คุยกับน้องป๊อกกี้ นักเรียนปริญญาโท Master of Science
สาขา International Hospitality และ Tourism Management
ที่ Bournemouth University ซึ่งสาขานี้ถือเป็น top 10 ของ UK
ป๊อกกี้: เป็นคนชอบการท่องเที่ยวแล้วก็สนใจในเรื่องของการโรงแรมและการบริการ เวลาเราไปเที่ยว เราก็จะคอยดูโรงแรมนี้เป็นยังไง มีการโปรโมทยังไงเลยตัดสินใจมาเรียนสาขานี้ต่อ ซึ่งตรงกับ lifestyle ของตัวเองค่ะ การเรียนที่นี่จะมีกิจกรรมค่อนข้างเยอะ เช่น การพาไปเที่ยว ไปดูงานที่โรงแรมเราชอบมากก็เลยเลือกสาขานี้ค่ะ แล้วก็ไม่เครียดจนเกินไปด้วย เลือก Bournemouth University มีชื่อเสียงทางด้านการโรงแรมและการท่องเที่ยวอยู่แล้ว แล้วก็เป็นมหาลัยที่มี location ดี อยู่ในเมือง Bournemouth เป็นเมืองที่น่ารักค่ะ ก็เลยมาเลือกตรงนี้
เล่าถึงการเตรียมความพร้อมก่อนจะมาเรียนต่อที่อังกฤษ
ป๊อกกี้: กี้ใช้เวลาตั้งแต่ยังไม่จบปริญญาตรีน่ะค่ะ คือช่วงปีสี่ตอนก่อนจะเข้าเทอมสองกี้ก็เริ่มเตรียมตัวเริ่มติดต่อ Hands On น่ะค่ะ แล้วก็เริ่มส่งใบสมัครไปตามมหาวิทยาลัยต่างๆ แล้วเราก็ พอได้ offer มาแล้วเราก็ตัดสินใจว่าเราจะตอบรับมหาลัยไหนดี แล้วก็ใช้ผล IELTS ยื่นไปน่ะค่ะ เรื่องภาษาอังกฤษในส่วนของ speaking และ listening กี้จะไม่มีปัญหาอยู่แล้วเพราะว่าเวลาปิดเทอมก็ คุณพ่อจะให้ไปเรียนภาษาอังกฤษที่ต่างประเทศน่ะค่ะ แต่ว่าในส่วนของ writing ก็จะค่อนข้างมีปัญหาเพราะว่าเราเรียนภาคภาษาไทยมา ไม่ได้เรียนอินเตอร์ค่ะ ก็เลยต้องมีการเตรียมตัวนิดนึง ก็เลยไปลงคอร์ส writing กับสถาบันทางเมืองไทยน่ะค่ะ แล้วก็มีมาเรียน pre-sessional course ที่ University of Kent
เล่าประสบการณ์เรียน pre-sessional ที่ Kent ก่อนจะมาเรียนต่อที่ Bournemouth
ป๊อกกี้: ตอนเรียน pre-sessional ที่ Kent ค่อนข้างหนักเพราะเค้าปูพื้นฐานเราทุกอย่างเลยโดยเฉพาะการเขียนซึ่งเราไม่เคยทำอย่างนั้นมาก่อน เริ่มใหม่หมดเลยค่ะ ตอนนั้นตัดสินใจจะเรียนสาขา Master of Arts Sociology หรือสังคมวิทยาที่ Kent แต่ว่าช่วงหลังๆ เค้าให้ลองเขียนเปเปอร์แล้วเรารู้สึกไม่ชอบ ก็เลยตัดสินใจว่ามาเรียนสาขาการโรงแรมที่ Bournemouth แทนค่ะ ซึ่งกี้คิดว่าการเรียน pre-sessional เนี่ยมีประโยชน์มาก มันทำให้เราได้ค้นหาตัวเอง ได้ค้นพบว่าเราชอบอะไรหรือไม่ชอบอะไร และเราถนัดอะไรกันแน่
พอได้มาเรียนที่ Bournemouth แล้วรู้สึกยังไงบ้าง
ป๊อกกี้: ชอบสาขาที่เรียนมากเลยค่ะ เพราะว่าเป็นสาขาที่ใช่ กิจกรรมเยอะ เช่น พาไปดูงานที่โรงแรม พาไปดูฟาร์มก็มี แล้วก็พาไปดูงานที่ร้านอาหารค่ะ ส่วนเนื้อหาของแต่ละวิชาเราก็ชอบเพราะมันเอาไปประยุกต์กับสาขารัฐศาสตร์ในระดับปริญญาตรีที่กี้เรียนมาได้ (น้องกี้เรียนจบปริญญาตรีจากคณะรัฐศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย)
ชีวิตนักเรียนไทยกับนักเรียนอังกฤษต่างกันมากมั้ย
ป๊อกกี้: นักเรียนไทยตอนเรียนปริญญาตรีเราจะเล็กเชอร์นี่แทบทุกวัน อาจจะนั่งฟังอย่างเดียว แต่ตอนเรียนรัฐศาสตร์จะเป็นแบบ discuss กันมากเลยนะคะตอนปริญญาตรี ส่วนที่นี่ก็จะแบบไม่ค่อยเน้นเล็กเชอร์เท่าไหร่ เล็กเชอร์จะแบบแป๊บเดียว แล้วก็ช่วงหลังจะเป็นการ discuss กันระหว่างเด็กในชั้นเรียนกับอาจารย์ ส่วนวันที่เหลือเนี่ย เราก็ต้องใช้เวลาว่างเข้าห้องสมุดเองเพื่ออ่านหนังสือแล้วก็เตรียมทำเปเปอร์แล้ว ซึ่งมันจะแตกต่างกัน อย่างที่นี่เราต้องควบคุมตัวเองแล้วก็แบ่งเวลาให้เป็นค่ะ
เล่าถึงคอร์สเรียนที่เรียนอยู่นิดนึง เนื้อหาวิชาและก็วิธีการเรียนเป็นยังไงบ้าง
ป๊อกกี้: จะเน้นการ discuss แล้วก็หาข้อมูลด้วยตัวเอง เป็นการอ่านหนังสือหรือเปเปอร์มาก่อนเพื่อมา discuss ในชั้นเรียน ไม่ใช่มานั่งเล็กเชอร์อย่างเดียวเหมือนตอนปริญญาตรีแล้ว ไม่อย่างงั้นเราจะตามคนอื่นไม่ทันค่ะ ส่วนในเรื่องของเนื้อหาการเรียนสาขาการโรงแรมนี่คือเราจะเรียนทุกอย่างเกี่ยวกับโรงแรมเลยค่ะ ตั้งแต่งานแม่บ้านจนมาถึงงานผู้จัดการแล้วก็เป็นเจ้าของ เราจะรู้ว่าจะสร้างกำไรยังไง เราจะดึงดูดลูกค้ายังไงในเชิงของมาร์เก็ตติ้ง แล้วก็ ส่วนเรื่องการท่องเที่ยวเนี่ย ถ้าเราทำอย่างงี้จะส่งผลกระทบต่อสังคมยังไงบ้าง แล้วก็จะส่งผลชีวิตต่อผู้คนในวัฒนธรรมหรือสังคมนั้นๆ อย่างไรค่ะ เราก็ต้องคิดในลักษณะควบคู่กันไประหว่างธุรกิจแล้วก็สังคมค่ะ
แล้วเพื่อนๆ แล้วก็อาจารย์ในห้องล่ะคะ เป็นยังไงบ้าง
ป๊อกกี้: เป็นคนไทยคนเดียวในห้องเลย แล้วก็เพื่อนที่เหลือจะเป็นชาวเอเชียมีเวียดนามเยอะที่สุด ชาวจีนนี่ไม่มีเลยนะคะ ที่เหลือก็จะเป็นเพื่อนยุโรปหมด ชาวกรีซเนี่ยจะเยอะหน่อย ทำให้กี้นี่ได้เพื่อนยุโรปเยอะมากเลย เป็นโอกาสที่ดีอย่างนึง ช่วยให้เห็นมุมมองที่แตกต่างของแต่ละชาติ ว่าชาตินี้อะไรเค้าคิดยังไง เราก็ต้องยอมรับเค้าด้วย ต้องเข้าใจกัน ส่วนเรื่องเกรดระบบของอังกฤษมันจะไม่เหมือนเมืองไทย เกรดน้อยของที่นี่คืออาจจะโอเคแล้วค่ะ เพราะฉะนั้นเราก็ต้องเข้าใจ ตอนแรกเห็น อุ๊ย ทำไมได้น้อยจัง แต่รุ่นพี่หรือเพื่อนบอกขนาดนี้ก็โอเคแล้ว คือให้คะแนนโหดแต่มันก็ทำให้เราพัฒนาตัวเองมากขึ้น
กิจกรรมเพิ่มเติมระหว่างเรียนล่ะคะ และ work placement
ป๊อกกี้: Work placement คือการที่เราต้องหาที่ฝึกงานที่ตรงกับสาขาที่เราเรียนค่ะ แต่มหาลัยไม่ได้บังคับนะคะแล้วแต่เรา อย่างกี้ก็ต้องไปฝึกงานที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว อาจจะเป็นบริษัททัวร์ หรือเป็นโรงแรมที่ไหนก็ได้แล้วแต่เราจะดำเนินการเอง จะเป็นที่กรุงลอนดอนก็ได้ ใน Bournemouth ก็ได้ค่ะ ถ้าใครสนใจจะฝึกงานก็ อาจจะกินเวลานานนิดนึงประมาณ 30 สัปดาห์ขั้นต่ำตามที่มหาวิทยาลัยกำหนดน่ะค่ะ แต่ว่าก็จะได้ประสบการณ์เยอะ ได้อยู่อังกฤษนานขึ้นด้วยค่ะ
เวลาว่างทำอะไรบ้าง อยู่เมืองติดชายทะเลแบบนี้
ป๊อกกี้: อยู่เมืองติดชายทะเลเวลาว่างๆ ก็ต้องไปเดินเล่นทะเลอยู่แล้ว แล้วก็ไปกินไปเที่ยวอะไรกับเพื่อนๆ เพราะว่าจะมีเพื่อนยุโรปเยอะ เค้าก็จะชวนไปนั่งริมชายหาดแล้วก็ไปปิกนิกอะไรอย่างงี้ถ้าอากาศมันดี แต่ถ้าฝนตกนี่ก็คือแยกย้าย ต่างคนต่างอยู่อาจจะเข้าห้องสมุดหรือเข้ายิมค่ะเพราะอยู่ใกล้หอพัก ที่นี่จะมี Thai Society ด้วยค่ะแต่ว่าส่วนใหญ่คนไทยจะอยู่ในคณะ business แล้วก็คณะ law ซึ่งจะอยู่อีกแคมปัสนึงค่ะ แต่กี้ก็คือเป็นคนไทยคนเดียวที่อยู่ที่นี่ กี้ก็เลยไม่ค่อยรู้จักคนไทยเท่าไหร่ แล้วก็ flat mate ที่อยู่หอเดียวกันของมหาวิทยาลัยก็จะเป็นชาวยุโรปหมดเลย ก็ทำให้กี้นี่แบบเหมือนจะแยกตัวออกมานิดนึงน่ะค่ะ
เล่าถึงค่าครองชีพของที่นี่นิดนึง
ป๊อกกี้: เมื่อก่อนกี้คิดว่าที่อังกฤษของจะต้องแพงเพราะเงินปอนด์เมื่อก่อน 1 ปอนด์เท่ากับ 50 กว่าบาท แต่เดี๋ยวนี้หลังเกิดเหตุการณ์ Brexit ขึ้นมันก็ลงมาประมาณ 44-45 ซึ่งทำให้ของถูกมาก ถูกลงไปเยอะเลยนะคะ ซื้ออะไรก็…ทำไมมันถูกอย่างนี้ ของบางอย่างถูกกว่าเมืองไทยอีกนะคะ เพราะฉะนั้นอังกฤษเนี่ยกี้ว่าไม่ได้แพงอย่างที่คิดค่ะ
แชร์ประสบการณ์ทำงาน part time บ้าง
ป๊อกกี้: ตอนนี้เป็นช่วงปิดเทอม ยังไม่อยากกลับประเทศไทยก็เลยไปสมัครงานที่ร้านอาหารไทยที่ใหญ่ที่สุดใน Bournemouth กี้ได้ประสบการณ์ทางด้านการบริการ การโรงแรม เพราะว่ากี้ไม่ได้มีประสบการณ์ทางด้านนี้มาก่อนเพราะจบรัฐศาสตร์มา ซึ่งการทำงานพาร์ทไทม์เนี่ยมีประโยชน์มาก ได้ฝึกตัวเอง ฝึกการทำงาน ได้ประสบการณ์ น้องๆ คนไหนมีเวลาว่างก็น่าจะลองทำดูค่ะ เพราะว่าถ้าอยู่ทางเมืองไทยเราไม่มีโอกาสได้ทำอะไรอย่างงี้แน่นอนค่ะ
ประโยชน์ที่เราได้รับจากการเรียนที่นี่ Bournemouth University
ป๊อกกี้: ได้เพื่อน ได้ฝึกความเป็นนานาชาติสูงขึ้น การเปิดใจหลายๆ อย่างเพราะเราได้เจอคนหลายชาติมากค่ะ มันไม่ใช่แค่คนไทย ทำให้เราเรียนรู้วัฒนธรรมของแต่ละประเทศ ได้รู้แนวคิดเค้า ส่วนในเรื่องการเรียนนั้นก็คือได้ฝึกการคิดวิเคราะห์ แล้วก็ที่สำคัญคือฝึกการแบ่งเวลา อยู่ที่นี่ต้องควบคุมตัวเองทั้งหมดค่ะ ไม่เหมือนตอนเรียนปริญญาตรีที่แบบจะมีอะไรมาบังคับเราตลอด ที่นี่คือตัวเราเองล้วนๆ ค่ะ
หลังจากเรียนจบวางแผนอนาคตตัวเองไว้ยังไงบ้าง
ป๊อกกี้: อยากจะเรียนต่อ PhD แต่ว่าจะเน้นหนักไปทางการท่องเที่ยวค่ะ เพราะว่ากี้สนใจทางด้านการท่องเที่ยว สังคม และการเมืองมากกว่า เพราะว่าเอาไปประยุกต์ได้กับสาขาที่เรียนตอนปริญญาตรีมา เพราะว่าอยากกลับไปเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยที่เมืองไทย
อยู่ที่ Bournemouth สิ่งที่ประทับใจที่สุดคืออะไร
ป๊อกกี้: Bournemouth ประทับใจที่สุดคือผู้คนที่เมืองนี้เป็นมิตรมาก ทุกคนน่ารัก ทำให้เราอยู่ที่นี่แล้วเราสบาย ชีวิตไม่รีบเร่งอะไรมาก ทำให้เราได้โฟกัสกับการเรียนและมีเวลาไปทำกิจกรรมกับเพื่อนแบบชิลๆ ค่ะ มันเป็นชีวิตนักเรียนจริงๆ เราไม่ต้องเอาเวลาไปคิดเรื่องอื่นที่มันรกสมองมันวุ่นวาย Bournemouth คือเมืองน่ารักจริงๆ เหมาะกับการเรียน ถ้าใครชอบความชิลก็คือที่นี่ค่ะ ไม่ไกลจากลอนดอนด้วย สองชั่วโมงเองว่างๆ ก็ไปได้ค่ะ
Thank You Message น้องกี้มีอยากฝากถึงใครเป็นพิเศษ
ป๊อกกี้: แน่นอนเลยคือต้องขอบคุณคุณพ่อคุณแม่เลยค่ะเพราะว่า ถ้าไม่ได้รับการสนับสนุนจากคุณพ่อคุณแม่ก็คงไม่ได้มายืนอยู่ตรงนี้แน่นอนเลย ขอบคุณจริงๆ
ได้ฟังประสบการณ์จากตัวจริงเสียงจริงกันไปแล้ว ใครสนใจอยากเรียนต่อที่ Bournemouth University หรือมหาวิทยาลัยชั้นนำอื่นๆ ใน UK สามารถสอบถามเข้ามาได้ที่ Hands On ทุกสาขานะคะ https://www.hands-on.co.th/enquiry