สวัสดีทุกๆ คนที่กำลังนั่งอ่าน blog นี้อยู่นะคะ ขออนุญาตแนะนำตัวกันก่อนค่ะ ชื่อเอ้นะคะ ตอนนี้กำลังจะเป็นนักศึกษาปริญญาโทที่ University of Southampton ประเทศอังกฤษค่ะ วันนี้เอ้อยากจะมาเล่าถึงลักษณะการเรียน Pre-sessional Course ที่ University of Southampton ที่น้อยคนนักจะมาเผยประสบการณ์การเรียนคอร์สนี้ วันนี้เอ้ขอเป็นตัวแทนมาเล่าสู่กันฟังค่ะ
ก่อนอื่นเลยที่เอ้บอกว่ากำลังจะเป็นนักศึกษาปริญญาโท เนื่องมาจากว่าเอ้เป็นคนที่ค่อนข้างอ่อนภาษาอังกฤษมากค่ะ ก่อนมาเรียนยังกลุ้มใจว่าภาษาอังกฤษที่ตัวเองมีจะผ่านเกณฑ์เรียนปรับพื้นฐานของมหาวิทยาลัย หรือที่เราเรียกกันว่า Pre-sessional ได้หรือเปล่าเลยค่ะ เนื่องจากมหาวิทยาลัยรับผลคะแนน IELTS ขั้นต่ำที่ 5.5 ก่อนจะสอบ IELTS เอ้เลยเข้า
คอร์สเรียนภาษาอังกฤษอย่างจริงจัง ทำให้ผลคะแนน IELTS ผ่านมาเรียน Pre-sessionalได้อย่างเฉียดฉิวที่ over all 5.5 (คาบเส้นพอดีเป๊ะเลยค่ะ) พอได้ผลคะแนนปุ๊ปเอ้ก็ยื่นสมัครเรียนคอร์สพรีฯ กับมหาวิทยาลัยทันทีค่ะ
เนื่องจากเอ้ได้คะแนน IELTS 5.5 เอ้จึงต้องเรียน Pre-sessional เพื่อปรับพื้นฐานภาษาอังกฤษเป็นเวลา 11 สัปดาห์ค่ะ โดยที่การเรียนคอร์สนี้แบ่งเป็นทั้งหมด 5 รายวิชา ได้แก่ ฟัง, พูด, อ่าน, เขียน และ independent learning โดยวิชาหลัก 4 วิชาแรกจะสอนพื้นฐานการใช้ภาษาอังกฤษในลักษณะ Academic คือเป็นเชิงวิชาการทั้งหมดค่ะ มันเป็นเรื่องแปลกใหม่มากๆ สำหรับเอ้ และสำหรับนักเรียนที่เรียนมหาวิทยาลัยรัฐฯ มาก่อนค่ะ เอ้คุยกับเพื่อนคนไทยและเพื่อนต่างชาติในคลาสต่างไม่เคยมีใครเคยเขียนงานในลักษณะนี้มาก่อนเลยค่ะ ยกตัวอย่างเช่น ในวิชาเขียนจะสอนวิธีการเขียน essay ในลักษณะที่ต้องมี reference ประกอบเข้าภายในเนื้อหา ซึ่งนักศึกษาปริญญาตรีส่วนใหญ่คงไม่เคยเขียน essay ในลักษณะนี้แน่ๆ ค่ะ ส่วนของวิชาพูดนั้น เค้าจะสอนให้เราฝึก presentation และ discussion ค่ะ ในส่วนของวิชาอ่านและฟังนั้นส่วนใหญ่ก็จะใช้พื้นฐานเดิมเป็นหลัก แต่อาจารย์จะมีสอนเพิ่มเติมในคลาสเรื่องเทคนิควิธีค่ะ ส่วนของวิชา independent learning เค้าก้จะสอนให้เราเรียนรู้ลักษณะการเรียนของที่ประเทศอังกฤษว่าเรียนแบบไหนเราถึงจะประสบผลสำเร็จ ทั้งเรื่องวิธีการเรียน การค้นหาข้อมูลจากแหล่งต่างๆ เค้าจะแนะนำให้เราฝึกหาความรู้และจัดการเวลาด้วยตัวเราเองค่ะ และนอกเหนือจากนั้นจะมีเข้าฟัง lecture อาทิตย์ละหนึ่งครั้งค่ะ การเข้า lecture จะเป็นเหมือนการจำลองเวลาเราเรียนในคอร์สปริญญาโท ทางมหาลัยจะเชิญอาจารย์ที่สอนในแต่ละสาขาวิชานั้นๆ มาหมุนเวียน lecture ให้เราฟังค่ะ เพื่อเป็นการฝึกการฟังและการจดบันทึก ฟังดูง่ายๆ นะคะ แต่ถึงเวลาจริงๆ แล้วไม่ง่ายเลยค่ะ เพราะ Lecturer แต่ละคนก็จะมีสำเนียงที่แตกต่างกันค่ะ
บรรยากาศในห้อง Lecture ค่ะ อัดแน่นเต็มที่ทั้งปริมาณและคุณภาพ
บรรยากาศในการเรียนเอ้ว่าสนุกดีนะคะ จะมีนักเรียนประมาณ 10-15 คน ต่อหนึ่งคลาสค่ะเอ้เป็นคนไทยคนเดียวในห้อง นอกนั้นเป็นนักเรียนต่างชาติ อาจารย์ที่สอนประจำมีทั้งหมด 3 คนค่ะ เอ้จะบอกว่าอาจารย์ที่นี่ใส่ใจนักเรียนมากๆ เลยนะคะ เค้าจะคอยติดตามผลคะแนนสอบของเรา แล้วมาบอกวิธีที่จะช่วยให้เราพัฒนาในการสอบครั้งต่อไป
ในห้องเรียนติวเตอร์จะสอนหน้าคลาส มีการถามตอบอยู่ตลอดการเรียนเลยค่ะ
ช่วงเวลาเรียนในคอร์สพรีฯ จะเรียนวันจันทร์ถึงวันศุกร์เลยค่ะ โดยจะเรียนวันละประมาณ 4-5 ชั่วโมง แต่เห็นเวลาเรียนดูสบายใช่มั๊ยคะ จริงๆ แล้วเวลาที่เหลือที่เราเห็นนั้น เราต้องเอาไปพบอาจารย์ที่สอนเรา (หรือที่เราเรียกกันว่า tutorial นั่นเอง) ตามแต่ละรายวิชาค่ะ โดย tutorial นั้นก็จะเป็นการพูดคุยและปรึกษาเรื่องการเรียนในคอร์สพรีฯ ระหว่างอาจารย์กับนักเรียนค่ะ สำหรับ tutorial จำเป็นมากสำหรับการเรียนในคอร์สนี้นะคะ เนื่องจากอาจารย์จะรับทราบปัญหาการเรียนของเรา โดยที่อาจารย์นั้นจะช่วยแนะแนวทางในการแก้ไขปัญหาให้ค่ะ ยกตัวอย่างเช่นวันแรกของการ tutorial ของเอ้ อาจารย์เค้าจะขอทราบผลคะแนน IELTS ของเอ้ก่อนเลยว่าในแต่ละ skillเราได้เท่าไหร่ ตรงไหนดีแล้ว หรือตรงไหนต้องรีบแก้ไข ตรงไหนเราอ่อนอะไร เอ้ก็รีบบอกอาจารย์ไปเลยค่ะ เพื่อให้เค้ารับทราบและจะได้แนะนำให้เราพัฒนาได้ถูกต้อง และที่สำคัญเค้าจะได้เห็นพัฒนาการของเราด้วยค่ะ ทั้งหมดนี้ก็คือเนื้อหาที่เราจะได้เจอในการเรียนคอร์สพรีฯค่ะ
ที่เห็นนี่คือตารางเรียนคอร์สพรีฯ ของห้องเอ้นะคะ
ในการเรียนคอร์สพรีฯ 11 สัปดาห์นั้นจะแบ่งเป็น 2 ช่วง คือสัปดาห์ที่ 1-9 เป็นการเรียนการสอนในชั้นเรียนค่ะ โดยที่จะมีการบ้านให้เราทำตามปกติ และจะมีการสอบระว่างช่วงนี้ 2-3 ครั้งต่อรายวิชาเพื่อมหาวิทยาลัยจะประเมิณผลการเรียนของเราค่ะว่าแต่ละอาทิตย์ที่ผ่านไปเรามีพัฒนาการที่ดีขึ้นหรือไม่ แต่เค้าจะยังไม่เก็บคะแนนเรานะคะ แต่จะมีการสอบวัดผลใน สัปดาห์ที่ 10-12 ซึ่งเป็นการสอบครั้งสุดท้ายครั้งเดียวเลยค่ะ เอ้อยากจะบอกว่าตอนแรกก็ดีใจว่าผ่านเกณฑ์มาเรียนคอร์สพรีแล้วได้เรียนคอร์สโทแน่ๆ แต่จะบอกว่าสุดท้ายแล้วสอบวัดผลหลังสุดนี่แหละค่ะคือตัวชี้วัดว่าเราจะได้ไปต่อหรือไม่ อย่าเพิ่งกลัวกันนะคะทุกอย่างอยู่ที่ตัวเราเองค่ะ
ในบทความหน้าเอ้จะมาเล่าต่อถึง Final in Pre-sessional Course และทำยังไงสำหรับคนที่คิดว่าตัวเองไม่เก่งภาษาอังกฤษแล้วจะมาเรียนต่อได้รึป่าว ครั้งหน้ามีคำตอบแน่นอนค่ะ
สนใจเรียนต่อ University of Southampton ลงทะเบียนเพื่อรับข้อมูลเรียนต่อและคำปรึกษาจากพี่ๆ Hands On ตัวแทนมหาวิทยาลัยอย่างเป็นทางการประจำประเทศไทย ฟรี คลิก