนำแล้วให้เราตัดสินใจเองด้วย บางทีก็จะมีคำแนะนำด้วยว่าควรจะต้องทำอะไรก่อน Process นี้ช้าไปหรือเปล่า หรือเร็วไปหรือเปล่า ประมาณนี้ค่ะ

อีกอย่างคือพี่ ๆ ที่ Hands On เคยเรียนที่อังกฤษมา เราเลยลองถามพี่เขาว่าใช้ชีวิตที่นี่เป็นยังไงบ้างคะ พี่เขาเคยมีประสบการณ์มาก่อน เขาเลยช่วยอธิบายให้เราได้รู้ว่าการอยู่อังกฤษมันเป็นแบบนี้ การเดินทางเป็นยังไง ค่าครองชีพ ค่าหอ และเรื่องการใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ เขาก็ค่อนข้างอธิบายให้เราเห็นภาพมากขึ้น เพราะเราก็ไม่เคยมาที่นี่เพื่อมาเรียนต่อในระยะยาวขนาดนี้ เหมือนเขาก็ช่วยเป็นที่ปรึกษา คอยแชร์ คอยช่วยดูว่าเราขาดตกบกพร่องตรงไหน ทั้งเรื่องเอกสารด้วยและเรื่องการตัดสินใจของเราด้วย เพราะบางทีเราก็ยังมีความลังเล ยังตัดสินใจไม่ได้ อย่างเรื่องคอร์สอะไรแบบนี้ เราเรียนอันนี้แล้วมันจะตรงกับเรามั้ย หรือเราจะว่านำไปใช้อะไรอย่างอื่นในอนาคตได้มั้ย ก็เลยรู้สึกว่าอาจจะยังมีความลังเลอยู่ แต่พี่เขาก็ทำให้เราได้ Second Opinion มา ก็ช่วยให้เราตัดสินใจได้ดีขึ้นค่ะ

มีอะไรอยากฝากถึงน้อง ๆ ที่เขากำลังวางแผนเรียนต่อบ้างมั้ยคะ

Moodang: ถ้าเกิดเรารู้ว่าเราอยากมาเรียนต่ออังกฤษ ก็ควรรีบตัดสินใจนิดหนึ่ง เพราะบางที Process แต่ละอย่างมันจะต้องใช้เวลา ถ้าเรามาเร่งช่วงท้ายก็จะเหนื่อยและทำไม่ทัน ให้ปรึกษาพี่ Hands On ก่อนค่ะว่า Deadline ช่วงไหน แล้วก็ทำตามที่พี่เขาบอกค่ะ เราก็จะ Manage เวลาการมาเรียนต่อของเราได้แบบไม่เหนื่อยขนาดนั้นค่ะ พี่เขาก็ให้ข้อมูลเราค่อนข้างเยอะ แต่ถ้าเกิดเราตัดสินใจได้เร็ว เราก็จะจองคอร์สเรียน จองหอ และอะไรต่าง ๆ ได้ค่อนข้างเร็วกว่าคนอื่นค่ะ และเราก็จะได้ไม่ต้องมาเครียดว่าเอกสารจะทันมั้ย วีซ่าจะทันมั้ยด้วยค่ะ

 

สนใจวางแผนเรียนต่อ University of Reading หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ปรึกษาพี่ ๆ Hands On ตัวแทนมหาวิทยาลัยอย่างเป็นทางการประจำประเทศไทย ฟรี ทุกขั้นตอน เพียงกรอกแบบฟอร์มด้านล่าง