วันนี้พี่ Hands On รวบรวมข้อมูลที่น้อง ๆ หลายคนสงสัย เกี่ยวกับการเตรียมตัวเรียนต่ออังกฤษมาบอกต่อกันแบบ Q&A ที่เข้าใจง่าย มีอะไรบ้าง เริ่มเลย!
#1 ระยะเวลาในการเรียนต่ออังกฤษ
สำหรับการเรียนต่อระดับปริญญาที่อังกฤษหรือสหราชอาณาจักร จะมีดังนี้ค่ะ
- ปริญญาตรี – หลักสูตร 3 ปี
- ปริญญาโท – หลักสูตร 1 ปี
- ปริญญาเอก – หลักสูตร 3 ปี หรือขึ้นอยู่กับการทำวิจัยของผู้เรียน
รอบการเปิดเทอมที่อังกฤษ คือ เดือนกันยายน (หรือตุลาคม) ของทุกปี
#2 ระยะเวลาในการเตรียมตัวเรียนต่ออังกฤษ
จริง ๆ จะบอกว่าให้เริ่มตั้งแต่รู้ตัวว่าอยากเรียนต่อเลยค่ะ เริ่มเก็บข้อมูลว่าสาขาที่เราสนใจมีคอร์สอะไรเปิดสอนบ้าง และมีมหาวิทยาลัยไหนที่เปิดสอนบ้าง ทั้งนี้ระยะเวลาที่พี่ Hands On แนะนำคือ 6 เดือน – 1 ปีค่ะ
แต่สำหรับน้อง ๆ ที่เล็งมหาวิทยาลัยท็อป ๆ ยอดฮิต พี่ Hands On ต้องขอย้ำตรงนี้อีกทีว่าให้รีบสมัครค่ะ สมัครก่อนมีสิทธิ์ก่อน โดยน้องสามารถสมัครเรียนได้ไวที่สุดล่วงหน้า 1 ปีค่ะ เช่น เราวางแผนว่าอยากไปเรียนต่อ ป.โท ปี 2023 เราสามารถเริ่มเตรียมเอกสารและยื่นสมัครเรียนต่อได้ประมาณเดือนตุลาคม – พฤศจิกายน ปี 2022 เป็นต้นไป
#3 เอกสารที่ต้องใช้ยื่นสมัครเรียนต่อมหาวิทยาลัยในอังกฤษ รวมทั้งสกอตแลนด์, เวลส์ และไอร์แลนด์เหนือ
เอกสารประกอบการสมัครเรียนต่อมหาวิทยาลัยในอังกฤษ ประกอบด้วย
- Transcript – วุฒิบัตรและหลักฐานการศึกษาที่เรียนมา หลักฐานนี้ควรระบุคำอธิบายเกรดที่ได้รับและระบบการให้คะแนน หากยังไม่สำเร็จการศึกษาให้ขอใบรับรองผลการเรียนล่าสุดจากทางมหาวิทยาลัยที่กำลังศึกษาอยู่
- หลักฐานคุณสมบัติความรู้ด้านภาษาอังกฤษ โดยทั่วไปมักจะใช้คะแนนทดสอบจาก IELTS แบบ UKVI (หรือระบุให้ชัดเจนว่าคุณกำลังรอผลการทดสอบอยู่)**
- Letter of Recommendation – จดหมายรับรอง / อ้างอิง 2 ฉบับ โดยอย่างน้อยหนึ่งฉบับต้องมาจากอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยที่กำลังศึกษาอยู่ (บางมหาวิทยาลัยในสหราชอาณาจักรมีแบบฟอร์มให้กรอกโดยเฉพาะ)
- Statement of Purpose – เรียงความแนะนำตัวเองและอธิบายวัตถุประสงค์การเลือกเรียนหลักสูตรนี้
- CV – ประวัติโดยย่อ โดยระบุรายละเอียดเกี่ยวกับประสบการณ์ในการทำงานหรือข้อมูลอื่น ๆ
เอกสารทั้งหมดนี้ควรจัดเตรียมเป็นภาษาอังกฤษ และหากไม่สามารถส่งต้นฉบับได้ ให้เตรียมสำเนานั้น ๆ โดยมีการรับรองอย่างถูกต้อง
*หากได้รับทุนการศึกษา ควรแนบเอกสารยืนยันการได้รับทุนการศึกษา
**สำหรับน้อง ๆ ที่เรียนจบหลักสูตรอินเตอร์ มีบางมหาวิทยาลัยใน UK ที่ waive ผลการทดสอบวัดระดับภาษาอังกฤษ ตรวจสอบข้อมูลกับพี่ ๆ Hands On ได้ฟรี
#4 เรียนต่ออังกฤษใช้เงินเท่าไหร่?
คิดง่าย ๆ เลขกลม ๆ คือ ประมาณ 1 – 1.5 ล้านบาทต่อปี สำหรับค่าเรียน ค่าที่พักและค่าครองชีพค่ะ
ทั้งนี้รายละเอียดค่าใช้จ่ายต่าง ๆ จะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยมากค่ะ ทั้งราคาคอร์สเรียนแต่ละคอร์สรวมถึงแต่ละมหาวิทยาลัย ส่วนค่าที่พักและค่าครองชีพก็จะขึ้นอยู่กับเมืองที่เลือกเรียน ประเภทหอพัก/ที่พัก ที่เลือกอยู่ รวมถึง lifestyle การใช้ชีวิตของน้อง ๆ แต่ละคนด้วย เช่น น้อง ๆ ที่เลือกเรียนต่อที่ลอนดอน แน่นอนว่าค่าใช้จ่ายย่อมสูงกว่าน้อง ๆ ที่เลือกเรียนเมืองเล็ก ๆ นั่นเองค่ะ
#5 มีทุนเรียนต่อบ้างไหม?
มีค่ะ ทุนเรียนต่อมีจากทั้งทุนรัฐบาลและทุนจากมหาวิทยาลัย
สำหรับทุนรัฐบาล คือทุนเต็มจำนวน ครอบคลุมค่าใช้จ่ายแทบทั้งหมด ส่วนนี้น้องที่สนใจขอรับทุนการศึกษาจะต้องทำการสมัครขอรับทุนและดำเนินการด้วยตัวเองก่อน หลังจากได้ทุนการศึกษาแล้วจึงจะหาที่เรียนต่อเป็นลำดับถัดไปค่ะ
ทุนจากทางมหาวิทยาลัย คือ ทุนส่วนลดค่าเล่าเรียน มีตั้งแต่ 1,000 ปอนด์ ไปจนถึงส่วนลดค่าเล่าเรียนสูงสุดที่ 50% ก็มีค่ะ ทั้งนี้ข้อมูลทุนการศึกษาและเงื่อนไขต่าง ๆ ทางมหาวิทยาลัยจะเป็นผู้กำหนดและผู้พิจารณาค่ะ ที่สำคัญคือ ทุนการศึกษาจากทางมหาวิทยาลัยจะมีข้อมูลออกมาแบบปีต่อปี สมมุติว่าน้อง ๆ อยากไปเรียนต่อในอีก 3 ปีข้างหน้า ก็อย่าเพิ่งคำนึงถึงเรื่องทุนการศึกษาเป็นเรื่องแรก เพราะมันยังไม่มีข้อมูลที่แน่นอนจากทางมหาวิทยาลัยนั่นเองค่ะ
โดยการพิจารณามอบทุนการศึกษาของทางมหาวิทยาลัยส่วนใหญ่จะขึ้นอยู่กับผลการเรียนที่ผ่านมาของผู้สมัคร เช่น สมัครเรียนต่อ ป.โท ก็จะพิจารณาจาก GPA ของ ป.ตรี ค่ะ เกรดยิ่งสูง ยิ่งมีโอกาสได้ทุนการศึกษาเพิ่มขึ้น
#6 เรียนต่ออังกฤษ ทำงาน part-time ได้ไหม?
ได้ค่ะ สำหรับน้อง ๆ ที่ถือวีซ่านักเรียน (student route) สามารถทำงาน part-time ได้ 20 ชั่วโมง/สัปดาห์
งาน part-time มีหลากหลายนะคะ รุ่นพี่นักเรียนไทยหลายคนจะทำงานพิเศษที่ร้านอาหารไทย เพราะนอกจากจะได้รายได้พิเศษ มีทิปส์จากลูกค้า และที่สำคัญมีอาหารให้ทานด้วย นอกจากนี้ยังมีงานอื่น ๆ ที่เราสามารถทำได้เช่น งาน part-time ในมหาวิทยาลัย หรืองาน part-time ตามร้านอื่น ๆ ค่ะ
#7 โอกาสในการทำงานหลังเรียนจบ
โอกาสดีมาก ๆ กลับมาอีกครั้งค่ะ กับการที่รัฐบาลอังกฤษมีวีซ่าสำหรับนักศึกษานานาชาติสามารถทำงานต่อได้ในอังกฤษหลังจบการศึกษาระดับปริญญาจากมหาวิทยาลัยในอังกฤษ, สกอตแลนด์, เวลส์ และไอร์แลนด์เหนือ
- ปริญญาตรี – สามารถทำงานต่อได้นาน 3 ปี
- ปริญญาโท – สามารถทำงานต่อได้นาน 2 ปี
- ปริญญาเอก – สามารถทำงานต่อได้นาน 3 ปี
อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว ถ้าน้อง ๆ คนไหนสนใจเรียนต่ออังกฤษ สามารถปรึกษาพี่ ๆ Hands On ได้ค่ะ
Hands On Education Consultants ตัวแทนมหาวิทยาลัยในต่างประเทศอย่างเป็นทางการประจำประเทศไทย กว่า 350 มหาวิทยาลัย จากทั้ง UK, Ireland, USA, Canada, Australia, New Zealand และ Singapore
บริการของเราไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น เริ่มตั้งแต่ ให้คำปรึกษาและแนะนำข้อมูลคอร์สเรียนและมหาวิทยาลัย, ตรวจทานเอกสารและดำเนินการสมัครเรียน, ติดตามสถานะใบสมัครและประสานงานกับทางมหาวิทยาลัย, ให้คำปรึกษาเรื่องการเตรียมเอกสารยื่นขอวีซ่า, และมีกิจกรรมเตรียมพร้อมเรียนต่อตลอดปี
พิเศษไปกว่านั้นคือ พี่ Counsellor ผู้เชี่ยวชาญด้านการเรียนต่ออังกฤษของ Hands On ทุกคน จบการศึกษาระดับปริญญาโทจากมหาวิทยาลัยในสหราชอาณาจักร เราดูแลกับแบบรุ่นพี่รุ่นน้อง ให้ข้อมูลกันแบบตรงไปตรงมา และเป็นข้อมูลที่อัพเดทโดยตรงจากทางมหาวิทยาลัยเลยค่ะ