สวัสดีค่ะทุกคน พี่ชื่อพี่แป้ง ตอนนี้เป็น UK Counsellor ที่สาขาใหญ่สีลมนะคะ ก่อนที่จะเข้าเรื่องเกี่ยวกับการผจญภัยของพี่ตอนได้เข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยเดอแรมเป็นระยะเวลาทั้งหมด 1 ปี (ที่หลายๆคนอ่านว่าเดอแฮม) พี่ขอเล่า background ตัวเองก่อนคร่าวๆนะคะ 🙂
พี่แป้งก่อนที่จะได้เข้าเรียนเดอแรม พี่จบ BA Arts Business English ที่มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญมาก่อน ในระยะเวลา 3 ปีครึ่ง ก่อนจบเป็นช่วงที่พี่ลังเลกับชีวิตพี่สุดว่าพี่ควรจะทำอะไร ซึ่งพี่ค่อนข้างมั่นใจ เด็กที่กำลังจะจบระดับปริญญาตรีจากรั้วมหาวิทยาลัยก็คงมีความลังเลนี้เหมือนกันว่า เราควรจะเรียนต่อโทดี? หรือ ทำงานก่อน? แต่ในท้ายที่สุดพี่ก็ตัดสินใจว่า พี่จะเรียนก่อนแล้วค่อยลุยกับชีวิตในวัยทำงานโลด
หลังจากนั้น เหตุผลที่พี่ตัดสินใจเรียนเลย เป็นเพราะตอนนั้นพี่เป็นเด็กขี้อาย เก็บตัวและไม่รู้ว่าอยากจะทำงานด้านอะไร คือด้วยความที่ตอนนั้นชีวิตมีแต่ห้องเรียน หอพักและบ้าน ไม่เคยไปเปิดโลกอะไรใดๆ กับใครทั้งสิ้น 555 พี่เลยตัดสินใจอยากเรียนต่อด้าน International Business Management เพราะด้วยความที่พี่เป็นเด็กด้านภาษา ชอบความเป็น International และคิดว่าการไปเรียน Management ช่วยทำให้หางานทำได้ง่ายกว่าการไปเรียนด้านอื่น ซึ่งพี่คิดว่าพี่ก็คิดถูกจริงๆ ตอนนั้นที่เลือกไปเรียนด้านนี้ค่ะ
ก่อนไปเรียนพี่ทำการบ้านกับตัวเองเยอะมาก นอกจากเรื่องคอร์สที่จะไปเรียนต่อในระดับ ป.โทแล้ว มหาวิทยาลัยอะไรบ้างที่ดี ที่จะคุ้มกับเงินที่ทางบ้านพี่จะเสียไปสำหรับการที่พี่ไปเรียน 1 ปี เนื่องจากพี่โชคดีได้จบด้วยเกรดเฉลี่ยที่ GPA 3.39 มา ทำให้พี่สามารถสมัครและได้รับ offer จากยูดังหลายที่ แต่ในท้ายที่สุดพี่เลือกไปเรียนที่ Durham University เพราะว่า Business School ได้รับ Triple Accreditation และ Rankings ดีขึ้นๆ ในทุกปีจาก Financial Times ค่ะ นอกเหนือจากนี้ ด้วยความที่พี่เป็นคนชอบความเป็น Historic และสงบ หนึ่งปีที่พี่อาศัยอยู่ที่ Durham บอกได้เลยว่ายิ่งกว่าฝันค่ะ มีความสุขมากกจนไม่อยากกลับไทยเลย ^^
เริ่มแรกพี่ต้องไปเรียน Pre-Sessional English Course ที่เดอแรมก่อน 5 สัปดาห์เพราะคะแนน IELTS หายไป 0.5 band ตามที่คอร์สกำหนดค่ะ ตอนช่วงนี้แหละเป็นช่วงที่ได้เจอเพื่อนๆ และสนิทกันมาจนถึงปัจจุบันนี้ ช่วงคอร์สพรี เป็นช่วงที่ชิวและสนุกค่ะ เพราะทางมหาวิทยาลัยจะจัดทริปเยอะมากและขายตั๋วในราคาที่ถูกไปเที่ยวเมืองอื่นๆ ในสหราชอาณาจักร เช่น York, Edinburgh เป็นต้น ซึ่งครั้งแรกที่พี่ได้ไป York เป็นครั้งแรกเลยที่รู้สึกถึงคำนิยาม ‘ตกหลุมรัก’ ค่ะ ฮ่าา
นอกเหนือจากกิจกรรมไร้สาระนอกห้องเรียน พี่คิดว่าคอร์ส Pre-Sessional English Course เป็นอะไรที่สำคัญมาก ด้วยความที่พี่เรียนที่เอแบค ถึงจะเรียนเป็นภาษาอังกฤษแต่วิธีการเรียนการสอนแตกต่างจากที่ UK มากค่ะ ที่ UK จะเน้น self-study และการไปคัดลอกงานคนอื่นมาเป็นของเราเองเป็นสิ่งที่ผิด แต่เวลาเราทำ assignment เราก็ไม่สามารถพูดขึ้นมาลอยๆ โดยไม่มีหลักฐานมาอ้างอิง ตอนช่วงเรียนคอร์สพรีเลยเป็นช่วงที่เราได้เรียนรู้ การทำ assignment และปรับตัววิธีการเรียนการสอนของที่นั่นค่ะ 🙂 แต่สำหรับน้องๆ ที่เก่งแล้ว ไอเอลผ่านพี่ก็ยังแนะนำอยากให้หนูลงเรียนคอร์สภาษานะคะ ซึ่งระหว่างที่หนูเรียน ป.โท ทางมหาวิทยาลัยจะมี In-Sessional English Course ซึ่งจะจัดโดยศูนย์ภาษาของมหาวิทยาลัย ฟรี ไม่คิดค่าใช้จ่าย และเป็นประโยชน์มากค่า ^^
ด้วยความที่ Durham University เป็นมหาวิทยาลัยเก่าแก่ของอังกฤษ ระบบของเดอแรมก็จะมีความ unique แตกต่างจากบางยูออกไปนั่นคือระบบแบบ College System ซึ่งเด็กนักศึกษาทุกคนที่ได้ Enroll เข้าเรียนที่เดอแรมจะมีบ้านเป็นของตัวเองค่ะ (อารมณ์แนว Harry Potter) สำหรับเด็กที่เรียนคอร์สพรีจะถูก allocate ให้เป็น member ของ Josephine Butler ทุกคน แต่ถ้าหอเต็มเด็กบางคน (รวมถึงพี่ในตอนนั้น) ต้องไปอยู่ที่ St Mary’s College ซึ่งรับการยกย่องว่าเป็น College ที่สวยที่สุดในเดอแรม ตอนกลางคืนพี่ตื่นมาช่วงเช้ามืด มองออกไปนอกหน้าต่างก็จะเห็นกระต่ายออกมากระโดดดึ๋งๆ น่ารักและมีความเป็นธรรมชาติมากค่ะ
หลังจากจบคอร์สพรี ช่วงนี้ก็ได้เข้าสู่โหมดความเป็นจริง นอกจากการย้ายหอไปอยู่ที่ Ustinov College (เป็น College เฉพาะสำหรับนักศึกษาที่เรียนคอร์ส ป.โทขึ้นไปเท่านั้นถึงจะสามารถอาศัยได้) นั่นก็คือคอร์ส ป.โท ซึ่งคอร์สที่พี่เลือกเรียนที่เดอแรมนั่นก็คือ MSc Management (International Business) พี่ชอบตรงที่ Business School ของเดอแรม เจ้าหน้าที่รวมถึงอาจารย์ทุกท่านมีความเป็นมิตรและช่วยที่จะ support เต็มที่มากค่ะ และเนื่องด้วย Durham University Business School เป็นหนึ่งใน Business School ที่ดีที่สุดใน UK และเก็บค่าเทอมแพง (ฮา) ทาง Business School ก็จะมี Facility ดีๆ ให้เราเข้าใช้ แถมในแต่ละปี จะมีทริปฟรีให้ไปเที่ยวต่างประเทศด้วยค่ะ อย่างในปีของพี่มีพาไป Switzerland พาเด็กๆ ทัวร์บริษัทชั้นนำในประเทศสวิส เช่น Nestle เป็นต้น แต่เนื่องจาก ช่วงนั้นพี่ติดทำรายงานส่ง พี่เลยไม่ได้ไปเข้าร่วมทริปนั้นค่ะ แต่ได้มีโอกาสไปทริปที่ประเทศ Ireland (เป็นประเทศที่ไม่ได้ถูกรวมอยู่ใน United Kingdom) ที่เมือง Dublin เมืองหลวงของ Ireland ค่ะ
เมือง Dublin พี่คิดว่าเป็นอีกเมืองหนึ่งที่ดีมากๆ สำหรับน้องๆ ที่อยากมาเรียนต่อต่างประเทศ เนื่องด้วยเมืองเป็น Hub ของเหล่าบรรดาบริษัท Start Up และบริษัทดังๆ อย่าง Google หรือ Microsoft Ireland ถือเป็นประเทศที่ใจกว้าง ต้อนรับคนต่างชาติให้เข้ามาทำงานในประเทศด้วยค่ะ ซึ่งถ้าน้องๆ สนใจอยากมาเรียนต่อ Top Business Schools หรือ Top Universities ที่ Ireland ก็สามารถติดต่อ Hands On ได้นะคะ พวกพี่สามารถช่วยสมัครและดูแลจนกระทั่งทำวีซ่าได้ค่ะ ^^
นอกจากการเรียนใน Business School ที่ดีอย่างเดอแรมแล้ว หนึ่งปีที่นี่เป็นประสบการณ์ที่ทรงคุณค่ามากค่ะ พี่ได้เจอเพื่อนๆ ทั้งคนไทยและคนต่างชาติหลายๆ คนที่เก่งและมีความสามารถ พวกเขาเหล่านี้ช่วยเปิดมุมมองและโลกทัศน์อะไรให้พี่หลายๆ อย่าง จนทำให้จากเด็กขี้อาย เก็บตัว เป็นเด็กที่มีความสุข มีความมั่นใจและสามารถดูแลตัวเองได้ โดยไม่ต้องคอยมีคุณพ่อคุณแม่เป็นห่วง 24 ชั่วโมง แถมได้เจอมิตรภาพดีๆ ที่ชีวิตนี้ไม่รู้จะไปหาจากที่ไหนเลยค่ะ ^^
ทั้งนี้ถ้าน้องๆ สนใจอยากจะเรียนต่อที่ Durham University หรือมหาวิทยาลัยอื่นๆ น้องๆ สามารถติดต่อเข้ามาที่ Hands On ได้นะคะ เนื่องจากพวกพี่ๆ counsellor ส่วนใหญ่จบโดยตรงจากที่สหราชอาณาจักร ทุกคนจึงสามารถให้คำปรึกษาเรื่องการเรียนและการเตรียมตัวสำหรับการไปเรียนต่อได้เป็นอย่างดีค่ะ หวังว่า Blog นี้จะเป็นประโยชน์นะคะ และหวังว่าจะมีน้องหลายๆคนเลือกที่จะไปเรียนต่อที่ Durham นะคะ จะได้มาเป็นศิษย์รุ่นน้องของพี่แป้งกัน บ๊ายบายค่า ^^