Hands On Education Consultants

ประสบการณ์สมัครเรียนต่อปริญญาตรีที่ประเทศอังกฤษ

สวัสดีค่ะ เรา ‘ปลื้ม’ ตอนนี้ศึกษาอยู่ที่ Arts University Bournemouth สาขา Graphic Design มาได้หนึ่งปีแล้วค่ะ ถ้าพูดถึงการไปเรียนต่อต่างประเทศ หลายคนคงนึกถึงภาพการออกไปเปิดโลกกว้าง ท่องเที่ยวตามแลนมาร์กหรือกระทั่งคำเรียกที่ถูกเปลี่ยนเป็นเด็กนอกพ่วงท้ายมาในใบปริญญา แต่ที่จริงแล้วมันมีรายละเอียดยิบย่อยมากมายจนกว่าจะกลายมาเป็น ‘เด็กนอก’ เต็มตัว บล็อกนี้เราเลยจะมาแบ่งปันประสบการณ์ต่างๆ ที่ผจญมาค่ะ

ส่วนมากแล้วคนที่นิยมไปเรียนนั้นจะจบปริญญาตรีกันแล้ว หรือก็คือต้องการไปต่อโทอีกหนึ่งปีที่อังกฤษ ดังนั้นตอนที่เรามองหากระทู้แนะนำสำหรับคนที่กำลังไปเรียนปริญญาตรีมันไม่ใช่เรื่องง่ายเท่าไหร่ ยิ่งในสาขาจำพวกออกแบบด้วยแล้วบอกเลยว่าไม่ค่อยได้รับความสนใจนัก ปัญหาอย่างแรกที่เจอก็คือความเคว้งคว้าง คือเราไม่รู้ว่าจะเริ่มจากอะไรดี หาชื่อมหาวิทยาลัยที่มีหลักสูตรที่เราสนใจเอาไว้ แล้วยังไงต่อ?

สำหรับคนที่ไม่มีญาติพี่น้องหรือคนรู้จักที่เคยเรียนต่างประเทศ แนะนำให้หาเอเจนซี่เอาไว้ก่อนไว้เป็นที่ปรึกษาดีกว่าค่ะ ตรงนี้ขอลงไฮไลต์แล้วขีดเส้นใต้ตัวหนาๆ เอาไว้เลย คือเราไม่มีทางรู้ได้เลยว่าคนเราจะวิตกจริตได้ขนาดไหนถ้ายังไม่ถึงเวลาฉุกเฉินขึ้นมาจริงๆ อย่างสอบ IELTS ได้ช้าสุดวันไหนถึงจะทันยื่นคำร้อง หอของมหาวิทยาลัยยังเหลือห้องไหม หรือซื้อเสื้อกันหนาวสีอะไรดี เชื่อเถอะค่ะว่ามันจะต้องมีสักเรื่องให้ปวดหัว โดยเฉพาะการติดต่อกับทางมหาวิทยาลัยเรื่องนู่นนี่ แค่นี้ก็ถือว่าประหยัดเวลาชีวิตไปได้เยอะมากแล้ว เพื่อเอาทั้งหมดนั้นไว้เตรียมตัวก่อนสอบ IELTS

 

ไอเอลคืออะไร?

IELTS (n.) หมายถึง ความปวดหัวและกลัดกลุ้มเท่าที่จะเกิดขึ้นได้จากข้อสอบวัดระดับภาษาชุดหนึ่งที่มีค่าสมัครสอบเป็นเงินหมื่นกว่าบาท ถ้าสำหรับคนที่มีพื้นฐานภาษาอังกฤษดีถึงดีมากมาก่อนอยู่แล้วความหมายจะเปลี่ยนไปเป็นอีกอย่างหนึ่งทันที แต่สำหรับเจ้าของสถิติตกวิชาภาษาอังกฤษรวดทุกเทอมในระดับประถมอย่างเรา ความรู้สึกขณะที่เรียนภาษาเกือบปีก่อนไปสอบนั้นตรงตามความหมายทุกตัวอักษร

 

ก่อนที่จะสามารถเข้าเรียนปริญญาตรีที่อังกฤษได้ เด็กที่ไม่ได้ถือสัญชาติ EU ทุกคนต้องเข้าเรียนในคอร์ส Foundation ก่อนด้วยระยะเวลา 6 เดือน ตามที่เราเข้าใจก็เป็นประมาณคอร์สที่มีไว้ปรับพื้นฐานของเด็กและอาจเป็นการทดลองว่าจะสามารถเรียนต่างบ้านต่างเมืองได้หรือไม่ นับเป็นปัญหาแรกที่ต้องเผชิญ เมื่อมหาวิทยาลัยที่เราต้องการเข้าเรียนรับ Overall IELTS 5.0 เพื่อเข้าเรียนคอร์สที่ว่านั่น พอได้ยินอย่างนั้น Overall 4.5 ในมือมันสั่นไปหมด สุดท้ายเลยต้องกัดฟันไปเรียนกับอีกมหาวิทยาลัยก่อน

แต่ข้อดีของระบบนี้ก็พอจะมีอยู่บ้าง คือนักเรียนสามารถไปเรียน Foundation ที่มหาวิทยาลัยหรือสถาบันไหนก็ได้ในอังกฤษที่มีหลักสูตรสอนเพื่อให้ได้ใบ certificate แล้วหลังจากนั้นจะเรียนต่อปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยเดิมที่จบคอร์สมา หรือจะยื่นพอร์ตโฟลิโอเพื่อไปเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยอื่นก็ได้ตามแต่ประสงค์ ซึ่งประสงค์ที่ว่าส่วนหนึ่งก็คือ ประสงค์ของมหาวิทยาลัยว่าเขาจะตัดสินใจรับเราหรือไม่

 

โดยส่วนประกอบหลักๆ ที่จะใช้เป็นเกณฑ์ตัดสินก็คือ คะแนน IELTS พอร์ตโฟลิโอ และการสอบสัมภาษณ์ คนส่วนใหญ่เลยนิยมทำสิ่งที่เรียกว่าการร่อนพอร์ตไปหลายๆ มหาวิทยาลัย รอโดนเรียกสัมภาษณ์ก่อน สุดท้ายค่อยมานั่งคัดว่าจะไปที่ไหนดีถ้าเกิดว่าติดหลายที่ แต่ในกรณีเราถือว่าบุญช่วยเอาไว้ อย่างที่บอกก่อนหน้านี้ว่ามีมหาวิทยาลัยที่อยากเข้าอยู่แล้ว และที่นี่เป็นพาร์ทเนอร์กับ Hands On พอดี เราเลยได้สัมภาษณ์กับตัวแทนมหาวิทยาลัยของมหาวิทยาลัยตอนที่เขามาไทยก่อน พอถึงเวลายื่นคำร้องทางเขาเลยถือว่าไม่ต้องสอบสัมภาษณ์เพิ่มแค่ยื่นพอร์ตและคะแนน Overall IELTS 6.0  ก็พอ

โอ้โห เข้าทางเลย จะได้เอาเวลาซ้อมสัมภาษณ์มาใช้กับการสอบ IELTS แทน

 

ข้อสอบนี้ก็ยังเป็นเสี้ยนหนามชีวิตยันวินาทีสุดท้าย จำได้ว่าเป็นการสอบครั้งที่สาม ช่วงนั้นชีวิตผูกติดกับภาษาอังกฤษทุกลมหายใจ ผนังห้องเต็มไปด้วยโพสอิท ทั้งข้างเตียง โต๊ะหนังสือ ลามไปถึงประตูห้องน้ำ เรียกได้ว่าเดินไปทางไหนก็เจอแต่คำศัพท์ นั่งทำงานก็เปิด Tedtalk กรอกหูให้ตัวเองชินกับการฟัง เดินไปโรงเรียนก็พูดภาษาอังกฤษโต้ตอบกับตัวเองในใจ เรียกได้ว่าเตรียมทุกอย่างให้พร้อมในโอกาสสุดท้ายก่อนเส้นตาย

 

สุดท้ายมาพลาดที่คะแนน Writing กับ Listening ที่ดันต่ำกว่าเกณฑ์ที่เขากำหนดไว้ ก็ดราม่าไปตามระเบียบ เราเลยรีบติดต่อพี่ที่ Hands On ที่ดูแลเราอยู่กับมหาวิทยาลัยวุ่นวายไปหมดว่าจะทำยังไงดี เพราะมันไม่มีเวลาสำหรับการสอบอีกครั้งแล้ว ปรากฏว่า Pre-Sessional English Course กลายเป็นคำตอบสุดท้าย (คอร์สเรียนภาษาอังกฤษเพิ่มเติมซึ่งก็จะมีการวัดคะแนนว่าผ่านหรือไม่ ถ้าผ่านก็ได้ต่อเข้าหลักสูตรปริญญาตรีของที่ Arts University Bournemouth เลย) แต่คอร์สก็ยังต้องการการคะแนน Writing อีก 0.5 ซึ่งโชคดีที่ว่าถ้าเป็น Pre-Sessional English Course จะยังเหลือโอกาสไปสอบ IELTS เป็นครั้งสุดท้ายของจริงอีกครั้งหนึ่ง วินาทีนั้นมันเป็นอารมณ์แบบเหมือนหมาที่รักตายแล้วฟื้นคืนชีพขึ้นมา ได้แต่บอกกับตัวเองว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีที่ไม่ขอพบเจออีกแล้ว แถมตอนกลับมาไทยเพื่อรอเปิดเทอมผลสอบก็ดันได้ช้ากว่าปกติจนเกือบยื่นไม่ทัน ประสาทเสียได้อีก แต่พอเห็นว่าคะแนนล่าสุดตรงตามเกณฑ์ทุกอย่าง ก็เพิ่งเข้าใจถึงสำนวนยกภูเขาออกจากอกอย่างถ่องแท้ก็วันนั้นแหละค่ะ

 

สำหรับใครที่อยากมาเรียนต่อในระดับปริญญาตรีแล้วอยากรู้ว่ามันยากไหมกว่าจะได้สิทธิ์เข้าเรียน แน่นอนค่ะว่าขั้นตอนรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ อย่างอื่นที่ไม่ได้เขียนถึงก็มีอีกเยอะ ซึ่งขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยด้วยอย่างวุฒิการศึกษา โรงเรียนที่เลือกเรียน Foundation หรือแม้กระทั่งตัวมหาวิทยาลัยที่หวังไว้เอง สำหรับเราโดยรวมแล้วก็ถือว่ายากมากๆ แต่ความรู้สึกว่า เออ ในที่สุดก็สำเร็จ เนี่ยมันก็ทำให้คิดว่าคุ้มค่าแล้วกับที่พยายามมา

 

สนใจเรียนต่อ Arts University Bournemouth ลงทะเบียนเพื่อรับข้อมูลเรียนต่อและคำปรึกษาจากพี่ๆ Hands On ตัวแทนมหาวิทยาลัยอย่างเป็นทางการประจำประเทศไทย ฟรี คลิก