Hands On Education Consultants

รีวิวคอร์สเรียนป.ตรี Screen Production ที่ Swinburne University of Technology โดย Jan

แนะนำตัวให้เรารู้จักหน่อยค่ะ

Jan: สวัสดีค่ะชื่อแจนนะคะ ตอนนี้เรียน Bachelor of Screen Production อยู่ที่ Swinburne University of Technology ค่ะ

Q: เล่าให้ฟังหน่อยได้มั้ยคะว่าทำไมถึงตัดสินใจมาเรียนต่อที่ออสเตรเลีย?

Jan: เลือกมาเรียนต่อออสเตรเลียเพราะว่าตอนแรกมีญาติอยู่ที่นี่ แล้วก็อยากจะมาเรียนต่อนอกด้วย ตอนอยู่ที่ไทยโควิดมันระบาดหนักมาก แล้วไม่สามารถทำกิจกรรมที่มหาวิทยาลัยได้เลย ก็เลยรีบหาคอร์สที่จะมาเรียนต่อออสเตรเลีย แล้วด้วยความที่ออสเตรเลียมันใช้ชีวิตง่ายด้วย ทั้งเรื่องการเดินทาง แล้วก็เป็น multi-culture เราก็เลยไม่ค่อยกลัวเรื่อง racism ด้วย ก็เลยเลือกที่นี่ค่ะ

Q: แล้วเหตุผลที่เลือกเรียนต่อกับ Swinburne University of Technology ล่ะคะ?

Jan: เพราะว่าพี่ ๆ Hands On เค้าช่วยหาคอร์สให้ แล้วมันมีตรงกับที่เราสนใจ เราก็เน้นมหาวิทยาลัยที่มี scholarship เยอะ หน่อยด้วย แล้วที่มหาวิทยาลัย Swinburne เค้าก็มี offer scholarship มาให้เยอะด้วยค่ะ เราก็เลยเลือกที่นี่เป็นเหตุผลหลัก บวกกับรายละเอียดคอร์สเรียนที่เราเข้าไปอ่านมา มหาวิทยาลัยก็มีเนื้อหาของคอร์สที่เราอยากเรียนให้ด้วยค่ะ

Q: Screen Production เค้าเริ่มสอนอะไรบ้างคะสัปดาห์แรก ๆ แล้วสิ่งที่ได้เรียนไปเป็นอย่างไรบ้าง?

Jan: มาเริ่มตั้งแต่เดือนสิงหาค่ะ ตอนนี้เริ่มเรียนมาแค่ 2 เดือนค่ะ สำหรับ Bachelor of Screen Production ที่ Swinburne University of Technology เข้ามาสัปดาห์แรกเค้าก็สอน practical เลยค่ะ คือสัปดาห์แรกมาก็คือสั่งงานเลย สัปดาห์ที่สองก็คือได้จับอุปกรณ์กล้องจริงเลย เค้ามีสอนเรื่อง sound การทำ edit sound สอนใช้โปรแกรม Adobe Premier Pro แล้วก็สอนเรื่องเบสิคการใช้กล้องค่ะ ก็คือจะได้จับอุปกรณ์กล้องหมดเลยในส่วนของ production

Q: เล่างานโปรเจกต์ของคอร์ส Screen Production ที่เค้าสั่งให้ทำ ให้ฟังหน่อยค่ะ

Jan: งานที่เค้าสั่งให้ทำ เค้าจะไล่งานโปรเจกต์ใหญ่ ๆ ก่อนว่า คุณต้องส่งอะไรบ้าง ก็คือไล่ syllabus เริ่มให้เราไปคิดงานมาเลย แล้วสัปดาห์ที่สองเค้าจะถามความคืบหน้าของงาน ส่วนสัปดาห์ที่สามก็มา present งานเลย คือทุกอย่างเกิดขึ้นไวมาก ภายในสามสัปดาห์ ต้องส่งงานและ present ด้วย โดยมีทั้งงานกลุ่มงานเดียวค่ะ มีมากกว่าหนึ่งชิ้น คือมีทุกวิชาที่เรียนเลย คือคอร์สหนูงานหนักมาก ส่วนหนูก็คือนั่งปั่นงานที่ห้องสมุดถึงเที่ยงคืนทุกวัน

Q: อุปกรณ์ประกอบการเรียน Screen Production เราต้องเตรียมอะไรไปเองมั้ย อย่างเช่น กล้อง หรือเป็นของมหาวิทยาลัยคะ?

Jan: อุปกรณ์ทุกอย่างเราสามารถยืมมหาวิทยาลัยได้หมดเลยค่ะ มีทุกอย่างจริง ๆ เค้าจะมีไมค์ มีเครื่องอัดเสียง มีกล้อง ไฟ พอต ทุกอย่างมีหมดเลย อย่างหูฟัง ตอนนี้ก็มีหูฟังของมหาวิทยาลัยอยู่กับหนูเหมือนกัน เพราะกำลังทำ sound อยู่ค่ะ

แล้วทางมหาวิทยาลัยก็เตรียมพวก Adobe โปรแกรม license ไว้ให้ด้วยค่ะ หรือเราจะมาใช้คอมฯ ที่มหาวิทยาลัยก็ได้เพราะว่ามันใช้ได้ 24 ชั่วโมง หนูก็มาทำงานที่นี่เหมือนกัน ตีหนึ่งตีสองก็ยังนั่งตัดต่องานอยู่ที่นี่ แล้วเค้าก็ให้ One drive แบบ unlimited มาด้วยค่ะ สำหรับเก็บงานโปรเจกต์ทั้งหมด

สนใจเรียนต่อ Swinburne University of Technology ปรึกษาพี่ ๆ Hands On ฟรี คลิก

Q: น้องแจนคิดว่าคอร์ส Screen Production ที่มหาวิทยาลัย Swinburne มีความแตกต่าง-ยากง่าย กับการเรียนไทยอย่างไรบ้างคะ?

Jan: ก่อนหน้านี้ หนูเคยเรียนที่ธรรมศาสตร์มาแล้วสองปี คณะสายเดียวกัน เรียนวารสารเอกฟิล์มมา ก็เลยคิดว่ามันคล้าย ๆ กันอยู่นิดนึง ถ้าที่ไทยสามารถออกไปทำงานภาคปฎิบัติได้ก็คงคล้ายกับที่นี่ แต่ด้วยความที่คอร์สที่ Swinburne มันรวบรัดกว่า คือเรามาสัปดาห์แรก เราได้เริ่มเรียนจริง ๆ เลย เราได้ลงมือทำได้จับอุปกรณ์ทุกคนเลย ถ้าเกิดเป็นแบบตอนอยู่ที่ไทย เค้าก็จะไม่ได้ให้จับทุกคน มีตัวแทนออกไปลองทำนู่นนี่ แต่ที่นี่คือเราได้ลองจับทุกคน ได้ทำทุกคน แล้วงานเดี่ยวก็คือได้ทำจริง ๆ (หัวเราะ) งานกลุ่มก็ได้ทำจริง ๆ เพราะแบบมันไม่ได้มีคนเยอะมากต่อกลุ่มนึงเหมือนที่ไทย อย่างที่ไทยกลุ่มนึง 10 คน หรือ 7-8 คน กลุ่มที่นี่คือ 3 คน ให้ออกไปสัมภาษณ์คน ให้ออกไปถ่ายทำ แล้วครูก็บอกว่า 3 คนนี่ก็เยอะแล้วนะ แบบครูคะ… คนน้อยมาก (หัวเราะ)

แล้วก็รู้สึกว่าที่นี่มันได้ปฏิบัติทุกคนมากกว่าที่ไทย เรียนทฤษฎีแต่ไม่เยอะเหมือนที่ไทย ไม่ได้เรียนเยอะ แบบอัด ๆ ทฤษฎีแบบที่ไทยค่ะ เพราะที่นี่เน้นปฏิบัติมากกว่า ความยากง่าย คือยากเลยค่ะ แต่พอผ่านงานมาแล้วก็คิดว่ามันไม่ได้หนักหนาเท่าไหร่ ก็เค้าให้งานแบบรีบให้ตั้งแต่ต้น โดนสั่งงานตั้งแต่สัปดาห์แรก สัปดาห์ที่สาม present เลย ทุกอย่างเกิดขึ้นไวมากค่ะ แล้วก็ได้งานทุกวิชาด้วย (เช่น Introduction to Digital Imaging, Digital Video and Audio, Sound Design and Acquisition, Digital Narratives และ Digital Postproduction Techniques เป็นต้น) แล้วเราก็ต้องทำงานข้างนอกอีกด้วย งานมันเยอะก็เลยเหนื่อยค่ะ

Q: หลังจากเริ่มเรียนที่ Swinburne University of Technology เราคิดว่าเราได้ฝึกตัวเองได้พัฒนาฝีมือ ได้ทักษะอะไรเพิ่มเติมจากสิ่งที่เรียนตอนนี้ มากกว่าตอนเรียนที่ไทยไหมคะ?

Jan: คิดว่าได้มากกว่าค่ะ คือตอนอยู่ที่ไทยเราไม่ค่อยได้จับอุปกรณ์ production ด้วยความที่มันติดเรื่องโควิดด้วย อยู่ที่นี่เราได้จับทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์อะไรก็ตามในส่วนของ production เราได้จับหมดเลย เค้าอนุญาตให้เราใช้หมดเลย แค่เราเรียนคลาสนั้น เค้าก็จะสอนเราให้เรารู้วิธีการใช้งานอุปกรณ์และรายละเอียดทุกอย่าง สอนวิธีการออกแบบ แล้วก็ให้เราได้ฝึกคิดฝึกทำงานกับสิ่งนั้นจริง ๆ ด้วย ไม่ใช่แค่แบบเรียนรู้อย่างเดียวแล้วก็ลืมมันไป เราได้เรียนรู้แล้วก็ได้ใช้ เมื่อได้ใช้งานจริง ๆ ได้ทำงานกับมัน คือรู้สึกว่า skill ของเราจะเพิ่มขึ้นแน่นอน

Q: รีวิวบรรยากาศในห้องเรียน ว่าเพื่อน, อาจารย์, การบ้าน, กิจกรรมในห้องเรียน และ student support ของมหาวิทยาลัย เป็นอย่างไรบ้างคะ?

Jan: เพื่อนหนูก็เป็นฝรั่งหมดเลยแล้วก็มีชาติอื่นด้วย แต่ว่าจริง ๆ แล้วคลาสหนูมีคนไทย แต่เป็น Australian ค่ะ คือเค้าเป็นคนไทยที่เกิดที่นี่ใช้ชีวิตที่นี่ แล้วเพื่อนในคลาสก็มีคนฮ่องกงด้วยค่ะ แต่นอกนั้นเป็นฝรั่งหมดเลย ทุกคนเข้ามาก็ยังไม่ค่อยคุยกันนะคะ แต่เริ่มมาได้คุยกันตอนที่จับกลุ่มทำงาน คือทุกคนเข้าเรียนแบบเรียนเสร็จก็รีบไปเรียนคลาสต่อไปกัน หรือถ้าบางคนที่มีเพื่อนแล้ว รู้จักกันมาก่อน ก็จะสนิทกัน แต่ด้วยความที่เราเข้ามาเรียนในเทอมสองเราก็เลยยังไม่ค่อยรู้จักใครค่ะ

ส่วนครูที่นี่ก็ใจดี เค้าเข้าใจนักเรียนมากเลย ถ้าคนไหนไม่เข้าใจอะไรเค้าจะมาไล่สอนทีละคน นั่งคุยทีละคน จนกว่าเราจะเข้าใจ แล้วเค้าก็จำชื่อหนูได้เลยค่ะ หนูประทับใจมาก เวลามีปัญหาอะไรอาจารย์ก็จะพร้อมช่วยเหลือ support เราตลอด สามารถปรึกษาได้ตัวต่อตัวเลยค่ะ แล้วก็ถ้าเราเรียนไม่เข้าใจ ที่นี่เค้าจะมีระบบที่สามารถเข้าไปขอติวเพิ่มเติมได้เหมือนกัน หรือถ้าทำการบ้านไม่ได้ก็สามารถ book appointment ไปคุยกับเค้าได้ค่ะ ที่นี่เค้ามีระบบสำหรับ international student สำหรับคนที่เรียนไม่รู้เรื่องโดยเฉพาะเลยค่ะ (หัวเราะ)

Q: แล้วมีกิจกรรมอื่นที่เราได้ทำกับทางมหาวิทยาลัย Swinburne University of Technology บ้างไหมคะ?

Jan: จริง ๆ ที่มหาวิทยาลัยเค้ามีกิจกรรม offer ไว้ให้เราเยอะมากเลยค่ะ มีพวก club ให้เข้า แล้วก็มีกิจกรรมส่วนกลางของทางมหาวิทยาลัย อย่างสองอาทิตย์ก่อนก็มีจัดกิจกรรม stress free เค้าก็เอาพวกสัตว์ต่าง ๆ มาลงที่ลานกิจกรรม มีแกะ มีแพะ มีม้า ให้เราให้อาหาร น่ารักมากค่ะ แล้วที่นี่ก็มีผับในมหาวิทยาลัยด้วย ไม่แน่ใจว่าจำกัดอายุไหมเหมือนกันค่ะเพราะยังไม่เคยเข้าไป นอกจากนั้นเค้ายังมีคลับของแต่ละสัญชาติด้วย แต่ยังไม่มีของไทยนะคะ ที่นี่มีคลับของเวียดนาม มาเลย์ แล้วก็คลับแบบเต้น แต่ตอนนี้เรายังไม่ได้เข้าอะไรสักอันเลยค่ะ (หัวเราะ)

stress free เป็นกิจกรรมทั้งวันค่ะ จริง ๆ ที่นี่เหมือนมีกิจกรรมทุกสัปดาห์เลย มี offer ให้อาหารฟรีทุกสัปดาห์ แทบจะทุกสัปดาห์เลยค่ะ ตอนนี้ไม่ได้มีจัดทุกวัน แต่ถ้าเป็นสัปดาห์แรกที่มหาวิทยาลัยเปิดเรียน ก็จะมีกิจกรรมทุกวันทั้งวันเลยค่ะ มีพิซซ่ามาตั้งบ้าง มีแบบพวกชานม เบอร์เกอร์ แจกฟรี มีโชว์กายกรรมตลอดทางเดิน มหาวิทยาลัยเลี้ยงดูแบบสุดยอดเลยค่ะ

สนใจเรียนต่อ Swinburne University of Technology ปรึกษาพี่ ๆ Hands On ฟรี คลิก

Q: คิดว่าสาขา Screen Production ที่เราเรียนอยู่ตอนนี้จะสามารถต่อยอดอาชีพในอนาคตยังไงได้บ้าง หรือว่าเราคิดไว้แล้วว่าอยากทำงานอะไรในสายนี้?

Jan: คือคิดมาแล้วว่าอยากมาเรียนสายนี้ค่ะ เพราะว่าอยากทำงานในพวกสายงาน production อยากทำงานถ่ายทำอะไรพวกนี้ เพราะว่าเราชอบอะไรพวกนี้อยู่แล้วค่ะ เราชอบตัดต่อ เราชอบคิดคอนเทนต์ เราชอบการทำอะไรที่ได้อยู่เบื้องหลังกล้อง ตอนนี้ก็กำลังอินกับการทำ sound editing การทำ Foley การทำเสียงสังเคราะห์ค่ะ มันคือการทำทุกเสียงเลย ที่เราได้ยินในภาพยนตร์ แบบการเอาเสียงคนวิ่ง มาทำเป็นเสียง effect ประกอบภาพ ทุก sound พวกนี้จะมาจากการทำ Foley เลยค่ะ

แต่ถ้าถามว่าอยากทำอะไร หนูก็ยังไม่รู้เลยว่าจริง ๆ แล้วหนูอยากทำอาชีพอะไร คือแค่อยู่ข้างหลังกล้อง อยู่เป็นเบื้องหลังก็ได้หมดค่ะ คือหนูชอบทุกอย่างเลย ไม่ว่าจะเป็น Art director ก็ชอบ เคยเขียนบท screenwriting เขียน script ก็ชอบ ทำ sound editing ก็ชอบ เป็น editor ก็ชอบ เป็น Director of Photography (DOP) ก็ชอบ เขียน story board อันนั้นก็ชอบ เพราะฉะนั้นหนูค่อนข้าง comfort กับทุกอย่างทุกตำแหน่งในสายงานนี้ค่ะ ในคอร์สเค้าสอนทุกอย่างเลย พอเราได้เรียนทุกอย่างเราก็สามารถเปลี่ยนตำแหน่งงานที่อยากทำไปได้หมดเลยค่ะ

Q: สำหรับน้องแจน สิ่งที่ชอบและประทับใจระหว่างที่เรียนต่อที่ Swinburne University of Technology มีเรื่องอะไรบ้าง? หรือว่าประสบการณ์ในสัปดาห์แรก ในเดือนแรก มีอะไรที่ทำให้เรารู้สึกประทับใจไหม?

Jan: ชอบที่เรามาแล้วเราได้ลงมือทำเลย แล้วเค้าสอนเลย ไม่ลีลา แล้วก็ระหว่างที่เราได้จับอุปกรณ์ production เค้าก็สอนเราทางทฤษฎีไปด้วย แล้วก็ให้เราได้คิดงานเหมือนว่าเราได้ทำงานจริง ๆ ไปด้วย แล้วก็ชอบอาจารย์ด้วยค่ะ อาจารย์ทุกคนคือใส่ใจกับเรามาก ถ้าเราไม่เข้าใจก็ถามเค้าได้เลย เค้าจะคอยตอบให้ ถ้าเรามา present งานไม่ได้จริง ๆ เค้าก็จะมี option ทางเลือกให้เราอย่างอื่นด้วยค่ะ หรือถ้าเราเจอเพื่อน partner ที่ทำงานด้วยกันไม่โอเค เราก็มาบอกอาจารย์เค้าได้เหมือนกัน ปัญหาอะไรก็ตามบอกเค้าได้หมด คือเค้าช่วยเหลือทุกอย่าง

เรื่องอุปกรณ์อะไรแบบนี้คือไม่ต้องกลัวเลย ถ้าเราไม่มี Notebook หรือ Notebook เก่าอะไรแบบนี้ มาใช้ของมหาวิทยาลัยได้เลย มหาวิทยาลัยก็เอามาให้ยืม หรือเราจะมานั่งทำงานที่มหาวิทยาลัยเลยก็ได้ แล้วคอมพิวเตอร์ของมหาวิทยาลัยก็ไม่ใช่แย่ ๆ เค้ามีคอมฯ iMac ให้เราใช้งาน มีโปรแกรม Adobe อะไรให้ใช้ได้หมดแล้วมันก็ฟรี ส่วน external harddrive ไม่มีก็ไม่เป็นไร เพราะเค้ามี OneDrive ให้แบบ unlimited คุณจะเก็บงาน เก็บไฟล์ editing ไฟล์ Adobe, Avid Pro หรือ โปรแกรมต่าง ๆ เข้าไปในนั้นได้หมดเลย เราก็เลยชอบตรงนี้ด้วยค่ะ คือ resource เค้าครบ คนเค้าก็ใส่ใจ แล้วหลักสูตรก็ได้ใช้จริง ได้ฝึกทักษะจริง ๆ ค่ะ

แล้วก็พวก Nursing ห้องพยาบาลของมหาวิทยาลัย Swinburne ก็สามารถเข้าไปเมื่อไหร่ก็ได้ หรือจะ make appointment ก็ได้ เค้าจะมีสวัสดิการที่ดูแลเรา อย่างเช่นตอนจะเข้าหน้าหนาว เค้าก็จะมีวัคซีนให้ฟรี เป็น Flu shot อะไรแบบนี้ค่ะ เราสามารถลงทะเบียนมาฉีดได้ฟรีเลย กันเป็นหวัดตอนช่วงหน้าหนาว แล้วก็สำหรับเด็ก international คือหนูเพิ่งไปลงทะเบียนมา เค้าจะแนะนำมาว่าคุณจะได้อะไรบ้าง สวัสดิการของคุณจะครอบคลุมอะไรบ้าง แล้วก็ได้บัตรทานอาหารฟรีมาด้วย ประมาณ 100 AUD ใช้ได้ที่คาเฟ่ทั้งหมดของมหาวิทยาลัย จากการลงทะเบียน Nursing คือคูปองไม่เกี่ยวกับ Nursing เลย ได้มาคือคุ้มมาก ชอบ (หัวเราะ)

Q: รีวิวการใช้ชีวิตใน Melbourne หน่อยว่าอยู่ที่ออสเตรเลียเป็นยังไง สนุกไหม แชร์เป็นประสบการณ์ให้เพื่อน ๆ ที่อยากมาเรียนต่อที่นี่หน่อยค่ะ

Jan: ก็รู้สึกว่าที่นี่ใช้ชีวิตได้ง่ายมาก มันเหมาะกับการใช้ชีวิตคนเดียวมาก เราไม่ต้องพึ่งอะไรเลย เรามาถึงปั๊บแค่เรามี Myki Card บัตรเดินทางของที่นี่เค้าจะใช้เป็น Myki Card กัน ก็ไปที่ไหนก็ได้ที่นี่ คือถ้าหลงทางคุณก็เรียก Uber ที่นี่ก็ได้ง่ายมาก แล้วการติดต่อเช่าที่อยู่ อย่างหนูอยู่ Dorm ของ Student Housing Australian (SHA) ก็คือทำด้วยตัวเองได้ง่ายมาก ทุกอย่างติดต่อผ่านอีเมลได้เลยค่ะ

ผู้คนใจดีมาก ถ้าไม่เข้าใจอะไรก็ถามคนที่เดินผ่านไปผ่านมาก็ได้ เค้าสามารยืนหยุดคุยกับเราครึ่งชั่วโมงได้เลย ตอนนั้นเราหาป้าย tram ไม่เจอ เราก็ถามคนแถวนั้นแค่ว่า tram ตรงนี้มันอยู่ตรงไหนคะ ความจริงคือเค้าแค่ชี้บอกให้เราไปตรงนั้นก็ได้ แต่เค้าก็คือพาเราเดินไปถึงป้าย tram เลย แล้วก็กลัวแทนเราด้วยว่าเราจะไปป้าย tram ไม่ทัน เค้าก็รีบกด pedestrian crossing ให้เรา รีบกว่าเราอีก เราแบบขอบคุณมากค่ะ ไม่เป็นไร เราโอเคแล้ว เค้าก็แบบ ไม่! เธอต้องไปให้ทัน เธอต้องไปให้ทัน กดดันกว่าเรา (หัวเราะ) คือคนที่นี่แบบ nice มาก homeless ก็ยัง nice ตอนนั้นเราก็หลงอยู่ ก็นั่งคุยกับเพื่อนที่เป็นชาวต่างชาติ ว่ามันไปทางนั้นหรือทางนี้นะ homeless นั่งอยู่ตรงพื้นข้างหลังก็แบบ ไปทางนั้นจ้า (หัวเราะ) แล้วก็เลี้ยวขวานะ เราก็แบบขอบคุณเค้ามาก เค้าก็แบบ ไม่เป็นไร don’t worry ทุกอย่างสบายมาก ทุกคนน่ารักมากค่ะ แล้วก็ short conversation กับคนที่นี่จะเยอะมาก แม้เวลาเราจะนั่งเงียบ ๆ เค้าก็จะแบบ เสื้อสวยจัง ผมคุณสวยจัง อะไรแบบนี้

เรื่องค่าใช้จ่าย อาจจะต้องปรับตัวเรื่องราคาข้าวของตอนมาแรก ๆ อะไรแบบนี้ ตอนมาแรก ๆ เราคูณทุกอย่างเป็นราคาไทยหมดเลย เราไม่ค่อยกล้าซื้ออะไร แต่พออยู่ไปสักพัก ก็คิดว่ามันสมเหตุสมผลแหละ (ค่าครองชีพสูงแหละ) ใช่ เราทำงานอย่างต่ำได้ 20 AUD ต่อชั่วโมง แล้วมาม่าซองละ 1 AUD ก็ซื้อได้ 20 ซองแล้วกับการทำงาน 1 ชั่วโมง ง่ายมาก

แล้วก็ชีวิตในเมือง ของหนูหน้าบ้านหนูจะมี tram สามารถนั่งเข้าเมืองได้เลยประมาณ 20 นาที ก็ถึง Finders ก็มีทุกอย่างเลย มันเหมือนเป็นจุดนัดพบทั่วไปของคนที่นี่ด้วย คนเยอะมาก ไม่ต้องกลัวอะไรเลย การเดินในเมืองเมลเบิร์น ด้วยความที่อากาศดีมาก คือพื้นอะไรแบบนี้ก็เดินสบายมาก คนก็เดินด้วยกันหมด ไม่น่ากลัวเลย ทุกคนพาหมามาเดินเล่น ทุกอย่างรื่นหูรื่นตา ไม่มีอะไรที่น่ากลัว รถก็หยุดให้เราเดิน เพราะมันมี pedestrian crossing ให้เรากดก่อนเดินข้ามถนน เราเดินไปไหนมาไหนก็ง่าย สะดวกมาก

สนใจเรียนต่อ Swinburne University of Technology ปรึกษาพี่ ๆ Hands On ฟรี คลิก

Q: ฝากข้อความถึงน้อง ๆ ที่อยากมาเรียนต่อที่ Swinburne University of Technology หน่อยค่ะ

Jan: หนูคิดว่าการเรียนต่อที่ Swinburne University of Technology มันสะดวกมาก คือ ด้วยความที่เค้าเอื้ออำนวยความสะดวกให้กับนักเรียนมาเรียนที่นี่อยู่แล้ว เพราะฉะนั้นเค้าจะต้อนรับนักเรียนทุกคนที่มาเรียนที่นี่อย่างดีเลย เราไม่ต้องกลัวเลยว่าเราจะเรียนไม่ได้ เพราะว่าเค้าจะคอยช่วยเหลือตลอด หรือถ้าเราเครียด เค้าก็พร้อมช่วยเหลือเหมือนกัน ทุกอย่างคือฟรีแทบทั้งหมด ถ้าไปปรึกษา Psychologist ก็ฟรีเหมือนกัน ถ้าหากเราป่วยหรือไม่สบายก็หาหมอฟรี รวมทั้งเรื่องยา เค้าก็ให้ยาฟรีเหมือนกัน ยกเว้นยาบางตัวที่เฉพาะทางจริง ๆ

แล้วก็ที่ Swinburne ที่ตั้งของมหาวิทยาลัยทำให้เราใช้ชีวิต เดินทางไปไหนได้ง่ายมาก คือหน้ามหาวิทยาลัยมีทุกอย่าง ตั้งแต่ สถานีรถไฟที่มีชื่อมหาวิทยาลัยติดไว้เลย Swinburne University of Technology มีบาร์เบอร์ ยัน ร้านอาหาร ร้านขายยา มี McDonald มี grocery store คือใช้ชีวิตหาอะไรกินได้ง่ายมาก ไม่ต้องกลัวว่าเราจะไม่รู้เรื่อง หรือไปไหนไม่ถูก คือถึงไม่รู้เรื่องเราก็ถามคนแถวนั้นได้ คนที่นี่เค้ายินดีที่จะช่วยเรา เพราะฉะนั้นเราไม่ต้องกลัวเลยว่าอยู่ที่นี่แล้วจะลำบากค่ะ!

 

สนใจเรียนต่อ Swinburne University of Technology ปรึกษาพี่ ๆ Hands On ตัวแทนมหาวิทยาลัยอย่างเป็นทางการประจำประเทศไทยฟรี เพียงกรอกแบบฟอร์มด้านล่าง