สวัสดีครับ กลับมาพบกับ ผม สรร นะครับ วันนี้จะมาถึงคำถามสุดท้ายว่า เราควรตัดสินใจที่จะมาเรียนต่อต่างประเทศไหม ทั้งในระดับปริญญาตรีไปจนถึงปริญญาเอกเลยครับ ตัวผมเองก็อยากจะแบ่งปันความคิดและประสบการณ์เพื่อหวังว่าจะเป็นส่วนเล็ก ๆ ที่ทำให้หลายคนที่อาจจะยังลังเลว่าควรไปเรียนต่อต่างประเทศหรือไม่
ก่อนหน้านี้ ผมเคยมีประสบการณ์เป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่ประเทศสหรัฐอเมริกาสมัยเรียนมัธยมศึกษาตอนปลาย อยากจะบอกว่า ชีวิตเมื่อเกือบสิบปีก่อนมันแตกต่างจากวันนี้มาก ๆ ครับ
จากเด็กม.ปลายที่ต้องอยู่กับโฮส แฟมิลี่ มาจนถึง ผู้ใหญ่คนหนึ่งที่ต้องดูแลตัวเอง เราเติบโตขึ้นมากจริง ๆ ไม่ใช่แค่เซลล์สมองในหัวเท่านั้น แต่มันอาจหมายถึงหัวใจอีกด้วย
ความต่างก็คือ สมัยไปแลกเปลี่ยนนั้น เรายังมีคนอื่นคอยสนับสนุนและช่วยเหลืออยู่ด้วย แต่เมื่อมาเรียนต่อหลังเรียนจบ โลกก็จะเป็นอีกแบบหนึ่ง แต่ถ้าถามกันตรง ๆ ผมคิดว่ามันดีทั้งสองแบบนะครับ หากเป็นไปได้ ผมก็เชียร์ให้คุณพ่อคุณแม่ส่งลูกหลานไปแลกเปลี่ยนก่อนไปเรียนต่อในระดับอุดมศึกษานะครับ เพราะมันทำให้เราเปิดโลกได้มากขึ้นจริง ๆ และพร้อมที่จะทำให้เราก้าวไปสู่มหาวิทยาลัยครับ
หลังจากนี้ ขออนุญาตข้ามเรื่องในห้องเรียนนะครับ เพราะสิ่งที่ผมอยากจะบอกก็คือ การมาเรียนต่างประเทศ มอบอะไรนอกกรอบให้เราได้มากกว่านั้น อีกทั้งยังทำให้เราเป็นคนที่เก่งกว่าเดิมและดีกว่าเดิมแน่ ๆ (นอกจากโอกาสที่จะได้ไปเที่ยวที่โน่นที่นี่ด้วยนะครับ ฮ่า ๆ )
เพราะทุกสิ่งทุกอย่างที่แล่นผ่านเข้ามาในชีวิตล้วนประกอบเป็นตัวเรา
การอยู่คนเดียวจะทำให้เราเติบโตขึ้น สำหรับหลาย ๆ คน อาจจะเป็นครั้งแรก ๆ ที่เราจะได้ฝึกทำอาหารเอง ซักผ้าเอง เลือกซื้อของเอง หรือตัดสินใจอะไรหลาย ๆ อย่างด้วยตัวเอง เราอาจจะเหงา เราอาจจะเบื่อ แต่เมื่อเราจะค้นพบสัจธรรมหลาย ๆ อย่าง พร้อมกับแข็งแกร่งมากขี้น
เราจะมีโอกาสพบกับสังคมใหม่ ๆ กลุ่มเพื่อนใหม่ ๆ ที่อาจทำให้เราได้สายสัมพันธ์และคอนเนคชั่นมากมายในอนาคต เชื่อเถอะว่า คนที่มีโอกาสมาเรียนต่อที่ต่างประเทศได้ ทุกคนย่อมมีสิ่งดี ๆ ที่เราสามารถศึกษาได้ เก็บเอาความคิดดี ๆ แนวคิดบวก ๆ เข้ามาเพื่อเสริมสร้างตัวเรา และไม่แน่เหมือนกันว่า เพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ หลายคนที่เราพบเจอ อาจจะกลายเป็นคนที่เราสนิทด้วยไปชั่วชีวิต
แน่นอนว่า บ่อยครั้ง ชีวิตไม่ได้ง่ายอย่างที่เราคิด ทว่ามันก็ไม่ได้ยากเกินกว่าที่เราจะรับมือ
เราจะได้เผชิญความสุข ความทุกข์ ความสนุก เสียงหัวเราะ คราบน้ำตา ปัญหา อุปสรรค ฯลฯ ตลอดช่วงเวลาที่อยู่ต่างประเทศ เราจะได้ประสบพบเจอทุกสิ่งทุกอย่าง และเติบโตไปพร้อมกับมัน
เปล่า – ผมไม่ได้จะบอกว่าทุกคนจะหาสิ่งเหล่านี้ไม่ได้ หากเราเลือกที่จะทำงานหลังเรียนจบหรือศึกษาต่อภายในประเทศ เพราะทุกอย่างล้วนมีข้อดีในตัวมัน อยู่ที่เราจะตัดสินใจเช่นใด
เพราะชีวิตเราเลือกเดินได้ครั้งเดียวเท่านั้น และนั่นก็ทำให้ชีวิตเป็นสิ่งพิเศษ ไม่ใช่หรอ?
เราไม่สามารถย้อนเวลากลับไปได้ ไม่ว่าเราจะอยากหรือไม่อยากก็ตาม มันทำให้เราต้องคิดก่อนที่จะทำในทุกก้าวจังหวะของชีวิต
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะดีหรือร้าย, “อดีต” สวยงามเสมอยามนึกถึง
ดังนั้นลองชั่งใจว่า ถ้าในอีกสิบปีข้างหน้า เราอยากมองย้อนหลังกลับมาในตัวเองแบบไหนนะครับ
สุดท้ายนี้ ขอบอกว่า พี่ ๆ ที่ Hands On พร้อมจะช่วยเหลือทุกคนอย่างเต็มที่ในเรื่องคำแนะนำในการศึกษาต่อ หลายคนอาจจะมีประเทศที่ใฝ่ฝัน คณะหรือสาขาที่อยากเรียน ทั้งหมดสามารถเข้าไปพูดคุยปรึกษาและขอคำแนะนำโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ จากพี่ ๆ ได้เสมอครับ และเชื่อเถอะว่า พวกพี่ ๆ จะดูแลเราเหมือนน้องที่สนิทกันมาก ๆ จริง ๆ
ขอบคุณที่คอยติดตามงานเขียนของผมกันมาตลอดนะครับ
ขอให้ทุกคนมีความสุขกับทุกอย่าง และเติบโตขึ้นในทุกวันนะครับ
หวังว่าวันหนึ่ง เราจะได้พบกันนะครับ (:
โดยพี่สรร นักเรียนทุนคิง เพาเวอร์ รุ่นที่ 3 ณ มหาวิทยาลัย De Montfort University เมืองเลสเตอร์ ประเทศอังกฤษ สาขาวิชา Sport Business and Management และเคยเป็นอดีตผู้ประสานงานทีมฟุตบอลทีมชาติไทยและล่าม โค้ชมิโลวาน ราเยวัช กุนซือทีมชาติไทย |