รีวิวหลักสูตรใหม่ จากมหาวิทยาลัยระดับโลก The University of Edinburgh

แนะนำตัวให้เรารู้จักหน่อยค่ะ

 ตาณ:   ได้ค่ะ ก็ชื่อจริงชื่อ น.ส.นันท์ชญาน์   ชมภูทีป นะคะ ชื่อเล่นชื่อตาณค่ะ ตอนนี้ก็กำลังเรียนปริญญาโทอยู่สาขา Entrepreneurship & Innovation ค่ะ ตอนนี้ก็ใกล้จะจบแล้วค่ะ

Why this course

ตาณ:    ก็มันมีความคิดว่า เหมือนในอนาคตเราก็อยากจะมีธุรกิจเป็นของตัวเองค่ะ เราก็รู้สึกว่า เออ ถ้าเกิดว่าได้เรียนพื้นฐานเรื่องธุรกิจเพิ่มขึ้นมาอีกนิดนึงมันก็ดีนะ ต่อยอดจากสิ่งที่เราเคยเรียนรู้มาก่อนค่ะ ก็เลยคิดว่าโปรแกรมนี้มันน่าสนใจนะ แล้วก็เป็นโปรแกรมใหม่ด้วยค่ะ ก็เลยแบบน่าลอง คือประมาณว่าตัวโปรแกรมที่เรียนอยู่เนี่ยค่ะเป็นปีแรกของมหาลัยนี้เลยค่ะ เราก็แบบ โอ้ มันก็ดูสดใหม่ดีนะ แล้วก็ดูน่าสนใจค่ะ

ทำไมถึงต้องเป็นมหาวิทยาลัยนี้คะ

ตาณ:    ก็ตอนแรกก็คือดูๆ ไว้หลายมหาวิทยาลัยน่ะค่ะ มีมหาลัยนี้เป็นตัวเลือกหลัก เพราะเราเคยมาเที่ยวเมืองนี้ แล้วเราก็ชอบด้วยค่ะ คือชอบตัวบรรยากาศเมืองแล้วก็ชอบหลายๆ อย่างน่ะค่ะ เปิดเข้าไปดูในเว็บ เราดูข้อมูลแล้วเราก็ เออ ดูน่าสนใจนะแบบข้อมูลดูคอร์สเรียน ก็คือแต่ละอย่างก็ดูน่าสนใจไปหมดค่ะ ดูน่าเรียน ดูแบบแปลกใหม่สำหรับเรา ดูบรรยากาศห้องเรียนที่เค้าโพสในเว็บเราก็แบบ เอ๊ย ชอบ เราก็แบบมีตัวเลือกนี้ก็เป็นหนึ่งในตัวเลือกหลักของเราค่ะ แล้วก็ได้สมใจ

Preparation

ใช้ระยะเวลาในการเตรียมตัวเพื่อเรียนต่อนานมั้ยคะ

ตาณ:    ประมาณเกือบๆ จะ 1 ปีน่ะค่ะ ประมาณซัก 8-9 เดือนน่ะค่ะ ตรงนี้ก็จะรวมทั้งสอบ มีสอบ IELTS ด้วย ติวภาษาด้วย แล้วก็มีเขียน ประมาณว่าเขียน Statement of Purpose แล้วก็เตรียมยื่นเอกสารเข้ามหาลัยต่างๆ น่ะค่ะ นอกจากนี้มันก็จะมีเรื่องเหมือนขอจดหมาย reference จากอาจารย์บ้าง เตรียมหาที่อยู่บ้าง ก็จะมีเรื่องเล็กๆ น้อยๆ มาเรื่อยๆ น่ะค่ะ ขอวีซ่าเอย อะไรพวกนี้

เรื่องภาษาอังกฤษล่ะคะ น้องตาณใช้ระยะเวลาในการเตรียมตัวมากน้อยแค่ไหนในระยะเวลาหนึ่งปีที่ผ่านมา

ตาณ:    ก็ตอนแรกก็คือเราลองไปสอบ IELTS ก่อนทั้งๆ ที่ตอนนั้นคือยังไม่มีแพลนด้วยซ้ำว่าจะมาเรียนต่อ คือเหมือนลองไปสอบก่อน เราอยากรู้ว่าข้อสอบมันจะเป็นยังไง ให้รู้ว่าคะแนนเป็นยังไง พอเราเห็นเราก็รู้ว่า เออ ส่วนไหนที่เราควรจะปรับปรุงควรจะแก้ เราก็ไปเรียนเพิ่ม แต่ของตาณก็เป็นส่วน writing กับ speaking ที่คะแนนตกลงมานิดนึงน่ะค่ะ ด้วยความที่เหมือนภาษาอังกฤษเราก็ไม่ได้ใช้ในเชิงวิชาการมานานมากแล้ว เราก็เหมือนแบบไปเรียนเพิ่มในส่วนนี้ค่ะ แล้วก็ไปสอบใหม่เพื่อให้ได้คะแนนมากขึ้น ก็…สอบไปประมาณ 2 ครั้งค่ะก็ถึงจะได้คะแนนที่โอเค

When in Edinburgh

หลังจากที่มาเรียนจริงๆ ล่ะคะ ใช่อย่างที่คิดไว้มั้ยคะ

ตาณ:    ก็โอเคนะคะ เอาจริงๆ คือเรารู้สึกว่ามันก็สนุกน่ะค่ะ ก็คือตอนแรกเราก็กลัวว่ามันจะเหนื่อยบ้างหรือว่ามันจะยากบ้าง แต่พอเรามาเจอจริงๆ เนี่ยมันก็รับได้น่ะค่ะ พอเราปรับตัวได้ทุกอย่างมันก็โอเค

การใช้ชีวิตนักเรียนไทยกับนักเรียนอังกฤษล่ะคะ แตกต่างกันมากมั้ยคะ

ตาณ:    ก็ถือว่าแตกต่างนะคะ แตกต่างในหลายส่วนเหมือนกัน เช่น ถ้าเป็นเรื่องการเรียนก็คือเราตัวคนเดียว โอเคมีเพื่อนแต่ว่าเราอยู่คนเดียว แล้วก็เหมือนกับอาจารย์เค้าก็ไม่ได้แบบว่าตามติดเราขนาดนั้น ไม่ได้คอยจี้เราว่าเอ๊ยต้องส่งงาน คือ เค้าก็จะให้คำแนะนำแล้วเราก็ปล่อย เป็นการทำงานอย่างเดียวเลยไม่มีสอบ ก็คือเราก็จะต้อง manage ชีวิตตัวเองให้ดีว่างานนี้ทำตอนนี้ งานอีกงานทำตอนนึง แล้วก็ deadline มันก็จะมาเรื่อยๆ น่ะค่ะ ก็คือต้อง manage ชีวิตตัวเองให้ได้ตรงนี้ แล้วก็ นอกจากนี้มันก็จะมีเรื่องจัดสรรเวลาให้กับสิ่งอื่นๆ ด้วย เพราะว่าด้วยความที่เราอยู่ต่างประเทศแล้วเนี่ย มันก็จะมีกิจกรรมอื่นที่น่าสนใจไปหมด ไม่เหมือนตอนเมืองไทย ก็คืออย่างที่นี่ก็จะมีแบบไปเที่ยวบ้าง แบบเพื่อนชวนไปโน่นไปนี่บ้าง ออกไปเจอเพื่อนบ้าง ก็คือมันจะมีอะไรให้ทำเยอะมาก ก็คือนอกจากเรื่องเรียนแล้วตรงนี้มันก็จะต้องจัดสรรเวลาชีวิตด้วยค่ะ เรื่อง lifestyle ก็จะมีอันนี้ด้วยค่ะ

เล่าถึงเรื่องคอร์สเรียนของตัวเองให้ฟังนิดนึงค่ะว่าจริงๆ เนื้อหาหลักๆ มันคืออะไร

ตาณ:    ที่ Edinburgh เปิดสอนคอร์สนี้เป็นปีแรกเลย เป็นหนูทดลอง

*อ่านบทความรีวิวคอร์สเรียนแบบเจาะลึกจากน้องตาณ คลิก

ตาณ:                ได้ค่ะ ก็ตัว Entrepreneurship & Innovation ก็จะเป็นเหมือนเป็นหลักสูตรที่สำหรับใครก็ตามที่อยากจะมีธุรกิจเป็นของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็น start up หรือว่าใครอยากจะทำแบบเป็นธุรกิจเล็กๆ ของตัวเอง หรือแม้กระทั่งไปอยู่ในองค์กรที่แบบดูแลเรื่องนวัตกรรมต่างๆ องค์กรระดับโลกอย่างงี้ก็ได้นะค่ะ ก็คือมันจะเป็นหลักสูตรที่มุ่งเน้นในการให้เราเข้าใจแนวคิดของผู้ประกอบการน่ะค่ะว่าเค้าคิดยังไง แล้วก็มีความแตกต่างจากความคิดแบบอื่นๆ ประมาณว่าให้เรามองเห็นโลกในมุมที่กว้างขึ้น แล้วก็เข้าใจวิธีการมองหลายๆ รูปแบบของผู้ประกอบการมากขึ้น ก็จะทำให้เราเข้าใจว่า ก่อนที่เราจะมีธุรกิจเป็นของตัวเองเนี่ย เราจะต้องเตรียมตัวยังไงบ้างน่ะค่ะ ก็จะทำให้เราเตรียมพร้อมได้ดีขึ้นค่ะ

ชอบวิชาไหนมากที่สุดคะ

ตาณ:    ก็ถ้าเป็นวิชานะคะ ก็ถ้าโดยรวมเนี่ย มองย้อนกลับไปเราจะชอบเป็นวิชาที่ตอนนั้นเราไม่ชอบ  

เราจะรู้สึกชอบวิชาที่เค้าให้ทำงานกลุ่ม คือตอนเรียนเนี่ยรู้สึกไม่ชอบ อะไรเนี่ยงานกลุ่มอีกแล้ว เยอะกินเวลาเรามากๆ แต่พอเรามองย้อนกลับไปเนี่ย เราก็จะเห็นเลยว่าเราได้อะไรจากงานกลุ่มเยอะมาก ก็คือไม่ว่าจะเป็น skill การทำงานร่วมกับคนอื่น, skill การแบ่งเวลา, หรือว่าแบบการสื่อสาร, ได้เรียนรู้บุคลิกการทำงานของผู้คนหลายประเภทน่ะค่ะ ก็ช่วยเสริมสร้างประสบการณ์ชีวิตได้มากๆ เจอคนหลายประเภท

ช่วยเล่าถึงเพื่อนๆ ให้เราฟังหน่อยค่ะ

ตาณ:    ก็ในห้องตาณก็ โชคดีที่คลาสมันไม่ใหญ่มากค่ะ ประมาณ 34 คน ก็ถือว่าทั่วถึงเกือบทุกคนเลย ได้คุยกันทุกคนแล้วก็ค่อนข้างที่จะอบอุ่น สนิทกันทุกคนก็ว่าได้ บางทีก็ชวนไปเที่ยวกันแบบทั้งห้องเลย

ด้วยความที่เป็นคลาสเล็กๆ น่ะค่ะมันก็จะไม่วุ่นวายมาก เวลาอยู่ในห้องเรียนก็สามารถแบบพูดคุยได้ทั่วถึงหมดค่ะ ไม่รู้สึกเคว้งคว้างเกินไป

เม้าท์อาจารย์นิดนึง โหดมั้ย สไตล์การสอนเป็นยังไงบ้างคะ

ตาณ:    อาจารย์เค้าก็ใจดีค่ะ เค้าก็เหมือนคอยให้คำแนะนำเด็กๆ น่ะค่ะ เค้ายินดีที่จะพูดคุยตลอดเวลา คือในห้องเนี่ยเค้าก็จะแบบดีใจมากแบบตาลุกวาวเลยถ้าเกิดว่าใครเนี่ยถามคำถามเค้าหรือว่ากล้าที่จะโต้แย้งกับเค้าในห้อง ก็คือเค้าจะชอบเด็กที่แบบพูดคุยในห้อง ก็คือเราสามารถถามอะไรก็ได้ตลอด แม้กระทั่งนอกเวลาเนี่ยก็คือเค้าจะเปิดกว้างให้เด็กเข้าไปนัดเจอตัวต่อตัวก็ได้ ก็คือประมาณว่าอาจารย์ก็คือคอย support เราตลอดเวลา

Other activities

นอกจากในห้องเรียนมีกิจกรรมเพิ่มเติมอะไรมั้ยคะ

ตาณ:    ตัวคอร์สของตาณก็จะมีพาไปทัศนศึกษาด้วยค่ะ ก็จะเป็นทัศนศึกษาตามออฟฟิศของผู้ประกอบการในเมือง Edinburgh ด้วย แล้วก็มีเคยไปกรุงลอนดอนด้วย ก็จะไปดูเหมือนบรรยากาศการทำงานขององค์กรระดับโลกอย่าง Google กับ Amazon อย่างงี้ค่ะ ก็จะเป็นเข้าไปดูวิธีการทำงาน เข้าไปพูดคุยกับเค้า ฟังแนวคิด ฟังวิธีการทำงานของเค้าอะไรอย่างงี้ค่ะ ส่วนในตัว Edinburgh เราก็ได้ไปเหมือนเป็นองค์กรที่…เหมือนเป็นสถานที่ที่ผู้คนที่เค้าทำ start up เค้าไปเจอกัน ก็ทำให้เราได้มองเห็น ได้เห็นการทำงานใหม่ๆ แล้วก็ได้พบเจอผู้คนมากมาย ก็รู้สึกว่ามันน่าสนใจ

เอาจริงๆ คอร์สเรียนก็ค่อนข้างแน่นอยู่เหมือนกันนะคะ ด้วยความที่มันไม่มีสอบน่ะค่ะ งานก็จะมีมาเรื่อยๆ เหมือนเปลี่ยนจากสอบมาเป็นงานเพิ่มแทน ทีนี้ถ้าพอมีเวลาก็มีพักบ้างค่ะ แต่ถ้าเกิดช่วงไหนที่ deadline ติดๆ กันก็อาจจะติดกันไปเลย หรือแบบยิ่งงานกลุ่มเนี่ย เป็นอะไรที่ control ได้ยากนิดนึงเพราะว่าแต่ละคนก็จะเจอกัน ว่างไม่ตรงกันบ้างหรืออะไรอย่างงี้ค่ะ

ก็ถือว่าเป็นคอร์สเรียนที่เข้มข้น ตามแบบฉบับมหาวิทยาลัยระดับโลก

ตาณ:    ใช่ค่ะ

เล่าถึงค่าครองชีพของเมืองนี้นิดนึงค่ะว่าเป็นยังไงคะ

ตาณ:    ถ้าดูโดยรวมค่าครองชีพก็โอเคสูงกว่าเมืองไทยแน่นอน แต่พอเราอยู่ไปนิดนึงเนี่ยเราก็จะเริ่มชินค่ะ ร้านอาหารก็จะแพงกว่าบ้านเราหลายเท่าอยู่ โดยเฉพาะถ้ายิ่งใครคิดถึงอาหารไทยแล้วไปร้านอาหารไทยก็อาจจะช็อกกับราคาส้มตำอะไรอย่างงี้ แต่ตาณเป็นคนทำอาหารเองด้วย ก็จะรู้เลยว่าเวลาจ่ายเงินทีนึงเนี่ยจะเห็นเลยว่า โห มันเซฟเงินไปได้เยอะเลยค่ะ

What you got from Edinburgh

น้องตาณคิดว่าประโยชน์ที่น้องตาณได้รับจากการเป็นนักเรียนที่นี่คืออะไรคะ

ตาณ:    เป็นประสบการณ์ที่ครั้งนึงในชีวิตเราได้มาอยู่ในประเทศนี้ ได้มาเรียนในมหาลัยระดับโลก ได้มาเจอผู้คนที่มีความคิดคล้ายๆ กันแล้วก็คอยสนับสนุนซึ่งกันและกัน แล้วอย่างเรียนโปรแกรมเนี้ยค่ะ ที่ชอบก็คือเหมือนแต่ละคนเค้ามีพลังบวกให้เห็นแล้วค่ะ แต่ละคนก็มีมุ่งมั่นว่า อยากจะมีธุรกิจเป็นของตัวเอง อยากจะทำงานที่นู่นที่นี่ พอเราเล่าแบบเรื่องไอเดียของเราให้ใครฟังเนี่ยเค้าก็จะ support เรา

นอกจากจะอบอุ่นแล้วก็สนิทกันแบบครอบครัวแล้ว ก็ยังมีการให้กำลังใจซึ่งกันและกันด้วยเนอะ

ตาณ:    ใช่ค่ะ

น้องตาณพัฒนาตัวเองในด้านไหนมากที่สุดคะ

ตาณ:    คิดว่าน่าจะเป็นเรื่องการทำงานร่วมกับผู้อื่น กับคนที่แตกต่างจากเราน่ะค่ะเพราะว่าก็เป็นครั้งแรกที่เราอยู่ในสังคมที่มีผู้คนจากหลากหลายประเทศ จากหลากหลายพื้นหลังน่ะ ทีนี้เราก็จะได้ประสบการณ์ตรงที่ว่า เออ เราควรจะพูดคุยงานยังไงให้มันราบรื่น เราควรจะคุยยังไงให้แบบไม่ขัดแย้งกัน แล้วก็มีหลายเรื่อง เรื่องการสื่อสาร เรื่องการติดต่อกับผู้คนด้วยค่ะ อย่างเช่นงานของตาณตอน dissertation ก็จะต้องติดต่อกับเป็นผู้ประกอบการบ้าง เป็นเจ้าของร้านอาหารบ้าง ก็คือเราต้องทำเองทั้งหมดค่ะ

น้องตาณวางแผนตอนเรียนจบไว้ยังไงบ้างคะ

ตาณ:    ในระยะยาวก็คงคิดว่าอยากจะมีธุรกิจเป็นของตัวเองค่ะ ก็อาจจะเป็นในด้านที่เราสนใจ กำลังดูๆ แล้วก็คุยกับเพื่อน ระยะสั้นก็อาจจะทำงานในบริษัทก่อนเพื่อให้เรามีประสบการณ์ในการทำงานกับผู้คนเพิ่มขึ้น

สิ่งที่ประทับใจที่สุดกับการเป็นนักเรียนที่นี่คืออะไรคะ

ตาณ:    คือตาณชอบเมืองนี้มากๆ คือเป็นเมืองที่อบอุ่นน่ะค่ะแล้วก็มีหลากหลายอย่างในเมืองเดียว ก็ไม่ว่าจะเป็นด้านท่องเที่ยวหรือว่าด้านมุมสงบ ทุกๆ อย่างก็คือเป็นเมืองที่เราชอบมากๆ เราอยู่แล้วเราอบอุ่น ก็บางทีเราก็รู้สึกว่าเหมือนมันเป็นบ้านหลังที่สองด้วยค่ะ

แล้วก็ในเชิงมหาลัยเนี่ย ทางมหาลัยเค้าก็ดูแลเราดี แล้วก็เหมือนเค้าก็คอยให้คำแนะนำเราตลอด คอยช่วยเหลือเราตลอด เพื่อนๆ ก็ดี เราก็โชคดีที่ได้เจอคนที่เค้าคอยช่วยเหลือเราน่ะค่ะ เสริมนิดนึงว่ามหาลัยนี้เราว่าความซีเรียสเค้าไม่มากเกินไปจนเรารู้สึกอึดอัดน่ะค่ะ ก็คือบางทีเค้าจะเหมือนคอยประนีประนอมให้บ้างเล็กน้อยค่ะ ตรงนี้ก็แบบทำให้เราประทับใจค่ะ

Thank you message

คำถามสุดท้ายแล้วนะคะ Thank you message มีอยากฝากถึงใครเป็นพิเศษมั้ยคะ

ตาณ:    ได้ค่ะ ก็คนแรกเลยก็คือ ขอบคุณคุณพ่อคุณแม่แล้วก็คุณน้อง ก็คือครอบครัวน่ะค่ะ ก็คือที่คอยช่วยสนับสนุนเราแล้วก็ให้คำชี้แนะ แล้วก็ให้โอกาสเรามาเรียนที่นี่น่ะค่ะ ก็เข้าใจเรา

ขอบคุณครูบาอาจารย์ที่ช่วยเขียน reference ให้ค่ะ สำคัญมากๆ แบบช่วยเขียน reference ให้เราได้มาเรียนที่นี่น่ะค่ะ แล้วก็ขอบคุณเพื่อนๆ ที่ทั้งที่เคยเรียนที่นี่แล้ว ที่เคยมาเรียนที่อังกฤษ คอยให้คำแนะนำเรา

แล้วก็เพื่อนๆ ที่ตอนนั้นเนี่ยจะมาเรียนพร้อมกันกับเรา ก็มีคอยแชร์ประสบการณ์ แบบว่าไปถึงไหนแล้ว ทำให้เรารู้สึกว่า เออ เราไม่ได้ตัวคนเดียวนะ แล้วก็ทำให้รู้สึกอบอุ่นน่ะค่ะ

แล้วสุดท้ายก็คือขอบคุณมากค่ะ Hands On ที่คอยให้คำแนะนำตลอดแล้วก็คอยชี้แนะทุกๆ ขั้นตอนน่ะค่ะ ทำให้การมาที่นี่เนี่ยไม่ยากจนเกินไป ก็ขอบคุณมากๆ เลยค่ะ

เชื่อว่าน้องๆ คนไหนที่สนใจเรียนต่อ ไม่ว่าจะเป็นที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้นะคะ The University of Edinburgh หรือว่าสาขาที่น้องตาณเรียนอยู่เนี่ย ก็จะได้แง่มุมแล้วก็ความคิด ประสบการณ์ตรงจากน้องตาณหลายด้านเลยทีเดียว ยังไงวันนี้ขอบคุณน้องตาณมากเลยนะคะ

ตาณ:                ค่ะ ขอบคุณค่ะ

สนใจเรียนต่อ The University of Edinburgh ติดต่อ Hands On Education Consultants ตัวแทนมหาวิทยาลัยอย่างเป็นทางการประจำประเทศไทย ได้ โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น คลิก