Hands On Education Consultants

รีวิวคอร์สป.ตรี Business Analytics and Analysis จาก Swinburne University of Technology โดย Pitta

แนะนำตัวให้เรารู้จักหน่อยค่ะ

Pitta: ชื่อพิตต้านะคะ ตอนนี้กำลังเรียนคอร์สปริญญาตรี 3 ปี Bachelor of Business major in Business Analytics and Analysis ค่ะ ที่มหาวิทยาลัย Swinburne University of Technology ค่ะ

Q: เล่าให้พี่ฟังหน่อยว่าทำไมเราถึงเลือกเรียนต่อออสเตรเลีย กับมหาวิทยาลัย Swinburne University of Technology คะ?

Pitta: ตอนแรกก็ดูไว้หลาย ๆ ที่เลยของมหาวิทยาลัยในออสเตรเลีย เพราะว่าหนึ่งเลย เราอยากที่จะมาฝึกภาษาอังกฤษ เพราะว่าการเรียนต่อต่างประเทศเนี่ย นอกจากเราได้ฝึกภาษาอังกฤษแล้ว เรายังได้ฝึกสกิลการใช้ชีวิต การอยู่ด้วยตัวเอง การสานสัมพันธ์กับเพื่อนต่างชาติ และการสื่อสารต่าง ๆ ด้วยค่ะ

ถ้าถามว่าทำไม Swinburne เหรอ? ก็ Swinburne University of Technology นะคะ เป็นมหาวิทยาลัยที่ให้ทุนกับนักศึกษาทั่วโลกเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็น 30% หรือว่าทุนอะไรก็แล้วแต่ โดยที่ไม่ต้องใช้คืนค่ะ ก็เป็นทุนให้เปล่านะคะ แค่เราเรียนไม่ตกในวิชาต่าง ๆ ก็พอค่ะ (ทุนการศึกษาผลการเรียนดี) ซึ่งถ้าเกิดเราตั้งใจก็ทำได้ค่ะ นั่นก็เลยเป็นหนึ่งในเหตุผลหลักที่เลือกเรียนต่อกับ Swinburne ค่ะ นอกจากนี้ ที่นี่ก็มีชื่อเสียงทางด้านเทคโนโลยี ทางด้านนวัตกรรมต่าง ๆ ด้วย ก็เลยเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เลือก Swinburne แล้วมหาวิทยาลัยก็อยู่ในเมือง Melbourne ด้วยค่ะ (ยิ้ม)

Q: ทำไมเราถึงเลือกเรียนสาขา Bachelor of Business และ Major of Business analytics โดยเฉพาะ?

Pitta: สาเหตุที่เลือกเรียน Bachelor of Business นะคะ เพราะว่าเรามีความสนใจทางด้าน Market forces หรือว่า Strategy กลวิธี กลยุทธ์ต่าง ๆ ในการที่จะสร้างธุรกิจหรือว่าต่อยอดธุรกิจอยู่แล้ว ซึ่งพอมาเห็นรายวิชาของทาง Swinburne University of Technology ก็มีความน่าสนใจมากเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็น Financial Information for Decision Making หรือว่าพวก Information System อะไรพวกนี้ เราสามารถเลือกเรียนได้เลย แล้วในพวกวิชาเลือก เราก็สามารถไปเลือกเรียนวิชาอื่น ๆ นอกคอร์สเรียนเราได้ด้วย ไม่ว่าจะเป็น Psychology หรือแม้กระทั่ง Computer Science ต่าง ๆ ก็สามารถเลือกเรียนได้ค่ะ

Q: เล่าให้ฟังนิดนึงค่ะว่าการเรียนการสอนที่มหาวิทยาลัย Swinburne University of Technology เป็นยังไงบ้าง?

Pitta: ด้านการเรียนนะคะ ในหนึ่งสัปดาห์เนี่ย เราจะต้องดูวิดีโอ lecture ของทางอาจารย์ก่อนที่เราจะเข้าคลาสเรียนหรือว่า tutorial นะคะ เพื่อที่เราจะได้มีความรู้พื้นฐานก่อนที่เราจะไปทำกิจกรรม หรือว่าไป discuss กับเพื่อน ๆ ในคลาสนะคะ เพราะว่าทางมหาวิทยาลัย Swinburne เขาบอกว่าการ lecture ให้นักเรียนทุกคนมารวมตัวกันเยอะ ๆ เนี่ยไม่ค่อยมีประโยชน์เท่าไหร่ เพราะว่าบางคนอาจจะไม่ค่อยได้ฟัง ทำให้มันไม่ค่อยสะดวกด้วยในการที่จะนัดคนมาเยอะ ๆ เค้าก็เลยเปลี่ยน lecture มาเป็นออนไลน์แทนค่ะ ซึ่งมันก็มีประโยชน์มากเลยค่ะ เพราะว่ามันทำให้เราเรียนตอนไหนก็ได้ที่เราสะดวก ไม่ว่าจะดึกแค่ไหนเราก็สามารถมาเรียนได้ แล้วข้อมูลทุกอย่างเนี่ยก็อยู่ในแอปพลิเคชัน Canvas (ของมหาวิทยาลัยโดยเฉพาะ) ซึ่งสะดวกมาก ทำให้เราไม่จำเป็นต้องไปถาม Professor ตัวต่อตัว เพราะเราสามารถอีเมลไปถามได้ค่ะ ส่วนในคลาส หรือว่า workshop เนี่ย ก็จะเป็นการทำกิจกรรมกับคนอื่นซะเป็นส่วนใหญ่ พวกโปรเจกต์กลุ่มก็ discuss กันกับเพื่อน จากพื้นฐานที่เราได้จากคลาส เราก็สามารถเอาไปต่อยอดได้ แล้วเวลาอยากถามอะไร ก็สามารถไปยกประเด็นถามคำถามต่าง ๆ ในคลาสเรียนได้เลยค่ะ

Q: รีวิวบรรยากาศในคลาสเรียน เพื่อนต่างชาติในห้องเรียน และอาจารย์ผู้สอนให้ฟังหน่อยค่ะ?

Pitta: ในคลาสเรียนส่วนใหญ่นะคะ บางคลาส เช่น คลาสตอนบ่ายก็จะมีประมาณ 20 คนในหนึ่งคลาสเรียน บางคลาสก็จะมีมากกว่านั้น ถ้าเป็นวิชาที่มีคลาสไม่มากแล้วคนต้องลงกันเยอะ ส่วนถ้าเป็นคลาสตอนเช้า ส่วนใหญ่จะมีแค่ 10 กว่าคนประมาณนี้ค่ะ เพื่อนในคลาสก็มีหลายชาติจากทั่วโลกเลยค่ะ มีทุกทวีปเลย ไม่ว่าจะเป็นชาวออสซี่เอง แล้วก็เอเชีย เอเชียใต้ ยุโรเปียนก็มี อเมริกันก็มีคะ ซึ่งเราก็สามารถเป็นเพื่อนกับทุก ๆ คนได้เลย ทุก ๆ คนก็เฟรนลี เราสามารถคุยกับเค้าได้เลย โดยที่ไม่รู้สึกแปลกหรือว่าอะไรค่ะ (ยิ้ม)

อาจารย์ก็ให้คำปรึกษาดีมากเลยค่ะ อาจารย์มีหลากหลายเชื้อชาติมาก เราสามารถถามเค้าได้เลย เค้าจะไม่ถือตัวเลยค่ะ เป็นกันเองมาก ๆ เรามีปัญหาอะไร เค้าก็พร้อมที่จะช่วยเหลือเสมอ บางทีเค้าก็จะถามเรากลับว่า เนี่ยมีปัญหาตรงนี้ ถ้าเกิดตรงนี้เรียบร้อยแล้ว มีปัญหาอะไรอีก เราก็ไปสามารถถามเค้าได้อีกนะ โดยที่ไม่จำเป็นต้องเกรงใจ เพราะเค้าก็พร้อมที่จะช่วยเหลือเราค่ะ เค้าอยากให้เราคุยกับเค้าเยอะ ๆ มีปฏิสัมพันธ์กับเค้า ก็เป็นเรื่องที่ดีค่ะ เพราะการที่เรามีปฏิสัมพันธ์กับทุก ๆ คน ก็ทำให้เราได้เรียนรู้ไปด้วยในตัวค่ะ

 

Q: รีวิวการบ้านหรือกิจกรรมในห้องเรียนของคอร์ส Bachelor of Business หน่อยได้ไหมคะ?

Pitta: ส่วนใหญ่วิชาที่หนูเรียนนะคะ มีทั้งงานเดี่ยวและงานกลุ่มค่ะ ซึ่งจากที่เรียนมาเนี่ย ส่วนใหญ่จะเป็นการเริ่มทำงานเดี่ยวก่อน แล้วถึงค่อยมาทำงานกลุ่มถัดมา การที่เรานำความรู้จากที่เราได้ในการทำงานเดี่ยวเนี่ย มาใช้ มาประสานกับเพื่อน ๆ ที่ทำในกลุ่มด้วยกัน หนูรู้สึกว่างานก็ไม่ได้ยากเกินกว่าที่เราจะสามารถทำได้ แค่เราต้องมีเวลาให้กับมัน แล้วเราก็ต้องมีความพยายามในการหาข้อมูล มีความพยายามในการที่จะทำมันให้สำเร็จ แล้วก็เสร็จให้ทัน deadline ที่ต้องส่งค่ะ อย่างถ้าเกิดงานกลุ่ม ถ้าเกิดเรามีกลุ่มที่ดีก็จะดีมากเลย เพราะว่าเราก็สามารถติดต่อเพื่อน ๆ ได้อย่างสะดวก แต่ถ้าเกิดบางคนที่เค้ามีกลุ่มไม่ดี เค้าก็จะต้อง report กับอาจารย์นิดนึง เพราะว่าทาง Swinburne เค้าก็ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก ๆ เลยค่ะ งานกลุ่มทุกคนจะต้องช่วยเหลือกัน อย่างในวิชาต่าง ๆ เนี่ย ส่วนใหญ่เค้าจะมี Group Contract ค่ะ เป็นสัญญาให้ทุกคนในกลุ่มลงชื่อไว้เลยว่าฉันจะทำตามนี้ ๆ นะ ถ้าเกิดไม่ทำตามนี้จะมีผลยังไงบ้าง แล้วการส่งงาน อาจารย์เค้าก็จะให้เพื่อนมาเรทความพยายาม ความมีส่วนร่วมของเพื่อน ๆ ในกลุ่ม ว่าให้ความร่วมมือดีมั้ย ถ้าเกิดไม่ดี คะแนนเราก็อาจจะตกลงไปด้วย แต่ถ้าช่วยเหลือกันทุกอย่างก็จะออกมาดีค่ะ ก็ไม่มีปัญหาอะไร (ยิ้ม)

Q: อาจารย์เค้านับการให้ความร่วมมือในการทำงานกลุ่มเป็นคะแนนเลยใช่มั้ยคะ?

Pitta: ใช่ คือเค้าก็ให้ความสำคัญกับจิตใจของเราด้วย เพราะถ้าเกิดเราทำคนเดียว มันก็จะไม่แฟร์สำหรับคนอื่นในกลุ่ม เค้าก็เลยให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก ๆ เลย แล้วเค้าก็ให้ความสำคัญกับเรื่อง Mental Health มาก ๆ เลยค่ะ ที่นี่เค้าก็จะมีคลินิก Well-Being Clinic ที่เราสามารถไปหาได้ แล้วก็ฟรีค่ะ ไม่มีค่าใช้จ่าย เราก็สามารถไปปรึกษาเค้าว่ามีปัญหาแบบนี้ ๆ หรือว่าเราแค่ต้องการคนไปคุยด้วย เราก็สามารถไปคุยกับเค้าได้ หรือเรามีปัญหาที่ต้องการความช่วยเหลืออะไร เราก็สามารถอีเมลไปหาอาจารย์ อาจารย์ก็จะพิจารณาว่าเรามีปัญหาอะไรรึเปล่า แล้วก็สามารถแก้ปัญหาไปด้วยกันได้ค่ะ

 

Q: นอกจากนั้นทางมหาวิทยาลัย Swinburne มี Student Support อะไรให้เราอีกบ้างคะ?

Pitta: ที่นี่มี Student Support เยอะมาก ๆ เลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นทางด้านการเรียนหรือว่าจิตใจ ขนาดว่าเราเรียนไปด้วย ทำงานไปด้วย แล้วเราต้องการความรู้ทางด้านการทำงานหรือว่าการเสียภาษีต่าง ๆ เราสามารถไปติดต่อทาง Career services ของ Swinburne ที่เค้ามีบริการด้านนี้ให้ เค้าก็จะให้ข้อมูลมาว่าเราต้องทำแบบนี้ ๆ นะ เราสามารถทำยังไงได้บ้าง หรือว่าอย่างบริการของ Student Support มีทั่วทุกตึกเลยค่ะ ส่วนใหญ่เราก็สามารถติดต่อได้ทุกเรื่องเลย มีครอบคลุมทุกอย่าง บางคนถ้าเค้าอยากไปเรียนต่อ แลกเปลี่ยน อะไรแบบนี้ใช่มั้ยคะ มันจะมีตึกนึงที่เค้าจะเป็นออฟฟิศที่ให้คำปรึกษาทางด้านนี้ ถ้าเกิดใครสนใจก็เข้าไปปรึกษา ไปถามข้อมูลได้

Q: คิดว่าสาขาที่เราเรียนอยู่ตอนนี้ จะเอาไปต่อยอดในสายงานที่เราอยากทำในอนาคตได้ยังไงบ้าง?

Pitta: ตอนนี้หนูยังอยู่ในปีแรกอยู่ค่ะ เรายังสามารถเปลี่ยน major ได้ ซึ่งหนูก็ยังไม่แน่ใจว่าหนูยังอยู่ใน Business Analytics ต่อไปมั้ย หรือว่าในอนาคตจะเปลี่ยน major ไป หรือว่าเปลี่ยนคอร์สเรียนเราก็ไม่รู้ เพราะว่าในปีแรก Swinburne ให้โอกาสเด็ก ๆ ทุกคน ในการที่จะ explore ในการที่จะค้นหาว่าถ้าเราเกิดไม่ชอบวิชานี้ เราสามารถเปลี่ยนวิชาไหนได้บ้าง แล้วทำไมถึงไม่ชอบวิชานี้ เค้าก็จะมี Student Support ซึ่งในอนาคตก็มีความเป็นไปได้ว่าหนูจะเปลี่ยนทางด้านคอร์สเรียนหรือว่า major ค่ะ แต่ถ้าเกิดหนูไม่เปลี่ยนเนี่ย หนูก็คิดว่าจะไปทำงานในบริษัทพวก BIG4 ก็คือพวก Accountant Firm หรือว่าพวกบริษัทที่เกี่ยวกับด้าน IT หรือว่า Business ก็ได้เหมือนกันค่ะ เพราะว่าเรียนทางด้าน Business Analytics มา มันสามารถไปทำงานทางสายไอทีได้เหมือนกัน แล้วที่สำคัญคือทางมหาวิทยาลัย Swinburne มีโอกาสให้ฝึกงานกับบริษัทต่าง ๆ เราสามารถสมัครงานได้ แล้วก็ที่ออสเตรเลียก็มีบริษัทที่มีชื่อเสียงโด่งดัง มีสำนักงานใหญ่ที่นี่หมดเลย เราก็มีโอกาสที่จะไปทำงานในนั้นได้ค่ะ

Q: แล้วคอร์ส Bachelor of Business เค้าให้ฝึกงานได้ตอนปีไหนคะ?

Pitta: เราสามารถเลือกฝึกงานได้ตอนปีสุดท้ายค่ะ เหมือนมันจะเป็นวิชาหนึ่งในคอร์สเรียนที่เราเรียนทั้งหมด สมมุติว่าเรามี 4 units เราอาจจะเลือกฝึกงานไป ก็อาจจะหายไป 1 unit ซึ่งที่เหลือเราก็ยังต้องเรียนอยู่ แต่ว่ามันก็จะไม่ได้หนักมาก เพราะว่าการฝึกงานเนี่ย เค้าจะให้ฝึกงานแค่ไม่กี่ชั่วโมงในหนึ่งสัปดาห์ แล้วเราก็ได้ฝึกงานกับบริษัทที่เราสนใจได้ค่ะ

Q: คิดว่าสาขาที่เรียนอยู่ตอนนี้มีความยากง่าย หรือว่าคิดว่าต่างกับการเรียนกับที่ไทยยังไงบ้างคะ

Pitta: คิดว่าต่างจากที่ไทยมากเลยค่ะ เพราะว่าหนึ่ง ก็คือที่นี่มีเรียนแค่ 4 units ก็คือ 4 รายวิชาต่อเทอม ก็คือเป็น full time แล้ว อย่างที่ไทยเราจะมีเรียนวิชาอื่น ๆ มาก อย่างเช่น พละหรือว่าอื่น ๆ บางทีหนูคิดว่ามันอาจจะไม่ค่อยมีประโยชน์ หรือว่าถ้าเกิดเราไม่ได้อยากเรียน เราก็ไม่จำเป็นต้องเรียนก็ได้ แต่ว่าที่นี่ก็คือเราสามารถลงทะเบียนเรียนได้ตามที่ชอบเลย ส่วนการลงทะเบียนเรียนก็แตกต่างจากที่ไทยมาก เพราะว่าอย่างที่ไทย บางมหาวิทยาลัยเราต้องแย่งกันลงทะเบียนใช่มั้ยคะ ที่นี่คือไม่มีการแย่งกันเลย เราสามารถลงทะเบียนตอนที่เราสะดวกได้ แล้วเราก็สามารถย้ายคลาสได้ ถ้าเกิดเราไม่สะดวกหรือว่ามีคลาสเปิดเพิ่ม แล้วเราสะดวกเวลานั้นมากกว่า เราก็สามารถไปย้ายได้ก่อนวันที่เค้าแจ้งปิดการย้ายคลาสค่ะ

ส่วน Major คือ Business analytics and analysis จะเกี่ยวข้องกับด้าน Information System และ IT และ Computer Science มาประสานกับ Business ค่ะ ซึ่งมันก็จะมีความเกี่ยวข้องกับพวก Database ด้วย ทางด้านการจัดเก็บข้อมูล ทางด้านระบบต่าง ๆ ด้วย ซึ่งเราเห็นว่าเป็นวิชาที่มีประโยชน์มากเลย และสาขานี้จะเป็นประโยชน์ต่อเราในอนาคต เพราะว่าตอนนี้เทคโนโลยีก็กำลังมาแรงด้วยค่ะ

Q: สิ่งที่ชอบแล้วก็ประทับใจหลังจากมาเรียนที่ Swinburne มีอะไรบ้าง หรือว่ามีประสบการณ์อะไรที่เราอยากจะแชร์ไหมคะ?

Pitta: ที่ประทับใจนะคะ ก็คือแคมปัสของมหาวิทยาลัย Swinburne ค่ะ เพราะว่ามันแตกต่างกับที่มหาวิทยาลัยอื่น ๆ มาก ๆ ที่นี่มีธรรมชาติมากมายทั่วแคมปัส ดีไซน์ของตึกก็สวยงาม แล้วตึกเรียนก็กระจายไม่ได้อัดแน่นกันมาก ทางเดินก็ดีมาก ๆ เลยค่ะ ทำให้การเดินไปเรียนหรือเดินรอบ ๆ มหาวิทยาลัยเป็นสิ่งที่ไม่น่าเบื่อ แล้วก็ทำให้เรามี motivation ให้เราอยากไปเรียน หรือเดินเล่นได้สบาย ๆ เราสามารถเดินไปรอบ ๆ ได้เลย

ส่วนเดือนแรกที่ตกใจก็จะเป็นเรื่องการเรียนการสอนแล้วกันค่ะ มันแตกต่างจากที่ไทยมากเลย อย่างที่ไทยการเรียนการสอนส่วนใหญ่ก็จะเป็นการมาอ่านให้เราฟังหรือทำกิจกรรมนิดหน่อย ซึ่งมันก็ไม่ได้มากมายอะไรขนาดนั้น งานที่ให้ทำที่ไทยก็จะเป็นงานตรง ๆ เลย ได้รับมาแล้วก็ตอบกลับไปแค่นั้น ส่งงานกลับไปโดยที่ไม่ต้องมีการคิดวิเคราะห์ แต่ว่าที่นี่ งานที่เราจะต้องส่งให้เค้าจะมีการวิเคราะห์ทั้งหมดเลย ไม่ว่าจะเป็นทางด้านการสอบหรือว่าพวก assignment ที่เราต้องส่ง เพราะเค้าเห็นว่ามันไม่มีประโยชน์เลยถ้าเกิดเราได้รับโจทย์มาแล้วก็ตอบกลับแบบที่เค้าให้มา ซึ่งมันก็ไม่ได้ช่วยให้เรามีการพัฒนาที่ดีขึ้น หนูคิดว่ามันเป็นประโยชน์มากเลยค่ะ เพราะว่าหนึ่งเราได้ฝึกสกิล Critical Thinking, Analysis, Analytic และทักษะการคิดอะไรพวกนี้ด้วย มันจะเป็นประโยชน์ในอนาคตมาก ๆ สำหรับการที่ทำงานในวงการนี้จริง ๆ ซึ่งในตอนนั้นเราไม่มีคนมาช่วยแล้วว่าต้องทำแบบนี้นะ แบบนี้ ๆ เราต้องทำเองทุกอย่างหมด ก็เป็นสกิลที่เราต้องการในอนาคตค่ะ

Q: มีกิจกรรมนอกห้องเรียนของมหาวิทยาลัย ที่เราได้เข้าร่วมบ้างไหมคะ?

Pitta: มีค่ะ อย่างช่วงสัปดาห์แรกเนี่ยก็จะมีพวก Open day คือเหมือน Open house ของที่ไทยนะคะ จะมีกิจกรรมรอบ ๆ มหาวิทยาลัย ไม่ว่าจะเป็นของฟรีที่เค้าแจกมากมาย แล้วก็จะมีคนมาให้ข้อมูลทางด้านมหาวิทยาลัยเยอะมาก ถ้าเกิดเรามีคำถามอะไร เราก็ไปถามเค้าได้ แล้วที่สำคัญคือมีอาหารฟรีเยอะมาก แล้วก็คือมีบ่อย ๆ ด้วยค่ะ ทาง Swinburne เค้าจะมีพวก food truck มาจอดในแคมปัส แล้วเราก็สามารถไปรับของฟรีได้ถ้าเราเป็นนักเรียน

หรือว่าทางด้านหอพักเองเนี่ย หนูพักอยู่ใน Student Residence เค้าก็มีกิจกรรมที่ทางหอพักจัดอยู่บ่อย ๆ นะคะ อย่างในสัปดาห์แรกก่อนเริ่มเรียน เค้าก็จะมีกิจกรรมทุกวันเลยค่ะ (หัวเราะ) ซึ่งหนูว่ามันตื่นตาตื่นใจมาก ไม่ว่าจะเป็นพวกบาบีคิว ไปพิพิธภัณฑ์ ไปเล่นไอซ์สเก็ต หรือว่าไปโน่นนี่นั่น ไปดู Footy (Australian rules football, Aussie rules) คือที่ออสเตรเลียเค้าก็จะมีฟุตบอลเป็นของตัวเอง ซึ่งเค้าก็จะเรียกว่า Footy คือแต่ละแมทช์เราก็จะต้องจองตั๋วไป ที่หอพักเค้าก็จะมีบัตรที่เราสามารถไปรับฟรีได้ แล้วก็สามารถไปดูได้ กิจกรรมต่าง ๆ ก็คือแน่นมาก ๆ ที่นี่ อย่างกิจกรรมที่หนูเพิ่งไปก็เป็น Melbourne  Eureka Skydeck ซึ่งมันเหมือนตึกมหานครที่กรุงเทพฯ ก็คือเราขึ้นไปบนตึก ไปดูวิวรอบ ๆ ซึ่งทางหอพักเค้าก็มีตั๋วมาให้ ถ้าเราต้องการที่จะไป เราก็ลงทะเบียน

ส่วนทางด้าน Swinburne เค้าก็จะมีคลับต่าง ๆ ให้เราไปร่วมได้ค่ะ ไม่ว่าจะเป็นพวกกีฬาก็มีเกือบทุกอย่าง เช่น วอลเลย์บอล, บาสเกตบอล, เทควันโด, ปิงปอง หรือว่าเชียร์ลีดดิงก็มีค่ะ แล้วเราก็สามารถตั้งคลับเองได้ด้วยค่ะ หรือว่าคลับแปลก ๆ ก็มีเยอะมาก ๆ ไม่ว่าเป็น Hydro Club คือเค้าจะชิมรสชาติน้ำ คือเค้าจะสนใจด้านน้ำเปล่า แล้วเค้าก็จะพาไปชิมน้ำ ซึ่งหยูก็ยังไม่ได้ไป join นะคะ แค่ไปดู ๆ เฉย ๆ (หัวเราะ) แล้วก็จะมีคลับของชาติต่าง ๆ ด้วยค่ะ เช่น Pakistan club, Malaysian club ซึ่งเราไม่จำเป็นต้องเป็นคนชาตินั้นก็ได้ที่เราจะไปร่วมคลับ เราสามารถไป join ได้เลย ถ้าเราต้องการเจอเพื่อน เพราะเค้าก็ต้องการให้คนมา join เค้าเยอะ ๆ เหมือนกันค่ะ คือ สมาชิกเนี่ยไม่จำเป็นต้องเป็นคนในชาตินั้นก็ได้ค่ะ เพื่อน ๆ ก็บอกว่าทำไมไม่ไปตั้ง Thai club (หัวเราะ)

Q: รีวิวการใช้ชีวิตที่ Melbourne ที่ออสเตรเลียให้ฟังหน่อยค่ะ ว่าเป็นยังไงบ้าง?

Pitta: ตอนแรกก็กังวลมาก ๆ เลยค่ะ ว่าการมาอยู่ต่างประเทศคนเดียวจะเป็นยังไง กลัวว่าจะเจอเพื่อนแบบไหน จะเจอคนที่ไม่ดีหรือเปล่า แต่ว่าพอมาอยู่ก็ ว้าว (ยิ้ม) ปรับตัวง่ายมาก ๆ เลยค่ะ ที่ Melbourne มีความคล้ายกรุงเทพฯ ทางด้าน city life เพราะว่าก็มีความเป็นเมือง แต่ว่า Melbourne จะแตกต่างในด้านที่มีธรรมชาติมากกว่ากรุงเทพฯ อย่างกรุงเทพฯ ไปไหนก็คือตึก ๆ ๆ แต่ว่าที่นี่ก็คือมีธรรมชาติอยู่รอบเมืองเลยค่ะ แล้วการเดินทางก็สะดวกมาก ๆ เราสามารถไปไหนมาไหนได้ด้วยรถไฟ เรทรถไฟก็ไม่เหมือนกรุงเทพฯ นะคะ มันจะเป็น flat rate ที่เราจ่ายเท่านี้ไปแล้วเรานั่งได้กี่สถานีก็ได้ รถไฟก็รวดเร็วมาก สถานีรถไฟที่นี่เค้าใช้รางร่วมกัน ซึ่งไม่จำเป็นต้องสร้างชานชาลาหลาย ๆ ชานชาลาแบบในกรุงเทพฯ แต่ที่นี่คือใช้ร่วมกัน ทำให้เราไม่ต้องไปเดินเยอะ การเดินทางก็เลยทั่วถึงแล้วก็รวดเร็ว สะดวกมากกว่าค่ะ

Q: มีเรื่องไหนที่อยากแชร์มั้ยคะ เป็นประสบการณ์ที่ออสเตรเลียที่อยากให้เพื่อน ๆ ได้รู้ก่อนมาเรียน?

Pitta: ก่อนมานะคะ ก็ให้รู้ไว้เลยว่าคนที่นี่เค้าเฟรนลี แล้วก็ nice มาก ๆ ตอนมาแรก ๆ ก็ตกใจว่าทำไมทุกคน nice มากเลย ส่วนใหญ่เค้าก็จะทักทายเป็นปกติ ถึงแม้ว่าเราจะไม่รู้จักกันก็จะ “How it’s going?” “How are you?” คือเค้าก็จะถามว่าเป็นยังไงบ้าง เราก็ตอบเค้า “I’m good.” “All good.” ประมาณนี้ค่ะ เป็นมารยาทการทักทายที่เหมือนคนไทยก็ยิ้มให้กัน เราเจอคนที่รู้จัก เราก็ยิ้มให้กัน ทุกคน surprisingly nice แต่มันเป็นปกติของทุกคนที่ออสเตรเลีย ซึ่งอยู่ ๆ ไปเดี๋ยวเราก็ชินเอง แล้วเค้าก็ spread positivity กับคนอื่นด้วยค่ะ หนูว่าการมาเรียนต่อต่างประเทศก็คือการฝึกสกิลการใช้ชีวิตคนเดียว ถึงแม้พอมาอยู่ที่นี่เราจะไม่ได้อยู่คนเดียวหรอก เพราะว่ามี international students เยอะมาก ๆ เค้าก็อยากที่จะมา hangout กับเรา อยากที่จะมารู้จักกับเรา เราก็ไม่ต้องกลัวที่จะปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นเลย เพราะว่าทุกคนเค้าพร้อมที่จะปฏิสัมพันธ์กับเรา โดยที่เค้าไม่ได้มีจุดประสงค์ร้ายอะไร หรือว่าต้องการอะไรจากเรา เค้าแค่ nice ค่ะ

Q: ช่วยรีวิวบริการจากพี่ ๆ Hands On ให้ฟังหน่อยได้ไหมคะ ว่าพี่ ๆ ให้คำแนะนำ และช่วยเหลือเรายังไงบ้าง?

Pitta: ได้ค่ะ คือพี่ ๆ ทุกคนน่ารักมากเลย พี่ ๆ Hands On เฟรนลีมาก ๆ ตั้งแต่ก่อนหนูมา ตั้งแต่หนูปรึกษา เรื่องการเลือกคอร์สว่าหนูอยากได้ประมาณนี้ หนูชอบประมาณนี้ หรือว่าถ้าหนูเปลี่ยนคอร์สเนี่ยจะเป็นยังไงบ้าง เปลี่ยนไปทางไหนได้บ้าง มีเงื่อนไขอะไรบ้างมั้ย มีติดขัดอะไรหรือเปล่า แล้วก็พอติดต่อมหาวิทยาลัยแล้วได้ offer มาแล้วเนี่ย พี่ ๆ เค้าก็จะติดตามผลให้เราว่าถึงไหนแล้ว เป็น Conditional Offer หรือเปล่า ถ้าเปิดเป็น Conditional Offer ขาดอะไรตรงไหนอีกบ้าง เราต้องไปขอเอกสารอีกมั้ย อะไรประมาณนี้ค่ะ

พอตอนยื่นวีซ่า พี่ ๆ Hands On ก็น่ารักมากเลยค่ะ ทุกอย่างก็คือรวดเร็วมาก เค้าก็จะส่งลิสต์เอกสารที่เราต้องเตรียมมาให้ พอเราเตรียมเอกสารของเราเสร็จปุ๊บก็ส่งต่อไปให้ทางพี่ Hands On ตรวจสอบเอกสารที่ต้องใช้ยื่นวีซ่าทั้งหมดให้ พอยื่นขอวีซ่าเสร็จสรรพ ระหว่างที่เรารอวีซ่า เราก็อาจจะหาที่พักรอ ว่าเราจะไปพักที่ไหนระหว่างเรียน แล้วที่ไหนมีข้อดีข้อเสียอะไรบ้าง ก็ชั่งน้ำหนักกันไป หรือว่าถ้าเกิดมีปัญหาติดต่ออะไรไม่ได้เนี่ย เราสามารถถามพี่ ๆ Hands On ได้เลยว่าติดปัญหาตรงนี้ มีคำแนะนำยังไงบ้าง ช่วยเหลือยังไงได้บ้าง อย่างบริการ Airport pick up จากทางมหาวิทยาลัยเนี่ย ก็ให้พี่ Hands On ติดต่อให้ ซึ่งก็ลุล่วงไปด้วยดีค่ะ ไม่จำเป็นต้องจองรถจากทางสนามบินมาถึงที่นี่เองเพราะว่าพี่ ๆ Hands On ก็ติดต่อให้หมดเลยค่ะ (ยิ้ม)

Q: ฝากข้อความให้น้อง ๆ ที่อยากมาเรียนต่อออสเตรเลียหน่อยค่ะ

Pitta: ก็สำหรับใครที่อยากมาเรียนต่อออสเตรเลียนะคะ หรือไม่ว่าประเทศไหนก็ตาม ไม่จำเป็นต้องออสเตรเลีย การเรียนต่อคือเป็นประสบการณ์ครั้งนึงในชีวิตที่ดีมาก ๆ สำคัญมาก ๆ เพราะว่าเราได้ออกจาก Comfort Zone ของเรา ซึ่งการที่เราออกจาก Comfort Zone ของเราเนี่ย เราได้เรียนรู้อะไรหลาย ๆ อย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ทางด้านการใช้ชีวิต การแก้ปัญหาต่าง ๆ โดยเฉพาะการแก้ปัญหาเฉพาะหน้านี่สำคัญมาก ๆ เพราะเราไม่รู้เลยว่าอะไรจะเกิดขึ้นได้บ้าง แล้วเราไม่รู้จักใครเลยมาก่อน เราสามารถทำยังไงได้บ้าง ทางด้านการเรียนการสอนเนี่ย หนูรู้สึกว่ามันเป็นโบนัสแล้วกันค่ะ เพราะว่าสิ่งที่เราได้จริง ๆ เนี่ย ก็คือสกิลการใช้ชีวิตที่สำคัญมาก ๆ เลย มันก็เป็นปัจจัยนึงในการดำรงชีวิต มันก็ขึ้นอยู่กับว่าเราชอบการใช้ชีวิตแบบนี้มั้ย มันก็เป็นประสบการณ์ครั้งนึงในชีวิตที่ต้องมาลองค่ะ (ยิ้ม)