แนะนำตัวให้เรารู้จักหน่อยค่ะ
Boom: ชื่อน้องบูมนะครับผม เรียน BSc Exercise and Sport Sciences ที่ University of Exeter ครับ
การเตรียมตัวเรียนต่อ
Boom: ตอนแรก พ่อถามว่าอยากเรียนต่างประเทศมั้ย ผมอ่ะอยากอยู่แล้ว ด้วยส่วนตัวอยากไปเจอโลกกว้างอยู่แล้ว
ตอนแรกผมดูอเมริกากับอังกฤษไว้ครับ แต่คิดว่าอเมริกาค่าครองชีพค่อนข้างสูง ค่าเทอมค่อนข้างแพงเกินไป แล้วผมเป็นคนอินกับฟุตบอลอยู่แล้วไง ถ้าได้มาประเทศอังกฤษมันก็ฟุตบอลอยู่แล้วอ่ะ ผมชอบอยู่แล้ว ก็เลยลอง search เกี่ยวกับการเรียนต่อต่างประเทศ ก็เจอว่า Hands On จะขึ้นมาเป็นเวปไซต์แรก ก็จะมีหลายประเทศเลยครับ อังกฤษ อเมริกา ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ อะไรที่เกี่ยวกับการเรียนต่างประเทศ Hands On ก็ขึ้นมา ผมก็เลยไปดูรีวิวอะไรแบบนี้
ผมอีเมลไป แล้วพี่ Hands On เค้าถามว่าน้องสนใจตัวไหน เพราะว่าส่วนตัวแล้วเป็นคนชอบเรียน sport ครับ พี่ Hands On เค้าก็ลิสต์มหาวิทยาลัยและคอร์สเรียนมาให้ ว่ามีอันนี้ ๆ ๆ นะ
แล้วช่วงนั้นมันก็จะมีงาน exhibition ของทาง Hands On ผมก็เลยลองไปดู จัดเต็มมาก! แบบว่าเอามาเกือบทุกมหาวิทยาลัย (งาน Hands On Study Abroad Exhibition จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีในช่วงเดือนพฤศจิกายน) ผมก็เลยไปถามตามมหาวิทยาลัยในลิสต์ที่ผมเคยได้ข้อมูลจากอีเมลของพี่ Hands On ผมก็ไปเก็บมาเลยว่าค่าเทอมเท่าไหร่ การอยู่เป็นยังไง ผมก็ได้ลิสต์มา 5 มหาวิทยาลัย มี Bath, Birmingham, Exeter, Loughborough แล้วก็ Surrey ครับ พอไปที่งานนี้ผมก็รีบไปเก็บข้อมูลที่เล็งไว้ ว่าเราไป sport เรามุ่ง sport อย่างเดียวเลย เอาข้อมูลให้ได้เยอะที่สุดครับ คือผมก็ได้ข้อมูลพวกเกณฑ์การสมัครเรียนของแต่ละที่ว่า เกรดเท่าไหร่ สอบ IELTS ต้องได้คะแนนเท่าไหร่ อะไรประมาณนี้ครับ เก็บเสร็จปุ๊บ รู้เรื่องนี้ ๆ ก็กลับบ้าน มาศึกษาต่อว่าเค้าใช้อะไรแบบไหน เกรดอะไร IELTS เท่าไหร่ เมืองเป็นยังไง ผมหาข้อมูลจนถึงว่าในเมืองนั้นมีอาหารอะไรมั่ง อะไรประมาณนี้ ก็เลยได้ University of Exeter มา
บริการจากพี่ ๆ Hands On
Boom: โอ้โห มาตั้งแต่ลิสต์มหาวิทยาลัยเลยครับ พอข้ามเรื่องลิสต์มหาวิทยาลัยตามที่ผมบอกไปแล้วเนอะ หลังจากนั้นก็แอดไลน์คุยกันแล้วว่าเราต้องใช้เกรดยังไง เอกสารต้องเตรียมอะไรบ้าง ทางบ้านต้องทำอะไร คือแบบลิสต์ ๆ ๆ แล้วผมต้องไปออฟฟิศ Hands On ผมก็ไปนั่งฟังพี่เค้าลิสต์ให้เลยว่าต้องการอันนี้นะ ไปทำอันนี้มา ไปกันหมดบ้านเลยครับ มีกัน 4 คน ไปกันหมดเลย (หัวเราะ)
เพราะเรามาเรียนต่อ ป.ตรี ด้วยครับ ทั้งระยะเวลาหรือค่าใช้จ่าย รายละเอียดมันเยอะมาก พูดง่าย ๆ ว่าคือการลงทุนอย่างนึงนะครับ พี่ Hands On เค้าก็อธิบายว่าเรียนอ่ะไม่ยาก แต่เราต้องเข้าทุกคาบ เราต้องตั้งใจเรียน ส่งงาน สอบให้ได้ อะไรแบบนี้ครับ นอกจากนั้นพี่เค้าจะให้ข้อมูลรายละเอียดเรื่องค่าใช้จ่าย เงิน การใช้ชีวิต พี่เค้าก็แนะนำว่าต้องสอบ IELTS เท่าไหร่แต่ละมหาวิทยาลัย หลังจากนั้นเราก็ไปสอบ IELTS มา หลังจากนั้นพี่ Hands On ก็ดูแล้วว่าคะแนน IELTS เราได้เท่าไหร่ ยื่นสมัคร แล้วก็ช่วยตรวจเรื่อง statement ครับ คือสมัครเรียน ป.ตรี เรามีเขียนเข้าไปใน UCAS เป็นระบบการเลือกมหาวิทยาลัยของอังกฤษเนอะ เค้าก็จะให้เราเขียน ๆ ลงไป ทางพี่ Hands On ก็จะช่วย log in ช่วยสมัครเป็น account ของเราเลย ให้เราเป็นเด็กที่อยู่ในระบบคัดเลือกมหาวิทยาลัยของที่อังกฤษ ช่วยดูทุกอย่าง
พอหลังจากที่ได้ process ทุกอย่างหมดแล้ว พี่ Hands On ก็จะนัดมาอีกทีนึง อันนี้คือพร้อมไปแล้ว ก็มี Pre-departure แนะนำให้เป็นเอกสารมาเลยว่าต้องเอาอะไรไป ซักผ้ายังไง โห อธิบายยันซักผ้า เปิดธนาคาร ฯลฯ ผมพร้อมมากเลย จดทุกอย่าง ตื่นเต้น ไม่เคยไปเรียนต่างประเทศ (ยิ้ม) จินตนาการว่าเราไปอยู่ตรงนั้นเราต้องทำอะไรบ้าง
สนใจเรียนต่อ University of Exeter ปรึกษาพี่ ๆ Hands On ฟรี
รีวิว BSc Exercise and Sport Sciences
Boom: คือคอร์สนี้ผมได้เรียนรู้อะไรเยอะมากครับ อย่างการเรียน sport มันไม่ใช่แค่ว่าจะออกกำลังกายยังไงให้มันได้สุขภาพที่ดี มันรวมถึงการที่เราต้องกินยังไง ระบบร่างกายเราต้องเป็นแบบไหน เราได้เรียนถึงขั้น anatomy ไปด้วย เหมือนกึ่งแพทย์แต่ก็ไม่เชิงแพทย์ เหมือนได้เรียนสรีระของร่างกาย การใช้ร่างกายให้เหมาะกับกีฬา ทำยังไงให้ดึงศักยภาพของนักกีฬาออกมาให้ได้มากที่สุด เราได้เรียนแบบเจาะลึกไปทางวิทยาศาสตร์ด้วย เวลาเราเรียน เราไม่ได้เรียนแค่แบบว่าเล่นบอลยังไง เราเรียนว่า สมมุติว่าเราตีกอล์ฟ ต้ององศาเท่าไหร่ถึงจะทำให้นักกอล์ฟตีได้ไกลมากที่สุด เหมือนเก็บรายละเอียดของนักกีฬา วิ่งยังไงไม่ให้นักกีฬาเจ็บ มันจะเจาะไปถึง posture ของนักกีฬา ทำยังไงไม่ให้เจ็บหรือเจ็บน้อยที่สุด ที่ผมเรียนก็มีแบบ sport design นะครับ sport wearing design เรียกว่าการออกแบบรองเท้ากีฬา ตัวอย่างเช่น วิ่งยังไงไม่ให้เจ็บส้นเท้า ไม่ให้ข้อเท้าพลิก คือคอร์สมันเจาะไปถึงด้านวิทยาศาสตร์และร่างกายเรามากกว่า
รวมถึงเรียน psychology ที่เป็นแบบจิตวิทยาด้วย ว่าพอเวลาที่เราจะซัพพอร์ตนักกีฬาเนี่ย เราต้องใช้คำพูดยังไง ต้องฝึกยังไง รวมไปถึงการใช้ eye contact ว่าต้องให้นักกีฬาโฟกัสจุดไหน เพื่อไม่ให้นักกีฬาเครียดหรือกดดันเกินไป ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่เคยรู้เลยครับว่าเรื่องพวกนี้เราจะได้เรียนด้วย
คือบางอย่างที่ผมคิดว่าได้เรียน เราก็ได้เรียน บางอย่างที่เราคิดว่าจะมี มันก็ไม่มี ต้องบอกก่อนว่าทางอังกฤษเค้าจะไม่นับเกรดตอนปีหนึ่ง ตอนปีหนึ่งเหมือนเรียนให้ผ่านเพื่อที่จะขึ้นปีสอง แล้วเราค่อยไปเลือกวิชาที่เราชอบเอง แล้วปีหนึ่งคิดว่าเป็นอะไรที่ค่อนข้างจะชิล แต่จริง ๆ แล้วไม่เลย คือเราต้องเรียนหมด อะไรที่เราไม่ชอบก็ต้องเรียน
ยกตัวอย่างวิชาเรียนในชั้นปีที่ 1
Boom: ผมชอบวิชา Human Anatomy and Kinanthropometry ครับ ที่นี่ดีอย่างนึงแล้วก็เซอร์ไพร์สผมมากคือปีหนึ่งได้เข้าแล็ปแล้ว ปีหนึ่งผมได้เรียนวิธีการเจาะเลือด วัดค่า lab test ว่าคนนี้มีน้ำตาลในเลือดยังไง อยู่ในเกณฑ์ไหน วัดก๊าซออกซิเจน บางทีเอาผมไปปั่นจักรยานเองเลย แล้วก็มาเก็บข้อมูล หายใจเข้า หายใจออก แลกเปลี่ยนยังไง ซึ่งเป็นอะไรที่ผมว้าวมาก
อุปกรณ์ที่มหาวิทยาลัยจัดไว้ให้เราใช้คือ 3 คนเครื่องนึงครับ เค้าจัดดีมาก แล็ปนึงเค้าให้คนน้อย ดูแลทั่วถึง ถ้าคุณไม่เข้าใจตรงนี้ เราอธิบายได้นะ ถ้ามีคำถามอะไร ถามได้เลยตรง ๆ ไม่ต้องอาย ไม่ต้องกลัว แล้วอุปกรณ์เค้าค่อนข้างที่จะแพงมาก ทันสมัยมาก ผมก็ว้าวมาก
คลาสนี้อาจารย์ให้ผมไปนอนตรงพื้น แล้วให้เพื่อนมามาร์คว่าตรงนี้กระดูกอะไร อะไรประมาณนี้ครับ วิชานี้มันสำคัญว่าส่วนไหนเรียกว่าอะไร คำศัพท์พวกนั้นที่เราเรียนในวิชา anatomy จะได้เอามาใช้กับพวกวิชาอื่น ๆ พอเราพูดอันนี้ ก็รู้เลยว่ากระดูกส่วนไหน
แต่วิชาที่ไม่ชอบก็จะเป็นพวก Nutrition and Metabolism ที่ไม่ค่อยได้ทำอะไรมาก นั่งฟังอาจารย์บ่นไป (หัวเราะ) คือจริง ๆ ผมชอบเรียนเคมีนะ แต่พอมาเป็น nutrition ที่เป็นสารอาหาร ผมไม่โอเคเลย แต่ถามว่ามันดีมั้ย มันดีนะ เพราะมันไม่ได้เรียนว่าสารอาหารนี้กินไปแล้วมันได้อะไร แต่คือเรียนว่ากินแล้วร่างกายเอาไปใช้ยังไง ระบบร่างกายเราเปลี่ยนพลังงานตรงไหนเป็นยังไง แล้วมันปวดหัวผม แต่ก็ต้องพยายามทำให้มันผ่าน ปีหนึ่งมันก็ผ่านมาได้ด้วยดีนะ
มีวิชา Introduction to Statistics ซึ่งเป็นอะไรที่ผมทำดีมากเลยนะ เพราะไปเช็คเกรดมา สอบเต็ม 100 ผมได้ 80 มั้ง แต่ว่าปีหนึ่งมันไม่นับเกรดอ่ะ เสียดาย (ยิ้ม)
สนใจเรียนต่อ University of Exeter ปรึกษาพี่ ๆ Hands On ฟรี
ปีสองเป็นยังไงบ้าง
Boom: ปีสองก็สนุกดีครับ พอขึ้นปีสองก็ได้เลือกวิชาที่ชอบ ก็เลยมาเรียนเกี่ยวกับ Biomechanics and Kinesiology ซึ่งเป็นเกี่ยวกับการที่ผมเคยอธิบายไปแล้วว่า ถ้าเราจะเสิร์ฟเทนนิส เราจะเสิร์ฟยังไงให้ได้ไกลและแม่น ก็ต้องเก็บวิดีโอ มาวัดค่า ช่วงแขนเป็นยังไง
เหมือนพอเราเริ่มปรับตัวได้ เราเริ่มกล้าใช้ภาษามากขึ้นแล้ว เรากล้าคุย เรากล้า hang out เรากล้าผิดพลาด แบบว่าเราใช้ไม่ได้ใช้ไม่เป็น เราก็พยายามอธิบายเค้า ก็มี hang out บ้างกับเพื่อนนิดหน่อย เรื่องเรียนบางทีก็สอนฝรั่ง (หัวเราะ) มีสอนฝรั่งเรื่องคำนวณครับ ใช้ Excel อะไรแบบนี้ คือบางทีเค้าให้เขียน lab report ก็คือไปแล็ปแล้วเอาข้อมูลมาคำนวณ ผมก็นั่งคำนวณเสร็จปุ๊บใน Excel เพื่อนมันยังไม่ไปถึง cell ไหนเลย แบบผมทำหมดแล้วทุก data มี 6 เซ็ต ผมทำเสร็จหมดแล้ว ผมก็เลยสอนเพื่อนว่าอันนี้ทำแบบนี้นะ ค่อย ๆ สอนไป ทำอะไรไป เค้าก็ช่วยกัน แชร์กัน เป็น group study กันประมาณ 2-3 คน
บรรยากาศในชั้นเรียนของเรา
Boom: คอร์สนี้คนเรียนเยอะมากเลยครับ หลักร้อย แต่ผมไม่ทราบจำนวนว่ากี่ร้อย แต่ส่วนใหญ่จะเป็นฝรั่ง
บรรยากาศในห้องเรียนก็มีทั้ง lecture สัมมนา เข้าแล็ป มีไปทำอะไรหลาย ๆ อย่าง อย่างปั่นจักรยาน บางวิชาก็ให้ไปวิ่งบนลู่วิ่งแล้วดูว่าแรงเหยียบเท่าไหร่ มันมีหมดเลยครับ หรือให้เราไปวิ่งเองแล้วเค้าก็จะอัดคลิปไว้ หรือบางอันก็จะมีตอนที่เราวิ่ง แล้วเค้าจะดูว่าเท้าเราใช้ส่วนไหนแตะพื้น ซึ่งมันไปไกลกว่าที่ผมคิดอ่ะ ผมคิดว่าแรงเท่าไหร่ แต่มันกลายเป็นว่าวิ่งแบบนี้มันอาจจะกลายเป็นการเสี่ยงต่อการเจ็บข้อเท้า ต้องวิ่งลงยังไง ต่างกันยังไงระหว่างใส่รองเท้าวิ่งกับไม่ใส่รองเท้าวิ่ง รองเท้าแบบไหนดีกับนักวิ่งอะไรแบบนี้ครับ
คือส่วนใหญ่ก็จะเป็น discussion ว่าแบบไหนดีกว่ากัน ให้มาคุยกัน มันก็ไม่ใช่แค่สอนแบบ straight forward อย่างเดียว แล้วก็ให้คิดแบบนักวิทยาศาสตร์มากกว่าครับ เอา data มาแชร์กัน ไม่ใช่แค่ถอดรองเท้าวิ่งไม่ดีเพราะอะไร เราต้องลงไปถึงว่าเราใช้ส่วนไหนของเท้า แล้วศัพท์ที่เรียนก็ค่อนข้างยากหน่อย เพราะมันต้องใช้ชื่อกล้ามเนื้อที่เป็นภาษาอังกฤษเลย ไม่ใช่แค่ toe, heel นะ
คอร์สนี้ภาคปฏิบัติก็เยอะพอสมควร แล้ว assignment เราเป็นยังไงบ้าง มีสอบ มีพรีเซนต์หรืองานอื่น ๆ บ้างไหมคะ?
Boom: ที่ผมเจอปีหนึ่งกับปีสองก็จะมีแค่ส่งงานครับ assignment ก็จะเป็นแค่ lab report เค้าจะมาดูว่าเราเขียนถูกต้องตามเกณฑ์เค้ามั้ย เพราะว่า lab report จะดูตรงที่ว่าการเขียนของเรา คนอ่านเข้าใจมั้ย คำนวณถูกต้องหรือเปล่า แล้วส่วนใหญ่มันจะเป็นสอบ เหมือนเค้าไม่ค่อยได้ให้ส่งงาน ไม่ค่อยให้มีงานกลุ่ม คณะผมก็จะมี assignment กับสอบประมาณนี้ครับ สอบก็จะเป็นตั้งแต่ week 1 ยัน week 10 ไปเลย มีสอบ Mid-term เป็นสอบออนไลน์ ข้อเขียนก็มีครับ ข้อกาก็บางทีก็จะมีในเวปไซต์ของที่นี่เลย ของที่ Exeter เค้าจะเรียกว่า Exeter Learning Environment (ELE) ก็จะมีให้สอบเลยในนั้น หรือไม่ก็ดาวน์โหลดชีทแยก แล้วก็เขียนคำตอบในอีกชีทนึง แล้วเปลี่ยนเป็น pdf ไปส่งอีกอันนึง ก็ไม่ค่อยยาก แต่ก็อย่างที่บอกว่าคอร์สเรียนที่ INTO เค้าสอนมาแล้วว่าเวลาจะส่งงานต้องทำยังไง ซึ่งผมได้เปรียบกว่านักเรียนที่เป็นปีหนึ่งตรงที่เรารู้วิธีการส่งงานของมหาวิทยาลัยนี้อยู่แล้ว เราก็ไม่ต้องไปถามเค้ามากมาย
บางทีก็มีให้ส่งงาน งานน้อยแต่เป็นอะไรที่สาหัสครับ คือผมพูดกับหลาย ๆ คนว่าต้องส่งงานเขียน 1,500 คำ ทุกคนก็จะบอกว่าคณะเราตั้ง 3,000 คำ แต่ของผมคือมันยากที่จะเขียนยังไงให้มันอยู่แค่ภายใน 1,500 คำ แล้วมันเป็นวิทยาศาสตร์ บางทีข้อมูลมันไม่ได้เคลียร์ขนาดนั้น เราก็ต้องมาเขียนยังไงว่าอันนี้ไม่เคลียร์นะเพราะอะไร แล้วภายใน 1,500 คำ เราต้องเขียนทั้ง introduction, method, result discussion, conclusion อะไรแบบนี้ คือภายใน 1,500 มันเป็นอะไรที่ยากมาก
อาจารย์ละคะ เป็นยังไงบ้าง?
Boom: อาจารย์ดีมากครับ จบถึงขั้น Doctor เลย บางทีมีงานเขียน เค้าก็จะมี drop-in session สำหรับนักเรียน สมมุติว่าให้เขียนงาน ๆ นึง เราไม่รู้ว่าจะเขียนไปในทิศทางไหน หรือว่าข้อมูลเราถูกหรือเปล่า หรือว่าเรามีคำถามอะไร เค้าจะมี drop-in session ที่ไม่ได้อยู่ในตารางเรียนเรา ให้ไปถามส่วนตัวก็ได้ มีเป็นกรุ๊ปนักเรียนไปก็ได้ เค้าซัพพอร์ตทั้งหมดเลยครับ
บางทีในเวปก็จะมี blog ที่เค้าให้โพสคำถามที่เราไม่เข้าใจ แล้วอาจารย์ก็จะมาตอบ เค้าทำงานกันเป็นทีม บางทีก็สลับกันมาสอน แต่ดีตรงนึงที่ video content มันจะอยู่ในเวปไซต์ ELE หมดเลย ถ้าเราขาดเรียนคาบไหน เราก็กลับไปดูได้ แต่ไม่ใช่ว่าคุณจะไม่เข้าเรียนเลยนะ เพราะว่าในคลาสบางทีเราก็จะได้ความรู้เพิ่มเติมไปด้วย เผื่อบางทีเค้ามาเน้นว่าบางทีตรงนี้อาจจะออกสอบ อันนี้มันสำคัญ อะไรอย่างนี้ครับ
แล้วก็ดีอย่างนึงอย่างคลาสปีที่แล้ว เค้า recruit คนจีนที่มาเรียนป.โท ให้คนจีนมาเป็นคนช่วยสอน มาเป็นคนช่วยคุมด้วย ก็ได้เห็นอาจารย์หลากหลายเชื้อชาติไปด้วย ไม่ได้มีแค่คนอังกฤษนะ อย่างน้อยเค้าก็รับคนที่อยากมาทำ intern มาลองเป็น TA ก็ดีครับ ได้เปิดโอกาสด้วย
รีวิว University of Exeter
Boom: ชอบ จัดเต็มเรื่อง sport มากครับ ต้องพูดตรง ๆ ว่าคณะผมเป็น Sport science อยู่แล้ว ผมเดินมาใน St. Luke เนี่ย แต่งตัวเหมือนกันทุกคน พร้อมไปออกกำลังกายต่อทุกคน ต้องอยู่ใน sport club สักที่นึง มหาวิทยาลัยค่อนข้างเข้มข้นเรื่องกีฬาครับ คือแบบทีมฟุตบอลไม่ได้มีแค่ทีมเดียว มียัน 7-8 ทีม แล้วในทีมนึงมี 50-60 คน มันค่อนข้างแข่งขันกันสูงครับ แต่มันก็ดีนะ แคมปัสที่ผมเรียนก็ค่อนข้างเงียบ เหมาะกับการเรียน
ส่วนแคมปัสหลักก็เป็นศูนย์รวมของหลาย ๆ อย่าง sport park ก็อยู่ตรงนั้น มียิมมีอะไรด้วย ผมชอบ
แต่มีอย่างนึงที่ตอนแรกผมไม่ชอบแต่ตอนนี้ชอบก็คือขึ้นเขา เดินขึ้นเขาสูงมาก ตอนแรกที่ผมมาอังกฤษคือเดินขาสั่น ผมโทรกลับไปหาแม่ว่า “แม่ ผมขาสั่นอ่ะ ทำยังไงดี” (หัวเราะ) ส่วนใหญ่คนที่นี่ถ้าไม่เดินเองก็ใช้ public transportation แต่ก็ดีกว่าที่ไทย เพราะทางเท้ามันมีให้เราเดินได้อย่างปลอดภัย ทางม้าลายพอเราจะข้าม รถก็จอดให้เลย ไปมหาวิทยาลัยบางทีเรารีบ ๆ เค้าเห็นเราก็จอดมาแต่ไกลเลย ไม่ต้องห่วงครับ อยู่ที่นี่ปลอดภัยอยู่แล้ว
สนใจเรียนต่อ University of Exeter ปรึกษาพี่ ๆ Hands On ฟรี
ซัพพอร์ตของมหาวิทยาลัยด้านอื่น ๆ ?
Boom: มีครับ อย่างเรื่อง mental health ก็มี แต่ผมไม่ค่อยได้อีเมลหรืออะไรเข้าไป แต่เค้ามีซัพพอร์ตด้านนี้อยู่แล้ว บางที home sick หรือติดขัดเรื่องอะไรก็อีเมลไปถามได้ เค้าก็จะมีทีมเฉพาะทางของเค้าเลยครับ ไม่ใช่ใครก็ได้มาทำ เค้าเอาคนเฉพาะทางให้มาคุย มาปรึกษา
แล้วใน forum ที่อยู่ในแคมปัสหลักก็จะมี career zone ปรึกษาได้ว่าทำงานเราต้องทำยังไง resume เขียนยังไง เค้าก็จะช่วยตรวจด้วย
ที่นี่ผมเคยเห็นเพื่อนผมใช้เวลาก่อนจะส่ง essay อ่ะ เค้าก็จะมีส่งไปให้คนอ่าน ไม่ใช่ให้เวปอ่านนะครับ คือส่งไปให้คนอื่นผ่านเวปไซต์ ELE นั่นแหล่ะ ให้คนจริง ๆ เช็คให้เลย แล้วก็ให้ feedback หลังจากนั้น 24 ชม. ฟรีด้วยครับเป็นของทางมหาวิทยาลัย
อยู่ที่นี่ก็มี society ให้ลองเยอะแยะเลยครับ อย่างช่วงปีแรกก็จะมี fresher week ให้เป็นอาทิตย์นึงเต็ม ๆ เลยที่ทุก society มาขายของตัวเองเลยว่ามาเข้าฉันสิ มวยไทยก็มีมาเตะให้ดู ตรงหน้า forum เลยครับ ฟุตบอลก็มีให้ trial ลองไปคัดตัวเข้าทีมมหาวิทยาลัย มีหมดครับเกือบทุกกีฬา เพื่อนผมที่เป็นคนอังกฤษก็ชวนผมไปเล่นรักบี้อยู่ ที่ Exeter รักบี้ถ้าพูดเปรียบเทียบกับฟุตบอลก็คืออยู่ใน Premium league ของฟุตบอลเลย ที่ Exeter ติดท็อป ๆ ของรักบี้เลย ผมเคยผ่านสนามรักบี้เค้า สนามเค้าค่อนข้างที่จะหรูเลยนะ จริงจัง ใหญ่
ชมรมไม่ได้มีแค่สาย sport นะ อย่างถ้าผมสนใจวัฒนธรรมของประเทศนี้ ถ้าเค้ามีก็จะอยู่ในนั้นด้วย อย่างเช่นก็มี Japanese society ล่าสุดผ่านมาวันฮาโลวีน ก็ประกวดแต่งตัวกัน จัดเต็มมาก แต่งตัว cosplay เป็นโน่นเป็นนี่เป็นนั่น สนุกครับ เป็นอะไรที่เปิดโอกาสให้เราโชว์สิ่งที่เราชอบกับคนที่มีความสนใจเดียวกัน ที่นี่ดีอย่างนึงตรงที่เวลาเราทำอะไรที่ค่อนข้างเป็นตัวเอง เค้าก็เปิดกว้าง เปิดโอกาสให้เรา ไม่มีใครมองแรง เพราะว่าคนที่นี่ก็แรงเหมือนกัน เวลาไปปาร์ตี้เค้าก็แรงสุดกว่าเราบางที (หัวเราะ) บางทีผมเคยแต่งตัวงานปาร์ตี้ของไทย เค้าให้แต่งตัวเป็นตีม 90’s แล้วทีนี้ผมคิดไม่ออกแล้วอยากเอาฮาไปเลย ผมก็เลยแต่งตัวเป็นมาริโอ้ เดินรอบเมือง เค้าทักกันหมดเลยว่า มาริโอ้ ๆ เค้าเห็นเราก็ทักทาย มันก็สนุกไปอีกแบบนึง ถ้าเป็นบ้านเราก็คงโดนมองว่าไอ้นี่แต่งตัวอะไรวะ ที่นี่เดินทักกันทั้งเมือง บางทีคนแก่ ๆ เดินมาบอกว่าฉันชอบลุยจิมากกว่า (หัวเราะ)
โอกาสในการหางาน
Boom: มหาวิทยาลัยเค้าก็จะส่ง internship placement year มาให้ตลอด ว่าเราสนใจไปทำอันนี้มั้ยช่วงซัมเมอร์ เค้าไม่ปล่อยให้เด็กเรียนอย่างเดียว ให้โอกาสทำงานด้วย ให้โอกาสหาในสิ่งที่เราตั้งใจด้วย ซึ่งผมก็ได้อีเมลไปแคมป์ที่อเมริกาเป็น general counsellor เหมือนไปคุมเด็กออกกำลังกาย เพราะผมชอบทำงานกับเด็กอยู่แล้ว ชอบเด็กร่าเริง ไปทำกิจกรรมด้วยกัน ซึ่งมันดีตรงที่เหมือนผมได้สัมภาษณ์แล้วเค้าบอกว่า คุณหน่ะเป็นโค้ชฟุตบอลไม่ได้ เพราะถ้าคุณจะเป็นโค้ชฟุตบอลจะต้องมี license นะ แต่เรา offer ให้คุณอีกอย่างนึงคือ general counsellor คุมเด็กไปออกกำลังกาย ถ้าเด็กต้องขี่ม้า คุณก็ต้องขึ้นไปขี่ม้าด้วย แบบไปคุมเด็กทำทุกกิจกรรมกับเด็ก ๆ ซึ่งผมชอบแบบนั้นมากกว่า เพราะผมเป็นคนเล่นหลายกีฬา ถ้าให้อยู่กับฟุตบอลอย่างเดียวก็เบื่อ เพราะชอบทำอะไรหลาย ๆ อย่าง ได้เรียนรู้
หรือบางทีจะมี extra year ที่ให้ไปเรียนต่างประเทศอีก ถ้าเราสนใจก็สมัครได้ จากที่ผมเรียน 3 ปี ก็อาจจะเพิ่มมาอีกปีนึงไปเรียนต่างประเทศ หรือ placement year ก็ทำงานไปเลยเหมือนปีฝึกงาน แต่ถ้าใครไม่สนใจก็ 3 ปีจบ
พูดถึง Thai society บ้าง
Boom: ขอโปรโมทหน่อยครับ ก็ดีครับ คนเยอะ ปีนี้น่าจะ 160 กว่าคนเลยแหล่ะ เพื่อนผมเป็นประธานอยู่ เค้าก็จะมีจัดปาร์ตี้มาเรื่อย ๆ มีงาน Thai meeting จัดกีฬาซ้อม ฯลฯ ผมซึ่งเคยทำ Sport representative ก็มาช่วยปีนี้บ้าง มาดูกีฬาบ้าง ตอนนี้ก็มีซ้อมบาสอยู่ ทีม committee ปีนี้ก็ดีเหมือนกัน มีกิจกรรมออกแบบเสื้อกีฬา สนุก
เมือง Exeter ประเทศอังกฤษ
Boom: ที่นี่เดินเยอะครับ สำหรับคนอื่นอาจจะมองว่าเป็นข้อเสีย แต่ผมชอบนะ พอเราเดินขึ้นเขาเสร็จปุ๊บ เวลาเราได้มองลงมาแล้วได้เห็นวิวทั้งเมืองมันก็โอเคนะพี่ เหมือน sport park ของ Exeter มันต้องขึ้นสูงที่สุดเลย จะเดินไปเตะบอลแล้วพอหันมองลงมาก็เห็นหอพัก เห็นเมือง มีทะเลแต่ไม่รู้มันอยู่ตรงไหนแต่มันเห็น (หัวเราะ)
เมืองก็ดีนะ ไม่ได้เงียบขนาดที่จะตกเย็นมาไม่มีอะไรทำแล้ว มันก็มี night out บ้างก็มี มีผับ บาร์ ถ้ามี society เค้าก็จะไปจัด clubbing ซึ่งที่นี่ดีตรงที่ society เค้าพยายามที่จะจัด social meeting ทุกสัปดาห์ บางทีวันนี้เราซ้อมเสร็จ ตกเย็นเราไปนั่งดื่ม นั่งคุยแลกเปลี่ยนกัน ช่วงคริสมาสต์เค้าก็จะจริงจังกันหน่อย มี Christmas dinner แต่งตัวใส่สูทผูกไทด์ ที่นี่จะจริงจังมาก เนคไทด์เค้าจะเป็นตรามหาวิทยาลัย แล้วจะปักเป็นตัวย่อ initial ของใครของมัน อย่างของมวยไทยก็เป็น EUMT ผมชอบ ๆ
บางคนก็บอกว่า Exeter เมืองเล็ก ไม่ค่อยมีอะไรเลย
Boom: ต้องลองอยู่แบบผม ต้องอย่าอยู่นิ่ง ๆ (หัวเราะ) ผมไม่เคยว่างเลยครับ กิจกรรมผมเยอะ ผมทั้งซ้อมบอลให้ทีม local ที่นี่ด้วย ซ้อมบาส ต่อยมวย มีทำงาน part-time แล้วก็อ่านหนังสืออะไรอย่างนี้ ถ้าเรากิจกรรมเยอะ ๆ มันก็จะสนุกอีกแบบนึง บางทีเค้าจะมีทริปนั่งรถไฟไปเมืองใกล้ ๆ ไปดูทะเล ไปเล่นวอลเล่ย์ชายหาด อะไรขำ ๆ สนุก ๆ ก็มี
เล่าเรื่องงาน Part-time หน่อยค่ะ
Boom: ที่นี่งานพาร์ทไทม์ร้านอาหารไทยก็มีเยอะครับ เรื่องงานพาร์ทไทม์ไม่จำเป็นต้องร้านอาหารไทยก็ได้ แต่ส่วนใหญ่ร้านอาหารไทยก็คนไทยกันเองเนอะ ซึ่งผมทำอยู่ 2 ร้านตอนนี้ ผมทำร้านละวัน สองวัน
ร้านแรกก็เป็นร้านก๋วยเตี๋ยว ร้านก็น่ารัก บรรยากาศก็น่ารัก เป็นกันเอง ลูกค้าก็น่ารัก ส่วนอีกร้านนึงผมไปทำในครัว ก็ได้เจอคนบ้านเดียวกันด้วย เค้าทำกับข้าวให้กิน แค่นี้เราก็โอเคครับ ทำงานเพราะอยากกินข้าวแบบไทยจริง ๆ แหล่ะ (ยิ้ม) ร้านอาหารไทยที่นี่ต้องบอกก่อนว่ารสชาติจะไม่เหมือนอาหารไทยบ้านเราเป๊ะ ๆ เค้าอาจจะปรับสูตรนิดหน่อยให้คนอังกฤษทานได้ คนต่างชาติทานได้ แต่ถ้าเราทำงานในครัว เชฟเค้าก็จะทำอาหารของเค้าเอง บางทีทำอาหารถูกปากกินได้ก็คุ้มแล้วครับ บางทีทำงานเสร็จก็นั่งดูไวน์คุยกัน เหมือนมีบ้านหลังที่สอง ไม่เบื่อดีนะครับ เราไม่ได้เจอแค่คนรุ่นเดียวกัน เราได้เจอคนที่แก่กว่า คนที่เค้ามีประสบการณ์ทำงานที่นี่มาหลายปี เราก็ต้องเคารพเค้า ถึงแม้ว่าเค้าไม่ได้มาเรียนแต่ว่าเค้าก็ทำเพื่อบ้านเค้า เราก็ฟังในมุมของเค้า มีอะไรก็ช่วย ๆ กัน ก็เหมือนบ้านอ่ะครับ เพราะผมไม่ได้กลับไทยเลย เหมือนมีพี่ ๆ มีอะไรเราก็ไปหานะ สนุกครับอยู่ที่นี่
ฝากอะไรถึงน้อง ๆ ที่เค้าสนใจจะมาเรียนต่อแบบเรา
Boom: ก็ถ้าใครสนใจก็ไม่ต้องกลัวที่จะปรึกษาพี่ ๆ Hands On นะ เค้าใจดี บอกทุกขั้นตอน เราไม่เข้าใจอะไรตรงไหนก็ทักไปถามได้ อย่ากลัวที่จะถามครับ เพราะว่าถ้าเราไม่ถามเราก็ไม่รู้ ถ้าเราทำผิดขึ้นมา มันจะเป็นเรื่องใหญ่กว่าที่ไปถาม ก็ถามไปเลย เรื่องเตรียมตัวก็ไม่ยากครับ เตรียมตัวสอบ IELTS เตรียมตัวดูว่าเราจะเรียนอะไร มหาวิทยาลัยเป็นแบบไหน พอมาถึงก็พยายามหากิจกรรมทำดีกว่า อย่าอยู่แต่ที่ที่เป็น safe zone ของเรา เราลองออกจากกรอบบ้าง ไปหาเพื่อนใหม่บ้าง ไป hang out บ้าง บางทีเราอาจจะเจอคนที่ชอบเหมือนเรา ถ้าไม่ชอบเหมือนเราก็เป็นแค่บทเรียนไปว่าคนนี้เราไม่ควรไปยุ่งนะ เพราะถ้าเราเจอก็เหมือนเป็นภูมิคุ้มกันให้ตัวเองด้วยครับ ว่าคนแบบไหนเราควรไปยุ่งด้วย คนแบบไหนไม่ควรไปยุ่งด้วย เพราะว่ามาเรียนอังกฤษทั้งที เราไม่ได้มาเรียนแค่เอาความรู้อย่างเดียว เรามาเรียนรู้การใช้ชีวิตด้วย มาหางานพาร์ทไทม์ด้วย มาเจอคนที่เค้ามาอยู่ก่อนด้วย บางทีเรารู้จักกัน เวลามีปัญหาจะได้ช่วยเหลือกัน
อีกอย่างหนึ่งคือสำหรับน้อง ๆ ที่อยากมาเรียนก็ให้ดูสิ่งที่เราสนใจจริง ๆ เพราะว่าต้องบอกก่อนว่าค่าเทอมที่นี่แพง ต้องดูความสนใจที่เราชอบจริง ๆ แล้วเราจะได้ไม่เสียดาย เราจะคุ้มกับทุกบาทที่เสียไป อย่างผมชอบก็มาเลย จะนอนดึกตื่นเช้า แต่ขอให้เป็นสิ่งที่เราชอบ เราผ่านไปได้ก็สนุกไปอีกแบบ เราทำสิ่งที่เราชอบ ต่อให้มันจะใช้พลังงานมากเท่าไหร่ เราก็ไม่รู้สึกเหนื่อยครับ อย่างบางทีผมทำงานเสร็จ ตื่นขึ้นมาเพื่อนชวนไปเตะบอลเราก็ไปแล้ว เพราะเราชอบฟุตบอล เพื่อนชวนไปซ้อมเราก็ไป มวยก็ไป ถ้าเรามาจริง ๆ นะ อย่าอยู่แต่ใน safe zone นี่คือคำแนะนำของคนที่กิจกรรมเยอะนะ (ยิ้ม)