Newcastle Upon Tyne (Part 1)

  • Share this:

สวัสดีค่ะทุกท่าน ยินดีที่ได้พบกันอีกครั้งนะคะ (\\^O^//) ในวันนี้เราจะมุ่งหน้าสู่ นิวคาสเซิลอะพอนไทน์ กันแล้วนะคะ เย้ๆๆๆ ( -.-^ ) โดยขั้นตอนการเดินทางจากลอนดอน ก็ไม่ยุ่งยากเลย โดยเราจะเดินทางกันด้วยรถไฟ ปู๊นๆๆๆ*~~ เพราะไหนไหนเราก็มาถึง ประเทศอังกฤษแล้วเนอะ ก็จะขอชมทัศนียภาพ ผ่านทางหน้าต่างรถไฟ สักหน่อย ครั้นจะเดินทางโดยเครื่องบิน ประเดี๋ยวจะไม่ได้ฟิลลิ่งของทุ่งหญ้าประเทศนี้ เหมือนในหนัง ฮ่าๆๆ เราก็เลยต้องจัดตั๋วรถไฟค่ะ แต่ขากลับไทย นั่งเครื่องมาลงลอนดอนนะคะ เพราะชมรอบเดียวน่าจะเพียงพอแล้ว เนื่องจาก ใช้เวลาเกือบสี่ชั่วโมง แฮะๆๆๆ (^-^”)

มาว่ากันด้วยเรื่องจองตั๋วรถไฟนะคะ เราก็ได้ทำการจองรถไฟล่วงหน้าผ่านทางเว็บไซส์ http://www.nationalrail.co.uk/ ซึ่งราคา ก็จะถูกกว่า ซื้อในวันที่เดินทาง ขอบอกว่าไม่แนะนำให้ซื้อ ในวันที่เดินทาง เด็ดขาด!!! เพราะราคา “มหาโหด (T-T)” ค่ะ ยิ่งถ้าจองล่วงหน้า หลายเดือนนี่ ราคาอาจจะถูกกว่า จองในวันนั้นๆถึง 80% เลยค่ะ เยอะใช่ไหมค่ะ และที่สำคัญหากเพื่อนๆพี่น้องๆที่อายุยังไม่ถึง 25 ปี ก็สามารถสมัคร Rail card ประเภท 16-25 ราคา 30 ปอนด์ได้ค่ะ ซึ่งบัตรนี้จะสามารถช่วยเรา ลดราคา ค่าตั๋วรถไฟ ได้ถึง 33% เหมาะสำหรับ ผู้ที่ชอบเดินทางไปต่างเมือง ไปท่องเที่ยวตามเมืองต่างๆ ค่ะ แต่หาก พี่พี่ผู้สูงวัย (ฮ่าๆๆๆ อ่ะ ล้อเล่น) ที่อายุเกิน ก็สามารถสมัครได้นะคะ ในกรณีที่มาเรียนที่ ประเทศอังกฤษ เพียงแต่ต้องนำแบบฟอร์มจากที่สถานี ไปให้ทางมหาวิทยาลัย หรือ โรงเรียน ปั๊มตราและเซ็นรับรองค่ะ ที่สำคัญอย่าลืมรูปถ่ายติดบัตร พกมาด้วย จากประเทศไทยนะคะ เพื่อใช้ในการสมัครบัตรต่างๆ ค่ะ แต่หากทุกท่านเพียงแค่มาท่องเที่ยว ก็มีบัตรประเภทอื่น ซึ่งสามารถใช้ลดราคาได้ เช่นกันค่ะ เช่น ประเภทมากันเป็นคู่ รายละเอียดสามารถอ่านได้ที่เว็บไซส์ http://www.railcard.co.uk/ ค่ะ
newcastle

เอาล่ะค่ะ เราก็มุ่งหน้าขึ้นเหนือกันโลดค่ะ โดยเราเริ่มต้นจากสถานี King’s Cross ที่เดียวกับแฮร์รี่เลยเน๊อะ ฮ่าๆๆๆๆ ที่สถานีนี้มีรถเข็นของแฮร์รี่ให้ถ่ายรูปด้วยนะคะ แต่คิวยาวมว๊ากๆๆ ค่ะ เลยอดไปโดยปริยาย T-T ไม่เป็นไรค่ะ ไว้ขากลับ เราค่อยมาใหม่ค่ะ เราไม่ยอมแพ้ง่ายๆ หรอกค่ะ ฮึฮึ (^-^) ที่สำคัญเราสามารถซื้ออาหาร ขนม หรือข้าวกล่อง ขึ้นไปทานบนรถไฟได้นะคะ เพราะกองทัพต้องเดินด้วยท้อง หรือถ้าไม่ได้ซื้อ บนรถไฟก็จะมีเข็นมาขาย เหมือนในหนังแฮร์รี่ค่ะ อิอิ ราคาก็อัพขึ้นมานิดหน่อยค่ะ ระยะทางจาก London ถึง Newcastle Upon Tyne ใช้ระยะเวลาประมาณ 4 ชั่วโมงถ้วนค่ะ เพื่อนเพื่อนอาจเลือกเดินทางด้วยวิธีอื่นก็ได้นะคะ เช่น เครื่องบิน (ระยะเวลาเดินทางประมาณ1 ชั่วโมง) หรือ รถบัส (ระยะเวลาเดินทางประมาณ 7 ชั่วโมง) ซึ่งจริงๆ ถ้าจองล่วงหน้า ประมาณ 2 เดือน ราคาค่าเดินทาง ทุกแบบ จะราคาพอพอกัน คือประมาณ 20 ปอนด์ ค่ะ ดังนั้น เราต้องรู้จักวางแผนนะคะ เพราะ เราสามารถที่จะประหยัดค่าเดินทางได้มากเลยค่ะ เก็บไว้ช็อปปิ้งดีกว่าเน๊อะ ฮ่าๆๆๆ (^w^) บนรถไฟมีห้องน้ำให้บริการนะคะ รวมถึง ที่เสียบเพื่อชาร์ตแบตเตอรี่ แต่อย่าลืมซื้อ adaptor ที่สามารถ ใช้เสียบกับปลั๊กของเราได้ จากไทยนะคะ เพราะ ช่องเสียบของประเทศอังกฤษเป็นแบบ 3 รู ซึ่งไม่สามารถใช้กับ เครื่องใช้ไฟฟ้าของไทยได้ค่ะ ระหว่างทางก็จะเป็นบรรยากาศทุ่งหญ้า ชิวๆ ตามชนบท สลับฝูงวัว สลับดอกไม้ เหมือนในหนังค่ะ แล้วเวลาก็ผ่านไป ผ่านไป หลับบ้าง ตื่นบ้าง ชมวิวบ้าง สลับๆ กันไปจนถึงค่ะ (\\^O^//)

และแล้ว แท๊นแท๊น ถึงแล้วค่ะ Newcastle Upon Tyne ที่รัก เย้ๆๆ เมืองนี้ต้องขอบอกเลยว่า สะดวกสบายมาก ประหนึ่ง ลอนดอนมีความปลอดภัยสูง มีแหล่งช็อปปิ้งมากมาย มีมหาวิทยาลัย มีโรงเรียนสอนภาษา มีห้าง มีโรงหนัง มี ภัตตาคาร มีไชน่าทาวน์ มีสวนสาธารณะ มีโรงแรม มีห้องสมุดฟรี มีสเตเดี่ยมฟุตบอล มีทะเล มีภูเขา มีสนามบิน (อันนี้ต้องนั่งใต้ดินไปประมาน 15 นาทีนะคะ) สามารถเดินได้ทั่วถึง ไม่ต้องนั่งรถบัส คนไม่เยอะเท่าลอนดอน ฮี่ฮี่ๆๆๆๆ อะไรจะสะดวกสบายเท่านี้ไม่มีอีกแล้วค่ะ คนไทยไม่ค่อยจะมาที่นี่เท่าไหร่ ได้ใช้ภาษาจริงจังค่ะ ฮ่าๆๆๆๆ มามาอยู่ที่นี่ด้วยกันนะคะ แล้วคุณจะหลงรักเมืองแห่งนี้ ถ้ามาอยู่นานหน่อยแนะนำให้ซื้อจักรยาน มือสองก็ได้ค่ะ ราคาค่อนข้างสูงอยู่ ปั่นกันมันเลยค่ะ อิ้อิ้ แต่ที่ทุกท่านต้องจดจำให้ขึ้นใจเรื่องหลักการใช้ชีวิตที่ประเทศแห่งนี้ อันนี้ เราขอเตือนเพราะประสบเหตุการณ์กับตัวเอง มาถึงสองครั้งสองคราว ฟังให้ดีดีนะคะ!!!!!
ที่ประเทศแห่งนี้เขาทำตามกฎจราจรกันมาก มากในที่นี้ มีทั้งดีและ ไม่ดีค่ะ กล่าวคือถ้าเขาไม่ผิด เขาก็พร้อมที่จะชน โดยไม่กลัวใครตายทั้งนั้น ฟังไม่ผิดค่ะ น้องๆ เพื่อนๆ พี่ๆ ทุกคน ต้องข้ามทางม้าลาย และต้องข้าม เมื่อสัญญาณคนข้ามเป็นสีเขียวเท่านั้น คืออย่าได้คิดที่จะข้ามเพราะรถยังไกล หรือคิดว่าเขาจะไม่ขับมาชนหรอก เดี๋ยวเขาก็เบรก ขอบอกตรงนี้เลยนะคะ ว่าฝันไปเลยค่ะ เขาจะชนเลยค่ะ เพราะเขาไม่ผิด เขาไม่กลัวใครตายทั้งนั้น (- -“) จะขอเล่า ตัวอย่างเรื่องเพื่อนให้ฟังนะคะ คือตอนนั้นเราออกไปเที่ยวกันเป็นกลุ่มใหญ่ค่ะ ประมานสิบกว่าคน หลากหลายเชื้อชาติค่ะ ระหว่างที่กำลังข้ามถนน คือสัญญาณไฟจราจรเพิ่งเปลี่ยนเป็นสีเขียว และ สัญญาณคนข้ามเป็นสีแดง แต่ด้วยความที่อีกแค่ 3 คนก็จะพ้นแล้ว ส่วนตัวลูกแมวเองเดินรั้งท้าย ไม่กล้าข้ามค่ะ เพราะ เคยมีประสบการณ์มาแล้ว (TT-TT) แต่เพื่อนสาวชาวอิตาเลี่ยน หุ่นสแลนเดอร์ (เอิ่มฮ่าๆๆ) นางก็ค่อยๆวิ่งเหยาะๆข้ามไปค่ะ รถคันหนึ่งไม่ทราบสัญชาติ ก็พุ่งมาด้วยความเร็ว เร็วมาก (*O*!!!) และไม่แม้แต่จะแตะเบรกหรือชะลอเลยค่ะ โชคดีที่เพื่อนในกลุ่มผู้ชาย ที่ข้ามไปแล้วหันมามอง แล้วกระชากเพื่อน มาอีกฝั่งอย่างรวดเร็วก่อนรถจะชน เหมือนในหนังเลยค่ะ (TT-TT) ไอ้ตัวข้าพเจ้านี่สตั๊นอยู่อีกฝั่ง กรี๊ดอย่างเดียวเลยค่ะ คือนอกจากรถคันนั้น จะไม่ลดความเร็วแล้ว นางไม่มีการแตะเบรกใดใด และขับไปเลยค่ะ ดังนั้น ขอเตือนนะคะ ที่นี่ไม่ใช่ประเทศไทย ที่มีความเอื้ออารี ใจดี เอื้ออาทร ไม่มีทั้งนั้นค่ะ ที่นี่ถ้าไม่ผิด ก็คือไม่ผิด ชนเป็นชนค่ะ ส่วนตัวเพื่อนอิฉัน ก็สั่นเป็นเจ้าเข้าเลยค่ะ เราก็ทำได้แค่ปลอบ เพราะตัวเราเองก็เคยมีประสบการณ์ และเราเองก็ตกใจไม่แพ้กัน ดังนั้นระมัดระวังตัวด้วยนะคะ!!!

 

Food

ว่ากันด้วยเรื่องของ อาหารการกินที่นี่ค่ะ แหมจะไม่กล่าวถึงก็กระไรอยู่นะคะ หุหุ ระวังน้ำหนักนิดนึงนะคะ มาอยู่ที่นี่ไม่มีใครน้ำหนักไม่ขึ้นค่ะ น้ำตาไหลพรากกก ~~ (TT-TT) พี่พยายามแล้วจริงๆ อาหารเอย ขนมเอย เค้กเอย น่ากินไปหมด ทุกอย่างเลยค่ะ โดยเฉพาะช็อกโกแลต ถูกมว๊ากกกก ฮ่าๆๆๆ เอาละค่ะ เข้าเรื่อง (^-^) ซึ่งอาหารที่เมืองนี้ ก็มีหลากลายไสตล์มากค่ะ ราคาก็ไม่ต่างจากที่ไทยเลย โดยเราจะมาเริ่มจากง่ายๆด้วยการ แนะนำแหล่ง ซื้อแล้วรับประทาน ไปจนถึงแหล่งช๊อปเมื่อต้องลงมือทำเองค่ะ

อาหารแบบไม่ต้องทำเองก็อิ่มได้

  1. Fast Food at Northumberland street : ที่นี่มีมากมายมีทุกยี่ห้อค่ะ เคเอฟซี , แม็คโดนัล, เบอเกอร์คิงส์ ,Pizza hut, Subway … ซึ่งอร่อย สะดวก แต่ระวังน้ำหนักค่ะ เพราะตัวอิฉันจัดไปเป็นอาทิตย์เลยค่ะ แลพึ่งตระหนักว่าแก้มเริ่มมาค่ะ (TT-TT) น้ำตาไหลพรากตามเคยค่ะ
  2. China Town : แหล่งรวม ร้านอาหารมากมายโดยส่วนมากจะเป็นร้านจาก จีน ไทย ญี่ปุ่น บุฟเฟต์
  3. Eldon square : เป็นห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่เหมือนที่ไทยค่ะ โดยมีร้านอาหาร ร้านขนมทุกอย่างไม่ว่าจะ ร้านโดนัท ร้านกาแฟ Starbuck, Costa และอื่นๆค่ะ
  4. Restaurant : คือที่เมืองแห่งนี้ มีร้านอาหารมากมาย กระจายอยู่ทุกตรอกซอกซอยค่ะ ฮ่าๆๆ ตั้งแต่ Fat Hippo ทานแล้วน่าจะเหมือนชื่อร้านค่ะ เป็นร้านแฮมเบอร์เกอร์แสนอร่อย อันนี้แนะนำค่ะ รวมถึงร้านอาหารอิตตาเลี่ยน ร้านอาหารกรีก ร้านอาหารอาหรับ ต้องลองนะคะ อันตัวเราก็เพิ่งเคยจะทาน เมื่อมาที่ประเทศอังกฤษนี่แหละค่ะ อร่อยแปลกๆดีค่ะ(\\^O^//) รวมถึงร้านอาหารไทย เยอะแยะจนเล่าไม่หมดเลยค่ะ ต้องมาเองนะคะ ^-^

อาหารแบบต้องลงมือทำเองถึงจะอิ่ม

คือช่วงแรกๆที่มาที่นี่ต้องขอบอกว่าเน้นซื้อทานค่ะ เพราะง่ายและสะดวก อร่อย และได้ลองชิมอะไรแปลกๆค่ะ แต่ทีนี้ พอมาถึงจุดจุดหนึ่ง จุดที่อยากทานข้าว จุดที่เห็นขนมปัง แล้วจะเป็นลม จุดที่คิดถึงอาหารไทย เราก็เลือดขึ้นหน้า แล้วก็คว้าถุงช็อปปิ้ง ไปช็อปปิ้งกันค่ะ (^O^)

  1. HaiYou : เราต้องตั้งหลักจากที่นี่ค่ะ เป็นซุปเปอร์ของคนจีนค่ะ เราสามารถหาซื้อ เครื่องปรุงของไทยทั้งหมด เน้นว่าทั้งหมด ไม่ว่าจะซีอิ๋วขาว ซอสถั่วเหลือง น้ำมัน น้ำปลา ซุปก้อนสำเร็จรูป ข้าวสาร มาม่า น้ำพริกเผา แสนอร่อย รวมถึงหม้อหุงข้าว(ยังเจ็บใจมากที่แบกมาค่ะ ฮ่าๆๆ) ได้ที่นี่ค่ะ และถ้าเพื่อนๆน้องๆ อยากทานขนมหรือเครื่องดื่ม จากประเทศไทยก็มีนะคะ แต่ราคาค่อนข้างสูงนิดหน่อยค่ะ ประมาณสองเท่า ของราคาที่ไทยค่ะ ที่สำคัญที่นี่มี วัตถุดิบซอสปรุงรสต่างๆของเพื่อนบ้าน เช่น เกาหลี ญี่ปุ่น เราขอแนะนำนะคะ ลองทานบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปของประเทศเพื่อนบ้านค่ะ ราคาพอพอ กับของไทยค่ะ แต่เส้นกับรสชาตินี่พอพอ กับเวลาเราไปทานราเมงที่ภัตคารเลยค่ะ โดยเราสามารถเพิ่มผัก เนื้อไก่ ปลา หมู ได้ รวมถึงที่นี่มีกิมจิยี่ห้อดัง ของเกาหลีด้วยนะคะ ลองค่ะ ต้องลอง (^w^)
  2. Tesco : บ้านหลังที่สองของเรา ฮ่าๆๆๆ ล้อเล่นนะคะ (จริงจริ๊ง) (-.-“) คือเราสามารถซื้อได้ทุกอย่าง เหมือนที่ไทยค่ะ ตั้งแต่หมูเห็ดเป็ดไก่ ผัก ผลไม้ ซีเรียล นมสด ไข่ไก่ และอื่นๆค่ะ ก็ทุกอาทิตย์ จะมาช็อปที่นี่อาทิตย์ละครั้ง เพื่อ เตรียมวัตถุดิบไว้สำหรับทำอาหารวันอื่นๆค่ะ ซึ่งวันไหน ที่มาช็อปวัตถุดิบจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษค่ะ ไม่รู้ทำไม ฮ่าๆๆๆ

  1. Grainger market : ตลาดสดบ้านเรานี่เองค่ะ แต่สะอาดกว่า มีความอังกฤษ มีความเหมือนในหนังค่ะ ฮ่าๆๆ เราสามารถหาซื้อผัก ผลไม้ได้ในราคาถูก มีร้านเนื้อสัตว์ ร้านเนยชีส ร้านขายขนม ร้านขายพิซซ่า แต่สำหรับเรานะคะ เราไม่แนะนำให้ซื้อขนมที่นี่เนื่องจากเคยเจอขนมหมดอายุด้วยค่ะ (TT-TT) ในส่วนผักผลไม้ของที่นี่ เนื่องจาก มีความสดมาก ราคาถูก ปริมาณเยอะ แต่เมื่อเก็บไว้ในตู้เย็น เพียงแค่สามวัน ก็สยองขวัญแล้วค่ะ (T-T”) ตรงกันข้ามกับซื้อจาก Tesco สามารถเก็บได้นานกว่า ดังนั้น เหมาะสำหรับ ซื้อแล้วรับประทานเลย ภายในวันสองวัน อาจจะแชร์กับเพื่อนก็ได้ค่ะ แต่ถ้าคิดว่า ไม่สามารถรับประทานได้หมด เราไม่แนะนำให้ซื้อนะคะ เพราะอาจจะต้องทิ้งค่ะ

 

  1. Heron Food : ที่นี่ไข่ไก่ราคาถูกค่ะ แต่ฟองไม่ใหญ่มาก มีปลาทูน่ากระป๋อง มีขนม และเครื่องดื่ม ซึ่งลดราคาอย่างน่าประหลาด ดังนั้นพอลูกแมวกับเพื่อนๆว่างเราจะมีวันช็อปปิ้งอาหารหลังเลิกเรียน หิ้วถุงช็อปปิ้งไปด้วย เพราะ ที่นี่ถุงพลาสติกเค้าคิดเงินด้วยนะคะ น่าจะเกี่ยวกับลดโลกร้อนรึเปล่า ฮ่าๆๆ อันนี้ไม่แน่ใจค่ะ แต่พี่พกถุงผ้าและถุงพลาสติกไปช็อปด้วยทุกครั้งค่ะ เดินวนค่ะ เช็คราคาและซื้อวัตถุดิบมากักตุน เพราะเราจะไม่มาช็อปปิ้งทุกวันนะคะ เราต้องเรียนค่ะ ฮ่าๆๆ

  1. One pound land : ร้านที่ทุกอย่างปอนด์เดียว คือมีทุกอย่างจริงๆค่ะ ส่วนตัวไม่แนะนำให้ซื้ออาหารสด ที่นี่นะคะ แต่ถ้าเป็นพวกขนมก็ที่นี่เลยค่ะ หรือ จะเปรียบเทียบราคากับ Tesco ก่อนก็ดีค่ะ เพราะราคาขนม บางอย่างก็ไม่ถึง1 ปอนด์ค่ะ รวมถึงพวกเครื่องเขียนก็สามารถซื้อได้ที่นี่ค่ะ

 

เอาละค่ะ ก็รีวิวกันไปบางส่วนแล้วนะคะในไดอารี่ฉบับหน้า เราจะพาไปรู้จักโรงเรียนสอนภาษาของเรากัน รวมถึงที่พักค่ะ เอาไว้พบกันใหม่นะคะ อากาศที่นี่ตอนกลางคืนนี่หนาวได้เรื่องเลยค่ะ ไปก่อนนะคะ บายบายค่ะ

Enquiry Form

Please provide the following information and we will aim to respond within 48 hours:

Your details
Please enter your first name.
Please enter your last name.
Please enter a valid email address.
Please enter your phone number.
Please select a country you want to study.
Please select a year you want to study.
Please select your preferred branch.

* All fields required (in English)

  • Share this: