Hands On Education Consultants

Newcastle Upon Tyne (Part 2)

สวัสดีค่ะทุกคน เป็นอย่างไรบ้างค่ะ ที่นี่อากาศกำลังหนาวเลยค่ะ อากาศเลขตัวเดียวถึงติดลบแล้วนะคะ คาดว่าหิมะน่าจะตกเร็วๆ นี้ ส่วนที่ไทยน่าจะกำลังเข้าหน้าหนาวเช่นกัน อากาศหนาวๆ แบบนี้ ดูแลสุขภาพกันด้วยนะคะ อากาศกลางคืนมันหนาว ก็ห่มผ้านอนก่อนหลับฝัน บลา บลา บลา ฮ่าๆๆ  มาเป็นเพลงกันเลยทีเดียว เอาละค่ะ เราจะมาต่อกันจากไดอารี่ฉบับที่แล้วนะคะ  🙂

Cinema

ว่ากันด้วยเรื่องโรงภาพยนต์ โดยปกติแล้วพวกเราเด็กนักเรียนจะมีกิจกรรมที่จะทำด้วยกัน ทุกวันอังคาร นั่นคือไปดูหนังค่ะ เนื่องจากในวันอังคารราคาตั๋วหนังจะลดราคา เราก็ต้องจัดสิค่ะ (^-^) แต่ช้าก่อน!!! มีคำเตือน สำหรับการรับชมภาพยนตร์ที่ประเทศแห่งนี้ คือไม่รู้ว่าทำไม ทำไม เขาถึงได้ทำเยี่ยงนี้ (T-T) เขาพาดเท้าไว้บนพนักพิงศรีษะของคนด้านหน้าค่ะ กรี้ดดดสิค่ะ (T-T)  คือ ตอนแรกเราก็ว่ากลิ่นอะไรแปลกๆ คือหันกลับไปดูเท่านั้นแหละค่ะ ถึงกับผงะ คือ แทบจะทุกคนพาดเท้าไว้บนพนักพิงศรีษะของคนด้านหน้า เหมือนกันหมดทุกคนแทบทั้งโรงหนังเลยค่ะ คือหลังจากที่อิฉันทราบ พี่นี่ไม่กล้าพิงพนักอีกเลยค่ะ คือต้องหันหลังกลับไปเช็คทุกครั้ง ว่าครั้งนี้เราไม่แจ็กพ๊อต คนที่นั่งข้างหลังไม่เมื่อยขาเอามาพาดไว้เหนือศรีษะ ข้าพเจ้า T-T เพลียจิตค่ะ ไม่ไหวนะคะ

St James’ Park

มาถึง Newcastle Upon Tyne ทั้งทีจะไม่พูดถึงทีมฟุตบอลก็จะกระไรอยู่ เนื่องจากคนเมืองนี้เขาภาคภูมิใจในทีมฟุตบอลมากเหลือเกิน คือทีม Newcastle United คือถ้าวันไหนมีแข่ง ทั่วเมืองจะใส่เสื้อทีม และพาครอบครัว ลูกเด็กเล็กแดงขนกันไปไปเชียร์ทั้งบ้าน ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่ลูกแมวไม่เคยเจอในชีวิต ฮ่าๆๆๆ ที่สำคัญ ตัวเรานั้นเชียร์ทีมอื่นอยู่ก็เลยไม่ค่อยจะอินสักเท่าไหร่ หึหึ (^-^) ที่นี่มีสเตเดี่ยมที่ใหญ่มากๆ จุคนได้ถึง 52,405 คนค่ะ ใหญ่มากๆ เลยใช่ไหมค่ะ ซึ่งก็มักจะมีแมทช์สำคัญๆ มาแข่งที่นี่ประจำ ดังนั้นเหล่าเพื่อนๆ ผู้ชายทุกท่านก็จะค่อนข้างดี๊ด๊าค่ะ เห็นจองตั๋วกันไปดูเป็นว่าเล่นเลยค่ะ

Language School

เอาล่ะ มาว่ากันด้วยเรื่องโรงเรียนสอนภาษา จะเป็นที่ไหนไปไม่ได้เลย นอกจาก International House ของเขาเอง (^-^) เฮ้ๆๆ โรงเรียนของเราน่าอยู่ คุณครูใจดีทุกคน

เอาล่ะค่ะ เข้าเรื่องกันเลยดีกว่า ถ้าจะมาเรียนภาษา ขอแนะนำโรงเรียนนี้ค่ะ เพราะเหมือนจะไม่มีโรงเรียนเลยในละแวกนี้เลย (-.-^) ฮ่าๆๆๆ นอกเสียจากโรงเรียนในมหาวิทยาลัย ซึ่งถ้าไม่ได้จะเข้าเรียนที่มหาลัยนั้นๆ ไม่น่าจะเข้าไปเรียนได้ค่ะ โรงเรียนของเราขอเรียกย่อๆ ว่า IH น่ะค่ะ โรงเรียนนี้มีข้อดีเยอะมากค่ะ (^O^) ตัวอย่างเช่น คุณจะได้พบกับ นักเรียนจากหลากหลาย  เชื้อชาติ หลายภาษา และหลากหลายอายุค่ะ ขึ้นอยู่กับช่วงเวลาที่เดินทางมาเรียน ถ้าเป็นช่วงซัมเมอร์ของที่นี่ วัยรุ่นโซนยุโรปจะมาเรียนกันเยอะมาก เป็นบรรยากาศที่คึกคักมาก ขอแนะนำให้มาช่วงนี้นะคะ เพราะเพื่อนๆ จะเยอะมาก และได้ฝึกภาษา เพราะปิดเทอม แต่ถ้าเลยช่วงซัมเมอร์ อายุก็จะเขยิบขึ้นมาเป็นวัยทำงาน ซึ่งส่วนมากจะมาเรียนเพื่อสมัครงาน หรือเตรียมสอบเพื่อเรียนต่อปริญญาโทค่ะ

  

การเตรียมตัวเข้าเรียน

เอาล่ะค่ะ เราจะขอเล่าตั้งแต่การเตรียมตัวเข้าเรียนนะคะ คือขั้นแรกติดต่อผ่านทางพี่ๆ เอเจนซี่ที่ประเทศไทยค่ะ พี่เขาจะช่วยประสานงานให้ทุกอย่างเลย ตั้งแต่เลือกคอร์ส สอบถามราคา โปรโมชั่น จนถึงการจ่ายเงิน เราก็เลือกคอร์ส GE (General English) ก่อนค่ะ เพราะเราต้องปูพื้นฐานกันก่อน พอเรามาถึงโรงเรียน ทางโรงเรียนจะมีการวัดระดับทางภาษา วัดเลเวลนั่นเอง ขอแนะนำเด็กๆ ให้เตรียมตัวมาล่วงหน้าค่ะ เพราะมันจะเป็นการวัดทักษะของเรา และที่สำคัญยังเป็นตัวคัดเลือกเพื่อนในห้องเรียนเราด้วยค่ะ ดังนั้นถ้าเราไม่ได้เตรียมตัวมา และเราเข้าเรียนกับเพื่อนต่างชาติ ซึ่งไม่ได้เตรียมตัวมาเหมือนกัน มันจะเป็นวิกฤติชีวิตเลยค่ะ ฮ่าๆๆๆ จะขอเล่าประสบการณ์ตรงเลยนะคะ คือตัวเราไม่ได้เตรียมตัวมาค่ะ ออกตัวก่อนเลย คือกะมาชิวเต็มที่ค่ะ สายชิวค่ะ ไม่คิดว่าวันแรกจะมีการสอบ

สอบที่นี่คือ สอบแบบจริงจังเลยค่ะ วัดทุกทักษะ ฟัง พูด อ่าน เขียน ฝึกมาก่อนเลยค่ะ มีสัมภาษณ์ด้วย คือตอนลูกแมวสอบนี่แบบ เราก็ทำข้อสอบไปชิวๆ ค่ะ เรามาสายชิวอยู่แล้ว ฮ่าๆๆๆ (^O^) แต่พอเข้าเรียนเท่านั้นแหละค่ะ รู้เรื่องเลย เพราะอะไรทราบไหมค่ะ สำเนียงแต่ละชาติ อะฮือ!!! มากอ่ะค่ะ คือลองจินตนาการนะคะ คือถ้าเรียนที่ประเทศไทย ถ้าไม่เข้าใจยังไงก็ยังระดับใกล้เคียงกัน หรือเราสามารถ (แอบ) สื่อสารเป็นภาษาไทยได้ (^O^)  แต่ที่นี่ภาษาอังกฤษคือสิ่งเดียวที่จะทำให้ชีวิตเราอยู่รอด ไม่มีคนไทย ไม่มีเลย เฮือกกกก (T-T) คำเดียวที่ต้องท่องไว้คือ “ต้องพูดให้ได้” ทำยังไงก็ได้ให้อยู่รอด มันเป็นประสบการณ์ที่มากกว่าการใช้ภาษาอังกฤษ มันเป็นเรื่องของการสื่อสารกับชาวต่างชาติทั่วโลก ไม่ใช่แค่ชาวอังกฤษ หรืออเมริกา เราต้องสื่อสารกับเพื่อนเอเชีย เพื่อนยุโรป เพื่อนตะวันออกกลาง คือสำเนียงนี่ตีกันยิ่งกว่า ยุงตีกันอีกค่ะ เพราะทุกชาติมีเอกลักษณ์และมีสำเนียงที่แตกต่างกันค่ะ เอาล่ะค่ะ แต่ถ้าทุกท่านเตรียมตัวมาดี และได้เข้าเรียนในเลเวลสูง การสื่อสารจะง่ายขึ้นเท่าตัวค่ะ เพราะเพื่อนๆ คุณจะมีสำเนียงที่ใกล้เคียงบริติชค่ะ ดังนั้นความยากง่ายของการสื่อสารกับเพื่อนๆ ในคลาสนี่ขึ้นอยู่กับการวัดระดับวันแรกค่ะ ดังนั้นสู้ๆ นะคะ (ทำดีได้ดีค่ะ… ฮ่าๆๆๆ)

หลังจากที่ผ่านการวัดระดับวันแรก ทางโรงเรียนก็จะพาไปเดินเล่นชมเมืองค่ะ คุณครูที่นี่ใจดีทุกคนค่ะ เรามีอะไรไม่สบายใจหรืออยากรู้อะไรเพิ่ม อยากได้แบบฝึกหัดเพิ่ม หรืออยากเปลี่ยนคอร์ส เราสามารถปรึกษาได้โดยตรงได้ทุกเรื่องค่ะ อาจารย์ที่นี่เขาค่อนข้างจะแฟร์นะคะ อะไรที่เราคิดว่าเราไม่สบายใจ ให้พูดไปตรงๆ เลยค่ะ รวมถึงอยากทราบสถานที่ท่องเที่ยว ร้านอาหาร อาจารย์ที่นี่พร้อมจะแนะนำค่ะ อาจารย์ที่นี่สำเนียงบริติชนะคะ ฮ่าๆๆๆ ซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่อเมริกันแอ๊กเซ้นท์ จะขอบอกว่าบริติชแอ๊กเซ้นท์ฟังง่าย แต่พูดยากค่ะ ถ้าจะให้อธิบาย มันค่อนข้างยาวมาก ต้องลองมาฟังเองค่ะ แล้วคุณจะเข้าใจว่ามันไม่ง่ายอย่างที่คิด (T-T)

 

ที่นี่ ก็มีคอร์สหลากหลายให้เลือกตามจุดประสงค์ที่เรามาเรียนค่ะ เช่น

1. General English
: ก็จะเน้นเรียน Grammar ปูพื้นฐาน Conversation โดยจะเป็นเรื่องทั่วๆ ไป

รีวิว: สำหรับเรา เราคิดว่าทุกคนควรจะเริ่มจากคอร์สนี้สักเดือน สองเดือนก่อนค่ะ ก่อนที่จะไปเรียนคอร์สอื่น คือมันเหมือนเป็นการปรับตัว ปรับหู ปรับตา ปรับปาก ปรับใจ เฮ้! เอาเป็นว่าปรับร่างกาย ก่อนจะลง สนามจริงค่ะ ฮ่าๆๆๆ ก็จะเรียนเรื่องทั่วๆ ไป หลักการใช้ภาษา ฝึกการพูด เล่นเกมส์ ฝึกการออกเสียงให้ถูก อย่างไรก็ดี ความยากง่ายขึ้นอยู่กับเลเวลที่เราสอบได้ในวันแรกค่ะ ก็อย่างที่รู้ๆ กันว่าเราได้เลเวลค่อนข้างรากหญ้า รากหญ้า ฮ่าๆๆๆ แต่เราจะยอมแพ้ไม่ได้นะคะ ผิดแล้วห้ามผิดอีก เราต้องพิสูจน์ตัวเองค่ะ ว่าเราเหมาะสมที่จะเลื่อนระดับ (T-T) (เรียนผูกต้องเรียนแก้ค่ะ ฮึบๆๆ)

เพื่อนๆ ในห้องเรานะไม่อยากจะเม้าท์ (^O^ หราาา) จะขอเล่าบรรยากาศคร่าวๆ นะคะ ในห้องเรามีสมาชิกประมาณ 8-10 คน ต่อครู 1 คน เพราะเป็นช่วงซัมเมอร์ เด็กมาเรียนกันเยอะมาก ตั้งแต่กำลังจะเข้ามหาลัยจนถึงเด็กเพิ่งเรียนจบ เพื่อนในกลุ่มเราก็จะมีตั้งแต่เพื่อนอิตตาลีนักบอล (^O^) เพื่อนนักบอลบราซิล (^o^) โอปป้านักบอลเกาหลีใต้ (-.-^) นางแบบอิตตาลี (- -^) สตาฟจัดแฟชั่นวีค (- -^) เดี๋ยวๆๆๆ ใจเย็นนะ นี่มันโรงเรียนเก็บตัวนักบอล กับนางแบบแฟชั่นวีค หราาาาาาาหราาาาาาหราาาาาาา ขอที่ให้หมวยตัวกลมๆ ตัวเล็กๆ ดั่งก็…เอิ่ม มีนิดหน่อย มีที่ยืนในสังคมด้วยคร้าาาาา (T-T) ล้อเล่นนะคะ เพื่อนๆ เราน่ารักทุกคนเลย สำเนียงก็มีตีกันไปตามเรื่องตามราวค่ะ พวกเราสนิทกันเร็วมาก เพราะในห้องเรียน เราต้องทำกิจกรรมร่วมกัน ช่วยกันเรียน ช่วยกันฝึกพูด ช่วยกันทำการบ้าน (ไม่ใช่ลอกการบ้านนะจะ ไม่ดี)

2. Academic Course
: เตรียมตัวสอบ IELST , FCE โดยคะแนนจากการสอบจะเอาไว้ใช้เพื่อยื่นเข้า มหาวิทยาลัยที่ประเทศต่างๆ ทั่วโลกค่ะ

รีวิว: คอร์สนี้จะเป็นคอร์สที่ค่อนข้างเข้มข้น ซีเรียสขึ้นมาหน่อย คือเป็นคอร์สเพื่อสอบเข้ามหาวิทยาลัย รวมถึงถ้าจะมาศึกษาต่อที่นี่ แน่นอนว่าต้องสอบ IELST ค่ะ เนื้อหาหลักๆ ก็จะเป็นการฝึกทำข้อสอบ ฝึกเทคนิคต่างๆ เพื่อใช้ในสนามสอบ คอร์สนี้ไม่เหมาะกับผู้ที่พื้นฐานไม่แน่นนะคะ เพราะการเรียนจะค่อนข้างเข้มข้น ไม่เน้นแกรมม่า เพราะผู้ที่เรียนจะต้องมีพื้นฐานมาดีระดับนึงค่ะ

3. Business Course : คอร์สนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฝึกทักษะภาษาอังกฤษเพื่อการทำงาน เช่น การ Presentation , การเขียน E-mail และการฝึก Meeting

รีวิว : คอร์สนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฝึกทักษะเอาไว้ใช้ในการทำงานค่อนข้างจะเน้นการทำ case study ค่ะ ศัพท์ที่ใช้ในการเรียนคอร์สนี้ค่อนข้างจะเป็นศัพท์ Business แต่ไม่ได้ยากมากค่ะ เมื่อเทียบกับคอร์ส เตรียมเข้ามหาวิทยาลัย ง่ายกว่าเยอะเลยค่ะ

 

Up Level

การเลื่อนเลเวลหรือระดับของทางโรงเรียน หากคุณทำข้อสอบมาดีในวันแรก ชีวิตคุณก็จะอยู่ในเกณฑ์ราบรื่นค่ะ แต่ถ้าไม่หรือมันแต่สายชิวเหมือนเค้า นั่นไม่ใช่ The end of your life ค่ะ คุณสามารถเลื่อนระดับได้ค่ะ แต่ช้าก่อน! การเลื่อนระดับไม่ได้ง่ายอย่างที่คุณคิด เพราะคุณจะต้องพิสูจน์ว่าระดับทางภาษาของคุณอยู่ในเกณฑ์ที่อาจารย์จะเลื่อนเลเวล ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องง่ายค่ะบอกเลย คือทางโรงเรียนจะออกใบประเมินทักษะมาให้เราทุกอาทิตย์ คนที่ประเมินคืออาจารย์ที่สอนเรา นางก็จะมีคอมเม้นท์ว่าเราต้องปรับปรุงอะไรบ้าง ซึ่งวัดหลายด้านมากและแต่ละด้าน ต้องอยู่ในระดับที่เรียกว่า Above Standard ขอบอกเลยว่า การจะขยับขึ้นไปนี่แทบจะลากเลือดกันเลยทีเดียว นี่เราไม่ได้ขู่นะ มันคือเรื่องจริง !!

เอาล่ะค่ะ หวังว่าทุกคนจะเข้าใจ ภาพรวมคร่าวๆ ของสถานะการณ์ชีวิตของเด็กนักเรียน (สายชิว) ที่มาเรียนทีนี้แล้วนะคะ (^O^) เดินตามมาโลดค่ะ อะไรที่ลูกแมวทำแล้วพลาดไปก็อย่าเดินซ้ำรอยนะคะ

เอาไว้เจอกันใหม่ฉบับหน้าค่ะ วันนี้ไปแล้วนะคะ ออกไปหาอะไรอร่อยๆ รองท้องดีกว่า  เจอกันใหม่ฉบับหน้าบายๆๆ 🙂