รีวิวประสบการณ์ไปเรียนภาษาอังกฤษที่ UK กับ Stafford House EP.1

“เต้คิดว่าไหนๆ มาแล้วอ่ะ 8 เดือนบางคนอาจจะคิดว่าดูยาว แต่สำหรับเต้คิดว่ามันน้อยกว่าที่เราเรียนมาตั้งแต่เด็กอ่ะ มันน้อยมากเลยสำหรับชีวิตที่ผ่านมา เมื่อเราตั้งเป้าหมายไว้แล้วว่าเราจะมาเรียนก็เลยทุ่มเวลาทั้งหมดให้กับการเรียนค่ะ” – เต้ Intensive General English, Stafford House

แนะนำตัวให้เรารู้จักหน่อยค่ะ

Tae : ชื่อ เต้ ค่ะ เรียน คอร์ส Intensive General English ที่  Stafford House ประเทศอังกฤษค่ะ

Intensive General English

Tae: ตอนนี้เรียน Intensive General English ค่ะ คือเรียนแน่นทั้งวันเลย ที่นี่จะมี 3 ระดับมั้งคะ คือจะมีเรียนแค่ตอนเช้า, เรียนตอนเช้าแล้วก็ตอนบ่ายคาบนึง, แล้วที่เต้เรียนคือเรียนตอนเช้ากับตอนบ่าย 2 คาบ เป็นเรียนแบบเข้มข้นค่ะ

แล้วทำไมถึงเลือกเรียนคอร์สนี้เอ่ย

Tae: พูดตรงๆ คือภาษาอังกฤษเต้ยังไม่ค่อยแน่นค่ะ ตอนที่เรียนอยู่ที่ไทยคือไม่เก่งภาษาอังกฤษเลย ก็พอได้บ้างแต่รู้สึกว่ายังเอามาใช้ไม่ค่อยได้ค่ะ สื่อสารไม่ค่อยได้ เอามาใช้ในการทำงานก็ไม่ค่อยได้ อีกอย่างคือเต้เรียนจบเร็วค่ะ จบ 3 ปีครึ่ง มันก็จะมีเวลาเหลือเยอะก่อนที่จะรับปริญญาก็เลยรู้สึกว่าอยาก take course ภาษาอังกฤษ แล้วก็เลยปรึกษาที่บ้านว่าจะไปที่ไหนดี ที่บ้านก็เลยบอกว่าไปอังกฤษแล้วกันเพราะว่าประเทศอังกฤษเป็นเจ้าของภาษา มันจะต้องเป็นที่ที่ดีที่สุดในการมาเรียนภาษาอังกฤษ ก็เลยตัดสินใจเลือกมาเรียนภาษาที่ประเทศอังกฤษค่ะ ก็เลยอยากเรียนจากพื้นฐานก่อนที่เป็น General English แล้วที่เลือกเรียนแบบ Intensive เพราะมันเข้มข้นอ่ะ เรามาที่นี่เพราะเราตั้งเป้าหมายไว้แล้วว่าเราจะต้องมาเรียน อย่างเพื่อนบางคนเค้าก็จะเลือกเรียนแค่ตอนเช้า แล้วตอนบ่ายเอาไว้เที่ยว แต่เต้คิดว่าไหนๆ มาแล้วอ่ะ 8 เดือนบางคนอาจจะคิดว่าดูยาว แต่สำหรับเต้คิดว่ามันน้อยกว่าที่เราเรียนมาตั้งแต่เด็กอ่ะ มันน้อยมากเลยสำหรับชีวิตที่ผ่านมา เมื่อเราตั้งเป้าหมายไว้แล้วว่าเราจะมาเรียนก็เลยทุ่มเวลาทั้งหมดให้กับการเรียนค่ะ

ตอนแรกก็มีหลายโรงเรียนเนอะ แล้วทำไมถึงเลือก Stafford House ล่ะคะ

Tae: เคยลองเปรียบเทียบ เข้าไปในเวปไซต์แล้วก็ดูบรรยากาศในห้องเรียน หรือที่รีวิวกันในวิดีโอก็รู้สึกว่าที่นี่ดูเฟรนลี่ ดูน่าสนุกดี แล้วที่นี่ก็มีกิจกรรมทุกวันหลังเลิกเรียน เช่น พาไป Cathedral ซึ่งปกติจะต้องเสียค่าเข้า แต่ถ้าไปกับทางโรงเรียนก็จะไม่เสียค่ะ นอกจากนี้ก็มีพาไปร้านอาหารไปนั่งกินข้าว นั่งเม้าท์มอยกัน ก็ทำให้นักเรียนสนิทกัน คุยกันมากขึ้น อย่างเพื่อนในกลุ่มเต้ก็มีทั้งเพื่อนคนไทยแล้วก็เพื่อนชาติอื่นด้วย เพราะฉะนั้นเวลาเราคุยกับเพื่อนเราก็ต้องคุยเป็นภาษาอังกฤษเพื่อให้เพื่อนชาติอื่นคุยกับเราได้

แล้วมารู้จักกับพี่ๆ Hands On ได้ยังไง

Tae: เอาตรงๆ เลย เต้มีการเปรียบเทียบกับหลายเอเจนซีมาก เพราะอยากเลือกคนที่ดูแลเราได้ เต้ก็ดูรีวิวแต่ละที่เลยว่าเป็นยังไง ได้รับ feedback เป็นยังไง ทั้งจากในพันทิพบ้าง ในกระทู้เด็กดีบ้าง แต่สุดท้ายแล้วเราฟังจากในรีวิวอย่างเดียวไม่ได้ เราต้องสัมผัสด้วยตัวเอง เพราะฉะนั้นเต้ก็ทำการทักไปหลายเอเจนซีมาก แล้วก็จะดูว่าใครดูแลเราดี แล้วคือพี่โอ๋ Hands On สาขาสีลม เค้าทักมาตลอดเลย ดูแลใส่ใจ เหมือนเต้แทบจะไม่ต้องถามอะไรเลย เพราะพี่โอ๋ช่วยเหลือให้หมดเลย เต้ก็บอกพี่โอ๋ไปว่าเต้อยากอยู่เมืองประมาณไหน พี่โอ๋ก็จะแนะนำมาให้ค่ะ ที่เต้เลือก Canterbury เนื่องจากเต้บอกพี่โอ๋ไปว่าขอเป็นเมืองที่ค่าใช้จ่ายไม่แพงเพราะเต้อยู่นาน พี่โอ๋เค้าก็เลยแนะนำเมืองนี้มาค่ะ พี่โอ๋ก็แนะนำมาให้หลายเมืองค่ะเพื่อให้เราได้เปรียบเทียบและตัดสินใจ ก็มีแนะนำบรรยากาศ แล้วก็ lifestyle ในแต่ละเมืองมาประกอบการตัดสินใจของเราด้วยค่ะ   ก็เลยทำให้เราสบายมาก ไม่ต้องกังวลอะไรเลย บางอย่างที่เราไม่รู้ พี่โอ๋ก็ช่วยบอกช่วยเตือน คอยย้ำเราตลอดเลย

ตอนแรกคิดว่าต้องเสียเงินค่าบริการมั้ยคะ

Tae: เต้จะถามตั้งแต่แรกเลยว่าถ้าหนูจะต้องจ่ายเงินจะต้องจ่ายอะไรบ้าง ให้ช่วยอธิบายออกมาให้ฟังก่อนค่ะ หนูจะได้รู้ว่าเสียเงินจะต้องเสียอะไรจะได้ชั่งใจ แต่พี่โอ๋คือบอกมาเลยว่าให้จ่ายค่าเรียนทั้งหมดกับทาง Stafford House โดยตรง ก็เลยทำให้รู้ว่านี่เป็นการบริการฟรี คือถ้าบริการดีแล้วมีการคิดค่าบริการ เต้ก็โอเคนะ แต่ Hands On คือโชคดีแบบ double ค่ะ เพราะบริการดีด้วยแล้วไม่เสียเงินด้วย มันดีมากๆ ค่ะ

Stafford House

Tae : ก็ตรงกับที่เราต้องการทุกอย่าง คือ Stafford House เค้ามีหลายสาขา มีที่ London, Cambridge, Brighton แล้วก็มีที่นี่ (Canterbury) ตอนแรกเต้จะเลือกไปเรียนที่ Cambridge แต่ว่าลองเทียบค่าครองชีพแล้วที่นี่น่าจะถูกกว่าก็เลยเลือกมาเรียนที่นี่ค่ะ อย่าง Brighton อาทิตย์ก่อนเต้ได้มีโอกาสไปเที่ยวก็รู้สึกว่ามันเป็นเมืองท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวก็จะเยอะ ก็เลยรู้สึกว่าไม่ค่อยสงบเท่าไหร่ แต่พอเป็นที่ Canterbury สถานที่ท่องเที่ยวก็จะเป็นโบสถ์ สถานที่ประวัติศาสตร์มันก็จะเงียบๆ เนิบๆ เรียบร้อยๆ ซึ่งเราไม่ได้มาเพื่อที่จะเที่ยวอะไรอยู่แล้ว ก็เลยรู้สึกว่าเมืองที่เดินทางง่าย อยู่ง่าย สบายๆ แบบนี้มันน่าจะดีกว่าในระยะ 8 เดือนที่มาเรียนค่ะ ก็เลยเลือกเมืองนี้ค่ะ

ส่วนเรื่องเรียนก็รู้สึกว่าได้เห็นพัฒนาการของตัวเอง อย่างมาวันแรก เต้ก็มีปัญหาตอนเข้าตม. คือคุยกับเค้าไม่รู้เรื่อง เค้าถามอะไรก็ไม่เข้าใจ เพราะไม่ชินกับสำเนียงด้วย ขึ้นรถบัสมาก็คุยกับคนขับไม่รู้เรื่อง คุยกับโฮสก็ยังไม่เข้าใจ แล้วพอวันแรกที่ต้องเข้าไปสอบวัดระดับว่าเราอยู่เลเวลไหน เต้ก็ได้อยู่ Pre-intermediate เข้าไปในคลาสก็รู้สึกว่าตามไม่ทัน แต่พอผ่านไปอาทิตย์นึงก็รู้สึกว่าเริ่มชินหู เริ่มโอเคแล้วค่ะ ฟังรู้เรื่อง เข้าใจ พอ 3 อาทิตย์ถัดมาก็ได้เลื่อนเลเวลไปอยู่ Intermediate ครูที่สอนก็จะพูดเป็นอีกสำเนียงนึง มันก็จะยากขึ้น หูก็จะยังไม่ชิน แต่พออยู่ไปสักพักก็สามารถปรับตัวได้ค่ะก็เลยทำให้เข้าใจว่าถ้าเราอยู่กับสภาพแวดล้อมแบบไหน เราก็จะปรับตัวไปเรื่อยๆ ได้เอง

ชอบวิธีการเรียนการสอนแบบนี้มั้ย

Tae: ชอบค่ะ รู้สึกว่าสิ่งที่คนไทยเรียนตั้งแต่เด็กแต่ก็ยังใช้ผิดคือเรื่อง Tense ที่ไทยจะสอนให้จำ เป็นตารางมาเลยว่าคืออะไรเป็นยังไง แต่เราเอามาใช้จริงๆ ไม่ได้เพราะเราเรียนแต่จำ แต่คือที่นี่เค้าจะค่อยๆ สอนทีละอันทีละอย่าง แล้วก็มาให้ดูว่าแต่ละเหตุการณ์ใช้ยังไง แล้วเราก็ต้องเอาสิ่งนี้มาประยุกต์ใช้ทุกวันตอนคุยกับเพื่อน เพราะเค้าจะมาฟัง ถ้าผิดเค้าก็จะมาบอกว่าคุณต้องใช้ Tense นี้นะ ประมาณนี้ค่ะ เลยทำให้เดี๋ยวนี้เวลาเต้เล่าถึงเรื่องอดีต เต้ก็จะใช้ Past tense โดยอัตโนมัติเลย

มีคำแนะนำให้คนที่สนใจมาเรียนภาษาที่อังกฤษมั้ยคะ

Tae: อย่างเต้ตั้งเป้าหมายว่าจะมาที่นี่เพื่อเรียน เพื่อจะเอาไปใช้ทำงาน เอาไปสอบต่อปริญญาโทแบบนี้ เราจะรู้ว่าพอมาแล้วเราจะไม่เล่นนะ ไม่เถลไถลนะ เราจะต้องตั้งใจว่า 8 เดือนนี้เราจะต้องคว้ามันมาให้ได้ บางคนคิดว่าเรียนไปทำไมวะ ก็จะงงๆ ใช้ชีวิตแบบงงๆ มันไม่มีเป้าหมาย มันก็ไปไม่ถึงหรอก แต่ถ้าเราตั้งเป้าหมายว่าเราต้องไปให้ถึงนะ พอไปถึงมันก็มีแรงจูงใจ มีกำลังใจให้เราพัฒนาตัวเองต่อไป

สนใจเรียนภาษาที่ Stafford House สอบถามกับพี่ๆ Hands On ได้ทุกสาขา หรือกรอกแบบฟอร์มออนไลน์เพื่อให้พี่ๆ ติดต่อกลับ ที่นี่